ถ้ากล่าวถึงแกรนด์แคนยอนเมืองไทย เพื่อน ๆ ดูเอเซียคงพอรู้จักหรือเคยได้ยินกันมาบ้าง วันนี้ดูเอเซียขอพาเพื่อน ๆ ไปเยือนจังหวัดอุบลราชธานี ไปสัมผัสความมหัศจรรย์ของดินแดนชายฝั่งลุ่มแม่น้ำโขง สายน้ำใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชีวิตชาวอีสานมาหลายชั่วอายุคน เมื่อถึงช่วงฤดูแล้ง ระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่อุดมสมบูรณ์ จะค่อย ๆ ลดลง จนสามารถเห็นแก่งหินใต้น้ำมากมาย ซึ่งความสวยงามเหล่านี้เกิดขึ้นจากธรรมชาติ ในช่วงระหว่างเดือน ธันวาคม พฤษภาคม ของทุก ๆ ปีเท่านั้น ที่เราจะได้เห็นศิลปะจากธรรมชาติ จิตรกรรมของแอ่งหินน้อยใหญ่ ที่รอเราไปสัมผัสกันสักครั้ง และวันนี้ดูเอเซียขอพาเพื่อน ๆ ไปสัมผัส แก่งหินน้อยใหญ่ที่ถูกสายน้ำกัดเซาะ จนปรากฏเป็นงานศิลปะจากธรรมชาติ หินรูปทรงต่าง ๆ มากมายแปลกตารอให้เราไปสร้างสรรค์จินตนาการของเราเอง แม้อากาศจะร้อน แดดจะแรงมากในช่วงนี้ ดูเอเซียก็ไม่หวั่น พร้อมแล้วก็ไปสัมผัสดินแดนใต้บาดาลสามพันโบกกันเลยจ้า
สามพันโบก เป็นแก่งหินที่อยู่ใต้ลำน้ำโขง พอถึงช่วงฤดูที่น้ำหลากแก่งหินต่าง ๆ จะจมอยู่ใต้บาดาลของลำน้ำโขง และด้วยปรากฎการณ์แรงน้ำวน ทำให้แก่งหินใต้น้ำโดนกัดเซาะจนกลายเป็นแอ่งหินเล็ก ใหญ่ จำนวนมาก รวม ๆ ก็ 3,000 แอ่งได้ จึงทำให้เกิด สมญานาม “สามพันโบก” ขึ้นมา ซึ่งโบกหรือแอ่งเป็นภาษาลาว หมายถึง บ่อน้ำลึกในแก่งหินใต้ลำน้ำโขง แอ่งหินเล็กใหญ่ รูปทรงสวยงามแปลกตา ที่จะเห็นได้ชัดเลยคือหินหัวสุนัทพุดเดิ้ลและแอ่งน้ำรูปมิกกี้เม้าท์ รูปดาว ซึ่งจัดว่าเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยม เพราะถือว่าเป็นความบังเอิญที่ธรรมชาติสร้างสรรค์มาได้ตรงกับจินตนาการของมนุษย์เรา นอกจากแอ่งหินมากมายที่โผล่ขึ้นมาให้ได้ยลกันแล้ว “สามพันโบก” ยัง กลายเป็นที่เพาะพันธุ์สัตว์น้ำจืด ในลำน้ำโขงตามธรรมชาติ แหล่งใหญ่ที่สุด โดยบริเวณนี้ปัจจุบันก็ยังรักษาระบบนิเวศน์และการขยายพันธุ์ของสัตว์น้ำในลำน้ำโขงให้อยุ่ได้อย่างสมดุล แต่ที่ดูเอเซียอยากเห็นสักครั้งหนึ่งในชีวิตเลย คือปลาบึกตัวเป็น ๆ ในลำน้ำโขง ซึ่งพี่ ๆ ชาวบ้านท้องถิ่นเค้าเล่าให้ฟังว่า แถว ๆ สามพันโบกนั้น มีปลาบึกยักษ์อยู่ 2 ตัว ขนาดของมันเท่าเรือหางยาวที่พวกเราใช้ล่องในแม่น้ำโขงเลย โอ้! นั้นมันน้อง ๆ ปลาวาฬเลยน่ะ แต่โอกาสที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นนั้นน้อยมาก เพราะเดือน ๆ นึง มันจะขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำแค่ ครั้งสองครั้งเท่านั้น…
เมื่อเราไปถึงสามพันโบก กิจกรรมหลักนอกจากถ่ายภาพความสวยงามของรูปทรงแอ่งหินต่าง ๆ เก็บไปเป็นที่ระลึกแล้ว อีกหนึ่งกิจกรรมที่ต้องทำเลยคือการนั่งเรือหางยาวชมทัศนียภาพโดยรอบของสามพันโบก ราคา 700-1,000 บาท แล้วแต่ขนาดของเรือที่เพื่อน ๆ เหมาไป โดยรอบ ๆ สามพันโบกยังมีสิ่งสวยงามอีกมากมายรอเพื่อน ๆ ไปสัมผัส เช่น หาดหงส์ หินหัวพะเนียง และแวะจอดเรือริมโขดหินสามพันโบกเพื่อขึ้นไปชมความแปลกของหาดหินสี หรือ ทุ่งเหลี่ยม อยู่ในพื้นที่บ้านคำจ้าว ตำบลเหล่างาม อำเภอโพธิ์ไทร เป็นกลุ่มหินสีที่มีลักษณะแปลกตาจริง ๆ คือหินแต่ละก้อนนั้น จะมีผิวเรียบเป็นมันประกอบด้วยสีเหลือง เขียว ม่วง น้ำเงิน มีขนาดตั้งแต่ก้อนเล็กเท่ากำปั้นและก้อนใหญ่สุดมีขนาดใหญ่กว่า 3 เมตร โดยหินแต่ละก้อนถ้านำมาเรียงต่อกันจะเชื่อมกันได้สนิทคล้ายจิ๊กซอว์หินสี มหัศจรรย์มาก ๆ ชาวบ้านเล่าขานกันว่ากลุ่มหินสีดังกล่าวคือทองคำพญานาค ซึ่งเกิดจากการขุดสร้างแม่น้ำโขงของพญานาคตัวพ่อและตัวแม่ ส่วนร่องน้ำเล็กที่คู่ขนานกับแม่น้ำโขงเป็นผลงานของลูกพญานาคที่ขุดเล่น จนเกือบทะลุกับแม่น้ำโขง ลูกพญานาคพบหินเหมือนทองคำ จึงขุดขึ้นกองไว้เป็นบริเวณกว้างประมาณ 2 ไร่ ที่ใดมีความแปลก ที่นั้นต้องมีตำนาน หาดหินสี แห่งนี้จัดเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของสามพันโบกเลยทีเดียว
การเดินทาง
ไปสามพันโบกก็ไม่อยากเย็นเท่าไหร่ หากเพื่อน ๆ มาด้วยรถส่วนตัว เพื่อน ๆ สามารถขับรถเข้าไปที่นั้นเพื่อชมความสวยงามของสามพันโบกได้เลย จากจังหวัดอุบลราชธานี ระยะทาง 120 เมตร วิ่งตามทางหลวงหมายเลข 2050 ผ่านอำเภอตระการพืชผล ไปยัง อำเภอโพธิ์ไทร รวมระยะทางประมาณ 110 กิโลเมตรและเดินทางต่อไปยังบ้านสองคอนเข้าไปหมู่บ้านประมาณ 3 กิโลเมตร
ที่สามพันโบกแห่งนี้ จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ Unseen สุด ๆ อีกแหล่งหนึ่งของเมืองไทยและในใจของดูเอเซียเลยก็ว่าได้ หากเพื่อน ๆ ดูเอเซียมีโอกาสแวะมาเมืองอุบล ฯ ก็อย่าลืมมาสัมผัสกับความสวยงามของลำน้ำโขงที่สร้างสรรค์ธรรมชาติให้เกิดศิลปะที่ยิ่งใหญ่ และสิ่งที่อยากแนะนำเลยถ้าหากเพื่อน ๆ ได้มีโอกาสมาเยือน ควรพัก ร่ม หมวก เสื้อคลุมกันแดด แว่นตากันแดด มาด้วยน่ะจ๊ะ เพราะว่าที่นี้แดดร้อนแรงมาก ๆ มีแต่แก่งหินมากมายขนาดใหญ่ ไร้ซึ่งเงาจากร่มไม้ และที่สามพันโบก จะมีลมพัดตลอด และสาเหตุที่ควรใส่แว่นกันแดดนอกจากจะกันแสงแดดแล้ว ยังปกกันทรายและฝุ่นที่มากลับลมเข้าตาเรา อย่าลืมที่ดูเอเซียฝากไว้ด้วยน่ะ เพราะอยากให้เพื่อน ๆ ทุกคนเที่ยวอย่างมีความสุข…