ดูเอเซียขอแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวหากเพื่อนๆ เดินทางมาเที่ยวยังสังขละบุรี มาเที่ยวเมืองโบราณตามโปรแกรมนี้ได้เลยครับล่องเรือชมความงาม ลำน้ำสามประสบ พบเมืองบาดาล ตำนานเมืองสังขละบุรี แนะนำการใช้งาน
เส้นทางนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวชมธรรมชาติที่งดงาม พักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ ซึมซับวิถีชีวิตผู้คนหลากเชื้อชาติภาษา จากท่าเรือฝั่งอำเภอสังขละบุรี เป็นที่ตั้งของชุมชนไทยและกะเหรี่ยง ฝั่งตรงข้ามคือหมู่บ้านมอญ มีบ้านเรือนหลังเล็กๆ หลังคามุงจาก ตั้งเรียงรายตั้งแต่ชายน้ำขึ้นไปถึงเนินเขา ด้านหลังคือเทือกเขาตะนาวศรีที่สลับซับซ้อน วัดวังก์วิเวการามและเจดีย์พุทธคยา ตั้งโดดเด่นมองเห็นแต่ไกล ในช่วงหน้าหนาวอากาศจะหนาวเย็น มีหมอกปกคลุมเหนือหมู่บ้านและลำน้ำ โอบล้อมด้วยขุนเขา ระหว่างล่องเรือไปตามลำน้ำ จะผ่านเรือนแพที่จอดเรียงรายอยู่ริมน้ำสองฝั่ง ในลำน้ำมียอหาปลาเรียงรายอยู่ตลอดลำน้ำ พ้นจากหมู่บ้านเรือจะแล่นทวนกระแสน้ำขึ้นไปยังแม่น้ำซองกาเลียที่เงียบสงบ สองฝั่งน้ำเป็นผืนป่าเขียวชอุ่ม จากนั้นจะแล่นย้อนกลับมาผ่านสะพานมอญ เลาะเลียบยังแม่น้ำบิคลี่ มองเห็นบ้านเรือนชาวมอญอีกกลุ่มหนึ่ง
จากนั้นมุ่งหน้าสู่ “สามประสบ” จุดบรรจบระหว่างแม่น้ำสามสาย คือ แม่น้ำบิคลี่ แม่น้ำรันตี และแม่น้ำซองกาเลีย ไหลรวมกันเป็นแม่น้ำแควน้อย ไม่ไกลจากนี้เราก็จะได้ตื่นตากับ “เมืองบาดาล” จากนั้นเรือจะล่องเข้าสู่แม่น้ำรันตี แวะพักชมความงามของหน้าผาหินปูนกว้างใหญ่ มีเพิงหินริมน้ำ บรรยากาศร่มรื่น สงบเงียบเหมาะแก่การแวะพักรับประทานอาหาร ชมทิวทัศน์ อีกฟากหนึ่งมีบ้านเรือนชาวบ้านลาว-พม่าริมน้ำ ขากลับเรือจะวกกลับจากแม่น้ำรันตี อ้อมผ่านเกาะแก่งกลางน้ำ ลำห้วยสาขาไปออกสู่สะพานมอญอีกครั้ง
เดินข้ามสะพานไม้ชมวิถีชาวมอญ อำเภอสังขละบุรี
การเดินข้ามสะพานไม้ไปเที่ยวฝั่งมอญ ควรไปแต่เช้า เดินไปตามสะพานไม้ที่คดเคี้ยวพลิ้วไหว ในลำน้ำมีเรือชาวบ้านแล่นผ่านไปมา พระอาทิตย์สีส้มดวงโตผุดขึ้นเหนือหมู่บ้าน ท่ามกลางหมอกสีขาว โอบล้อมด้วยขุนเขา บ้านหลังเล็กๆ ปลูกแบบเรียบง่าย เรียงรายอยู่ริมน้ำ ไล่ขึ้นไปถึงเนินเขาเตี้ยๆ ด้านบน ในหมู่บ้านยังมีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมให้เห็น ผู้ชายนุ่งโสร่ง ผู้หญิงใส่เสื้อแขนกระบอก นุ่งผ้าซิ่น ประแป้งสีเหลือง เสียบดอกไม้ที่มวยผม เทินสำรับอาหารไว้แล้วเดินเป็นแถวไปทำบุญที่วัด วัดหลวงพ่ออุตตมะหรือวัดวังก์วิเวการาม เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวมอญ ลองเดินชมศิลปกรรมวิจิตรแปลกตาในวัด และเจดีย์พุทธคยา เลือกซื้อของฝากของที่ระลึกในตลาดข้างเจดีย์แล้ว ขากลับแวะไปเที่ยวตลาดมอญ ตลาดสดเล็กๆ ของหมู่บ้าน หรือจะลองชิมอาหารแบบมอญ เลือกซื้อปลาสดๆ จากทะเลสาบ พืชผักพื้นบ้าน ฯลฯ ไปเป็นของฝาก
เส้นทางแนะนำ
ล่องลำน้ำสามประสบ ชมเมืองบาดาล สัมผัสวิถีชีวิตมอญสังขละบุรี 2 วัน 1 คื
วันแรก มุ่งหน้าสู่อำเภอสังขละบุรี ระหว่างทางแวะพักเหนื่อยที่น้ำตกไทยโยค อุดหนุนของกิน ผัก ผลไม้จากร้านค้าสองข้างทาง พักรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหาร ริมทะเลสาบเขื่อนเขาแหลม ชิมเมนูจากปลาแม่น้ำสดๆ ก่อนถึงสังขละบุรีแวะไปชมด่านเจดีย์สามองค์ เดินเที่ยวตลาดชายแดน แล้วค่อยไปรอชมความงดงามยามพระอาทิตย์ตกเหนือลำน้ำ บนสะพานมอญที่สังขละบุรี
วันที่สอง ตื่นมาสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า ชมพระอาทิตย์ดวงโตขึ้นเหนือหมู่บ้านที่ปกคลุมด้วยหมอกขาว เดินข้ามสะพานไม้ไปเที่ยวในหมู่บ้านฝั่งมอญ สัมผัสวิถีชีวิตชาวมอญ ซื้อของกินของฝากจากตลาดมอญ แวะไปสักการะหลวงพ่ออุตตมะที่วัดวังก์วิเวการาม ชมความงามของเจดีย์พุทธคยา แล้วกลับมาล่องเรือ ชมทัศนียภาพกว้างใหญ่ของลำน้ำสามประสบ ตื่นตากับเมืองบาดาลใต้น้ำ
ข้อมูลการเดินทาง
จากตัวเมืองกาญจนบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 323 (กาญจนบุรี-สังขละบุรี) ขับไปตามทางประมาณ 220 กิโลเมตร ถึงทางแยกด่านเจดีย์สามองค์ ขับตรงขึ้นไปอีกราว 6 กิโลเมตร ถึงตัวอำเภอสังขละบุรี เส้นทางตั้งแต่ทองผาภูมิถึงสังขละบุรีจะขึ้นเขาสูงชันคดเคี้ยว ต้องระมัดระวังการขับขี่และตรวจสอบสภาพรถให้พร้อม บริเวณเชิงสะพานมอญฝั่งอำเภอสังขละบุรี มีเรือบริการล่องแม่น้ำไปชมเมืองบาดาล เป็นเรืออีป๊าปติดเครื่อง นั่งได้ 4-5 คน ค่าบริการเหมาลำ 300 บาท
สินค้า ของฝาก ของที่ระลึก
สินค้า ของฝาก ของที่ระลึก ที่ขึ้นชื่อของกาญจนบุรีมีหลายอย่าง ทั้งของกิน เช่น วุ้นเส้นท่าเรือ วุ้นมะพร้าวอ่อน มะขามกวน น้ำพริก หาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป ตามแหล่งท่องเที่ยวและร้านขายของฝากริมถนนแสงชูโต ส่วนพืชผัก ผลไม้ เห็ดสดๆ พริกกะเหรี่ยง ต้นไม้ ดอกไม้ หาซื้อได้จากร้านค้าริมถนนกาญจนบุรี-ไทรโยค สำหรับอัญมณีที่มีชื่อเสียงของกาญจนบุรี คือ ไพลินและนิล หาซื้อได้ที่บริเวณเชิงสะพานข้ามแม่น้ำแคว ซึ่งมีสินค้าจากพม่าจำพวกเครื่องประดับ เครื่องแก้ว พลอยสี ของเด็กเล่น เฟอร์นิเจอร์ ไม้แกะสลัก ผ้าทอ ฯลฯ จำหน่ายด้วย แต่ถ้ามีโอกาสไปที่ตลาดทองผาภูมิ ตลาดวัดวังก์วิเวการาม ตลาดชายแดน ด่านเจดีย์สามองค์ จะมีให้เลือกมากกว่าและราคาถูกกว่า
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก ททท.
เมืองบาดาล
ผืนน้ำกว้างไกล มีความหมายแห่งชีวิต และเรื่องราวเล่าขาน ตำนานเมืองสังขละบุรีที่เลือนหายอยู่ใต้ผิวน้ำชั่วนิจนิรันดร์ ราวเมืองบาดาล ใครจะเชื่อว่าเมื่อน้ำลดเมืองบาดาลทั้งเมือง ก็ปรากฏให้เห็น หรือใครดิ่งดำลงไปก็จะเห็นลวดลายแสนวิจิตร ของวิหารแห่งเมืองใต้บาดาล
ทะเลสาบ เขื่อนวชิราลงกรณ์
เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่กลางขุนเขาสลับซับซ้อนแห่งเทือกตะนาวศรี เกิดจากการสร้างเขื่อนกั้น แม่น้ำแควน้อย รอบๆเขื่อนวชิราลงกรณ์มีสภาพเป็นป่าดิบรกทึบอุดมสมบูรณ์ และเป็นที่อาศัย ของสัตว์ป่าหลากชนิด ส่วนใต้ผืนน้ำก็เต็มไปด้วยทรัพยากรสัตว์น้ำอันทรงคุณค่า เช่น ปลากระสูบ ปลาแรด ปลาชะโด และปลายี่สก เป็นต้น นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาสู่ทะเลสาบเพื่อมาชมทัศนียภาพ ของทะเลสาบอันกว้างใหญ่ รวมทั้งพักค้างแรมในแพพักหรือรีสอร์ทริมอ่างเก็บน้ำ
วันเวลาที่แนะนำ
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดซึ่งจะเห็นเมืองบาดาลได้คือระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายน ที่น้ำในเขื่อนลดลงต่ำสุด
การเดินทาง
จากตัวเมืองกาญจนบุรีไปตามทางหลวงหมายเลข 323 สายกาญจนบุรี-ทองผาภูมิ- สังขละบุรี แล้วเช่าเรือหางยาวท่องเที่ยวในทะเลสาบรวมทั้งไปเยี่ยมชมเมืองบาดาลได้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อที่ ททท.ภาคกลาง เขต1 โทร. 0-3451-1200, 0-3451-2500
ขอบคุณภาพ www.baanmaha.com