เป็นที่รู้จักกันว่าที่ลพบุรีเมืองเก่านั้นมีสถานที่ทางประวัติศาสตร์มากมายหลายแห่ง และมีเรื่องแปลกก็คือลิงที่เข้ามาอาศัยอยู่ในตัวเมืองและเฝ้าสถานที่สำคัญไว้อย่างศาลพระกาฬปรางค์สามยอด โดยมีความเชื่อว่าเป็นลิงเจ้าพ่อบ้าง,เป็นลิงป่าบ้าง,เป็นลิงที่คนนำมาปล่อยบ้าง,เป็นลิงที่เกิดขึ้นเองบ้าง เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบ ทริปนี้ดูเอเซีย.คอมพามาตามดูลิงที่ศาลพระกาฬว่ามาจากไหนและชมความงามของปรางค์สามยอดพร้อมกับชมวัดโบราณต่างๆ ใน ตัวเมืองลพบุรี
ลพบุรีเป็นเมืองแห่งความหลากหลายและต่อเนื่องทางวัฒนธรรมยาวนานกว่า 3,000 ปี ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ จนถึงปัจจุบัน ค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ตั้งแต่สมัยทวาราวดี (พุทธศตวรรษที่ 11-16) ลพบุรีอยู่ใต้อำนาจมอญและขอมจนกระทั่งในตอนต้นของพุทธศตวรรษที่ 19 คนไทยจึงเริ่มมีอำนาจขึ้นในดินแดนแถบนี้ หลังจากนั้นมาเมืองลพบุรีได้ลดความสำคัญลงไป จนกระทั่งมาถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. 2199-2231) ลพบุรีได้รับการทำนุบำรุงครั้งใหญ่ สืบเนื่องมาจากการคุกคามของชนชาติฮอลันดาที่ติดต่อค้าขายกับไทย ทำให้สมเด็จพระนารายณ์ทรงเห็นว่ากรุงศรีอยุธยานั้นไม่สู้ปลอดภัยจากการปิดล้อมระดมยิงของข้าศึกหากเกิดสงคราม จึงได้สร้างเมืองลพบุรีเป็นราชธานีที่สองขึ้น เพราะลพบุรีมีลักษณะทางยุทธศาสตร์เหมาะสม ในการสร้างลพบุรีขึ้นใหม่ สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงได้รับความช่วยเหลือจากช่างชาวฝรั่งเศสและ อิตาเลียน และได้สร้างพระราชวังและป้อมปราการเป็นแนวป้องกันอย่างแข็งแรง สมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้ประทับอยู่ที่ลพบุรีเป็นส่วนใหญ่ และโปรดให้ทูตและชาวต่างประเทศเข้าเฝ้าพระองค์ที่เมืองนี้หลายครั้ง
เราเข้ามาบริเวณ ตรงกลางระหว่างปรางค์สามยอดกับศาลพระกาฬ ตรงบริเวณทางรถไฟ บนสายไฟและพื้นที่ข้างถนนนั้นเต็มไปด้วยลิงเยอะมากครับเป็นลิงในเมืองแน่นอนเลยครับอย่างนี้ เพราะอาศัยอยู่ในเมือง เราเดินเข้าไปชมภายในปรางค์สามยอด ซึ้งบริเวณรั้วมีลิงเต็มไปหมดและก็จะมีนักท่องเที่ยวที่ซื้ออาหารมาฝากลิงเหล่านี้เป็นประจำ ให้อาหารลิงอย่างใกล้ชิด ก็จะมีพวกนมเปรี้ยวนมหวานลิงชอบกินมาก ๆ แม้ทันสมัยเหลือเกินนะพี่ลิงทั้งหลาย
ปรางค์สามยอดมีลักษณะเป็นปรางค์เรียงต่อกัน 3 องค์ มีฉนวนทางเดินเชื่อมติดต่อกัน พระปรางค์สามยอดเป็นศิลปะเขมรแบบบายน ซึ่งมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 สร้างด้วยศิลาแลง และตกแต่งลวดลายปูนปั้นที่สวยงาม เสาประดับกรอบประตูแกะสลักเป็นรูปฤาษีนั่งชันเข่าในซุ้มเรือนแก้ว ซึ่งเป็นแบบเฉพาะของเสาประดับกรอบประตูศิลปะเขมรแบบบายน ปรางค์องค์กลางมีฐาน แต่เดิมเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและมีเพดานไม้เขียนลวดลายเป็นดอกจันสีแดง ด้านหน้าทางทิศตะวันออกมีวิหารสร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลาขนาดใหญ่ปางสมาธิที่สมบูรณ์ดี เป็นศิลปะแบบสมัยอยุธยาตอนต้น อายุราวพุทธศตวรรษที่ 20 ปรางค์สามยอดนี้แต่เดิมคงเป็นเทวสถานของขอมในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ต่อมาได้ดัดแปลงเป็นเทวสถานโดยมีฐาน ศิวลึงค์ปรากฏอยู่ในองค์ปรางค์ทั้งสามปรางค์ จนกระทั่งถึงรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ จึงได้บูรณะ ปฏิสังขรณ์พระปรางค์สามยอดเป็นวัดในพุทธศาสนา แล้วสร้างพระวิหารก่อด้วยอิฐ ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบอยุธยาผสมแบบยุโรปในส่วนของประตูและหน้าต่าง ภายในวิหารประดิษฐานพุทธรูปหินทรายปางมารวิชัย ศิลปะอยุธยาตอนต้น ซึ่งตั้งอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
แล้วลิงจำนวนมากขนาดนี้มาจากไหน
ลิงที่ศาลพระกาฬ เป็นกลุ่มลิงที่อยู่รวมกันเป็นฝูงประมาณ ๕๐๐ ตัว ส่วนใหญ่เป็นลิงวอก และลิงแสม ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในแถบนั้นเล่าต่อกันมาบอกว่าเป็นลิงป่าที่อพยพมาจากเขาที่ติดกับเมืองลพบุรีแถวสวนสัตว์ลพบุรี เข้ามาอยู่บริเวณศาลพระกาฬตั้งแต่สมัยโบราณ เดิมบริเวณนี้เต็มไปด้วยต้นกร่างขนาดใหญ่ มีบ่อน้ำและมีผู้คนนำอาหารมาเลี้ยงอยู่เป็นประจำลิงจึงอาศัยอยู่ที่ศาลพระกาฬแห่งนี้ต่อมาก็ขยายพันธุ์จนมีจำนวนมากอย่างที่เราเห็นทุกวันนี้ บางตัวก็มีผู้นำมาปล่อยภายหลัง เป็นลิงเสน และลิงกัง ลิงเหล่านี้มีที่อยู่อาศัยคือบริเวณศาลพระกาฬและปรางค์สามยอดซึ่งเป็นโบราณสถานกลางเมืองลพบุรี ได้มีการแบ่งฝูงออกเป็น ๒ กลุ่มคือกลุ่มแรกจะเป็นลิงกลุ่มใหญ่เป็นลิงประจำศาลพระกาฬและปรางค์สามยอดที่มีชีวิตและกิจกรรมในช่วงเวลากลางวันคอยต้อนรับผู้ มาเยือน ลิงกลุ่มที่สองเป็นลิงกลุ่มเล็กๆอีกกลุ่มหนึ่งแตกหลงฝูงออกไปและไม่ได้รับการยอมรับกลับเข้าฝูง จะมีชีวิตเร่ร่อนอยู่บริเวณนอกแถวร้านค้าและเสาไฟฟ้า ภายในกลุ่มลิงก็จะมีตัวที่เป็นจ่าฝูงคือเป็นลุงเพศผู้ตัวใหญ่ซึ่งอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อนใครเพื่อน วันนี้เรามาเจอกับเจ้าจ่าฝูงชื่อว่าเจ้าใหญ่ ตัวใหญ่ที่สุดของจำนวนลิงทั้งหมดครับ เมื่อมีคนให้อาหารถ้าเจ้าใหญ่ลงไปลิงตัวอื่นต้องหลีกทางให้มันได้กินก่อนตัวอื่น ๆจึงกินได้ แม้ใหญ่สมชื่อจริง ๆ และนี่ก็เป็นวัฒนธรรมของสัตว์ประเภทลิงที่เราได้เห็นครับ กระจ่างเลยครับเรื่องลิงที่ศาลพระกาฬ จะว่าไปมันก็แล้วแต่ความเชื่อของบุคคลครับ
หลังจาก ให้อาหารลิงและชมความงามของปรางค์สามยอดแล้วเราก็ไปไหว้ศาลเจ้าพ่อพระกาฬ กันต่อเลย ครับ ศาลพระกาฬเป็นศาลเก่าแก่อายุราว พุทธศตวรรษที่ 13 เป็น ทวสถานเก่าของขอม อยู่กับเมืองลพบุรีมาอย่างยาวนาน ตัวศาลได้สร้างขึ้นใหม่บนแท่นเดิม ภายในประดิษฐาน วัตถุโบราณชิ้นสำคัญคือเจ้าพ่อพระกาฬ ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก ในทุกวันมีประชาชนมากราบไหว้ขอพรกันเป็นจำนวนมาก ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดพลบุรี เขาล่ำลือกันว่าขออะไรก็ได้สิ่งนั้น มีผู้คนมาบนบานศาลเกล่า และเมื่อเป็นไปตามความต้องการก็จะมาแก้บนด้วยการรำไทยหนึ่งชุดใหญ่ ด้านในศาลพระกาฬจึงมีอาชีพใหม่เกิดขึ้นคือ เป็นคณะนางรำแก้บน ซึ่งมีประมาณ 5-6 ท่าน เชิญทุกท่านกราบไหว้ขอพรกันได้เลยครับ
หลังจากไหว้เจ้าพ่อพระกาฬขอพรแล้ว เราก็ไปดูวัดเก่าแก่ต่าง ๆ ที่อยู่บริเวณเดียวกัน เริ่มด้วน วัดวัดนครโกษา ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของสถานีรถไฟลพบุรีด้านทิศตะวันออกใกล้กับศาลพระกาฬ มีซากโบราณสถานคือ เจดีย์องค์ใหญ่สมัยทวาราวดี พระปรางค์สมัยลพบุรีในราวพุทธศตวรรษที่ 17 อยู่ด้านหน้า แต่พระพุทธรูปปูนปั้นแบบอู่ทอง บนปรางค์นั้นคงสร้างขึ้นภายหลัง และยังพบเทวรูปขนาดใหญ่ มีร่องรอยดัดแปลงเป็นพระพุทธรูป 2 องค์ ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์ฯ เทวสถานแห่งนี้ภายหลังมีผู้สร้างเป็นวัดขึ้นในสมัยอยุธยา ดังจะเห็นได้จากซากวิหารซึ่งเหลือแต่ผนัง และเสาอยู่ทางด้านหน้าและมีเจดีย์สูงก่อด้วยอิฐอยู่เบื้องหลัง คำว่า “วัดนครโกษา” มีผู้สันนิษฐานว่า เจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ เป็นผู้บูรณะจึงเรียกว่า “วัดนครโกษาปาน” ตามราชทินนามนั่นเอง บริเวณวัดก็ยังค้นพบ พระเครื่องหลายชนิด ซึ่งเป็นพระกรุที่เก่าแก่อย่างยิ่ง จากนั้นเราก็ไปชมวัดอิทรากันต่อเลยครับ
วัดอินทรา สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช อยู่ภายใต้เขตกำแพงเมืองชั้นใน ทางทิศตะวันออกเป็นวัดนครโกษา และเหนือขึ้นไปเป็นศาลพระกาฬ วัดอินทราปรากฏแต่วิหารตั้งอยู่บนเนินดินเด่นชัดลักษณะทางสถาปัตยกรรมเป็นศิลปะอยุธยาตอนต้น ช่องหน้าต่างทำเป็นช่องเล็ก ๆ คล้ายกับการทำช่องหน้าต่างแบบลูกมะหวดในศิลปะเขมร โอ้วัดเก่า ๆ เยอะมากครับเราไปดูต่อกันเลย ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ซึ่งเป็นแหล่งที่พบพระเครื่องชื่อดัง ของเมืองลพบุรี เป็นพระเครื่องสมัยลพบุรี คือ พระหูยานลพบุรีและพระร่วงรางปืน ถือว่าเป็นสุดยอดวัตถุมงคลอีกชนิดหนึ่ง
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟลพบุรี สร้างในสมัยใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด เมื่อเข้าไปในบริเวณวัด จะพบศาลาเปลื้องเครื่องเป็นอันดับแรก ศาลาเปลื้องเครื่องนี้ใช้เป็นที่สำหรับพระเจ้าแผ่นดินเปลื้องเครื่องทรงก่อนที่จะเข้าพิธีทางศาสนาในพระวิหารหรือพระอุโบสถ ปัจจุบันศาลาเปลื้องเครื่องคงเหลือเพียงเสาเอนอยู่เท่านั้น ส่วนอื่นปรักหักพังไปหมดแล้ว ถัดจากศาลาเปลื้องเครื่องเป็นวิหารหลวง ซึ่งสร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ เป็นวิหารขนาดใหญ่มาก ประตูทำเป็นเหลี่ยมแบบไทย หน้าต่างเจาะช่องแบบโกธิค ของฝรั่งเศส ภายในสร้างฐานชุกชีประดิษฐานพระพุทธรูป ทางทิศใต้ของวิหารหลวงเป็นพระอุโบสถขนาดย่อม ประตูหน้าต่างเป็นแบบฝรั่งเศสทั้งหมด ห่างไปทางทิศตะวันตกของวิหารหลวงเป็นพระปรางค์องค์ใหญ่ที่สูงที่สุดในลพบุรี สร้างเป็นพุทธเจดีย์ องค์ปรางค์ก่อด้วยศิลาแลงโบกปูน มีเครื่องประดับลวดลายเป็นพระพุทธรูปและพุทธประวัติ ที่ลายปูนปั้นหน้าบันพระปรางค์แสดงถึงอิทธิพลของพุทธศาสนานิกายมหายาน และซุ้มโคปุระของปรางค์องค์ใหญ่เป็นศิลปะละโว้ มีลายปูนปั้นที่ถือว่างามมาก เดิมคงจะสร้างในสมัยขอมเรืองอำนาจ แต่ได้รับการซ่อมแซมในสมัยสมเด็จพระราเมศวร สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ และสมเด็จพระนารายณ์ฯ ลวดลายจึงปะปนกันหลายสมัย ปรางค์องค์นี้เดิมบรรจุพระพุทธรูปไว้เป็นจำนวนมาก จากนั้นเราก็ไปชมวัดบันไดหินซึ่งก็เป็นแหล่งค้นพบพระเครื่องเช่นกัน เป็นพระเครื่องเนื้อชิน เรียกพระกรุวัดบันไดหิน
วัดบันไดหิน สร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สิ่งก่อสร้างภายในวัดมีวิหาร ซึ่งเหลือแต่ผนังเพียงสองด้าน มีประตูหน้าต่างเป็นวงโค้งแหลมคล้ายกลีบบัวซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมที่ได้รับการบูรณะจากกรมศิลปากร และภายในตัววัดยังค้นพบพระเครื่องเป็นพระนาคปรกเนื้อชินจำนวนมากเขาเรียกว่า พระนาคปรกกรุวัดบันไดหิน วันนี้เอาซะเหนื่อยเลย สถานที่โบราณที่เมืองลพบุรีนี้เยอะจริง ๆครับทุกท่าน หลังจากเที่ยวเสร็จ แวะหาทานของอร่อยแถวหลังทางรถไฟมีของอร่อยไห้กินเพียบ ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยว,ข้าวมันไก่,อาหารตามสั่ง และอีกหลายเมนูให้เลือกสรร จากนั้นก็นั่งสามล้อกลับที่จอดรถหน้าศาลพระกาฬเดินไม่ไหวแล้วพี่น้อง
ในตัวเมืองลพบุรีเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อีกที่หนึ่งของเมืองไทย มีสถานที่ต่าง ๆ มากมายให้เราได้ค้นหาศึกษาหาความรู้ แม้กระทั่งการพักผ่อนหย่อยใจในวันหยุดก็สามารถทำได้ สมควรที่จะเก็บรักษาไว้กันต่อ ๆไปตราบนานเท่านาน เป็นเมืองเก่าแก่จริง ๆ ได้ไหว้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แถมมีลิงในเมืองไห้ชมอีก เพลิดเพลินกับการให้อาหารลิง สนุกผ่อนคลายดีเหมือนกันครับ เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่น่าเข้ามาเที่ยวชม และเขายังจัดโต๊ะจีลิงด้วยนะครับ จะจัดช่างปลายเดือน พฤศจิกายน ของทุกปี ใครอยากดูอยากให้อาหารลิงก็เชิญได้เลย นอกจากนั้นยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย ให้ท่านได้เที่ยวชม เช่น วังนารายณ์ราชนิเวศน์,เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์,ทุ่งทานตะวัน(เดือน พฤศจิกายน),ศาลลูกศร,สวนสัตว์ลพบุรี,หมู่บ้านทำดินสอพอง,แหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ทหาร,พระที่นั่งเย็น,อำเภอบ้านหมี่ เชิญเที่ยวกันให้ทั่วเมืองลพบุรีไปเลยครับ
ปรางค์สามยอด,ศาลพระกาฬ,วัคพระศรีรัตนมหาธาตุ,วัดนครโกษา,วัดบันไดหิน,วัดอิทรา ตั้งอยู่ในบริเวณตัวเมืองลพบุรี เยื้องทางรถไฟ สถานที่อยู่ในบริเวณเดียวกันสามารถเดินหรือนั่งรถสามล้อเที่ยวชมได้สบายครับ โทรสอบถามข้อมูลได้ที่ 036-420333,036-425222 ติดต่อสอบถามข้อมูลกันได้เลย การเดินทาง ก็มาไม่ยากครับ เส้นทางที่หนึ่ง มาบนถนนสายเชีย ผ่านอยุธยา สิงห์บุรีแล้วเลี้ยวขวาเข้ามาในตัวเมืองลพบุรีได้เลย ท่านจะเจอทางรถไฟในตัวเมืองนั่นแหละใช่เลย เส้นทางที่สอง มาบนถนนสายกรุงเทพ-สะบุรี แล้วเลี้ยวซ้ายก่อนเข้าตัวเมืองสระบุรีตรงเข้ามาตัวเมืองลพบุรี ผ่านสี่แยกวงเวียนสระแก้วตรงมาเลื่อย ๆท่านก็จะเห็นเป็นแยกทางรถไฟบริเวณศาลพระกาฬ ตั้งอยู่ ทริปนี้พาเที่ยว วัดเก่าในเมืองลพบุรีหลายวัดเลย ก็เป็นการท่องเที่ยวอีกแบบหนึ่งครับที่ได้ความรู้และความเพลิดเพลินเป็นอย่างมาก เอาเป็นว่าใครมีมาลพบุรีแล้วต้องแวะมาไหว้ศาลพระกาฬและให้อาหารลิงกันนะครับ เอาไว้ทริป หน้าดูเอเซีย.คอม จะตามหา ประวัติศาสตร์มาฝากกันอีกนะครับ