วัดช่องลม ชมนกนางแอ่นภายในวิหารหลวงปู่แก้ว

0

เจอกันอีกแล้วนะครับเพื่อนๆวันนี้ดูเอเซีย จะพาเพื่อนๆไปเที่ยวที่วัดช่องลม หรือวัดสุทธิวาตวราราม ที่ตั้งอยู่บริเวณตรงปากอ่าวสมุทรสาคร ตำบลท่าฉลอม ตรงข้ามกับตัวเมือง วัดช่องลมนี้มีทัศนียภาพธรรมชาติที่สวยงามสามารถยืนชมวิวตรงปากอ่าวจะเห็นเรือขนถ่ายสินค้าทั้งลำใหญ่ลำเล็ก และมีลมทะเลพัดโชยตลอดทั้งวัน และน่าตื่นตาตื่นใจคือภายในวิหารหลวงปู่แก้ว มีนกนางแอ่นกินรังอาศัยอยู่นับพันตัว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกมากเพราะตามธรรมชาติแล้วคงมีไม่มากนัก ที่นกชนิดนี้จะเข้ามาอยู่อาศัยปะปนอยู่กับมนุษย์ หรือสัตว์อื่น ในสถานที่ที่พลุกพล่านไปด้วยหมูชนมากมาย พร้อมด้วยกลิ่นธูป ควันเทียนที่ลอยคละคลุ้งอยู่ตลอดเวลา แต่ก็เป็นสิ่งอัศจรรย์อย่างยิ่งที่นกนางแอ่นเหล่านี้ สามารถอาศัยอยู่ได้อย่างไม่เดือดร้อนเป็นเวลาหลายสิบปีมาแล้ว ไม่หนีไปไหน กลับเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ

 วิหารหลวงปู่แก้ว สังเกตดูสีดำบนเพดานคือนกนางแอ่นครับchonglom

วัดสุทธิวาตวราราม หรือที่เรียกกันในภาษาชาวบ้านว่า วัดช่องลม พระอารามหลวงแห่งนี้นับเป็นวัดสำคัญ คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสมุทรสาครที่มีอายุมากว่า 200 ปี แต่ก่อนในสมัยโน้น ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดท้ายบ้าน  จะเห็นเป็นวัดอยู่สุดหมู่บ้านจึงเรียกกันเช่นนั้น และเพื่อความเหมาะสมในเวลาต่อมาจึงพากันเรียกว่า วัดช่องลม จนชาวบ้านเริ่มลืมวัดท้ายบ้านแทบหมดแล้วถ้าใครไปเรียกเข้าคงมีคนรู้จักน้อยเต็มที่ วัดช่องลมเป็นพระอารามหลวงได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม และเป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง เรามาย้อนประวัติคร่าวๆกันหน่อยดีกว่าว่าวัดช่องลมนั้นมีที่มายังไง คุณปู่แซ่เล้า มาจากประเทศจีน ส่วนคุณย่าอ่วมมีภูมิลำเนาอยู่ที่ตำบลบางแก้ว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ท่านทั้งสองเมื่อทำการสมรสกันแล้ว  มีบุตรีชื่อคุณนายทองคำ ซึ่งคุณนายทองคำเป็นคุณป้าของคุณนายทองอยู่  บูรณกิจ  และเป็นคุณยายของนางพยุง ลือประเสริฐ กล่าวถึงคุณปู่ และคุณย่าอ่วม เข้าใจว่าเร่รอนหาที่ทำเลดีเพื่อประกอบอาชีพไปตามประสาของคนขยัน จึงปรากฏว่ามาอยู่ที่ ตำบลท่าฉลอม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ได้ก่อร่างสร้างตัวจนเจริญมั่งคั่งขึ้น ครั้งหนึ่งคุณปู่ คุณย่าอ่วม สองคนตายายชวนกับไปถางป่าที่ริมแม่น้ำหน้าวัดช่องลมเดี๋ยวนี้ เพื่อปลูกบ้านตามประสาของคนอยู่ไม่สุข  ในขณะที่สองตายายกำลังช่วยกัน ถากถาง ป่าแสม ป่าจาก ป่าชะคราม ป่าละเมาะ ป่ากระบูร ที่มันเกิดขึ้นโดยธรรมชาตินั้น มีบางคนท้วงว่าที่ตรงนั้นตรงกับปากอ่าวเช่นนี้ ไม่ควรปลูกบ้านอยู่ ควรที่จะเป็นศาลเจ้า หรือที่วัดจะเหมาะกว่า สองคนตายายได้ยินเข้าก็ชะงักฟัง เพราะคนสมัยเก่าชอบถืออย่างโบราณว่า “คนห้าม จิ้งจกทัก ควรชะงัก” ตั้งแต่นั้นเรื่องถางที่เพื่อปลูกบ้านก็กลายเป็นการถางที่เพื่อสร้างวัดโดยปริยาย

ชัยภูมิที่ตั้งของวัดช่องลม ซึ่งด้านหน้าวัดหันสู่ทิศใต้ตรงกับปากน้ำท่าจีนพอดีมองเห็นทัศนียภาพปากอ่าวที่งดงามยิ่งนักส่วนทางเบื้องหลังวัดก็ช่างมีความประหลาดมากเหมือนธรรมชาติช่วยสรรสร้างอย่างจำเพาะเจาะจงให้หันหลังสู่แม่น้ำท่าจีนอีกด้วย แผ่นดินสำคัญตอนที่เป็นชัยภูมิสำคัญที่ตั้งวัดช่องลมจึงอยู่ตรงตอนที่แคบคอด หากที่ดินตอนนี้มิได้เป็นที่ตั้งวัด และขาดการถมเสริมเติมต่อไว้เสมอ ๆ ก็น่าจะขาดออกเปลี่ยนทางเดินของกระแสน้ำเปลี่ยนปากน้ำท่าจีนใหม่ ตำบลท่าฉลอมก็จะกลายเป็นเกาะหลุดออกจากแผ่นดินใหญ่ไปแน่ทีเดียว เมื่อแผ่นดินที่ตั้งวัดมีความสำคัญมากเช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าศึกษาไปให้ถึงบรรพบุรุษคนแรกที่ได้มาเห็นชัยภูมิเหมาะและเจาะจงสร้างเป็นวัดขึ้นและผู้ที่จะบอกเล่าได้อย่างละเอียดก็เห็นจะไม่มีใครอื่น ท่านผู้นั้นก็คือ พระราชสาครมุนีนั่นเอง

phordangภายในวัดช่องลมยังมีหลวงพ่อหินแดง 11 นิ้ว ประดิษฐานในโบสถ์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดใหญ่ มีพุทธลักษณะแบบอยุธยาตอนปลาย ทำด้วยศิลาแดงทั้งองค์ มีลักษณะพิเศษคือพระหัตถ์ข้างซ้ายมีหกนิ้ว จึงเรียกว่า พระ 11 นิ้ว หลวงปู่แก้วอดีตเจ้าอาวาสวัดช่องลม ได้อัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้มาจากที่อื่น แต่ไม่ปรากฏแน่ชัดว่า เป็นที่ใด

หลวงปู่แก้วอดีตเจ้าอาวาสวัดช่องลมอดีตและอดีตเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร พระเทพสาครมุนี (หลวงปู่แก้ว) ฉายา สุวณฺณโชโต อายุ 79 พรรษา 59 ป.ธ. 6 น.ธ. เอก วัดสุทธิวาตวราราม ตำบลท่าฉลอม อำเภอเมือง จ.สมุทรสาคร อดีตเคยดำรงตำแหน่ง เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร เ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวมหาชัย เมื่อท่านมรณภาพไปแล้ว ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จึงได้นำสังขารของท่านบรรจุไว้ในโลงทองอย่างสวยงาม พร้อมทั้งหล่อรูปเหมือนของท่านในท่านั่งสมาธิ ประดิษฐานไว้ภายในวิหาร ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับโบสถ์ เพื่อให้ประชาชนได้เข้ากราบนมัสการและระลึกถึงคุณความดีที่ท่านทำไว้ เมื่อครั้งยังมีชีวิตถึงแม้หลวงปู่แก้วจะมรณภาพจากไปด้วยโรคชรา รวมอายุได้ 79 ปี 8 เดือนเศษ รวมพรรษา 59 พรรษา แต่คุณงามความดีของท่านไม่เสื่อมคลาย ยังมีประชาชนมาสักการบูชา ณ วิหารพระเทพสาครมุนี ( หลวงปู่แก้ว ) ของวัดสุทธิวาตวราราม ตราบจนปัจจุบัน

ภายในวิหารหลวงปู่แก้ว มีนกแอ่นกินรัง  มาอาศัยทำรังตามลวดลายแกะสลักเหนือผนังด้านหลัง และช่องเหนือฝ้าเพดาน ราว 2,000 ตัว เดิมอยู่ในโบสถ์ใกล้กับวิหาร หลวงปู่แก้วให้อาศัยอยู่ด้วยความเมตตา แต่ไม่อนุญาตให้เก็บรังนกไปขาย เว้นแต่รังนกที่ตกมาแล้ว พระ เณร สามารถนำไปฉันได้ ภายหลังหลวงปู่แก้วมรณภาพ และวิหารหลังนี้สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2532 ทางวัดจึงวางอุบายย้ายนกเข้ามาในวิหารที่ประดิษฐานสังขารหลวงปู่แก้ว ซึ่งนกก็เข้ามาอาศัยอยู่โดยง่าย ชาวบ้านเชื่อว่า นกแอ่นเข้ามาอยู่เพราะบารมีของหลวงปู่แก้ว

watchoglomโดยทั่วไปแล้วนกแอ่นจะทำรังตามผนังถ้ำหินปูนบนเกาะกลางทะเล ในที่สูง ห่างไกลศัตรูในธรรมชาติ เช่น นก งู ปัจจุบันนกชนิดนี้สามารถปรับตัวอาศัยอยู่ในวัด หรือบ้านคนได้ เช่น บ้านคนที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราชิ จ.นราธิวาส และที่วิหารหลวงปู่แก้วแห่งนี้   นกแอ่น มีพฤติกรรมที่น่าสนใจศึกษา เพราะเป็นนกที่จับคู่แบบ “ผัวเมียเดียว” พ่อแม่นกจะแบ่งเวลาดูแลลูก และช่วยกันหาอาหาร เมื่อลูกโตเต็มที่ก็จะทำรังใกล้กับพ่อแม่ รังหนึ่ง ๆ สามารถเลี้ยงลูกได้สองรุ่น นกแอ่นทำรังด้วยน้ำลาย คนทั่วไปเชื่อว่ารังนกแอ่นบำรุงสุขภาพ จึงหามาบริโภคกันในราคาแพงลิบ ปัจจุบันรังนกราคากิโลละ 5 หมื่นบาท

ไม่ไกลกันนักภายในวัดยังมี พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และระลึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาที่ ต.ท่าฉลอม ในปี พ.ศ. 2448 และมีพระบรมราชโองการประกาศให้ ต.ท่าฉลอม เป็นสุขาภิบาลแห่งแรก ของประเทศไทย พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงชุดฉลองพระองค์เมื่อครั้งเสด็จประพาสมาที่ท่าฉลอม คือทรงสวมเสื้อราชปะแตน นุ่งผ้าม่วง สวมพระมาลา

นอกจากมาเที่ยววัดช่องลมแล้วบริเวณด้านหลังใกล้กับวัดช่องลมยังมี รูปหล่อพระโพธิสัตว์กวนอิมปางเมตตา หล่อจากทองเหลืองปิดด้วยทางคำเปลวขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ไม่ไกลกันนักด้านหลังวัด สร้างในวาระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ฯ ทรงครองราชย์ครบรอบ 50 ปี ใน พ.ศ. 2539 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองพระเกียรติ องค์เจ้าแม่กวนอิมสูง 9.98 เมตร หล่อด้วยโลหะแล้วทาสีสวยงามมากพระหัตถ์ขวาเทน้ำจากคนโทเป็นน้ำมนต์ ประทับอยู่บนฐานดอกบัวมีมังกรโอบโดยรอบอยู่บนภูเขาจำลอง สูง 8 เมตร และมีถ้ำอยู่ภายในด้วย และในทุก ๆ ปีของช่วงเดือนพฤศจิกายนจะมีงานประเพณี นมัสการเจ้าแม่กวนอิมอีกด้วย สามารถเดินไปสักการะบูชาองค์เจ้าแม่กวนอิมได้เพื่อความเป็นศิริมงคลของตัวเองและครอบครัว

วัดสุทธิวาตวราราม หรือ วัดช่องลม ตั้งอยู่ตรงปากอ่าวสมุทรสาคร ตำบลท่าฉลอม ตรงข้ามกับตัวเมือง เดินทางโดยทางหลวงหมายเลข 35 เลี้ยวซ้ายบริเวณกิโลเมตรที่ 35 เข้าถนนสุทธิวาตวิถีประมาณ 3 กิโลเมตร หรือถ้ามาจากมหาชัย จะมีเรือเทศบาลบริการข้ามฟากจากฝั่งมหาชัยมายังฝั่งท่าฉลอม ค่าบริการ 3 บาท นอกจากนักท่องเที่ยวได้ชมทัศนียภาพที่สวยงามบริเวณท่าน้ำหน้าวัดและสถานที่สำคัญต่างๆภายในวัดแล้ว ที่นี่ยังมีร้านอาหารไว้คอยบริการและเนื่องจากวัดนี้ ตั้งอยู่ปากอ่าว จึงมี เรือประมงมารอให้บริการเช่าออกไปลอยอังคารด้วย

การเดินทาง 

เชิญแสดงความคิดเห็น