วันนี้ มาชิมเกาเหลาเลือดหมู ที่ร้านเกาเหลาเลือดหมูป้ามั่ง ที่จังหวัดเชียงรายครับ ขอบอกว่าพอเดินลงจากรถเท่านั้นแหละ กลิ่นหอมตลบอบอวนของน้ำซุป มันโชยกลิ่นออกมาทักทายเหล่าบรรดาลูกค้าให้กลืนน้ำลาย อยู่เป็นพัก ๆ จะว่าไปแล้วเกาเหลาเลือดหมูก็เป็นเมนูที่ทุกคนรู้จักและเคยสั่งทาน แต่จะมีสักกี่คนที่จะทราบถึงประโยชน์และคุณค่าของการทานเกาเหลาเลือดหมู และนี่ก็คือจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของร้านเกาเหลาเลือดหมูป้ามั่งครับเพื่อน ๆ ทราบมั้ยว่า เกาเหลาเลือดหมูนั้น มีประโยชน์มากมายเหลือหลายครับ เพราะในเกาเหลาเลือดหมูอุดมไปด้วยธาตุเหล็กที่สำคัญต่อร่างกาย หากร่างกายขาดธาตุเหล็ก กระบวนการฟอกเลือดดำให้เป็นเลือดแดงก็จะไม่เกิดขึ้น หัวใจต้องสูบฉีดเลือดมากขึ้น ส่งผลให้หัวใจทำงานหนักและเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว โดยเฉพาะเด็กจะมีพัฒนาการของสมองช้า ไม่เจริญเติบโต เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงสมองน้อย ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ลดลง
สำหรับผู้ใหญ่ที่ขาดธาตุเหล็กก็จะอ่อนเพลีย ผิวพรรณซีดแทนที่จะสดใส เวลาเปิดเปลือกตาจะเป็นสีขาว เพราะไม่มีเลือดไปเลี้ยง ผู้ที่มีธาตุเหล็กสมบูรณ์จะมีเลือดฝาดดี มีการวิจัยพบว่าคนที่ขาดธาตุเหล็กประสิทธิภาพในการทำงานจะน้อยลง ทำให้เจ็ยป่วยบ่อย ครับ อาหารที่มีธาตุเหล็ก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นจำพวก ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น ตับสัตว์ เนื้อสัตว์ เลือดหมู เป็ด ไก่ นม และต้มเลือดหมูของคนจีน เพราะจะมีผักชนิดหนึ่งเรียกว่า “ผัก จิง จู ไฉ่” ซึ่งเป็นสมุนไพรจีน มีธาตุเหล็กสูงมากครับ
เห็นประโยชน์ของการทานเกาเหลาเลือดหมูแล้ว ก็มาเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ ที่ร้านเกาเหลาเลือดหมูของป้ามั่งเปิดขายมานานกว่า 7 ปีแล้ว มีสาขาเดียว เปิดขายตั้งแต่ 06:30 – 16:00 น. เปิดทุกวัน ยกเว้นช่วงเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 13 – 16 เมษายน ของทุกปี และวันเข้าพรรษา วันออกพรรษา เพราะถือเป็นวันพระใหญ่ ห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิตครับ
ก่อนที่ป้ามั่งจะมาเปิดร้านขายเกาเหลาเลือดหมูนั้น ป้ามั่งเป็นแม่ค้าขายพืชไร่ ส่วนแฟนของป้ามั่งก็เปิดอู่ซ่อมรถ หลังจากที่แฟนของป้ามั่งเสียชีวิต ป้ามั่งก็เลยคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างหนึ่งเพื่อที่จะเลี้ยงตัวเองและลูกต่อไป และด้วยความที่ป้ามั่งเป็นคนชอบทานเกาเหลาเลือดหมู ป้ามั่งก็เลยคิดสูตรของตัวเองขึ้นมา และก็เปิดร้านขาย เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ลูกค้าก็มากขึ้นเรื่อย ๆ ป้ามั่งก็เลยปรับปรุง ซ่อมแซม และดัดแปลงอู่ซ่อมรถให้กลายมาเป็นร้านใหญ่ เพื่อรองรับลูกค้า
วัตถุดิบที่ใช้เพื่อประกอบกันเป็นเกาเหลาเลือดหมูของป้ามั่งหนึ่งชามก็จะมีลูกชิ้นหมูปั้น ขอบอกว่าป้ามั่งปรุงเอง และหมักเองกับมือจากนั้นก็นำเข้าตู้เย็นทิ้งไว้ 2 คืนจึงนำมาปั้นให้เป็นก้อนกลม ๆ ต่อไปก็จะเป็นเนื้อหมู และเครื่องในหมูสด ๆ ซึ่งหลักจากที่ป้ามั่งหมักเรียบร้อยแล้วต้องนำมาแช่เย็นไว้ตลอดเวลาเพื่อคงความสด นอกจากนี้ก็จะต้องมีเลือดหมู ซึ่งป้ามั่งบอกว่าต้องใช้เลือดหมูที่ทำขึ้นเฉพาะการนำมาทำเกาเหลาเลือดหมูเท่านั้น จะใช้เลือดหมูทั่วไปที่นำมาใส่ในขนมจีนน้ำเงี้ยวไม่ได้ เพราะมันจะแข็ง และมีกลิ่นคาว ป้ามั่งบอกว่าเลือดหมูของร้านป้ามั่งสั่งตรงมาจากโรงงานทำเลือดหมูสำหรับทำเกาเลือดหมู เจ้าเดียวในเชียงราย เพราะฉนั้นรับรองว่ารสชาติมาตรฐานครับ ต่อไปก็คือสมุนไพรจีน ผัก จิง จู ไฉ่ มีลักษณะคล้ายๆ ผักขึ้นฉ่ายของบ้านเรา แต่ไม่มีกลิ่นฉุนเหมือนขึ้นฉ่าย เป็น ผักใบเขียว ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากครับ
ส่วนผสมสุดท้ายที่เป็นหัวใจหลักของเกาเหลาเลือดหมูก็คือ น้ำซุปครับ ป้ามั่งเป็นคนปรุงเองและเคี่ยวเองกับมือ เคล็ดลับอยู่ที่การใช้กระดูกหมูต้มน้ำซุป เพื่อน ๆ อาจจะงงว่าเป็นกระดูกส่วนไหน เพราะกระดูกของหมูมีหลายส่วน บอกเลยละกันครับว่าป้ามั่งใช้ส่วนของกระดูกใหญ่ เพราะเป็นกระดูกที่ใช้ทำน้ำซุปได้อร่อยที่สุด
เมื่อทราบถึงส่วนประกอบเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาชิมเพราะกลิ่นหอมของน้ำซุปมันโชยมาเตะจมูกแล้ว เริ่มจากซดน้ำซุปหอม ๆ ขอบอกว่าเป็นน้ำซุปที่หอมและมีรสชาติที่อร่อยมาก ๆ ความหวานจากกระดูกหมู ที่เครื่องปรุงสูตรพิเศษที่ใส่ลงไป ทำให้น้ำซุปกลายเป็นพระเอกของงานไปเลยครับ ต่อไปก็ต้องชิมเลือดหมู ก็ไม่มีกลิ่นคาวเหมือนที่ป้ามั่งบอกจริง ๆ แถมยังเนื้อนิ่มไม่แข็งอีกด้วย ตามมาที่บรรดาเนื้อหมูและเครื่องในหมูที่ลวกพอได้ที่ โอ้โหมันหวานสุดยอดจริง ๆ ครับ และสุดท้ายก็คือผักจิงจูไฉ่ รสชาติแปลก ๆ แต่ไม่มีกลิ่นคาว แต่เค้าบอกว่ามันเป็นสมุนไพรจีน กินแล้วดีมีประโยชน์ ก็ต้องลองทานดูครับ
ผักจิงจูไฉ่ของป้ามั่ง เก็บมาสด ๆ จากสวนหน้าร้านครับ เพราะด้วยความที่ลูกค้าเยอะ เมื่อก่อนซื้อมาจากสวนเจ้าประจำ แต่ก็ไม่พอในแต่ละวัน ป้ามั่งเลยตัดสินใจปลูกเอง หน้าร้าน และดูแลเอง ขอบอกว่าเป็นผักปลอดภัยไร้สารพิษครับ เพราะป้าปลูกและดูแลด้วยวิธีธรรมชาติ เพราะฉนั้นไม่ต้องกังวล
นอกจากความอร่อยที่เป็นหนึ่งเดียวของเกาเหลาเลือดหมูแล้ว ป้ามั่งก็ยังมีเอกสารแนะนำความรู้เกี่ยวกับสารอาหารที่ได้รับจากการทานเกาเหลาเลือดหมูวางตามโต๊ะอีกด้วยครับ เรามาดูกันเลยในเกเหลาเลือดหมูหนึ่งถ้วยเพื่อนๆ จะได้รับสารอาหารจากผักจิงจูไฉ่ 21 แคลอรี่ เลือดหมู 18 แคลอรี่ ไส้อ่อน 15 แคลอรี่ หมูก้อน 54 แคลอรี่ ตับหมู 13 แคลอรี่ กระเพาะ 10 แคลอรี่ หมูหั่นชิ้นบาง ๆ 38 แคลอรี่ หัวใจ 12 แคลอรี่ กระเทียมเจียว 44 แคลอรี่ รวมทั้งหมด 535 แคลอรี่ เพราะฉนั้นเพื่อน ๆ ที่กำลังควบคุมน้ำหนักก็สามารถมาทานได้ แถมยังไปทานอาหารอื่น ๆ ได้อีก เพราะปกติคนเราต้องการพลังงานสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน ประมาณ 1,500 – 2,000 แคลอรี่ครับ
ดูเอเซียอยากจะแนะนำให้เพื่อน ๆ มาลองทานกันดูนะครับ ร้านเกาเหลาเลือดหมูป้ามั่ง ตั้งอยู่ไม่ไกล มาได้สองทางครับ หากเพื่อน ๆ ขับรถมาตามถนนที่จะไปอำเภอแม่สาย เจอสี่แยกห้วยถมให้เลี้ยวซ้าย ขับตรงมาประมาณ 200 เมตร ร้านเกาเหลาป้ามั่งตั้งอยู่ทางซ้ายมือ หรือถ้าหากเพื่อน ๆ ไปเที่ยวที่หมู่บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร ก็ขับรถกลับออกมาเรื่อย ๆ ก็จะเห็นร้านอยู่ขวามือครับ