อำเภอปาย อำเภอเล็กๆ ค่อนข้างเงียบสงบไม่วุ่นวาย เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่หลายคนอยากจะมาเยือนสักครั้ง ปาย หรือเมืองปายมีประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ยาวนาน ในช่วงวันธรรมดาจะพบเห็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากกว่าคนไทย บางคน ซื้อที่ปลูกบ้านอยู่กันเลยทีเดียวครับ เพราะหลงเสน่ห์เมืองปาย เมืองที่อากาศดี เงียบ เรียบง่ายเข้ากับวิถีชีวิตชาวบ้านเมืองปาย
วัดน้ำฮู จากประวัติศาสตร์คาดว่ามีมากว่า 2000 ปีควบคู่กับเมืองปายตามหลักฐานต่างๆ ครับ เป็นวัดเก่าแก่ที่สุดของเมืองปาย อยู่ที่หมู่ 5ตำบลเวียงใต้ ห่างจากตัวอำเภอไปทางทิศตะวันตกประมาณ 3 กม. เป็นที่ประดิษฐาน หลวงพ่ออุ่นเมือง ที่ทุกคนเมื่อมาวัดน้ำฮูจะต้องมาสักการะ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ทำด้วยโลหะทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 28 นิ้ว สูง 30 นิ้ว พระพุทธรูปองค์นี้พระเศียรกลวง ส่วนบนเปิดปิดได้และมีน้ำขังอยู่ เป็นพระพุทธรูปสิงห์สาม อายุประมาณ 500 ปี เมื่อ พ.ศ. 2515 มีพระธุดงค์จากอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ มานมัสการและสงสัยว่าข้างในพระจะมีน้ำจึงเปิดดูพบว่ามีน้ำจริงๆ ข่าวนี้แพร่ออกไปก็มีผู้คนหลั่งไหลมาขอน้ำไปสักการะพอน้ำในพระเศียรหมดก็จะมีไหลออกมาอีกในลักษณะซึกออกมาตลอดเวลา สันนิฐานว่าอาจเกิดจากวัสดุที่ใช้ทำองค์พระ
ทุกๆ 10 วันจะมีการเปิดเศียรพระเพื่อนำน้ำที่มีปริมาณเพียงครั้งละ 1 ช้อนชา ออกมาผสมกับน้ำมนต์เพื่อให้ประชาชนทั่วไปที่ต้องการนำกลับไปใช้ แต่จะไม่ให้นักท่องเที่ยวหรือคนทั่วไปขึ้นไปตักน้ำจากเศียรพระโดยเด็ดขาดครับ และเพราะเหตุนี้จึงเป็นที่มาของคำว่า “วัดน้ำฮู” ในภาษาเหนือ ฮู ก็คือ รู นั่นเองครับ
ด้านหลังของโบสถ์ที่มีหลวงพ่ออุ่นเมือง นั้นจะเห็นเจดีย์สีเหลืองตั้งอยู่ ตามประวัติเล่าว่า พระสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสร้างเพื่อบรรจุพระอัฐิของพระพี่นางสุพรรณกัลยา พระเจดีย์นี้ไม่มีบันทึกประวัติการสร้างอย่างชัดเจน ส่วนสมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยา นั้นก็คือพี่สาวของพระนเรศวรฯ ซึ่งได้เสด็จไปเป็นตัวประกันที่พม่าแทนสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แต่ต่อมาได้ถูกปลงพระชนม์ที่พม่านั่นเอง ภายในพระเจดีย์นี้ยังบรรจุเส้นพระเกศาของสมเด็จพระพี่นางฯ ไว้ด้วย
พระเจดีย์ที่มีอัฐิสมเด็จพระสุพรรณกัลยา
ศาลาสวยกลางน้ำหน้าวัดน้ำฮู เป็นศาลาปลาภายในมีรูปปั้นของพระเอกาทศรถ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและรูปปั้นสมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยาไว้ให้สักการบูชา ส่วนรอบๆ วัดหากมาช่วงหน้าหนาวจะมีร้านค้าเปิดขายกันอย่างคึกคักโดยรอบ
ศาลาปลาหน้าวัดน้ำฮู
หากว่านักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้ามาชมความอัศจรรย์ของ “องค์หลวงพ่ออุ่นเมือง” อย่างใกล้ชิดในโบสถ์นั้น ทางวัดจะเปิดให้เข้าชมได้เฉพาะในฤดูหนาวเท่านั้น ซึ่งถ้ามานอกฤดูกาล นักท่องเที่ยวต้องขออนุญาตจากเจ้าอาวาสเพื่อเปิดโบสถ์ก่อน
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจ.แม่ฮ่องสอน ที่ว่าการอ. เมือง (หลังเก่า) ถ.ขุนลุมประพาส อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน โทร.0-5361-2982-3,0-5361-5029