พัทยา เมืองท่องเที่ยวที่ใครๆก็รู้จักกันดีในฐานะเมืองพักผ่อนตากอากาศที่ลือชื่อ เป็นที่รู้จักกันทั้งในประเทศ และต่างประเทศ แถมเมืองพัทยาก็อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางเพียงชั่วโมงกว่าๆ ก็ได้อินกับบรรยากาศชายทะเลของพัทยาแล้ว นอกจากเมืองพัทยาจะมีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่มากมายแล้วแล้ว ยามราตรีที่เมืองพัทยา ก็มีสถานบันเทิงให้เราได้ท่องเที่ยวได้อย่างจุใจไม่แพ้ในเมืองใหญ่ๆอย่างกรุงเทพฯเลยล่ะ ไม่แปลกในเลยที่เมืองๆนี้จะเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดฮิตที่ถูกกล่าวขานกันไปทั่วทั้งโลก
เกริ่นมาเสียยืดยาว ที่ดูเอเซียจะพาไปในวันนี้ ไม่ได้จะพาตะลุยราตรีที่พัทยาหรอกนะครับ แต่ดูเอเซียจะขออาสาพาไปเที่ยวแบบชิวๆ แบบกินลมชมบรรยากาศ และสูดอากาศบริสุทธิ์กันที่นอกเมืองพัทยา ซึ่งทีที่เราไปกันในทริปนี้คือ เขาชีจรรย์ กับ ไร่องุ่น Silverlake ที่เจ้าของไร่คือดาราดังรุ่นใหญ่ที่ยังสวยไม่สร่าง เอาละครับคุ้มสุดคุ้ม ทริปนี้มาทีเดียวเที่ยวสองที่ ไปดูกันเลย
เริ่มต้นการเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยผมเลือกใช้ถนนสุขุมวิท ขับรถมุ่งหน้าสู่ อ.สัตหีบ ในยามสายๆ ใช้ความเร็วก็ 120กม/ชม. โดยประมาณ ด้วยความเร็วในการขับขี่ขนาดนั้น เพียง 1ชั่วโมงเศษ เราก็ถึงทางแยกเข้าสู่เขาชีจรรย์ และจากทางแยกนี้ผมขับเข้าไปอีกประมาณ 6กิโลเมตร ก็ถึงเขาชีจรรย์แล้ว และถนนหนทางก็สะดวกสบายขับขี่ง่ายๆครับ
เขาชีจรรย์แห่งนี้เริ่มมีการกล่าวขานมากขึ้น เมื่อได้มีการจัดสร้างพระพุทธรูปแกะสลักในลักษณะพระพุทธฉายที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อให้เป็นพระพุทธรูปประจำรัชกาลที่ 9 และน้อมเกล้าถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติปีที่ 50 ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระพุทธรูปแกะสลักนี้เป็นพระพุทธรูปแบบประทับนั่งปางมารวิชัยเลียนแบบพระพุทธนวราชบพิตรศิลปะสุโขทัยผสมล้านนา มีความสูงถึง 109 เมตรเชียวครับ ดูเอเซียไม่ลืมที่นำเรื่องราวความเป็นมาของพระแกะสลักของเชาชีจรรย์มาบอกเล่าให้ฟังกันครับ..
เรื่องก็มีอยู่ว่า..สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหา สังฆปริณายก เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งเป็น สมเด็จพระญาณสังวร เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งทรงเสียดายเขาชีจรรย์ที่มีภูมิทัศน์ยิ่งใหญ่สง่างามตามธรรมชาติ แต่กำลังถูกระเบิดทำลายทุกวัน จึงทรงดำริที่จะอนุรักษ์เขาชีจรรย์ให้คงชื่ออยู่คู่กับเขาชีโอนซึ่งมีส่วนหนึ่งอยู่ในเขตสังฆาวาสของวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ด้วยการสร้างพระพุทธรูปแกะสลัก บนหน้าผาเขาชีจรรย์ ให้เป็นปูชนียสถานสำคัญทางพระพุทธศาสนาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2527 ถึงพุทธศักราช 2533 คณะกรรมการกำหนดรูปแบบพระพุทธรูปแกะสลักหินหน้าผาเขาชีจรรย์ ซึ่งตั้งโดยคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้กำหนดข้อยุติสร้างพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งปางมารวิชัยเลียนแบบพระพุทธนวราชบพิตรศิลปะสุโขทัยผสมล้านนา ขนาดความสูง 109 เมตรหน้าตักกว้าง 70 เมตรฐานบัวหรือบัวบัลลังค์สูง 21 เมตรรวมความสูงขององค์พระและบัลลังค์ทั้งสิ้น 130 เมตรเป็นแบบนูนต่ำ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตพระราชทานนามพระพุทธรูปว่า ” พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา ” มีความหมายว่า ” พระพุทธเจ้าทรงเป็นศาสดาที่รุ่งเรื่องสว่างประเสริฐ ดุจดังมหาวชิระ “
การเยี่ยมชมพระพุทธรูปสลัก เค้าเปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 06.00 น.- 18.00 น. การเยี่ยมชมควรแต่งกายด้วยความสุภาพ และปฎิบัติตามป้ายเตือนอย่างเคร่งครัด และงดเสียงดัง และควรระวังไม่เข้าใกล้องค์พระเกินกว่าที่กำหนดเพราะอาจเกิดอันตรายจากหินที่อาจล่วงหล่นลงมาได้ และการเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
หลังจากชมและถ่ายรูปพระพุทธรูปที่เขาชีจรรย์กันหนำใจแล้ว ถัดมากันอีกเพียงเล็กน้อย (ขับรถออกมาเพียงไม่กี่วินาที) ก็เข้าสู่พื้นที่ของไร่องุ่น ที่ตอนนี้ฮอตฮิตกันมาก คือไร่องุ่น Silverlake ที่แค่ได้ขับผ่านประตูไร่เข้ามาก็ทำให้ผมรู้สึกเย็นสบายและผ่อนคลายเอามากๆ อากาศในไร่นี้แสนจะสดชื่นจริงๆเลย ภาพที่เห็นเหมือนๆกับเราได้ไปเที่ยวอยู่ต่างประเทศยังไงยังงั้น เพราะด้านขวามือระหว่างทางเข้าไปในไร่ มีสระน้ำ และรถม้าวิ่งอยู่บนถนนในไร่ และยังมีสิ่งก่อสร้างที่มีรูปทรงเป็นของประเทศฮอล์แลนด์ เป็นบ้านที่มีกังหันใบใหญ่ๆอยู่ใกล้ๆสระน้ำ สวยมากๆเลยครับภาพนี้
ถัดเข้าไปด้านในไร่ เค้าจัดเตรียมที่จอดรถไว้อย่างเป็นสัดเป็นส่วน และมีร้านค้าที่ขายผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ทำมาจากไร่แห่งนี้ แต่ละอย่างสดๆใหม่ๆและน่าทานทั้งสิ้น เช่น น้ำองุ่น 100 %, แยมองุ่น, ลูกเกด วุ้นองุ่น พายเคลือบองุ่น ไวน์ ฯลฯ ถัดลงไปด้านล่างอีกนิดหน่อยก็จะมีโซนอาหารและไอศครีมใว้บริการ ซึ่งตรงนี้บอกตรงๆว่าไม่ได้แวะเข้าไปดู เลยไม่รู้ว่ามีอะไร บ้าง หากใครเข้าไปในโซนนี้มาแล้ว มาเล่าให้ฟังในบอร์ดเราหน่อยนะครับ และใกล้ๆกันยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอีกอย่าง คือการขับรถ ATV เที่ยวชมบรรยากาศภายในไร่ หากใครต้องการบรรยากาศแบบคาวบอยหน่อยๆ ก็ใช้บริการรถม้าก็ได้ครับ ที่นี่เค้าก็มีไว้บริการ หรือใครชอบปั่นจักรยาน ที่นี่เค้าก็มีจักรยานเสือภูเขาไว้ให้ขี่ลัดเลาะไปตามแนวปลูกองุ่นของไร่ด้วยครับ
แต่ที่ผมอินที่สุดคือ การได้นั่งชมบรรยากาศของไร่ ลมพัดเย็นๆเอื่อยๆ กับภาพบรรยากาศที่เห็นอยู่รอบๆตัว มันช่างพาให้เคลิบเคลิ้มเสียเหลือเกินครับ เห็นว่ายิ่งเป็นช่วงเย็นๆ พระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน ไร่องุ่น Silverlake แห่งนี้ เป็นอีกจุดที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามมากๆเลยล่ะครับ ใครมาเที่ยวก็กะให้ได้เวลาตอนพระอาทิตย์ตกด้วยก็น่าจะดีนะบ เพราะที่ผมมาดันเป็นช่วงบ่ายๆเอง เลยไม่ได้ชมพระอาทิตย์ตกที่นี่..(น่าเสียดาย)
อ่อ..ลืมบอกกล่าวกัน.. ไร่องุ่น Silverlake นี้ เป็นของดารารุ่นใหญ่ที่ชื่อ คุณสุพรรษา เนื่องภิรมย์ แหม..บรรยากาศในไร่ก็สวย เจ้าของไร่ก็สวย อย่างนี้ต้องไปชมกันนะครับ อย่าพลาด..ย่าพลาด มาถึงไรองุ่น หากไม่มีขอมูลของดีของไร่นี้ ก็กำไรอยู่ครับ..ดูเอเซียเลยเสาะหาขัอมูลขององุ่นในไร่แห่งนี้มาฝากกันด้วย…
ไร่องุ่นซิลเวอร์เลค เริ่มต้นการปลูกองุ่นสดไร้เมล็ด และองุ่นไวน์ ตั้งแต่ปลายปี 2545 เป็นต้นมา และมีองุ่นทั้งหมด 11 สายพันธุ์ แบ่งออกเป็นองุ่นสำหรับรับประทาน 10 สายพันธุ์ และองุ่นไวน์ 1 สายพันธุ์
โดยองุ่นแต่และสายพันธุ์จะให้ผลสลับสับเปลี่ยนกันไปตลอดทั้งปี ได้แก่
-พันธุ์ลูส เพิลเล็ท (Loose Perlette) : เป็นองุ่นไม่มีเมล็ดที่มีทรงผลกลมปานกลาง สีเหลืองทองรสหวานหอม กรอบ เปลือกบาง ผลแตกง่ายเมื่อโดนฝน
-พันธุ์เฟลม ซีดเลส (Flame Seedless) : เป็นองุ่นไม่มีเมล็ดทรงกลมผลมีขนาดปานกลาง สีแดง หวานกรอบมีกลิ่นหอม พวงช่อยาวปานกลาง
-พันธุ์บิวตี้ ซีดเลส (Beauty Seedless) : เป็นองุ่นไม่มีเมล็ด ทรงผลรีมีขนาดปานกลาง สีดำ พวงช่อปานกลาง – ใหญ่
-พันธุ์มารู ซีสเลส / แบล็คโอปอล (Marroo / Black Opal) : เป็นองุ่นไม่มีเมล็ดทรงผลกลมปานกลาง สีดำ ช่อผลปานกลาง – ใหญ่ สุกแก่เร็ว เปลือกผลบาง
-พันธุ์เกียวโฮ (Kyoho) : เป็นองุ่นมีเมล็ด ทรงผลกลมขนาดใหญ่ มีสีม่วงแดง รสหวานหอม ผลนิ่ม ผิวเปลือกเหนียว ช่อผลปานกลาง
-พันธุ์แบล็ค ควีน (Black Queen) : เป็นองุ่นมีเมล็ดทรงผลยาวรีขนาดใหญ่สีม่วงแดง ผิวดำ ผิวบาง แตกง่ายเมื่อโดนฝน พวงช่อขนาดใหญ่
-พันธุ์อิตาเลีย (Italia) : เป็นองุ่นมีเมล็ดทรงผลยาวรีขนาดใหญ่ สีขาวอมเหลือง เนื้อแน่น เปลือกหนา ช่อผลใหญ่
– พันธุ์แฟนตาซี (Fantasy Seedless) : เป็นองุ่นไม่มีเมล็ดที่มีทรงผลยาวรีปลายแหลมสีดำ ขนาดค่อนข้างใหญ่ เนื้อแน่น ขนาดช่อผลปานกลาง
-พันธุ์คริมสัน (Crimson) : เป็นองุ่นไม่มีเมล็ดทรงผลยาวรี มีขนาดปานกลางถึงใหญ่ สีแดงเนื้อแน่นหวานกรอบ พันธุ์หนัก ผลสุกช้ากว่าพันธุ์อื่นๆ
-พันธุ์ไวน์มะละกา (White Malaga) : เป็นองุ่นมีเมล็ดทรงผลยาวรี ขนาดผลใหญ่มากสีเขียวอมเหลืองเนื้อแน่น ผิวหนา รสหวาน ช่อผลขนาดใหญ่
-พันธุ์ชีราส (องุ่นไวน์) (Syrah / Shiraz) : เป็นองุ่นทำไวน์แดงผลกลมเล็กถึงปานกลางมีสีดำ ช่อผลยาวปานกลาง
การเดินทางจากกรุงเทพฯ
- จากถนนสุขุมวิทมุ่งหน้าไปอำเภอสัตหีบ ประมาณหลักกิโลเมตรที่ 161 ให้สังเกตุ ทางซ้ายมือ จะเห็นทางเข้า วัดเขาชีจรรย์ เลี้ยวเข้าไปประมาณ 6 กิโลเมตร จะเห็นไร่องุนซิลเวอร์เลคอยู่ทางขวามือ
- ใช้ทางหลวงพิเศษ Mortor Way มุ่งหน้าไปทางจังหวัดระยอง และชิดขวาเพื่อกลับรถเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ ทางหลวงหมายเลข 331 เข้าไปประมาณ 14 กิโลเมตร ให้สังเกตุทางด้านซ้ายมือ จะเห็นป้ายทางเข้าไร่องุ่นซิลเวอร์เลค เลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตรจะเห็นไร่องุ่นซิลเวอร์เลคอยู่ทางซ้ายมือ
ขอบคุณภาพ Silverlake Vineyard