เรื่อง….. เส้นทางดอกไม้และสายน้ำจากยอดฝามีสู่อ้ายเขียว ผืนป่าเขาหลวงนครศรีธรรมราช จัดเป็นผืนป่าฝนขนาดใหญ่ที่ปกคลุมด้วยป่าดงดิบ ทอดตัวเป็นแนวยาวจากเหนือจรดใต้ คุณค่าแห่งป่าที่เป็นผืนป่าต้นน้ำก่อให้เกิดแม่น้ำสำคัญหลายสาย เป็นศูนย์รวมของพืชพรรณไม้หลากหลายชนิด รวมไปถึงสัตว์ป่าน้อยใหญ่มากมาย คุณประโยชน์ของป่าผืนนี้มีมากมหาศาล มวลมนุษย์ต่างได้พึ่งพาอาศัย และใช้ประโยชน์อย่างต่อเนื่อง ถึงทุกวันนี้มนุษย์เราก็ยังพึ่งพาป่าเขาหลวงอย่างที่ไม่อาจปฏิเสธได้บนเทือกเขาหลวงยังมีเส้นทางสู่ยอดเขาฝามีที่เราได้เลือกเดินป่าเพื่อค้นหาธรรมชาติที่งามบริสุทธิ์ โดยมี “บอย” นเรศ สุขรินทร์ จากTAZAN ADVENTURE TEAM ผู้บุกเบิกเส้นทางเขาฝามีจนเป็นที่รู้จัก และต่อมาก็ได้มีการปรับเปลี่ยนเส้นทางให้เหมาะสม
ความเตรียมพร้อมในการเดินป่า ทั้งรองเท้าเดินป่า เป้ อุปกรณ์เครื่องใช้ที่จำเป็น รวมไปถึงอุปกรณ์ต่างๆ แล้วยังมีกล้องถ่ายภาพ เพื่อเก็บบันทึกภาพธรรมชาติของเส้นทางเดินป่าเขาหลวงแห่งนี้ ประมาณ 9 โมงเช้า ที่เราพร้อมเดินป่าจากบริเวณริมสวนชายป่า ผ่านเส้นทางผ่านเรือกสวนสมรมที่มีทั้งมังคุด ทุเรียน ลองกอง สะตอ และความหลากหลายของการเกษตรแบบพึ่งพาธรรมชาติ เส้นทางเดินป่าช่วงแรกอาจเรียกได้ว่า “เนินส่งญาติ” ปฐมบทของเส้นทางที่ทุกคนต้องพิสูจน์ใจและสภาพร่างกายของตัวเราเอง เนินแล้วเนินเล่าในราวป่าที่ทุกคนได้ก้าวเดินไปอย่างมุ่งมั่น ความเหน็ดเหนื่อยถือเป็นเรื่องปกติที่มาเดินป่าทุกครั้ง แวะทานมื้อเที่ยงระหว่างทางก่อนถึงลานบัวแฉก เส้นทางที่ยาวไกลนั้นยังเหลืออีกประมาณหนึ่งในสาม เมื่อถึงลานบัวแฉกที่ระดับความสูง 897 เมตร จากระดับน้ำทะเล
เราได้พบกับกล้วยไม้อันเลื่องนามของป่าเขาหลวงคือ สิงโตอาจารย์เต็ม Bulbophyllum smitinandii ที่กำลังชูช่อโอบคลุมต้นไม้ ผลิดอกบานพร้อมกันเกือบ 20 ดอก ก็มีบางดอกที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม เราจึงถ่ายภาพกันเต็มเหนี่ยว ใครที่ไม่ถ่ายภาพก็เดินล่วงหน้าไปก่อน คาดว่าเราต้องตามทันได้แน่เม็ดเหงื่อได้แห้งหายไป ผิวกายได้รับการสัมผัสจากสายลมที่พัดผ่านบนยอดเขาสูงบนผาเหยียบเมฆที่มีความสูงประมาณ 1,388 เมตร จากระดับน้ำทะเล ในช่วงยามเย็นเราก็ได้พบสายหมอกที่ไหลพาดคลุมมาจากด้านตะวันออก โอบคลุมลงสู่หุบป่าด้านล่าง จนมองอะไรไม่เห็น จุดที่นอนบนสันเขายังพอมีแนวป่าช่วยบังลมได้บ้าง หวังว่าช่วงกลางคืนกระแสลมน่าจะเบาลงบ้าง
สายหมอกเริ่มนิ่งและก่อตัวเป็นทะเลหมอก เหลือเพียงด้านยอดเขาสูงที่มีสายหมอกไหลโค้งข้ามยอดเขาลงหุบ จนบดบังแนวทิศทางพระอาทิตย์ตกไปอย่างน่าเสียดายยามพลบค่ำสภาพอากาศเริ่มหนาวเย็นมากขึ้น มองผ่านช่องชมวิวไปยังตัวเมืองนครศรีธรรมราช ได้พบเห็นแสงไฟแพรวพราวราวกับเป็นดาวบนดิน ต่อมาอีกไม่นานพระจันทร์ก็ได้เคลื่อนตัวขึ้นจากขอบฟ้า สาดส่องแสงนวลจ้าอยู่ทั่วป่า เรามองเห็นภาพพระจันทร์ฉายแสงอยู่เหนือตัวเมือง ซึ่งเป็นภาพที่น่าชมมาก
เช้าตรู่เราต้องตื่นตาตื่นใจกับสีสันที่ปรากฏบนผืนฟ้า เป็นสีฟ้าอมม่วงเหลือง พร้อมกับทะเลหมอกที่ก่อตัวอยู่ด้านล่าง เราเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงที่เกิดเป็นความงามตามธรรมชาติ พร้อมก็บันทึกเอาไว้ทุกห้วงเวลาแผนการเดินทางของวันรุ่งขึ้น หลังจากที่อิ่มเอมกับภาพธรรมชาติ พร้อมกับอิ่มท้องกันแล้ว ทุกคนจึงมุ่งหน้าสู่ยอดเขาฝามี ผ่านแนวป่าแคระป่าโบราณตามสันเขาที่เราได้พบกับสีสันของมวลดอกไม้นานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น สิงโตพัดเขาหลวง Cirrhopetalum skeateanum ( Ridl.) Garayที่กำลังชูช่อดอกสีเหลืองสดใส บางมุมมองยังค้นเจอ ขนตาสิงโต Bulbophyllum ovatum Seidenf. เข้าให้ แม้จะเป็นดอกขนาดเล็ก แต่ไม่พ้นสายตานักล่ากล้วยไปได้
เมื่อเจอเหล่ากล้วยไม้ ต่างคนต่างบันทึกภาพเอาไว้ เอื้องเทียนหนู Coelogyne schultesii Jain & Das ที่ผลิดอกบานกระจายอยู่ทั่วสันเขา หากมองผ่านแนวพุ่มไม้ป่าแคระ ยังได้พบกับ เอื้องสายเสิร์ตสั้น Coelogyne massangeana ที่กำลังแทงช่อบานในช่วงต้นฤดู ราวปลายเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤษภาคม ก็จะเป็นช่วงเวลาของเขาที่ผลิบานอยู่ทั่วป่า
แต่ที่เราพบเห็นตลอดเส้นทางก็เป็น บิโกเนีย หรือส้มกุ้ง Begonia sp. ที่มีลักษณะพิเศษมีใบเป็นขนกำมะหยี่ มีลวดลายเส้นใบที่สวยงามมาก จนอดไม่ได้ที่ต้องถ่ายภาพเก็บไว้ในลักษณะมุมกล้องที่ต่างกันออกไป กระทั่งมาถึงเป้าหมายบนยอดสูงสุดของยอดเขาฝามี ที่ GPS ได้บอกระดับความสูงที่ 1,642 เมตร จากระดับน้ำทะเล สูงกว่าตามแผนที่อยู่ไม่กี่เมตร และในบริเวณยอดเขาฝามีก็พบกับป่าโบราณ ป่าแคระ พืชพรรณไม้ที่แปลกๆ อยู่หลายชนิด หลังจากอาหารเที่ยงที่ยอดฝามีแล้ว เราก็เดินตัดลงหุบเขาเพื่อลงไปยังขุนต้นน้ำห้วยอ้ายเขียว ที่เราต้องไปค้นหาน้ำตกอ้ายเขียวชั้นที่ 99 มีชื่อว่า “หนานระฟ้า” มีความสูงลดหลั่นลงมาร่วมร้อยเมตร ที่เราต้องไปพักค้างแรมกันที่นั่น
น้ำตกอ้ายเขียว เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีการสำรวจชั้นน้ำตกได้ร่วม 100 ชั้น แต่ที่เราได้เห็นอยู่ขณะนี้เป็นชั้นที่ 99 มีชื่อว่า “หนานระฟ้า” มองด้วยสายตาแล้วก็น่าจะสูงมากกว่าร้อยเมตร เพราะความลาดเอียงของตัวน้ำตก ส่วนความสูงในแนวดิ่งที่บอกมาแค่ 150 เมตร นั้นก็เป็นไปตามการคำนวณจาก GPS
บริเวณด้านหน้าน้ำตกจะมีลานหินกว้าง จึงเหมาะสำหรับการตั้งแค้มป์พักแรม จึงหาทำเลที่อิงแอบกับธรรมชาติสายน้ำ และป่าเขาที่โอบขนาบทั้งสองด้าน เหลือแต่ช่องกลางที่มองเห็นผืนฟ้าได้เพียงมุมเดียวช่วงเวลาการพักผ่อนพวกเราก็ได้ขึ้นไปชมน้ำตกหนานระฟ้าที่มองเห็นสายน้ำตกสองสายไหลจากแนวป่าทึบด้านบน ผ่านลงมาตามแผ่นหิน แล้วรวมเป็นสายเดียวกัน ลงสู่แอ่งน้ำด้านล่างที่มองเห็นเป็นสายน้ำแผ่กระจายเกือบเต็มแผ่นผา ขุนน้ำตกห้วยอ้ายเขียวที่เกิดจากผืนป่าใหญ่ของเทือกเขาหลวง ระหว่างทางเราก็ได้พบกับลำห้วยสาขาน้อยใหญ่ที่ไหลมาบรรจบกับห้วยอ้ายเขียว เป็นการช่วยเติมน้ำให้กับห้วยใหญ่และเกิดเป็นภาพน้ำตกอ้ายเขียวที่มีความสวยงามประดับไว้กลางป่าเขาหลวง
ข้อมูลการติดต่อ
เส้นทางเดินป่าสายนี้ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ TAZAN ADVENTURE TEAM คุณบอย โทร. 0-9909-8533 E-mail: tazanboyth@yahoo.com หรือคุณแจง โทร.0-1824-8880 E-mail : tantawan_blossom@yahoo.com
โปรแกรมที่เหมาะสม
เส้นทางเดินป่าสายนี้จะใช้เวลาประมาณ 3 วัน 2 คืน ก็สามารถเที่ยวได้ครบถ้วนทั้งบรรยากาศทิวทัศน์ ดอกไม้ และสายน้ำตก
ช่วงฤดูกาลที่เหมาะสม
สภาพฤดูกาลของป่าภาคใต้หรือป่าเขาหลวง สามารถเที่ยวได้หลังฝนตั้งแต่เดือนธันวาคม จนถึงเดือนกรกฎาคม หรือควรสอบถามข้อมูลจากผู้ประกอบการในท้องถิ่นได้
การเตรียมตัว
ก่อนที่จะตัดสินใจเที่ยวป่า ก็ลองทบทวนตัวเองว่าสามารถท่องเที่ยวในรูปแบบนี้ได้หรือไม่ ดูความพร้อมสภาพร่างกายและจิตใจของตัวเองเสียก่อน สามารถรับสภาพการใช้ชีวิตในป่าได้ เรื่องอาหารการกิน เรื่องที่พัก สามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ รวมไปถึงความพร้อมทางด้านอุปกรณ์ทั้งเป้เดินป่า ถุงนอน เต็นท์หรือเปล เสื้อผ้า และอุปกรณ์ที่จำเป็นอื่นๆ