สงสัยมานานแล้วล่ะว่า ขนมหวานหน้าตาสีดำปี๋ ที่เรียกว่า เฉาก๊วย เนี่ยเค้าทำมาจากอะไร ไม่ใช่แต่ผมคนเดียวหรอกครับที่อยากรู้ ผมเชื่อเหลือเกินว่าหลายคนคงอยากรู้ไม่แพ้กับผมแน่นอน ก็เมื่อวันก่อนผมไปกิน เฉาก๊วย ร้านนึงมาอร่อยมากเลยครับ แต่ก่อนที่จะบอกร้านเฉาก๊วยร้านนี้อยู่ไหน ผมมีข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับ ของหวานหาทานง่าย อร่อย และมีประโยชน์ต่อร่างกายชนิดนี้มาฝากกันด้วยครับ
“เฉาก๊วย” เป็นขนมที่ทำจาก “ต้นเฉาก๊วย” ซึ่งเป็นพืชชนิดหนึ่ง ตระกูลเดียวกันกับ ใบสะระแหน่ ,ใบกะเพรา,ใบโหระพา ลักษณะของ “ต้นเฉาก๊วย” มองเผินๆ ดูเหมือนใบสะระแหน่บ้านเราเลยครับ แต่ที่น่าเสียดายนั่นก็คือ
เมืองไทยปลูก “ต้นเฉาก๊วย” ไม่โตครับ ปลูกน่ะปลูกได้นะได้ แต่อาจจะด้วยสภาพอากาศ สภาพพื้นดิน หลายปัจจัยครับให้มันไม่เจริญเติบโตเต็มที่ แต่ถ้าใครอยากเห็นก็มีให้ดูเป็นตัวอย่างนะครับ ที่ ที่ จังหวัดกำแพงเพชร รู้จักมั้ย “เฉาก๊วยชากังราว” ของฝากขึ้นชื่อของจังหวัดนี้เลยนะจะบอกให้
กว่าจะออกมาเป็น “เฉาก๊วย” ที่เราเห็นๆ กันไม่ใช่เรื่อง่ายเลยนะครับขั้นตอนยุ่งยากพอสมควร คือ นำต้นเฉาก๊วยแห้งมาต้ม จนยางไม้และแพคตินละลายออกมาได้น้ำสีน้ำตาลดำ เรียกว่า ชาเฉาก๊วย จากนั้นก็กรองเอาแต่น้ำ แล้วนำไปผสมกับแป้งพืช เพื่อให้เฉาก๊วยคงตัวเป็นเจลลี่ ซึ่งส่วนประกอบนั้น แต่ละเจ้าจะมีสูตรของตนเอง วิธีที่เป็นต้นตำรับโบราณนั้น นิยมผสมกับแป้งท้าวยายม่อม และแป้งมันสำปะหลัง อัตราส่วนตามความเหมาะสม โดยแป้งมันจะทำให้เนื้อเฉาก๊วยนิ่ม(ใส่เยอะจะเหลว) ส่วนแป้งท้าวยายม่อม จะให้เนื้อเฉาก๊วยคงรูปได้นาน ส่วนใครจะนำไปปรับปรุงโดยใส่แป้งข้าวจ้าว เพื่อให้แข็งตัวขึ้น หรือเพิ่มแป้งข้าวเหนียวให้มีความหนุบหนับ หรือใส่ส่วนผสมอื่นๆ ก็สุดแท้แต่จะนำไปพัฒนา แต่ปัจจุบัน มีผู้ค้าบางราย ใส่สีผสมอาหารให้สีดำเข้มบ้าง ใส่วุ้น-เจลาติน เพื่อประหยัดต้นทุนบ้าง ซึ่งก็ถือเป็นสิทธิในการปรุงในสูตรของผู้ค้า แต่อย่างไรก็ดี หากต้องการรับประทานเพื่อสุขภาพ แนะนำให้รับประทานในแบบที่ใช้แป้งพืชจะดีกว่า
“เฉาก๊วย” มีสรรพคุณแก้ร้อนในกระหายน้ำ เหมาะกับสภาพภูมิอากาศบ้านเราเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้น คนไทยจึงชอบกิน ขนมหวานชนิดนี้เป็นอย่างมากครับ เพราะถือเป็นขนมที่หากินง่าย และสะดวกเติมมน้ำเชื่อม ใส่น้ำแข็งเย็น แค่นี้ก็แจ่มแล้วครับ
วันนี้ผมเลยอยากแนะนำร้านเฉาก๊วยร้านนึง ขึ้นชื่อทีสุดในย่านดอนเมืองแล้วครับ ร้านนี้มีชื่อว่า “เฉาก๊วยดอนเมือง” สำหรับเนื้อเฉาก๊วย ผมว่าที่นี่ไม่ได้ต่างกับ “เฉาก๊วยชากังราว” เลยครับ ความนุ่ม เหนียว รสชาติกลมกล่อม ไม่หวานมากไป ที่สำคัญ เค้าทำเป็นธุรกิจใหญ่โตเจ้าของเดียวกับ “แหนมนายพันราเชน” ที่สร้างความอร่อยในเรื่องของแหนมมานานกว่าหลายปี
เรื่องความอร่อยน่ะเค้าไม่ทำให้ผิดหวังอยู่แล้วครับ ผมมีโอกาสได้พูดคุย กับ พี่ตุ๊ วัลลภา มโนรัมย์ เลขากรรมการผู้จัดการ บริษัทกุณโฑ บริษัททำ “เฉาก๊วยดอนเมือง” ถึงที่มาที่ไปของแบรนด์เฉาก๊วยนี้ว่า “เริ่มต้นมาหลายปี และขายอยู่ที่ร้านเจ้เล้งมานานแล้ว เพราะว่า ในช่วงแรกขาย แหนมนายพันราเชนอย่างเดียว ซึ่งสำหรับแหนมเราทำส่งมานานอยู่แล้ว แต่เฉาก๊วย เป็นสิ่งที่เราคิดค้นสูตรเด็ดขึ้นมา และรสชาติของเฉาก๊วยที่นี่จะอร่อย เหนียวนุ่ม ไม่หวานมาก ซึ่งถ้าใครที่มาดอนเมืองก็จะรู้จักกันเป็นอย่างดี มีคนมาติดต่อให้เราทำแฟรนไชส์เยอะมาก อีกสักหนึ่งปีเราคงจะมีแล้วค่ะ”
ร้าน “เฉาก๊วยดอนเมือง” หลังร้านเจ้เล้งนี้ เค้ามีเฉาก๊วยให้คุณเลือกกินหลายแบบ สำหรับ คนที่มาเดินช้อปปิ้ง อยากถือกินไปด้วยเดินไปด้วย ก็ซื้อแบบแก้วเป็นน้ำแข็งปั่น มีเนื้อเฉาก๊วยฟอยผสมกัน นอกจากนี้ ก็ยังมีแบบเนื้อผสมน้ำเชื่อมแบบถุงและแบบคัพ และ แบบเนื้อสด แยกน้ำเชื่อมกลับบ้าน ราคาดังนี้
- เฉาก๊วยแบบแก้ว แก้วละ 12 บาท
- เฉาก๊วยแบบคัพ ถ้วยละ 25 บาท
- เฉาก๊วยสดแยกน้ำเชื่อม กระปุกละ 35 บาท
- เฉาก๊วยลอยแก้วผสมน้ำเชื่อม กิโลกรัมละ 65 บาท
การเดินทาง
ร้าน “เฉาก๊วยดอนเมือง” ตั้งอยู่ที่ร้านเจ้เล้ง ดอนเมือง 40/74-76 แขวงหลักสี่ เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ การเดินทางใช้ถนนวิภาวดีรังสิต ถ้ามาจากรังสิต ร้านเจ้เล้ง จะอยู่เลย สนามบินดอนเมืองมาเพียง 1 กิโลเมตร แต่ถ้ามาจาก ดินแดง จะต้อง เลยแยกหลักสี่มาก่อน อย่าเพิ่งกลับรถตรงแยกหลักสี่ ต้องใช้สะพานกลับรถอันถัดไป เพราะถ้าใช้ตรงหลักสี่ ลงสะพานกลับรถจะเลยทางเข้าร้านครับ ร้านเปิดบริการตั้งแต่เวลา 9.00-19.00 น.
