การค้นหาธรรมชาติของป่าภูหลวงซึ่งยังมีจุดที่น่าสนใจอีกมาก โดยเฉพาะเส้นทางที่เริ่มจากหน่วยโคกนกกระบา ต่อไปแปกดำ-ห้วยน้ำดำ แล้วยังมีเส้นทางไปจนถึงหน่วยพิทักษ์ป่าโหล่นแต้ ซึ่งอยู่ลึกเข้าไป ต้องเดินเท้าไปประมาณ 5-6 ชม. จากหน่วยโคกนกกระบา เส้นทางสายโหล่นแต้ยังไม่เปิดให้ท่องเที่ยว เดิมทีพื้นที่ป่าภูหลวงทางด้านโหล่นมน โหล่นแต้ เคยเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดำเนินการโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย โดยมีเส้นทางขึ้นภูหลวงอยู่ทางด้าน อ.วังสะพุง เดินขึ้นเขาคล้ายกับภูกระดึง มีระบบการจัดการและบริหาร แต่ต่อมาได้ยกเลิกปิดเส้นทางท่องเที่ยวสายนั้น จนบัดนี้ก็ยังปิดอยู่เหมือนเดิม
สำหรับเส้นทางเดินป่าจากหน่วยโคนกกระบา ไปยังหน่วยโหล่นแต้ จะเป็นเส้นทางเดินป่าง่ายๆ แต่ระยะทางไกล แต่ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง โดยจะผ่านลานสุริยันต์ จนกระทั่งมาถึงแปกดำ เป็นพื้นที่สนหรือป่าแปก ที่มีอยู่ใกล้กับหน่วยโคกนกกระบาที่สุด ในบริเวณป่าแปกดำจะมีธรรมชาติจุดเด่นที่น่าสนใจก็เป็นห้วยน้ำดำ เป้าหมายการเดินป่าที่เรามุ่งหน้าสู่หน่วยโหล่นแต้ ที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าลึก ระหว่างทางก็ต้องผ่านป่าดงดิบชื้นที่เราได้พบหมู่กล้วยไม้ดินประเภทเอื้องแมงมุม นางอั๊ว เปล้าน้ำทอง เป็นต้น
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ผ่านป่าดงดิบทะลุออกมายังป่าก็มาพบที่พักร้างกลางป่าที่เคยเป็นจุดพักค้างแรมของนักท่องเที่ยวที่ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย ได้เข้าจัดการเรื่องท่องเที่ยวภูหลวง มีสภาพเป็นซากอาคารที่พักร้างอยู่กลางป่าโหล่นมน คือ บริเวณที่พักดังกล่าว เราก็ได้เดินป่าผ่านป่าทึบจนทะลุถึงหน่วยพิทักษ์ป่าโหล่นแต้ ที่ตั้งอยู่ภายใต้โอบล้อมแห่งขุนเขาและป่าใหญ่ มีลำน้ำทบไหลผ่านใกล้หน่วย มีบรรยากาศเหมาะสำหรับการพักค้างแรม เช้าวันรุ่งขึ้นจึงค่อยเดินป่าไปยังผารุ่งอรุณ ผากบ ผาโหล่นแต้ เพื่อชมทิวทัศน์พระอาทิตย์ขึ้นในเช้าได้อย่างสวยงาม และสามารถมองเห็นภูหอด้วย
ท่ามกลางคืนวันที่หนาวเหน็บท่ามกลางขุนเขาสูงของป่าภูหลวง เราตื่นกันตั้งแต่ตี 3 ครึ่ง เดินป่ายามค่ำคืนก็เสียวๆ ช้างป่าที่ค่อนข้างชุกชุม หากเป็นช่วงไฟป่า ช้างจะเข้ามาอยู่ในบริเวณป่าทึบ ที่เราต้องเดินผ่าน แต่มีเจ้าหน้าที่ป่าไม้นำทาง เราก็อุ่นใจขึ้นเยอะ เราตั้งเป้าหมายว่า จะต้องไปให้ถึงแนวหน้าผาให้ทันก่อนขอบฟ้าจะสว่าง ตอนแรกว่าจะขึ้นไปยังผารุ่งอรุณ แต่พอดูทำเลแล้วก็ต้องเปลี่ยนใจ เบนเส้นทางไปยังผาโหลบ่นแต้ที่ยังมีทำเลแนวป่าสนอยู่ด้วย
ท่ามกลางความมืดและความหนาวเย็นที่เราได้เดินตามคนนำทาง ที่พยายามตัดแนวทุ่งหญ้าป่าสนออกไปด้านตะวันออกที่มองเห็นแนวสันเขาตัดกับขอบฟ้าสีครามเข้ม บางส่วนก็เริ่มขับสีส้มจับขอบฟ้าบ้างแล้วเหนือขอบแนวสันเขาของภูหลวงที่เราขึ้นไปยืนชมทิวทัศน์ทางด้านตะวันออกที่เริ่มมองเห็นสีสันจับที่ขอบฟ้า ที่เริ่มความสวยงามขึ้นมาเป็นระยะๆ ด้วยองค์ประกอบของแนวเทือกเขาที่สลับซับซ้อนที่ไกลออก เรามองเห็นภูหอตั้งโดดเด่นคล้ายกับภูเขาไฟ ถัดออกไปก็เป็นเทือกภูกระดึงที่ทอดยาวขวางแนวสายตา
อีกไม่นานเราก็พบกับพลังสีสันธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นลำแสงสีทอง ที่ประกายทะลุแนวม่านหมอกออกมาอย่างงดงามทีเดียว นับว่าเป็นจังหวะลีลาธรรมชาติที่เกิดขึ้นโดยที่ไม่มีใครสามารถกำหนดขึ้นมาได้ย้อนกลับไปยังด้านในของผืนป่าภูหลวง ที่ถัดเหนือขึ้นไป เราสามารถมองเห็นยอดภูยองภู อยู่หลังป่าสนไม่ไกลมากนัก และยังมีมองแนวเทือกภูขวางที่ทอดตัวยาวอยู่ด้านใน ซึ่งเป็นส่วนของป่าที่มีความสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้ สัตว์ป่า หมู่ดอกไม้กล้วยไม้ ที่ยังน้อยคนจะเข้าไปถึงความซับซ้อนของป่าแห่งนี้ได้
ธรรมชาติป่าที่สมบูรณ์ ทิวทัศน์ที่สวยงามที่เราสามารถค้นหาได้ในผืนป่าภูหลวงได้ตามช่วงฤดูกาลที่เหมาะสม บางช่วงเราอาจได้พบกับพันธุ์ที่หลากหลาย บางช่วงเราอาจได้พบกับทิวทัศน์ที่งดงาม บางช่วงอาจพบกับความหนาวเยือกบนยอดภูแห่งนี้
หมายเหตุ…..การเดินป่าไปยังโหล่นแต้ ยังไม่เปิดเป็นเส้นทางท่องเที่ยว จึงต้องติดต่อขออนุญาตจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง โทร.0-1221-0547