ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และเชิงธรรมชาติ ที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
ทริปนี้ดูเอเซีย.คอมพาเพื่อน ๆ มาเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ซึ่งครอบคลุมพื้นที่รอยต่อของสองจังหวัด คือ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก เป็นที่ทราบกันดีว่าอุทยานแห่งนี้เป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ เพราะเคยเป็นฐานที่ตั้งของพรรคคอมมิวนิสต์ และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่สวยงาม เรียกได้ว่า มาที่เดียวได้เที่ยวสองแบบครับ
ภูหินร่องกล้าเป็นพื้นที่อันเป็นแหล่งกำเนิดของประวัติศาสตร์การสู้รบอันยาวนาน เป็นวีรกรรมของนักรบไทย ความขัดแย้งของลัทธิและแนวความคิดที่นำไปสู่ความสูญเสีย เลือด ชีวิตและน้ำตา ภาพประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ณ ที่นี้ ตลอดจนสภาพสิ่งก่อสร้างในอดีตได้ถูกบันทึกและเก็บรักษาไว้ เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ทำการศึกษาถึงผลของการใช้กำลังเข้าประหัตประหาร และได้ระลึกถึงความสูญเสียที่ประเมินค่ามิได้ อันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมือง ความแตกแยก และความสามัคคีของคนในชาติ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า มีเนื้อที่ประมาณ 307 ตารางกิโลเมตร หรือ 191,875 ไร่
เมื่อปี พ.ศ. 2511 – 2515 เทือกเขาหินร่องกล้าแห่งนี้เคยเป็นฐานที่มั่นใหญ่ของการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ ทำให้เกิดปัญหาความมั่นคงทางการเมืองขึ้น ในกลางปี พ.ศ. 2525 ทางราชการทหารจึงได้เปิดยุทธการภูขวาง โดยจัดกองพลผสมจากกองทัพภาคที่ 1 , 2 ,3 กรมการบินศูนย์สงครามพิเศษ ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และพลเรือน เข้าปฏิบัติการยึดภูหินร่องกล้า แต่ไม่สำเร็จเพราะสภาพพื้นที่ไม่อำนวย เนื่องจากภูหินร่องกล้าตั้งอยู่กลางเทือกเขาสูงชันและสลับซับซ้อน อีกทั้งยังเป็นป่ารกทึบ
ต่อมากองบัญชาการทหารบกได้เปลี่ยนแผนยุทธการในการปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ซึ่งนำโดย พันเอกไพโรจน์ จันทร์อุไร ได้นำนโยบายใหม่เข้าปฏิบัติการจนประสบความสำเร็จได้รับชัยชนะ โดยไม่เสียเลือดเนื้อแม้แต่น้อย บรรดาชาวบ้านและมวลชนของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเขาเผ่าม้ง (แม้ว) ได้กลับใจ เข้ามอบตัวกับทางราชการ ส่วนแกนนำก็ได้ละทิ้งฐานที่มั่นไป หลังจากนั้นพื้นที่แห่งนี้ก็ได้รับการพัฒนา โดยทำการตัดถนนผ่านใจกลางภูหินร่องกล้า และได้รับการพิจารณาจัดตั้งบริเวณภูหินร่องกล้าให้เป็นอุทยานแห่งชาติมาจนถึงทุกวันนี้
อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า มีจุดเด่นที่น่าสนใจมากมายครับ ไม่ว่าจะเป็นจุดเด่นทางประวัติศาสตร์ และจุดเด่นทางธรรมชาติ เรามาดูจุดเด่นทางประวัติศาสตร์ก่อน ซึ่งได้แก่ สถานที่ต่าง ๆ ที่อดีตผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์เคยใช้เป็นที่อยู่อาศัย เป็นที่ประกอบกิจกรรมต่างๆ ซึ่งสถานที่เหล่านี้ก็ได้รับการดูแลรักษาให้คงอยู่ในสภาพเดิมจนถึงปัจจุบัน เช่นโรงเรียนการเมือง การทหาร อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 6 กิโลเมตร มีสภาพเป็นป่ารกทึบหนาแน่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ในอดีตเคยเป็นสถานที่สำหรับให้การศึกษาตามแนวทางของลัทธิคอมมิวนิสต์ บริเวณโรงเรียนการเมืองการทหาร จะประกอบไปด้วยบ้านฝ่ายพลเรือน ฝ่ายพลาธิการ ฝ่ายสื่อสาร และสถานพยาบาล มีทั้งหมด 31 หลัง เป็นบ้านหลังเล็ก ๆ กระจายอยู่อย่างเป็นระเบียบ ภายในบ้านแต่ละหลังจะมีแคร่สำหรับนอน มีโต๊ะสำหรับเขียนหนังสือทำด้วยไม้กระดานอย่างหยาบ ๆ บางหลังเริ่มผุพังเพราะถูกปล่อยให้ร้าง หลังจากมวลชนทำการมอบตัว นอกจากนี้บริเวณตอนกลางของโรงเรียนการเมืองการทหาร มีรถแทรกเตอร์จอดอยู่ 1 คัน ซึ่งผู้ก่อการร้ายคอมมิวตินสต์ ได้ทำการยึดมาจากบริษัทพิฆเนตร แล้วเผาทิ้งไว้
สำนักอำนาจรัฐ อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอุทยานฯ ห่างจากที่ทำการอุทยานฯประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นสถานที่ดำเนินการปกครอง มีการพิจารณาและลงโทษผู้กระทำผิดหรือละเมิดต่อกฎลัทธิ มีคุกสำหรับขังผู้กระทำความผิด มีสถานที่ทอผ้าและโรงซ่อมเครื่องจักรกลหลงเหลืออยู่ให้เห็น
หมู่บ้านมวลชน เป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มมวลชน มีอยู่หลายหมู่บ้าน เช่น หมู่บ้านดาวแดง หมู่บ้านดาวชัย แต่ละหมู่บ้านมีบ้านประมาณ 40-50 หลัง เรียงรายอยู่ในป่ารกริมทางที่ตัดมาจากอำเภอหล่มสัก ลักษณะบ้านเป็นบ้านไม้หลังเล็ก ๆ ไม่ยกพื้น หลังคามุงด้วยกระเบื้องไม้ บ้านแต่ละหลังจะมีหลุมหลบภัยทางอากาศอยู่ด้วยโรงพยาบาล อยู่ห่างจากสำนักอำนาจรัฐ ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นโรงพยาบาลกลางป่าที่มีอุปกรณ์ในการรักษาคนป่วยเกือบครบถ้วน มีห้องปรุงยา ห้องพักฟื้น และยาชนิดต่างๆเป็นอันมาก
ลานหินปุ่ม อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 4 กิโลเมตร อยู่ริมหน้าผา ลักษณะเป็นลานหินผุดขึ้นเป็นปุ่มไล่เลี่ยกัน คาดว่าเกิดจากการสึกกร่อนตามธรรมชาติของหินทางเคมีและฟิสิกส์ ในอดีตบริเวณนี้ใช้เป็นที่พักฟื้นของคนไข้เนื่องจากอยู่บนหน้าผา จึงมีลมพัดเย็นสบายเหมาะแก่การนั่งพักผ่อน
ผาชูธง อยู่ห่างจากลานหินปุ่มประมาณ 500 เมตร เป็นหน้าผาสูงชัน สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้กว้างไกล โดยเฉพาะภาพวิวพระอาทิตย์ตกดินสวยงามไม่แพ้จุดชมวิว อื่นๆ บริเวณนี้เคยเป็นสถานที่ที่ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ จะขึ้นไปชูธงแดง (ฆ้อนเคียว) ทุกครั้งที่รบชนะทหารของรัฐบาล แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นธงชาติไทย
น้ำตกร่มเกล้าภาราดร เป็นน้ำตกฝาแฝด 2 แห่ง ที่อยู่ติด ๆ กัน อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ บนถนนภูหินร่องกล้าประมาณ 4 กิโลเมตร ก่อนถึงโรงเรียนการเมือง การทหาร ประมาณ 1 กิโลเมตร จากถนนสายใหญ่ จะต้องเดินตัดลงไปบนทางเท้าที่ทำขึ้นใหม่เป็นระยะทางประมาณ 800 เมตร ตัวน้ำตกไม่สูงมากนัก แต่สภาพแวดล้อมโดยรอบมีลักษณะเป็นป่าบริสุทธิ์ เขียวขจี งดงามมากน้ำตกแก่งลาด และ น้ำตกตาดฟ้า ตั้งอยู่บริเวณเชิงภูหินร่องกล้า โดยแยกเลี้ยวซ้ายจากหมู่บ้านห้วยsน้ำไซต่อไปประมาณ 2 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการพลังงานไฟฟ้าห้วยขมึน อันเป็นที่ตั้งของน้ำตกแก่งลาด ขึ้นเขาต่อไปประมาณ 3-4 กิโลเมตรมีทางเดินแยกซ้ายลงไปน้ำตกตาดฟ้าหรือน้ำตกด่านกอซอง เป็นน้ำตกชั้นเดียวขนาดใหญ่ที่สวยงามมาก
นอกจากนี้ยังมีน้ำตกหมันแดง เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ 32 ชั้น และน้ำตกศรีพัชรินทร์ ตั้งอยู่ก่อนถึงที่ทำการอุทยาน บริเวณเชิงเขา ประมาณ 4-5 กิโลเมตร ปัจจุบันยังไม่มีทางรถเข้าถึง และยังไม่พร้อมสำหรับการท่องเที่ยว หากเพื่อน ๆ ต้องการมาเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าแห่งนี้ ก็มาได้เลยครับ เพราะปัจจุบัน ทางอุทยานได้มีการเตรียมพร้อมที่จะรองรับนักท่องเที่ยว มีบ้านพักและลานกางเต้นท์ มีร้านอาหารไว้คอยอำนวยความสะดวกครับ จากตัวเมืองพิษณุโลก ขับรถมาตามเส้นทางพิษณุโลก – หล่มสัก ระยะทางประมาณ 68 กิโลเมตร ก็จะถึงสามแยกบ้านแยง แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่อำเภอนครไทย อีกประมาณ 29 กิโลเมตร จากนั้นเดินทางต่อ อีกประมาณ 28 กิโลเมตร ก็จะถึงหน่วยบริการประชาชนอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าครับ
ขอบคุณภาพ www.sanook.com