เที่ยวชมเทศกาลว่าว

0

เที่ยวชมเทศกาลว่าว ท่องทะเลใต้ มากมายหมู่เกาะ จ.สตูล สวัสดีเพื่อน ๆ ดูเอเซียดอทคอมทุกคนจ้า ทริปนี้ดูเอเซียดอทคอมของเราได้รับเกียรติจากทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหน่วยงานภาคใต้ ให้เข้าร่วมกิจกรรมดี ๆ กับทริปเทศกาลว่าวนานาชาติ จ.สตูล ซึ่งจัดกันเป็นครั้งที่ 32 ระหว่างวันที่ 24 – 26 กุมภาพันธ์ 2555 นอกจากงานเทศกาลว่าวนานาชาติ ทริปนี้ยังเป็นทริปในฝันของใครหลาย ๆ คน ที่ชอบเที่ยวทะเล น้ำใส ๆ หาดสวย ๆ หมู่เกาะที่งดงามอีกมากมายของทะเลอันดามัน ที่เราจะไปเยือนกันในทริปนี้ ร่วมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวที่พึงถูกค้นพบใหม่ของ จ.สตูล ขอบอกว่า งดงามและมหัศจรรย์มาก ๆ และเชื่อว่าอีกไม่นาน ต้องเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดังติดอันดับอย่างแน่นอน ทริปนี้ดูเอเซียขออาสาไปเก็บภาพบรรยากาศการท่องเที่ยวทะเลอันดามัน เอามาฝากเพื่อน ๆ ดูเอเซียดอทคอมกัน ไม่รอช้าครับ ไปกันเลยดีกว่า ยะฮู้ ….

เมื่อเดินทางถึง จ.สตูล สถานที่แรกของทริปนี้ที่เราแวะเยี่ยมชมกันก่อนแลยคือ ที่ “ชุมชนบ้านตันหยงโป” ตำบลตันหยงโปเป็นพื้นที่ที่เป็นแหลมทอดยาวออกไปในทะเล มีป่าชายเลนขึ้นอยู่รอบหมู่บ้าน ในส่วนพื้นที่บนแหลมมีไม้ยืนต้นชนิดหนึ่งขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ชาวบ้านเรียกว่า “ต้นปาบ” มีลักษณะคล้ายต้นมะม่วง หรือทางชาวมุสลิมเรียกว่า “ต้นโป” ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ต่อมาเรียกว่า “บ้านตันหยงโป” (“ตันหยง” แปลว่า แหลม) เมื่อเยี่ยมชมและรับฟังการเสวนาเปิดเส้นทางแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ของชาวบ้านและ ผู้ว่า ฯ แล้ว ก็ได้เวลาลงเรือไปเยี่ยมชม แหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่พึงถูกค้นพบและกำลังจะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้ โดยชาวบ้านแถวนั้นเค้าเรียกกันว่า “ทะเลแหวก จ.สตูล” ซึ่ง บ้านเราก็มีทะเลแหวก จ.กระบี่อยู่แล้ว แต่ที่น่าสนใจและต่างออกไปคือ เมื่อน้ำลดแล้ว จะเกิดสันทรายเป็นทางเดินทอดยาวกว่า 5 กิโลเมตร ยาวมาก ๆ และสันทรายที่โผล่ขึ้นมานั้น เป็นซากเปลือกหอยที่ทับถมกัน สวยไปอีกแบบเลยน่ะ นอกจากทะเลแหวกแล้ว ยังมี อีกหนึ่งเกาะที่ถูกค้นพบ ที่เกาะนั้นมีสิ่งที่น่าสนใจอยู่ตรงที่ มี ”หาดหินเหล็ก” ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์มาก ๆ ที่หินนั้นกลายเป็นเหล็ก จริง ๆ ไม่รู้เกิดจากอะไรกันแน่ …คงต้องรอการพิสูจน์จากทางวิทยาศาสตร์กันต่อไป

หลังจากที่เราล่องเรือเยี่ยมชมอ่าวสตูลกันแล้ว ยามเย็นก็มีโปรแกรมไปชมงานเทศกาลว่าวนานาชาติ จ.สตูล แต่เป็นที่น่าเสียดาย ที่เรามาช้ากันไปนิดเลยอดดูการแสดงว่าวนานาชาติที่รับลมอยู่บนฟากฟ้า ได้แต่เก็บภาพบรรยากาศยามเย็นของงานเทศกาลว่าวนานาชาติ ครั้งที่ 34 นี้ มาให้ดูกันแก้ช้ำใจเล่น เฮ้อ… แต่ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะ วันที่ 2 ของทริปมีทะเลอันดามัน รอพวกเราอยู่

เข้าสู่วันที่ 2 ของทริปแล้ว พวกเราเดินทางไปยังท่าเรือปากบารา จ.สตูล ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวต้องมาลงเรือ “speedboat” เพื่อเดินทางไปยังเกาะต่าง ๆ และการเดินทางของเราวันนี้จะไปสิ้นสุดกันที่ “เกาะหลีเป๊ะ” หรือที่ใคร ๆ เรียกกันว่า มัลดีฟส์เมืองไทย เป็นอีกหนึ่งเกาะที่คนไทยใฝ่ฝันอยากจะมาสักครั้ง … แต่กว่าจะไปถึงเราต้องผ่านเกาะเล็ก เกาะน้อยมากมาย เกาะแรกที่เราแวะเก็บภาพสวย ๆ กันเลย คือ “เกาะไข่” เป็นอีกครั้งเกาะที่มา จ.สตูล แล้วไม่ควรพลาดเลย เพราะสวยงามมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองมาก ๆ ตรงที่มีซุ้มหินโค้งซุ้มใหญ่ ที่สามารถเดินลอดได้ โดยเค้าตั้งชื่อให้มันว่า “ซุ้มประตูรักนิรันดร์” วึ่งมีความเชื่อกันว่า หากใครมากับแฟน แล้วเดินลอดซุ้มพร้อมกัน ก็จะรักกันตลอดไป ฟังแล้วโรแมนติกมาก ๆ หลังจากเยี่ยมชม ถ่ายภาพความสวยงามของเกาะไข่กันแล้ว เดินทางสู่เกาะต่อไป “เกาะหินงาม” เกาะที่มีแต่หินจริง ๆ ตามชื่อเกาะเลย สวยงามมาก ๆ ขึ้นของเค้า เหมือนหินที่เอาไว้โชว์ตามตู้ปลาเลยครับ เห็นแล้วอยากเก็บกับบ้านไปเป็นที่ระลึก แต่ว่า…ได้แค่คิดเท่านั้นครับ เพราะว่าเค้าห้ามนักท่องเที่ยวหยิบกลับไป เพราะเคยมีเรื่องราวมาก่อนว่า มีนักท่องเที่ยวนำหินกลับไปด้วย แต่สุดท้ายก็ต้องนำกลับมาคืน เพราะว่าเจอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามไปทวงทุกบ้านเลย …ฟังเรื่องนี้จากเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเกาะ ถึงกับขนลุกขึ้นมาเลย หลังจากเยี่ยมชมความงดงามของเกาะหินงามกันแล้ว ต่อไปเราก็ไปพักกินข้าว เล่นน้ำกันที่ “เกาะราวี” เป็นอีกหนึ่งเกาะที่ได้รับความนิยมครับ เป็นเหมือนจุดพักทานข้าว พักผ่อน ก่อนออกตลุยเกาะต่อไป หลังจากแวะทานข้าวกันเสร็จ ก็เล่นน้ำ กันสนุกสนานเลยครับ น้ำใสและเย็น ชื่นใจมาก ๆ และเกาะต่อไปที่ได้ไปเยือน ขอบอกว่าเกาะนี้ผมชอบมากครับ นั้นคือที่ “เกาะรอกลอย” เป็นเกาะที่น้ำใสมาก ๆ ยังกับน้ำประปาเลยอ่ะ เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่บรรยากาศส่วนตัวมาก ๆ หลังจากดำน้ำใส ๆ ชมหมู่ปลาตัวน้อย ๆ ที่เกาะรอกลอยกันแล้ว เกาะต่อไปคือเกาะที่มหัศจรรย์มาก ๆ อีกเกาะหนึ่ง นั้นคือ “เกาะหินซ้อน” เกาะที่เต็มไปด้วยปริศนา ว่าก้อนหินก้อนใหญ่ ๆ ขึ้นไปเรียงกันได้ยังไงครับ น่าแปลกจริง ๆ จะว่าเป็นน้ำมือมนุษย์ก็ไม่น่าใช่ พี่คนขับเรือเค้าบอกว่า เค้าเห็นก้อนหินก้อนนี้มาตั้งแต่อายุ 17 จนปัจจุบัน ลุงแกอายุ 40 แล้ว นานมาก ๆ หลังจากชมความมหัศจรรย์ของเกาะหินซ้อนกันแบบเต็ม ๆ ตาแล้ว ได้เวลาเข้าสู่ที่พัก ณ เกาะหลีเป๊ะกันแล้ว เมื่อเดินทางไปถึงเกาะหลีเป๊ะ ขอบอกว่าสมคำล่ำลือครับ น้ำที่นี้ใสมาก ๆ หาดขาว บนเกาะก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันครับ พอเดินขึ้นเกาะมา ผมนึกว่าผมมาเที่ยวต่างประเทศครับ เพราะแทบไม่เห็นคนไทยเลย ส่วนใหญ่จะมีแต่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวกัน เพราะเค้ามาที มาอยู่กันเป็นอาทิตย์ เป็นเดือนครับ ละถ้าใครจะมาพักช่วงซัมเมอร์นี้ ก็ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า เต็มหมดแล้วครับ เต็มยันไปถึงเดือนพฤกษาคมโน้นเลย นี้ถ้าไม่ได้มากับ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศ” คงได้นอนบนทรายแน่ ๆ ฮ่า ๆ … สถานที่พักของทางคณะเราคืนที่สองนี้ คือที่ “Castaway Beach Resort” ที่พักเค้าบรรยากาศชิลล์มาก ๆ หลังจากอาบน้ำแต่งกายเสริมสวย หล่อกันแล้ว ตกค่ำเราก็ไปเดินเล่นชมบรรยากาศชิลล์ ๆ กันที่ “Walking street koh lipe” ถนนคนเดินบนเกาะหลีเป๊ะ บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยร้านนั่งดื่มบรรยากาศชิลล์ ๆ ร้านของที่ระลึกพวกเสื้อ ของแฮนเมค และ ร้านโรตี ซี่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมาก ๆ ร้านโรตีทุกร้าน คนเต็มทุกร้านเลยครับ บางร้านคนต่อคิวกันจนล้นร้านเลยครับ แต่โรตีที่นี้เค้าอร่อย จริง ๆ ครับขอบอก… หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศยามค่ำคืนของเกาะหลีเป๊ะแล้ว ก็ได้เวลาพักผ่อนซักทีครับ

 ตื่นเช้ามาวันสุดท้ายของทริปครับ ขอแนะนำท่านที่มาเที่ยวหลีเป๊ะน่ะครับว่า ถ้ามาเที่ยวที่นี้ ต้องตื่นแต่เช้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้นครับ สวยงามมาก ๆ รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว แต่เป็นที่น่าเสียดายครับเพราะเช้านี้เราต้องอำลาเกาะหลีเป๊ะกันซะแล้ว หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เราก็เดินทางกันต่อไปยังเกาะตะรุเตา เกาะที่ได้ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกของเมืองไทยครับ เป็นเกาะที่เงียบสงบมาก ๆ ชายหาดขาว น้ำทะเลใสแจ๋ว เป็นอีกหนึ่งเกาะที่ร่มรื่นมาก ๆ มีต้นไม้มากมายขึ้นเรียงราย เหมาะแก่การมาพักผ่อน ถ้ามีโอกาสมาเที่ยวอีกครั้ง ผมก็อยากลองพักที่นี้สักคืนเหมือนกันน่ะ หลังจากเยี่ยมชม ถ่ายภาพความสวยงามของเกาะตะรุเตาแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกลับไปยังท่าเรือปากบารา เพื่อเดินทางกลับสู่กรุงเทพซะแล้ว แค่คิดก็ใจหายครับ ทริปนี้ต้องขอบอกว่าคุ้มค่ามาก ๆ ได้พบกับแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ที่จัดเป็น “Unseed Thailand” ในอนาคต อย่าง ทะเลแหวก จ.สตูลและยังได้มาท่องเที่ยวทะเลอันดามัน ทะเลที่งดงามไม่แพ้ที่ใดในโลกแน่นอน อย่างไรก็แล้วแต่ทุกสิ่งทุกอย่างของทริปนี้ต้องขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหน่วยงานภาคใต้ ที่ดูแลและอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทางในครั้งนี้ไว้โอกาสหน้าถ้าดูเอเซียดอทคอมมีโอกาสได้มาท่องเที่ยวทริปดี ๆ แบบนี้อีก พวกเราก็ไม่พลาดที่จะเก็บเอาภาพบรรยากาศกลับไปฝากเพื่อน ๆ ดูเอเซียดอทคอมให้กระตุ้นต่อมอยากเที่ยวแน่นอนจ้า 

เชิญแสดงความคิดเห็น