แม่สายนั้นติดกับพม่าและพม่าก็ติดกับประเทศจีน ร้านอาหารที่แม่สายส่วนหนึ่งเป็นอาหารจีนยูนนาน ร้านที่ดูเอเซียจะพาไปแนะนำวันนี้คือ “ร้านอาหารหยิงปิงยูนนาน” ซึ่งเป็นร้านที่ดังมานาน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเองก็แนะนำลงในรายการร้านอาหารของแม่สายด้วย เราเองก็ได้ไปถามคนแถวนั้นดูเขาก็บอกว่าอร่อยจริง อ่านไปเจอที่หมีกแดงชิมก็บอกว่าอร่อย วันนี้เราจึงมาลองชิมให้ลิ้นได้รู้ว่าอร่อยแค่ไหนกัน
ร้านหยิงปิงยูนนานนี้เป็นตึกแถวสองคูหา ตั้งอยู่ 132/3 ซ.4 หมู่ 10 ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย 57130 โทรศัพท์ (053) 732-213 หน้าร้านมีที่จอดรถได้ไม่กี่คัน ต้องจอดเรียงๆกันริมถนน ภายในร้านมีโต๊ะนั่ง 10 กว่าโต๊ะได้ เป็นโต๊ะกลมแบบหมุนได้ มีผ้าแดงปูบนโต๊ะทุกโต๊ะ ราคาจัดอยู่ที่กลางๆถึงค่อนข้างสูงครับ ดังนั้นจะต้องสั่งเฉพาะที่อร่อยๆจริงๆเท่านั้น
สำหรับอาหารที่ขอแนะนำอย่างแรกคือขาหมูหมั่นโถว ร้านนี้ขึ้นชื่อมานานมาก เนื่องจากขาหมูเขาอร่อยเหลือเกิน ทำได้อร่อยสุดๆ มันหมูนี้เห็นสีขาวๆหนังหมูนุ่มอร่อย เสริฟพร้อมหมั่นโถร้อยๆ สุดยอดแห่งความอร่อยไปเลยครับ ขาหมูที่นี่ช่างนุ่มลิ้นเหลือเกิน ออกหวาน จิ้มด้วยน้ำจิ้มเปรี้ยวเล็กน้อย ฉีกหมั่นโถวพอค่ำ ค่อยๆวางบนลิ้น โหอร่อยเหนือคำบรรยายเลยครับ มาที่นี่ขอแนะนำให้กินให้ได้เลยจานนี้
ส่วนใครที่ไม่ชอบอาหารมันๆ ก็มีตัวเลือกอื่นๆให้กินครับ บะหมี่ถ้วยโตๆ ที่นี่ปรุงน้ำได้อร่อยจริงๆ ไม่ต้องปรุงแค่คลุกเคล้าให้เข้ากันด้วยตะเกียบ แค่นี้ก็อร่อยแล้วครับ น้ำซุบหวานหอมเหลือประมาณ อีกจานที่อยากให้ชิมก็เป็นไก่แช่เหล้า เนื้อไก่จะนุ่ม หอม ออกรสเหล้านิดๆ จะกินแกล้มเบียร์ หรือกินกับข้าวสวยหอมมะลิร้อนๆ ก็อร่อยครับ
ร้านหยิงปิงยูนนานมีเมนูให้เลือกหลายอย่าง มากินไกลถึงเชียงรายก็กินให้คุ้ม เน้นพวกผักก็ดี ที่นี่ผักสด เพราะอยู่ในแหล่งที่เขาปลูกกัน เมื่อนำผักไปผัดจะอร่อยกรอบหวาน ลองเลือกชิมกันได้ตามใจชอบครับ ดูเอเซีย.คอม เราพาตะเวณชิมไปทั่วประเทศ ติดตามเราต่อไปนะครับ ออกมาจากตัวเมืองเชียงรายตรงไปสู่แม่สายเลี้ยวขวาเข้าซอยเล็ก ๆ ทางขวามือก็จะพบร้านหยิงปิงยูนนาน ซึ่งเป็นร้านอาหารจีนสไตล์ยูนานที่มีชื่อเสียงในตัวเมืองแม่สาย ร้านนี้เขาเป็นโรงแรมเล็ก ๆ ด้วย เจ้าของร้าน เป็นคนยูนาน ฝีมือการทำอาหารดีเหลือเกิน และขี้อาย เพราะตัวเองบอกว่าพูดภาษาไทยไม่ชัด ผมก็เลยต้อง เรียนคุณไพฑูรย์ไปว่า ใครพูดภาษาไทยชัดบ้างแถวนี้ ไม่มีสักคนเดียวรวมถึงหมึกแดงด้วย อาหารยูนานเป็น อาหารที่หากินได้ยาก และบางสิ่งบางอย่างก็ค่อนข้างจะมัน แต่ถ้าพูดถึงการเตรียมหรือทำปลาแล้วนั้น อาหาร ยูนานสไตล์นี้มีการจัดการกับปลาได้อย่างเลอเลิศและยอดเยี่ยมจริง ๆ เช่น ปลาฟูหยง ซึ่งคล้าย ๆ กับปลานึ่ง ตุ๋นอยู่กับไข่ขาว ไม่มีกลิ่นคาวสักนิดเดียวและกินแล้วก็ไม่อ้วน ผมเองอยากกินทั้งตัวคนเดียวแต่เกรงว่าทีมงาน จะหาว่าผมตระกละ เลยชิมไปแค่ครึ่งตัวเท่านั้น อีกอย่างหนึ่งที่นุ่มนวลและเบามาก ๆ เลยก็คือสมองไก่ผัด หูฉลาม ซึ่งเอาไข่ขาวมาตีเป็นฟองแล้วผัดเบา ๆ ใช้ไฟอ่อนไม่ให้ฟองแตก เวลากินเหมือนกับมันละเหยเข้า ไปในปาก และไม่มีรสคาวสักนิดเดียว ซุปเสฉวนก็ใช่เล่น ผัดผักก็เป็นของธรรมดา ๆ แต่แถวนี้เขามียอดมะระ มาผัดน้ำมันหอยให้เรากิน ซึ่งสด กรอบ หวาน เห็ดหอมสดอบซีอิ๊วหอมมาก กรอบนิด ๆ เหนียวหน่อย ๆ กิน ง่ายเหลือเกินครับ พอพูดถึงของอ้วน ๆ และรสจัดหน่อยก็ต้องสั่งเขาหยก ซึ่งความจริงแล้วคือหมูสามชั้นทำเป็นคล้าย ๆ ภูเขา มาข้างในตรงกลางเป็นกะหล่ำปลีผัดรสชาติเข้มข้น กินกับหมูสามชั้น อาหารจานนี้คล้าย ๆ กับอาหารเยอรมัน ที่เขากินหมูอบกับกะหล่ำปลีดองแต่จานนี้อร่อยกว่าแน่ ๆ ยังมีหูหมูแก้วกินกับผักดองกรอบ ๆ เปรี้ยว ๆ กรุบ ๆ ดีแต่ต้องระวังเรื่องไขมันหน่อยนะครับ อาหารยูนานนั้นมีไขมันมากถ้าเป็นจำพวกเนื้อหรือหมู เพราะยูนานมี อากาศที่เย็น แล้วคนทางยูนานก็ต้องมีไขมันในร่างกายเพื่อป้องกันตนเองจากความหนาว สุดท้ายต้องพูดถึง เอ็นกวางอบกระเทียมโทนที่ผมอยากกินกับข้าวร้อน ๆ คนเดียวอีกแล้ว เพราะมันแสนจะอร่อยและไม่มันจนเกิน ไป เพราะมีกระเทียม ต้นหอม คอยตัดความเลี่ยนอยู่ อาหารที่ร้านนี้มีมากมายจัดได้อย่างสวยงามระดับเหลา ของกรุงเทพเลยแหล่ะ แต่ท่านผู้อ่านต้องโทรไปก่อนถ้าอยากจะกินอะไรพิเศษ ๆ แล้วถ้ามีเวลาหน้าหนาวนี้แวะ ไปที่แม่สายกินเขาหยกกับมันโถนึ่งหรือทอดเผื่อผมด้วยก็แล้วกันนะครับ ร้านหยิงปิงยูนนาน 132/3 ซ.4 หมู่ 10 ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย 57130 โทรศัพท์ (053) 732-213
ขอขอบคุณข้อมูลตำนานหมั่นโถวจาก http://gotoknow.org/blog/beesman/27241
ย้อนหลังไปประมาณปี พ.ศ. ๗๖๘ เมื่อพระเจ้าเล่าเสี้ยน (โอรสพระเจ้าเล่าปี่) เสวยราชย์ ณ อาณาจักรจ๊กก๊ก (ก๊กหนึ่งในสามก๊ก) หรืออาณาจักรเสฉวน ยงคี,จูโพ และ โกเตง ผู้ครองสามเมืองทางใต้ของอาณาจักรจ๊กก๊ก เป็นกบฏ ไปคบคิดกับ “เบ้งเฮ๊ก” เจ้าเมืองมันอ๋อง ยกทัพมาตีชายแดนทางใต้ของอาณาจักรเสฉวน ดังนั้น “ขงเบ้ง” จึงต้องยกทัพไปปราบปรามในการไปทำศึกครั้งนี้ ขงเบ้งต้องการทรมาน ให้ “เบ้ง เฮ็ก” ยอมศิโรราบแต่โดยดี ไม่คิดกลับใจมารุกรานอาณาจักรเสฉวนอีก เมื่อจับเบ้งเฮ็กได้จึงปล่อยไปถึง ๖ ครั้ง พอครั้งที่ ๗ เมื่อจับเบ้งเฮ็กได้อีก เบ้งเฮ็กก็ยอมศิโรราบให้กับขงเบ้ง เมื่อได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดแล้ว ขงเบ้งก็ยกทัพกลับเสฉวน เบ้งเฮ็กและชาวเมืองก็ตามมาส่ง พอถึงแม่น้ำลกซุย (หลูซุ่ยหรือแม่น้ำจินซาเจียงในปัจจุบัน) ก็เกิดอาเพศ สำนวนสามก๊กเขียนว่า “ในแม่น้ำนั้นมืดเป็นหมอกจะข้ามไปนั้นขัดสน”
ขงเบ้งจึงถามเบ้งเฮ็กว่า “เหตุผลทั้งนี้เป็นประการใด” เบ้งเฮ็กจึงตอบว่า “อันแม่น้ำนี้มีปีศาจสำแดงฤทธิ์ แต่ก่อนมาก็เคยเป็นอยู่ ขอให้ท่านเอาศีรษะคนสี่สิบเก้าศีรษะ กับม้าเผือกกระบือดำมาเซ่นบวงสรวงจึงจะหาย”ขงเบ้งจึงว่า “เราทำศึกกับท่านจนสำเร็จการ แผ่นดินราบคาบถึงเพียงนี้ คนแก่คนหนึ่งก็มิตายเพราะมือเรา บัดนี้กลับมาถึงแม่น้ำลกซุยจะเข้าแดนเมืองอยู่แล้ว จะมาฆ่าคนเสียนั้นไม่ชอบ”ขงเบ้งจึงให้หาชาวบ้านมาสืบถามได้ความว่า เมื่อตนเองยกทัพข้ามแม่น้ำนี้ไป ก็เกิดเหตุทุกวัน คือเวลาพลบค่ำไปจนสว่าง จะมีเสียงปีศาจร้องอื้ออึงไป มีหมอกควันเป็นอันมากขงเบ้งจึงว่า “เหตุทั้งนี้เพราะโทษของตัวเราเอง เมื่อครั้งเราให้ม้าต้ายคุมทหารพันหนึ่งยกมานั้น ทหารทั้งปวงก็ตายอยู่ในแม่น้ำนี้สิ้น แล้วเมื่อทำศึกอยู่นั้น ทหารเบ้งเฮ็กก็ล้มตายอยู่ในที่นี้เป็นอันมาก ปีศาจทั้งปวงผูกเวรเราจึงบันดาลให้เป็นเหตุต่างๆ เราจะคิดอ่านทำการคำนับให้หายเป็นปรกติจงได้”ขงเบ้งจึงสั่งให้ทหารฆ่าม้าเผือกกระบือดำ แล้วเอาแป้งมาปั้นเป็นศีรษะคนสี่สิบเก้าศีรษะ พอเวลากลางคืนก็ยกออกไปตั้งไว้ริมน้ำ จุดธูปเทียนและประทีปสี่สิบเก้า แล้วแต่งหนังสืออ่านบวงสรวงเป็นใจความว่า”บัดนี้พระเจ้าเล่าเสี้ยนครองราชสมบัติได้สามปี มีรับสั่งใช้เราผู้เป็นมหาอุปราชให้ยกทหารมาปราบปรามข้าศึกต่างประเทศ เราก็ตั้งใจสนองพระคุณความสัตย์ตั้งใจมา กับเราหวังจะทำนุบำรุงพระเจ้าเล่าเสี้ยน ยังไม่ทันสำเร็จท่านตายเสียก็มีบ้าง ท่านทั้งปวงจงกลับไปเมืองกับเราเถิด ลูกหลานจะได้เซ่นคำนับตามธรรมเนียม เราจะกราบทูลพระจ้าเล่าเสี้ยน ให้พระราชทานบำเหน็จรางวัลแก่สมัครพรรคพวกพี่น้องท่านให้ถึงขนาด ฝ่ายทหารเบ้งเฮ็กซึ่งตายอยู่ในที่นี้ก็ดี ให้เร่งหาความชอบอย่ามาวนเวียนทำให้เราลำบากเลย จงคิดถึงพระเจ้าเล่าเสี้ยนซึ่งครองราชสมบัติเป็นธรรมประเพณีกษัตริย์แต่ก่อน แลเห็นแก่เราผู้มีความสัตย์ จงรับเครื่องเซ่นเราแล้วกลับไปอยู่ถิ่นฐานเถิด”เมื่ออ่านหนังสือเสร็จแล้ว ขงเบ้งก็จุดประทัดตีม้าล่อแล้วร้องไห้รักทหารซึ่งตายนั้นเป็นอันมาก แลพายุและคลื่นละลอกซึ่งเกิดนั้นก็สงบเป็นปรกติ ขงเบ้งจึงยกทัพกลับไปเมืองเสฉวนได้สมัยนั้นชนพื้นเมืองทางใต้ของอาณาจักรเสฉวน เรียกพวกของตนเองว่า พวก “หนานหมาน หรือหนันหมัน (南蛮)”แป้งปั้นแทนศีรษะคนแล้วนำไปนึ่ง ถูกเรียกว่า “หม่านโถว (蛮头) ” แปลว่า “หัวของชาวหนานหมาน” และเนื่องจากคำเรียกในภาษาจีนดั้งเดิมฟังดูโหดร้ายเกินไป ภายหลังจึงได้มีการเปลี่ยนมาใช้ตัวอักษรที่บ่งชี้ว่าเป็นอาหาร (馒) แทนตัวอักษรที่หมายถึงพวกหนานหมัน (蛮) อย่างเช่นในอดีตคำว่า “หม่านโถว” นานเข้าก็แผลงเป็น “หมั่นโถว ” และทำตกทอดกันมาจนแพร่หลายไปทั่ว โดยเฉพาะทางภาคเหนือ ได้กลายมาเป็นอาหารที่ชาวจีนเหนือนิยมรับประทานกันเป็นอาหารเช้าหรืออาหารว่าง ( คนจีนทางภาคเหนือนิยมเรียก ‘เปาจึ’ -包子หรือซาลาเปา )หมั่นโถวที่เราทาน ทำจากแป้งหมี่นึ่งให้ร้อน ส่วนซาลาเปาก็คือ หมั่นโถวที่มีใส้นั่นเอง