วัดเล่งเน่ยยี่

0

ปีชง ชวด เถาะ ระกา มะเมีย มาทางนี้ !!!

สำหรับปี 2554 นี้ ดูเอเซียจะพาเพื่อนๆ ที่เกิดปีชง ซึ่งตรงกับปี ชวด เถาะ ระกา มะเมีย ไปกราบไหว้เทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตา “ไท้ส่วยเอี๊ย” ที่วัดเล่งเน่ยยี่กันค่ะ  ได้มีโอกาสอ่าน ปฏิทินดวงชะตาของ ปี ชวด เถาะ ระกา มะเมีย ซึ่งเป็นปีชงประจำปี 2554  เลยอยากจะชวนเพื่อนๆ ไปทำบุญเสริมโชคชะตา กราบไหว้เทพเจ้าเอาฤกษ์เอาชัย พร้อมกับชมความสวยงามของวัดเล่งเน่ยยี่ 2 กันค่ะ

ตามปฏิทินปีชง 2554

  1. ปีระกา (ไก่) (ชง : ปะทะ) โดยตรงกับเทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตา “ไท้ส่วยเอี๊ย” และเป็นอริกับปีเถาะโดยตรง อีกทั้งยังมีดาวอัปมงคลเพ่งเล็งอยู่มากมาย โชคชะตาจึงตกต่ำมัวหมอง มีอุปสรรคปัญหารุมเร้า โชคลาภอับเฉา เงินทองรั่วไหล ต้องระวังอุบัติเหตุเคราะห์ภัยต่าง ๆ และต้องอยู่อย่างสงบเสงี่ยม อย่าทำเรื่องผิดกฎหมายเป็นอันขาด มิเช่นนั้นจะต้องรับผลกรรมที่ตามมา และเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปไหว้ “องค์ไท้ส่วยเอี๊ย” และ “ไฉ่ซิ่งเอี๊ยประทับเสือ” วัดเล่งเน่ยยี่
  2. ปีเถาะ (กระต่าย) ปีนี้ดวงของคุณไม่ชงโดยตรงแต่ก็ “ทับองค์ไท้ส่วย” และมีดาวร้ายหลายดวงคอยคุกคามอยู่ โดยเฉพาะดาวกระบี่คม “เจี้ยนฟง” คอยจ้องทำร้ายให้บาดเจ็บ เลือดตกยางออก การงานการค้าไม่เจริญก้าวหน้า และต้องระวังเรื่องอุบัติเหตุเคราะห์ภัยต่าง ๆ ให้ดี ฉะนั้นจงอย่าประมาท และเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปไหว้ “องค์ไท้ส่วยเอี๊ย” และ “พระยูไล” วัดเล่งเน่ยยี่
  3. ปีมะเมีย (ม้า) ปีนี้ดวงของคุณไม่ชงโดยตรงแต่ก็ถือว่า “ร่วมชงองค์ไท้ส่วยเอี๊ย” และยัง “ผั่ว (แตกแยก)” กับปีเถาะด้วย โดยปี นี้ดวงคุณมีดาวมงคลพระจันทร์ “ไท่อิน” และสวรรค์ยินดี “เทียนสี่” โคจรเข้ามาเสริมส่งให้ประสบความเจริญก้าวหน้าทั้งเรื่องความรักและการงานการค้า แต่ก็มีดาวอัปมงคลหลายดวงเข้ามาคุกคามทำให้สุขภาพอ่อนแอเจ็บป่วยง่าย การงานการค้าติดขัดเกิดปัญหา ฉะนั้นจึงไม่ควรประมาท และเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปไหว้ “องค์ไท้ส่วยเอี๊ย” วัดเล่งเน่ยยี่ และ “เจ้าแม่ทับทิม” บริเวณวัดเลียบสะพานพุทธ
  4. ปีชวด (หนู) ปีนี้ดวงของคุณไม่ชงโดยตรงแต่ก็ถือว่า “ร่วมชงองค์ไท้ส่วยเอี๊ย” และยัง “เฮ้ง (เบียดเบียน)” กับปีเถาะด้วยโดยปีนี้ดวงคุณมีดาวมงคลนกคู่แห่งรัก “หง หลวน” และดาวแห่งความร่ำรวย “ฟู่ซิง” โคจรเข้ามาส่งความสุขสดชื่น มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง แต่กลับมีดาวภัยเพราะปาก “เจวี่ยนเสอ” ดาวทุกข์ลาภ “พี๋ม๋า” กับดาวสระน้ำเค็ม “เสียนฉือ” เข้ามาจ้องทำลาย จึงต้องปฏิบัติตัวให้ดี ทั้งคำพูดคำจาและเอาใจใส่ผู้อาวุโสให้ใกล้ชิด สิ่งสำคัญต้องลดละเลิกเรื่องสุรานารี ฉะนั้นจึงไม่ควรประมาท และเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปไหว้ “องค์ไท้ส่วยเอี๊ย” วัดเล่งเน่ยยี่และ “องค์ลื่อต่งปิง” ศาจเจ้าหลี่ตี้เบี้ยว เยื้อง สน.พลับพลาไชย

วัดเล่งเน่ยยี่ 2 หรือ วัดบรมราชากาญจนาภิเษก คับคั่งและเต็มไปด้วย นักท่องเที่ยวที่มาชมความสวยงามของวัดเล่งเน่ยยี่ ที่มีความยิ่งใหญ่ตระการตาดั่งเมืองจีนก็ไม่ปาน.. รวมถึงประชาชนที่เข้ามาทำพิธีกรรมแก้ปีชง โดยการกราบไหว้เทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตา ที่เรารู้จักกันก็คือ เทพเจ้า ไท่ส่วยเอี๊ยะ รวมถึงเทพเจ้าอีก 8 องค์ที่อยู่ภายในอุโบสถด้านหน้า

นักท่องเที่ยว ประชาชนต่อแถวยาวเหยียด พร้อมกับถือธูปเทียน กระดาษแดงเขียนวันเดือนปีเกิด ซึ่งเชื่อว่าเป็นการฝากชีวิตไว้กับท่าน เพื่อให้ท่านคุ้มครองดูแลเรา  เมื่อได้เข้าไปภายในก็จะมีการทำพิธีกรรมแก้ปีชง โดยจะมีผู้ดูแลอยู่ภายใน

ซึ่งจะมีคนบอกรายละเอียดการทำพิธีกรรมทั้งหมด เพื่อนๆ สามารถดูในคลิปที่ดูเอเซียเก็บภาพมาให้ชมกันได้เลยค่ะเมื่อกราบไหว้เทพเจ้าเรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องเดินชมความสวยงามของเมืองจีนกันแล้วล่ะค่ะ,, ที่บอกว่าเป็นเมืองจีนก็เพราะว่า วัดเล่งเน่ยยี่ 2มีความยิ่งใหญ่ตระการตาเสมือนเมืองจีน ที่มีสถาปัตยกรรมต่างๆ คล้ายคลึงกับวังจีนอย่างไรอย่างนั้นเลยล่ะค่ะ

ประวัติและความเป็นมา วัดเล่งเน่ยยี่ 2

วัดเล่งเน่ยยี่ 2  หรือ วัดบรมราชากาญจนาภิเษก แต่ เดิมเป็นโรงเจเล็กๆ ตั้งอยู่ที่ ตำบลโสนน้อย อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี โดยมีพื้นที่รอบๆประมาณ 2 ไร่เศษ และโรงเจแห่งนี้นั้น ชาวบ้านแถบบางบัวทองมีความศัทธาและให้การเคารพเป็นอย่างมาก มาเป็นเวลาเนินนานแล้ว ต่อมาทางคณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์ มีปณิธานที่จะพัฒนาโรงเจแห่งนี้ให้เป็นวัดที่สมบูรณ์แบบ

และเพื่อสร้างให้เป็นวัดเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เนื่องในวโรกาสเถลิงถวัลย์ครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ดังนั้นทางคณะสงฆ์จีนนิกาย จึงได้มอบหมายให้ พระเดชพระคุณพระคณาจารย์จีนธรรมปัญญาจริยาภรณ์ (ท่านเจ้าคุณเย็นเชี้ยว) ดำเนินการก่อสร้าง โดยมีพระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร เป็นประธานที่ปรึกษา พร้อม ทั้งพุทธบริษัทไทย-จีน ร่วมกันสร้างถวายเป็นพระราชกุศล โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชานุญาติให้จัดสร้างวัดและทรงพระราชทาน นามว่า ” วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์ ” อันนำมาซึ่งความปีติ ยินดีของชนชาวไทยเชื้อสายจีน และความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อคณะสงฆ์จีนมาโดยตลอด

และในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๓๙ ทางวัดมังกรกมลาวาส ได้กราบทูลเชิญสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก เสด็จเป็นองค์ประธานวางศิลาฤกษ์ เนื่องในวโรกาสอันเป็นมหามงคลสมัยปีกาญจนาภิเษกในปัจุบันนี้ อาณาเขตของวัด มีเนื้อที่ทั้งสิ้นจำนวน 12 ไร่ โดยเป็นสถาปัตยกรรมในยุคหมิง-ชิง จำลองมาจากพระราชวังต้องห้ามในกรุงปักกิ่ง มีลักษณะความสวยงามเป็นสง่าและประณีตอย่างยิ่ง ภายในพระอารามแบ่งเป็นสัดส่วนตามแบบวัดหลวง โดยมีวิหารจตุโลกบาลเป็นวิหารแรก พระอุโบสถอยู่ตรงกลาง ด้านหลังพระอุโบสถมีวิหารหมื่นพุทธ วิหารอวโลกิเตศวร วิหารบูรพาจารย์และวิหารด้านซ้ายขวาประกอบกัน ลักษณะตัวอาคารมีทั้งหมด ๔ ชั้น คือ ชั้นที่ ๑ เป็นหอฉันและกุฏิ ชั้นที่ ๒ เป็นหอกลอง หอระฆัง หอธรรมและวิหารบูรพาจารย์ ชั้นที่ ๓ เป็นพระอุโบสถ วิหารอวโลกิเตศวร (พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม) และโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา ชั้นที่ ๔ เป็น วิหารหมื่นพุทธ

รอบๆ วิหารแต่ละหลังประดับด้วยลวดลายภาพเขียนสีพุทธศิลป์แบบจีนที่มีความวิจิตรงด งามลักษณะภายในภาพมีสีที่เด่นชัดคือสีน้ำเงิน แดงและทอง ตามผนังและเพดานทั้งหมดภายในพระอารามมีคาถาเป็นตัวอักษรสีทอง คือคาถา (โอม มา นี ปะ หมี่ ฮง) ซึ่งเป็นคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์ขับไล่สิ่งชั่วร้ายต่างๆได้

ปัจจุบันนี้วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ เป็นที่เลื่อมใสของชาวไทยเป็นอย่างยิ่ง โดยในทุกๆวันจะมีพุทธศาสนิกชนเข้าไปนมัสการ กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิภายในวัดเป็นจำนวนมาก ยิ่งทุกวันเสาร์ อาทิตย์จะมีผู้คนหลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ ทำให้พื้นที่ภายในวัดเต็มไปด้วยผู้มีจิตศัทธา และเป็นที่ปลาบปลื้มในการได้ชมศิลปะ และสถาปัตยกรรมอันสวยงามวิจิตร

จุดเด่นของวัด ที่สำคัญของวัดบรมราชาฯ นี้คือ สถาปัตยกรรม ใครที่มาชมแล้ว อาจนึกคล้ายๆ ไปถึงพระราชวังปักกิ่งเลยทีเดียว ซึ่งที่นี่ก็ตั้งใจสร้างให้เป็นพุทธศิลป์ในราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิงเช่นเดียวกับพระราชวังปักกิ่งอันเลื่องชื่อ ดังนั้นศิลปะต่างๆ ในวัดนี้จะเป็นแบบจีนล้วนๆ มีการวางผังตามแบบวัดพุทธศาสนานิกายฌาน มีการจัดวางวิหารถือตามแบบวัดหลวง โดยมี

“วิหารจตุโลกบาล” เป็นวิหารแรก  ในวิหารมีพระศรีอริยเมตไตรยโพธิสัตว์ นั่งครองจีวรปล่อยให้เห็นพุงพลุ้ยมีถุงย่ามใบใหญ่อยู่ที่ด้านซ้าย ใบหน้ายิ้มแย้มแสดงถึงความมั่งมีศรีสุข ตรงตามความเชื่อที่ว่า ท่านจะดลบันดาลความสุข เงินทอง ทั้ง 4 ทิศมีรูปปั้นท้าวจตุโลกบาล 4 องค์ ทำหน้าที่ปกครองสวรรค์และคุ้มครองโลกประกอบด้วย หัวหน้าคือ ทิศเหนือ ท้าวกุเวร ผู้เป็นใหญ่แห่งยักษ์ ได้แต่งบทสวดภาณยักษ์ถวายพระพุทธเจ้าเพื่อไม่ให้ภูตผีปีศาจมารบกวน, ทิศตะวันตก ท้าววิรูปักษ์ เป็นใหญ่ในหมู่นาค, ทิศใต้ ท้าววิรุฬหก เป็นใหญ่ในหมู่ครุฑและนก, ตะวันออก ท้าวธตรัฐ เป็นใหญ่ในหมู่คนธรรพ์

นอกจากนี้ยังประดิษฐาน เทพเจ้าตามความเชื่อทั้ง 8 องค์ เช่น ตรุษจีนชาวจีนนิยมไหว้ เทพเจ้าไท้ส่วยเอี้ย ผู้คุ้มครองดวงชะตา บูชาด้วยกระดาษแดงเขียนวันเดือนปีเกิดฝากไว้กับท่าน และ เทพไฉ่ซิงเอี้ยผู้ดลบันดาลโชคลาภ ส่วนหนูๆ ที่อยากมีความคิดหลักแหลมควรไหว้เทพจี่มุ้ยแชกุย บูชาด้วยขนม สมุดหนังสือ ด้านหลังก่อนออกจาก วิหารมีรูปปั้นของพระสกันท โพธิสัตว์ มีหน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนา พระภิกษุ สามเณร และพุทธศาสนิกชน

ด้านข้างของวิหารจตุโลกบาลขนาบด้วยหอกลองและหอระฆังที่ลำเลียงมาจากประเทศจีน ผนังตกแต่งด้วยลวดลายงดงาม ตามความเชื่อเมื่อมีพิธีสำคัญทางศาสนาพระจะตีกลองและระฆังเพื่อให้เทพเจ้าบนสวรรค์รับรู้ เช่นเดียวกับการจุดธูปก็เพื่อให้ความหอมอบอวลไปบนสวรรค์ ขณะเดียวกันก็เป็นสัญญาณบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองของศาสนา

ถัดมาเป็นอุโบสถหลังใหญ่ตกแต่งด้วยลวดลายแบบจีนประกอบด้วย สีเขียวแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน, น้ำเงิน ความเข้มแข็งของแผ่นดิน, ทอง อำนาจบารมี, แดง ความมั่งคั่ง และประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประกอบด้วย พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า, พระอมิตาภพุทธเจ้า, พระไภษัชยคุรุไวฑูรย์พุทธเจ้า ซึ่งถอดแบบมาจากวัดมังกรกมลาวาส ทุกพระองค์มีพุทธลักษณะอันสง่างาม พระพักตร์สมบูรณ์งดงาม เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา

ต่อมาเป็นวิหารพระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ ประดิษฐานพระโพธิสัตว์กวนอิม ปางพันมือพันตา แกะสลักด้วยไม้สักจาก ประเทศจีน มีบารมีคุ้มครองทั้ง 6 ภูมิประกอบด้วย สวรรค์-อสูร-มนุษย์-สัตว์เดรัจฉาน-เปรต-นรก แต่ในกรถืออาวุธเพื่อปกป้องรักษา

ชั้นบน เป็นวิหารหมื่นพุทธสุขาวดีพุทธเกษตร เชื่อว่าอยู่ทางทิศตะวันตกของโลกเป็นดินแดนของผู้บรรลุแล้ว เทพเจ้าแต่ละองค์จะไม่มีเพศ ด้านใน ประดิษฐาน พระอมิตาภพุทธ เจ้า, พระอวโลกิเตศวร, พระมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์ และตามผนังลายล้อมด้วยพระพุทธรูปหมื่นองค์เปล่งประกายเหลือง อร่าม

เรียกว่า หากได้มายลวัดเล่งเน่ยยี่ 2 ซักครั้ง ก็คงไม่ต่างจากการได้ไปวัดจีน หรือเที่ยวราชวังจีน ที่เมืองจีนแผ่นดินใหญ่เลยล่ะค่ะ อย่าลืมนะคะ เพื่อนๆ ที่เกิดปีชง (ชวด เถาะ ระกา มะเมีย)มากราบไหว้เทพไท้ส่วยเอี๊ยะ เพื่อเสริมดวงชะตาให้ดียิ่งขึ้นๆ ไป รับปีกระต่ายทองนะคะ ที่นี่เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 08.00 น. วันจันทร์ ถึง ศุกร์ ปิด 5 โมงเย็น ส่วนเสาร์-อาทิตย์ เปิดถึง 6 โมงเย็น

การเดินทาง 

โดยสารรถเมล์สาย 127 ที่วิ่งผ่าน เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน นั่งจนสุดสายรถเมล์ก็จะถึงที่วัดบรมราชาฯ

โดยรถยนต์ส่วนตัว  หากใช้เส้นทางที่มุ่งหน้าสู่บางบัวทอง ให้ขับตามถนนรัตนาธิเบศร์ ข้ามสะพานพระนั่งเกล้าฯ ถึงสี่แยกบางพลู เลี้ยวขวาไปยังอำเภอบางบัวทอง ทางเข้าวัดจะอยู่ด้านซ้ายมือ (ซอยเทศบาล 9) ก่อนถึงโรงเรียนเทศบาลวัดละหาร หรือหากเดินทางจากกรุงเทพฯ มาตามถนนกาญจนาภิเษก (ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี) กลับรถเลี้ยวเข้าตามเส้นทางไปโรงเรียนพระแม่สกลสงเคราะห์ ผ่านศูนย์เยาวชนเทศบาลไปยังวัดได้เช่นเดียวกัน

ขอบคุณภาพ www.juth.net

เชิญแสดงความคิดเห็น