ทริปนี้ดูเอเซีย.คอมพามารู้จักกับประเพณีพื้นบ้านที่น้อยคนจะรู้จัก นั่นคือประเพณีการแห่มาลัยข้าวตอก ตำบลฟ้าหยาด อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร ที่จัดขึ้นทุกๆปี ประเพณีการแห่มาลัยที่ทำด้วยข้าวตอกแตก โดยชาวบ้านจะร้อยเป็นสายแล้วนำไปถวายพระที่วัดในช่วงก่อนวันมาฆบูชาและก่อนวันงานบุญผะเหวด(เทศน์มหาชาติ) ในปีนี้จัดขึ้นวันที่ วันที่ 15 – 17 กุมภาพันธ์ 2554
ดูเอเซีย.คอม จะพาไปรู้จักกับความเป็นมาของประเพณีการแห่มาลัยข้าวตอกกัน ชาวอำเภอมหาชนะชัยมีความเชื่อเรื่องใช้ข้าวถวายเป็นพุทธบูชาอยู่แล้ว จึงได้จัดประเพณีการแห่มาลัยขึ้นเพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมของชุมชนโดยจะมีชุมชนที่เข้าร่วมจัดทำเป็นมาลัยขนาดใหญ่เพื่อเป็นตัวแทนชุมชนเข้าร่วมการประกวด ชุมชนที่เข้าร่วมในการแห่มาลัยมากที่สุดคือ หมู่ 2 หมู่ 4 และหมู่ 8 ตำบลฟ้าหยาด ในตำบลอื่นก็มีทำบ้างแต่ไม่มากนัก
ข้อสำคัญที่ทำให้เกิดประเพณีนี้ขึ้นคือ ความเชื่อทางศาสนา พระครูสมุห์ไพฑูรย์ จตารโย(สัมภาษณ์ : ๒๕๕๐) กล่าวว่า ในความเชื่อทางศาสนานั้นกล่าวว่า เมื่อครั้งพุทธกาลนั้นมีดอกมณฑารพ๖ ตกมาเมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เช่น เมื่อประสูติ เมื่อตรัสรู้ เป็นต้น ดังนั้นเมื่อชาวพุทธระลึกนึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็พากันเอาข้าวมาคั่วให้เป็นดอก หมายว่าเป็นดอกมณฑารพเพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ด้วยที่มาที่กล่าวถึงดอกมณฑารพนั้น ชาวอำเภอมหาชนะชัยโดยการร่วมมือระหว่างหน่วยงานราชการ หน่วยงานเอกชน พ่อค้า ประชาชนชาวอำเภอมหาชนะชัยจึงได้ร่วมกันจัดงานประเพณีแห่มาลัยอย่างยิ่งใหญ่ ถือเป็นเอกลักษณ์ของอำเภอและของจังหวัดยโสธร ในเรื่องความเชื่อเรื่องดอกมณฑารพนั้นมีเพียงที่อำเภอมหาชนะชัยเท่านั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า พุทธศาสนาได้หยั่งลึกในอำเภอแห่งนี้มาช้านานแล้วอิทธิพลทางศาสนาจึงก่อให้เกิดพิธีกรรมจนกลายเป็นประเพณีที่สำคัญในที่สุด
ประเพณีการแห่มาลัยข้าวตอกนั้น เป็นประเพณีที่เกิดจากการแพร่กระจายของการใช้ข้าวเป็นเครื่องบูชา ปรับเปลี่ยนมาจนเป็นมาลัยที่ใช้แขวนเป็นเครื่องบูชานั้นได้เกิดกระบวนการสั่งสมประสมการและภูมิปัญญา ตลอดจนเกิดเป็นวัฒนธรรมซึ่งมีคติในพิธีกรรม ที่มาที่แฝงเร้นในการจัดพิธีกรรมการแห่ข้าวดอก คือ
1. เป็นพิธีกรรมที่สร้างความสมานฉันท์คนในชุมชน กล่าวคือ การจัดประเพณีย่อม ไม่สามารถที่จะสำเร็จได้จากคนเพียงคนเดียว หากแต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคนในชุมชน จึงเกิดการร่วมกิจกรรม การยอมรับและการทำงานระบบกลุ่ม นับเป็นกลเม็ดสำคัญทำให้คนในชุมชนเกิดความรักและความเข้าใจซึ่งกันและกันกลายเป็นความสมานฉันท์กันในชุมชน
2. เป็นการสร้างชิ้นงานที่เกิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่น กล่าวคือ การทำมาลัยนั้น เป็นภูมิปัญญาที่เกิดจากการทดลอง แก้ไขและสั่งสมของคนในท้องถิ่นมาหลายรุ่น จนเกิดเป็นองค์ความรู้ที่ตกผลึก คือ การนำเอาข้าวเปลือกข้าวเหนียว มาคั่วในหม้อดิน ใช้ก้านกล้วยคนไปมาเพื่อให้เม็ดข้าวแตกเป็นดอก จากนั้นก็มีภูมิปัญญาในการคัดแยกระหว่างดอกข้าวตอกและกากเปลือกข้าวโดยการนำไปฝัด(ร่อน)ในกระด้งเพื่อให้กากข้าวนั้นปลิวออกให้เหลือเพียงเม็ดดอกข้าวตอกเท่านั้น ภูมิปัญญาจากชิ้นงานประการต่อมาคือ การร้อยดอกข้าวตอก หากร้อยให้ด้านที่มีสีเหลืองขึ้นด้านบนจะทำให้มาลัยนั้นมีลักษณะสีข้าวอมเหลือง แต่ถ้าหากร้อยให้ด้านที่มีสีเหลืองนั้นคว่ำลง จะทำให้มาลัยนั้นเป็นสีขาวโพลน ประการสุดท้าย การร้อยต้องใช้เข็มสอยเท่านั้นเพราะหากใช้เข็มร้อยมาลัยจะทำให้ดอกข้าวตอกนั้นเกิดการแตกเสียหายได้ จากความสามารถในการร้อยมาลัยนี่เองจึงเป็นที่มาของประเพณีการแห่มาลัยรูปทรงของมาลัยก็นับเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่ได้รังสรรค์ขึ้น โดยทั่วไปมีอยู่สองประเภทคือ มาลัยสายฝนและมาลัยผูกข้อ แต่ลักษณะการตกแต่งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความ สามารถเฉพาะคนของผู้สร้างชิ้นงาน แต่โดยมากที่ส่วนบนของมาลัยนั้นจะร้อยดอกข้าวตอก ให้เป็นลักษณะตาแหลว เพื่อความสวยงามและแฝงคติข้อคิดด้วย
3.แฝงข้อคิดเพื่อสอนชุมชน จากที่กล่าวมาแล้วมาสวนบนของมาลัยนั้น ส่วนมากจะร้อยเป็นตาแหลวเพราะมีความเชื่อว่า แหลวหรือเหยี่ยวนั้นมีสายตามที่แหลมคมและมีอำนาจ สามารถส่องเห็นได้แม้อยู่ที่ไกล ด้วยนัยอันนี้ชาวบ้านจึงเชื่อว่าตาแหลวที่อยู่ส่วนบนของมาลัยนั้นจะสอด ส่อง และขับไล่ความชั่วร้ายออกไปจากชีวิตผู้คนและสอดส่องความทุกข์ร้อนของผู้คนเพื่อให้ความช่วยเหลือหรืออวยพรให้เกิดความสุขความเจริญ
4. ส่งเสริมความเชื่อมั่นและศรัทธาในศาสนา ชาวบ้านมีความเชื่อมั่นและมีความศรัทธาในศาสนาที่ตนเองนับถือ เกิดความสุขทางจิตและส่งผลดีทางใจทำให้เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับของชุมชน แล้วความเชื่อนี้ก็ผันไปเป็นมติทางสังคมและกลายเป็นกฎหมายที่ควบคุมพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของคนในชุมชนนั้นด้วย ความเชื่อและความศรัทธานั้นได้ปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่และกลายเป็นผู้รักษาและสืบทอดความศรัทธาและความเชื่อทางศาสนาต่อไป ประเพณีการแห่มาลัยนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อความศรัทธาที่ยึดมั่นในศาสนา จึงได้พยายามสั่งสมและสั่งสอนให้คนรุ่นหลังได้สืบทอดความเชื่อความศรัทธานี้ ในการถวายมาลัยของชาวบ้านจะไม่เน้นที่ต้องกล่าวคำถวายหรือมีพิธีการแต่อย่างใด หากแต่ถ้าได้นำไปแขวนไว้ก็มีความสุขใจแล้ว
5. เพื่อการแสดงออกถึงความสามารถและความต้องการของชุมชน เพราะประเพณีเกิดจากการยอมรับของคนในชุมชนและขับเคลื่อนโดยคนในชุมชน จึงเป็นแหล่งแสดงความ สามารถของคนในชุมชนได้ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการร้อยมาลัยข้าวตอก การเซิ้งเพื่อให้เกิดความบันเทิงใจ ในขบวนการแห่มาลัยนั้นได้มีการสร้างหุ่นเพื่อใช้เต้นเซิ้งให้เกิดความสนุกสนานและยังเป็นเครื่องขับไล่ความชั่วร้ายของหมู่บ้าน ชาวบ้านเรียกหุ่นนี้ว่า อีโถน
นอกจากนี้ยังแสดงถึงความต้องการนั้นคือ ความสุขทางจิตใจและบุญ และความต้องการในการดำรงอยู่ของชีวิต กล่าวคือ การถวายข้าวตอกนั้นมีนัยแฝงอีกอย่างคือเพื่อขอให้ชุมชนมีความอุดมสมบูรณ์ในด้านข้าวปลาอาหาร จึงได้ใช้ข้าวเป็นเครื่องบูชา แนวคิดนี้พ้องกันกับแนวคิดที่มีการหว่านข้าวสารเมื่อเทศน์ผะเหวด เพื่อความสมบูรณ์ของข้าวปลาอาหาร
เพื่อนๆดูเอเซีย.คอม คงเห็นประวัติความเป็นมาของประเพณีการแห่มาลัยข้าวตอกกันแล้วนะคะ ทางดูเอเซีย.คอม ต้องขอขอบคุณข้อมูลดีๆและภาพสวยๆจาก ททท. อุบลราชธานี ด้วยค่ะ