ลัดเลาะเพลิน ณ เกาะเกร็ด ชมเจดีย์เก่าแก่ วัดเสาธงทอง
เมื่อได้มีโอกาสไปเที่ยวเยี่ยมเยือนตลาดน้ำเก่าแก่ ใกล้กรุง อย่างเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ก็ได้มีโอกาสได้ชมความคลาสสิคของสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เต็มไปด้วยร้านค้าขายอาหาร ของหวาน ขนมไทย เครื่องปั้นดินเผา ของเก่าแก่ ฯลฯ มากมาย ดูเอเซียก็ได้มีโอกาสเดินเที่ยวตามเกาะเกร็ด ลัดเลาะไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งเจอกับ วัดเสาธงทอง.. ซึ่งเป็นจุดขึ้นเรือโดยสารของนักท่องเที่ยว
เห็นป้ายก็สะดุดตาซะแล้วเมื่อเจอจุดน่าสนใจของวัดเสาธงทอง ที่เขียนไว้ว่า เป็นเจดีย์ที่เก่าแก่ และต้นยางอายุกว่า 200 ปี ที่สูงที่สุดในจังหวัดนนทบุรี จะเก่า จะสูงแค่ไหนก็ต้องไปพิสูจน์กันเอาเอง
วัดเสาธงทอง ตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะเกร็ด เป็นวัดโบราณเดิมชื่อ วัดสวนหมาก คือเมื่อได้สร้างวัดขึ้นต้นหมากก็ถูกตัดจนหมด จนกระทั่งถึงปลายรัชกาลที่ 4 เจ้าจอมมารดาอำภา ซึ่งเป็นเจ้าจอมในสมัยรัชกาลที่ 2 พร้อมด้วยกรมหมื่นภูบาลกรมขุนวรจักรกรีได้เสด็จมาและได้บูรณะวัดซึ่งกำลัง ทรุดโทรมและทรงเห็นว่า ต้นหมากก็หมดไปแล้ว จึงเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า “วัดเสาธงทอง”
จนกระทั่งทุกวันนี้ วัดเสาธงทอง นอกจากเป็นที่ตั้งโรงเรียนประถมแห่งแรกของอำเภอปากเกร็ดแล้ว ด้านหลังอุโบสถยังประดิษฐานเจดีย์ที่สูงที่สุดของอำเภอปากเกร็ดด้วย วัดเสาธงทอง เป็นศิลปะสมัยอยุธยา ที่มีเจดีย์ ย่อมุมสิบสองขนาดใหญ่อยู่หลังโบสถ์ เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในเขตอำเภอปากเกร็ด ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ มีเจดีย์องค์เล็กเป็นเจดีย์ บริวารโดยรอบอีก 2 ชั้น ด้านข้างโบสถ์มีเจดีย์องค์ใหญ่อีก 2 องค์ องค์หนึ่งเป็นเจดีย์ทรงระฆังกลมอีกองค์หนึ่งมีรูปแปลกมีฐานเหลี่ยม องค์ระฆังทำเป็นทรงกลมสูง
เจดีย์ทรงมะเฟือง และทรงระฆัง ศิลปะสมัยอยุทธยา
ภายในโบสถ์มีลายเพดานสวยงามมาก เป็นลายทองเขียนลาย กรวยเชิงอย่างงามพระประธานเป็นพระปางมารวิชัย ปูนปั้น ขนาดใหญ่องค์หนึ่งในจังหวัดนนทบุรี คนมอญเรียก วัดนี้ว่า “เพ๊ยะอาล๊าต” ในสมัยอยุธยาเรียกว่า “วัดสวนหมาก” บริเวณหน้าอุโบสถจะมีต้นยางอายุกว่า 200 ปี ที่มีความสูงที่สุดในจังหวัดนนทบุรี และศาลสองกุมารผมจุก และศาลเจ้าแม่ตะเคียน ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของชาวเกาะเกร็ด และนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
ซ้ายกลาง: ต้นยางอายุกว่า 200ปี ขวา: ศาลหลวงตากลับ
วัดเสาธงทองร่มรื่นด้วยแมกไม้และตั้งอยู่ริมแม่น้ำมีอากาศสดชื่น ภูมิทัศน์ที่ดีของวัดผู้ที่ผ่านไปมามีความรู้สึกสงบสบาย วัดเสาธงทองอยู่ตรงอ้อมเกร็ดเยื้องปากคลองบ้านแหลมใหญ่ข้าม” วัดเสาธงทอง ในอดีต จึงเป็นสถานที่ที่มีพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์นิยมมาพักผ่อนกันมาก ดังปรากฏเมื่อ “ปี พ.ศ.๒๔๔๐ พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง เสด็จพระราชดำเนินมาประทับแรมที่วัดเสาธงทอง นี้ ๑ ราตรี ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับพระอุดมญาณมุนี อดีตเจ้าอาวาสวัดเสาธงทอง และมีพระราชดำรัสถามว่าเกาะนี้มีชื่อว่าเกาะอะไร ท่านเจ้าคุณอุดมญาณเจ้าอาวาสได้ถวายพระพรทูลว่า เกาะนี้เรียกชื่อว่า เกาะศาลากุล แต่ตามความนิยมของประชาชนชาวบ้านนี้ นิยมเรียกชื่อเกาะนี้ว่า เกาะเกร็ด พระบาทสมเด็จพระปิยะมหาราช ทรงรับสั่งว่า เกาะนี้เป็นเกาะสำราญ แล้วพระองค์ได้เสด็จไปนมัสการพระประธานในอุโบสถ แล้วเสด็จทอดพระเนตรการปั้นโอ่งและปั้นอ่างที่โรงปั้นโอ่งของนางยัวะและนายจาวซึ่งอยู่เชิงสะพานวัด แล้วเสด็จกลับที่ประทับแรม ครั้นต่อมาพระองค์เสด็จถวายผ้าพระกฐินที่วัดนี้อีกครั้งหนึ่ง ในรัชสมัยสมเด็จพระมหาธีราชเจ้า รัชกาลที่ ๖ เมื่อครั้งยังทรงดำรงราชอิสริยยศ เป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชก็เคยเสด็จประพาสประทับร้อน ครั้นเมื่อเสวยราชสมบัติแล้วก็ได้เสด็จประพาสร้อนที่พระอารามนี้อีกครั้งหนึ่ง ต่อมาในรัชสมัยรัชกาลที่ ๗ ก็ได้เคยเสด็จมาประพาสประทับร้อนที่พระอารามนี้อีก ๒ ครั้ง
ศาลสองกุมารผมจุก
สมเด็จพระศรีนครินทราพระบรมราชชนนี เสด็จที่วัดเสาธงทองและทรงฉายพระรูปขณะประทับยืนที่ศาลาริมน้ำหน้าวัดเสาธงทอง ดังปรากฏในหนังสือพระนิพนธ์ “แม่เล่าให้ฟัง” ซึ่งกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ได้นิพนธ์ขึ้นเมื่อครั้งที่ดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา
เรียกว่า ฟังประวัติความเป็นมาของวัดเสาธงทองแล้ว ก็ไม่ธรรมดาใช่มั้ยล่ะครับ โดยเฉพาะความสวยงามของเจดีย์เก่าแก่รอบ ๆอุโบสถ ที่เป็นศิลปะสมัยอยุธยาที่มีอายุเก่าแก่เป็นร้อยปี… ที่ดูเอเซียได้เก็บมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน ,, ไปชมต้นยางยักษ์อายุ 200 ปี ที่ยังตั้งตระหง่านสวยงามอยู่บนเกาะเกร็ด ให้ชาวเมืองนนทบุรี และนักท่องเที่ยวได้เห็นความยิ่งใหญ่ และเข้ามาเคารพสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง
อย่างไรก็ตาม หากมาเที่ยวเกาะเกร็ด ก็อย่าลืมมัวแต่ช็อป ชิม เพลินกันเลยนะครับ เพราะที่เกาะเกร็ดยังมีความเก่าแก่ของคนไทย มอญ และประวัติศาสตร์เก่าๆ ที่น่าเรียนรู้และจดจำไว้ให้เราได้เห็นอยู่รอบๆ เกาะเกร็ดเลยทีเดียว หรือจะเช่าจักรยาน ปั่นรอบๆ เกาะ ก็ราคาเพียง 40 บาท/วัน เท่านั้นครับ
แม่น้ำเจ้าพระยา มาทางเรือก็ได้ครับ
การเดินทาง
รถยนต์ มีถนนสายสำคัญ 11 สาย คือ
- ถนนพิบูลสงคราม ระหว่างเชิงสะพานพระรามหก – สี่แยกโรงภาพยนตร์ศรีพรสวรรค์
- ถนนประชาราษฎร์ สาย 1 ระหว่างศาลากลางจังหวัด – สี่แยกโรงภาพยนตร์ศรีพรสวรรค์
- ถนนติวานนท์ ระหว่างสามแยกวัดลานนาบุญ-ท่าน้ำปทุมธานี
- ถนนงามวงศ์วาน ระหว่างสี่แยกแคลาย-สี่แยกมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- ถนนนนทบุรี 1 ระหว่างศาลากลางจังหวัด-ถนนติวานนท์
- ถนนแจ้งวัฒนะ ระหว่างสี่แยกปากเกร็ด-สี่แยกหลักสี่
- ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ระหว่างสะพานพระรามหก-อำเภอไทรน้อย
- ถนนบางบัวทอง-ตลิ่งชัน ระหว่างแยกบางบัวทอง-ตลิ่งชัน
- ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี ระหว่างแยกบางบัวทอง-สุพรรณบุรี
- ถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี ระหว่างสามแยกเตาปูน-สามแยกวัดลานนาบุญ
- ถนนรัตนาธิเบศร์ ระหว่างสี่แยกแคลาย-สะพานพระราม 5 -ถนนบางบัวทอง-ตลิ่งชัน
รถโดยสารประจำทาง
จากกรุงเทพฯมีรถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) มาจังหวัดนนทบุรี ดังนี้
สาย 27 (อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-ประชานิเวศน์ 3) สาย 30 (สายใต้ใหม่-นนทบุรี)
สาย 32 (วัดโพธิ์-ปากเกร็ด) สาย 33 (สนามหลวง-ปทุมธานี)
สาย 51 (ท่าน้ำบางโพ-ปากเกร็ด) สาย 52 (สถานีรถไฟบางซื่อ-ปากเกร็ด)
สาย 63 (อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-นนทบุรี) สาย 64 (สนามหลวง-ถนนสามเสน-นนทบุรี)
สาย 65 (ท่าเตียน-วัดปากน้ำ) สาย 66 (สายใต้ใหม่-ประชานิเวศน์)
สาย 69 (อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-สนามบินน้ำ) สาย 70 (สนามหลวง-ประชานิเวศน์)
สาย 90 (ย่านสินค้าพหลโยธิน-ท่าน้ำบางพูน) สาย 97 (โรงพยาบาลสงฆ์-นนทบุรี)
สาย 104 (อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-ปากเกร็ด) สาย 114 (แยกลำลูกกา-นนทบุรี)
สาย 117 (ห้วยขวาง-วัดเขมาฯ ) สาย 127 (เชิงสะพานกรุงธนฯ-อำเภอบางบัวทอง)
สาย 128 (เชิงสะพานกรุงธนฯ-บางใหญ่) สาย 134 (ย่านสินค้าพหลโยธิน-อำเภอบางบัวทอง)
สาย 203 (สนามหลวง-นนทบุรี)
เรือ มีเรือด่วนเจ้าพระยาบริการระหว่างเส้นทางจากท่าน้ำวัดราชสิงขร เขตยานนาวาถึงท่าน้ำนนทบุรี (ฝั่งพระนคร)อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ทุกวัน ระหว่างเวลา 06.00- 18.00 น. เรือออกทุก 20 นาที สอบถามที่บริษัทเรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด โทร. 0 2222 5330, 0 2225 3003, 0 2623 6001-3 โทรสาร 0 2623 6001–3 เว็บไซต์ www.chaophrayaboat.co.th