วันนี้ เราจะพาไปเตร็ดเตร่ในกรุงเทพฯ เมืองหลวงของไทย เมืองที่ได้ชื่อว่าน่าอยู่ที่สุดอันดับ 1 ของโลกเชียวนะครับ ด้วยเป็นเมืองที่เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก สถานที่ท่องเที่ยวดื่มกิน ช้อปปิ้ง หรือจะเป็นสถาปัตยกรรม พิพิธภัณฑ์ สิ่งที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะ วัด ที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวอยากจะมายลความสวยงามแห่งมหานครกลางกรุงเทพมหานคร ที่คนไทยหลายคนมองว่า.. เมืองนี้แสนวุ่นวาย .. แต่ใครเล่าจะรู้ว่า กรุงเทพมหานคร เมืองศรีวิไล มีอะไรอีกมากมาย..ให้เราได้รู้ได้เห็นกันอีกเยอะ
ดูเอเซียพาเพื่อนๆ เตร็ดเตร่ ไปถ่ายรูปชิลกันแถวๆ เสาชิงช้า… ไปวัดชื่อดังละแวกนั้นที่เรารู้จักกันดี ในนามวัดสุทัศน์ หรือ ชื่อเต็ม วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร วัดที่มีชื่อเสียงอีกหนึ่งแห่งที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว และสิ่งที่น่าสนใจภายในมากมาย รวมถึงพระพุทธรูป สิ่งศักดิ์สิทธิอันเป็นที่เคารพ ศรัทธาของประชาชนคนไทยภายใน วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร
วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก และเป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๘ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เดิมชื่อ “วัดมหาสุทธาวาส” วัดนี้เริ่มสร้าง ในสมัยรัชกาลที่ ๓ และได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดสุทัศนเทพวราราม”
เสาชิงช้า สัญลักษณ์ของวัดสุทัศ
วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร แปลว่า สุทัสสนนครบนเขาพระสุเมรุ ศูนย์กลางของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์อันเป็นที่ประทับของพระอินทร์ หรือที่หลายคนเรียกกันอย่างคุ้นหูกันดีในหลากชื่อ ว่า วัดพระโต วัดพระใหญ่ นั่นเองครับ วัดแห่งเดียวที่มีเสาชิงช้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหน้าวัด ส่วนที่เรียกว่าวัดพระโตหรือวัดพระใหญ่ก็เนื่องจากภายในวิหารหลวงเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหล่อสำริดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีพระนามว่า พระศรีศากยมุนี
พระศรีศากยมุณี
ด้านหลังเป็นพระประธานองค์ใหญ่อันเชิญมาจากสุโขทัย
เมื่อเข้าไปถึงภายในวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร จะพบกับศิลาแบบจีนทำจากหิน สลักเป็นรูปต่างๆ เช่นเก๋งจีน ตุ๊กตาจีนหลายแบบ ทั้งรูปคน ฝรั่ง จีน เทพเทวดา และรูปสัตว์ เรียกว่า เครื่องอับเฉา Ballast อับเฉา (ของถ่วงเรือกันเรือโคลง) ตุ๊กตาจีนและศิลาแกะสลักมาพร้อมกับเรือสำเภาในฐานะเครื่อง “อับเฉา” ใส่ไว้ใต้ท้องเรือสำเภาเพื่อถ่วงน้ำหนักเรือไม่ให้โคลง
นอกจากนี้แล้วก็ยังจะเห็น “ถะ” เป็นศิลาจีนรูปแบบคล้ายอาคารหกเหลี่ยมซ้อนกันเป็นชั้นๆใช้จุดประทีป มีขนาดใหญ่และสง่างามมาก ที่นี่มีถะเรียงรายอยู่รอบพระวิหารเลยทีเดียว
ภายในวิหารหลังใหญ่ มี “พระศรีศากยมุนี” เป็นพระประธาน ซึ่งอัญเชิญมาจากสุโขทัยเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยหล่อด้วยสำริดถอดแบบมาจากพระวิหารพระมงคลบพิตร กรุงศรีอยุธยา หน้าตักกว้าง ๓ วา ๑ คืบ นับเป็นพระพุทธรูปหล่อที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในยุคก่อน ๒๕ พุทธศตวรรษ
พระประธานในวิหาร
เชื่อว่า หากใครอยากเป็นผู้มี” วิสัยทัศน์กว้างไกล มีเสน่ห์แก่คนทั่วไป” ต้องสักการะ “พระศรีศากยมุนี” ด้วยธูป ๓ ดอก เทียน ๒ เล่ม ดอกบัวหรือพวงมาลัย
บริเวณภายในวิหาร จะเป็นภาพภาพจิตกรรมฝาผนัง ซึ่งมีเรื่องราวของ เปรตวัดสุทัศน์ ที่โด่งดังเป็นที่จดจำของใครหลายๆ คนหากพูดถึงวัดสุทัศน์แห่งนี้ สามารถดูได้ภายในวิหารหลวงนี้ครับ โดยากันว่า..เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ บุคคลเหล่านี้ก่อกรรมทำเข็ญไว้มาก เมื่อตายไป จึงได้รับผลแห่งกรรมอย่างทุกขเวทนาที่สุด
เรามารู้ถึง ประวัติพระศรีศากยมุนี กันบ้างดีกว่าครับ
พระศรีศากยมุนีสร้างสมัยราชวงศ์พระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ให้อัญเชิญมายังกรุงเทพ ฯ ได้ทรงมีพระราชดำริจะสร้างพระอาราม ที่มีพระวิหารใหญ่อย่างวัดพนัญเชิงที่อยุธยา โดยประดิษฐานไว้กลางพระนคร เมื่อชลอพระศรีศากยมุนีมาถึงกรุงเทพ ฯ แล้วให้ประทับท่าสมโภช ๗ วัน แล้วจึงทรงชักเลื่อนองค์พระทางสถลมารค และพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินตามขบวนแห่พระในรัชสมัยของพระองค์ ทำได้เพียงอัญเชิญองค์พระขึ้นตั้งไว้
การขนย้ายพระพุทธรูปหล่อที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศครั้งนั้นทำโดยชักพระลงแพขนาดใหญ่ล่องมาตามแม่น้ำ ซึ่งก็คงเป็นเรื่องใหญ่และเป็นที่ตื่นเต้นกันอยู่มาก เมื่อมาถึงพระนครจอดทอดทุ่นอยู่หน้าพระตำหนักแพแล้วได้มีการสมโภชเป็นการใหญ่ หลังจากนั้นจึงเทียบท่าช้าง ชักพระขึ้นบกไปตามถนนเพื่อไปยังวัดที่สร้างใหม่ปรากฏว่า “พระใหญ่” ไม่สามารถผ่านประตูเมืองได้ ต้องรื้อประตูและกำแพงส่วนหนึ่งออกเสียก่อน การชักลากพระใหญ่มาที่วัดและยกขึ้นประดิษฐานบนรากพระวิหารที่ก่อเตรียมไว้นี้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ทรงพระอุสาหะเสด็จฯทรงร่วมทั้งที่ทรงประชวร
“พระใหญ่” องค์นี้ เป็นพระพุทธรูปศิลปสุโขทัย แต่เนื่องจากที่ได้ “…กรำแดดฝน ต้องไฟป่า…” อยู่ที่สุโขทัยเป็นเวลานาน เมื่อเชิญลงมาแล้วพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ทำการหล่อแก้ไขพุทธลักษณะให้ต้องด้วยพระบาลี และพระอรรถกถาเมื่อประดิษฐานแล้วผู้คนจึงพากันเรียกชื่อวัดกันว่าวัดพระใหญ่บ้างวัดพระโตบ้าง ก่อนที่วัดนี้จะได้รับพระราชทานนามว่า วัดสุทัศนเทพธาราม ในรัชกาลที่ ๒ และแก้เป็นวัดสุทัศนเทพรารามในรัชกาลที่ ๓ ส่วนพระพุทธรูปได้รับการถวายนามว่า “พระศรีศากยมุนี” ในรัชกาลที่ ๔
เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรเมทรมหาอานันทมหิดล เสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันทรงเชิญพระบรมราชสรีรางคารมาบรรจุที่ผ้าทิพย์ด้านหน้า พระพุทธบัลลังก์พระศรีศากยมุนีนี้และในวันที่ ๙ มิถุนายนของทุกปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯจะเสด็จพระราชดำเนินถวายเครื่องราชสักการะถวายบังคม พระบรมสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ณ พระวิหารวัดสุทัศน์ฯ ก่อนเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลคล้ายวันสวรรคต แห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เป็นประจำตลอดมา ที่ผ้าทิพย์ด้านหน้าพระพุทธบัลลังก์ พระศรีศากยมุนี เป็นที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคาร ของสมเด็จพระปรเมนมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ ซึ่งโปรดเกล้าให้อัญเชิญมาบรรจุไว้เมื่อ วันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๓
นอกจากนี้ภายในวัดสุทัศน์ยังมีพระอุโบสถ ที่ถูกจัดว่าเป็น พระอุโบสถที่ยาวที่สุดในประเทศไทย พระประธานภายในพระอุโบสถ คือ พระพุทธตรีโลกเชษฐ์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ทั้งพระอุโบสถและพระประธานนี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ผนังด้านในของพระอุโบสถมีภาพจิตกรรมฝาผนังฝีมือช่าง ในสมัยรัชกาลที่ 3 ซุ้มประตูและหน้าต่างเป็นซุ้มยอด มีลัดษณะแปลกและงดงามมาก รอบ ๆ พระอุโบสถ มีซุ้มเสมา 8 ซุ้ม ตั้งอยู่บนกำแพงแก้ว เป็นใบเสมาคู่ซึ่งทำจากหินอ่อนสีเทา สลักเป็นภาพช้าง 3 เศียร งวงชูดอกบัวตูมเศียรละ 1 ดอก เบื้องบนมีดอกบัวบาน 3 ดอก บนกำแพงแก้วด้านทิศเหนือและทิศใต้ มีเกยอยู่ด้านละ 4 เกย ซึ่งใช้เป็นที่สำหรับประทับโปรยทานแก่ประชาชนในงานพระราชพิธี เรียกว่า เกยโปรยทาน ภาพวาดบนฝาผนังในอุโบสถ ที่เป็นรูป เปรต ตนหนึ่งนอนพาดกายอยู่ และมีพระสงฆ์ยืนพิจารณาอยู่ ซึ่งภาพนี้มีชื่อเสียงมากในสมัยอดีต เป็นที่เลื่องลือกันของผู้ที่ไปที่วัดแห่งนี้ว่าต้องไปดู
หากว่าใครยังไม่เคยมีโอกาสมาที่ วัดสุทัศนเทพวราราม แห่งนี้ ก็ต้องหาโอกาสมากันหน่อยแล้วล่ะครับ เพราะไม่ใช่เฉพาะการสักการะพระศรีศากยมุณี เพื่อความเป็นสิริมงคลอย่างเดียวเท่านั้น แต่ภายในวัดสุทัศน์แห่งนี้ มีสิ่งมหัศจรรย์อีกมากมายรอเราอยู่
วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 06.00 – 18.30 น. โทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่วัดสุทัศน์เทพวราราม โทร 02-2249845
วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร อยู่ตรงข้างเสาชิงช้า หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ถ.บำรุงเมือง แขวงราชบพิธ เขตพระนคร สามารถเดินทางโดยรถประจำทาง 10 ,12 ,15 ,19 ,35 ,42 ,48 ,73 ,96