เจอกันอีกแล้วนะครับพี่น้อง ทริปนี้ดูเอเซีย.คอมจะพาเพื่อนๆไปย้อนประวัติศาสตร์ชาติไทยของเรากันที่ป้อมพระจุลจอมเกล้า จังหวัดสมุทรปราการ รวมทั้งเดินเที่ยวชมดูเรือรบหลวงแม่กลองซึ่งมีอายุเก่าแก่เป็นอันดับ 2 ของโลกเชียวนะครับ ถือว่าเป็นเรือครูของทหารเรือทุกคนใช้เป็นที่เรียนรู้อาวุธและยุทธวิธีต่างๆในการรบ รับรองว่าทริปนี้ได้ความรู้และความสนุกเต็มๆ แน่นอนครับ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างป้อมแห่งนี้ขึ้นเมื่อปี 2436 ซึ่งขณะนั้น ลัทธิการล่าอาณานิคมของประเทศตะวันตก กำลังแผ่ขยายอำนาจเข้ายึดครองประเทศแถบเอเชีย เมื่อสร้างป้อมสำเร็จแล้ว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงทำพิธีเปิดป้อมด้วยพระองค์เอง พระราชทานนามป้อมแห่งนี้ว่าป้อมพระจุลจอมเกล้า
หลังจากนั้นไม่กี่เดือน ไทยก็เกิดกรณีพิพาทกับฝรั่งเศส โดยฝรั่งเศสส่งเรือรบสองลำ ใช้เรือสินค้าเป็นเรือนำร่องเข้ามาในปากแม่น้ำเจ้าพระยา การกระทำดังกล่าวเป็นการล่วงล้ำอธิปไตยของสยาม ทหารที่รักษาป้อมพระจุลฯ และป้อมผีเสื้อสมุทรจึงได้ยิงเรือฝรั่งเศสที่ล่วงล้ำเข้ามา เรือรบไทยกับฝรั่งเศสยิงต่อสู้กัน ในที่สุดเรือรบฝรั่งเศสก็สามารถฝ่าด่านป้องกันเข้ามาได้สำเร็จ เหตุการณ์นี้ทำให้ไทยเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้แก่ฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม ป้อมพระจุลฯ ก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย
บริเวณป้อมพระจุลฯ มีพื้นที่กว้างขวาง ตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวไทย มีสภาพแวดล้อมร่มรื่นด้วยพรรณไม้ ปัจจุบันกองทัพเรือได้ปรับปรุงบริเวณป้อมพระจุลฯ ให้เป็นอุทยานประวัติศาสตร์ มีอาคารสถานที่ที่น่าสนใจหลายแหล่งที่ควรชมมามาย
เริ่มจาก พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัว พระบรมราชานุสาวรีย์แห่งนี้มีความสง่างามยิ่ง โดยทรงฉลองพระองค์ในชุดจอมทัพเรือ พระหัตถ์ถือกระบี่ เป็นที่เคารพศรัทธาของคนทั่วไป ดังจะเห็นได้จากจำนวนดอกไม้ธูปเทียนที่มีคนน้ำมาบูชาจำนวนมาก นอกจากนี้ภูมิทัศน์โดยรอบยังแวดล้อมไปด้วยแมกไม้นานาชนิดดูร่มรื่น ใต้ฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงประวัติความเป็นมาของป้อมพระจุลจอมเกล้า และเหตุการณ์ในสมัย ร.ศ.122
ใกล้กับอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 เป็นที่ตั้งปืนเสือหมอบ จำนวนเจ็ดกระบอก ตั้งเรียงรายอยู่ในหลุมหลบภัยซึ่งเป็นคอนกรีตมั่นคงแข็งแรง ปากปืนหันออกไปทางปากทะเล เพื่อสกัดยิงข้าศึกที่จะล้ำเจ้ามาน่านน้ำไทยได้อย่างถนัด ปืนเสือหมอบเป็นปืนใหญ่แบบยิงเร็วที่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้น เมื่อจะยิง ตัวปืนจะโผล่ขึ้นมาเหนือหลุมหลบภัย และเมื่อยิงเสร็จแล้วก็จะลดระดับลงสู่หลุมโดยอัตโนมัติ ลักษณะคล้ายคนค่อยๆ หมอบลง และนี่คือที่มาของชื่อปืนเสือหมอบ นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปชมบริเวณที่ตั้งปืนเสือหมอบได้อย่างใกล้ชิด เพราะแต่ละหลุมมีทางเดินเชื่อมถึงกันตลอด
ใกล้กับบริเวณปืนเสือหมอบ ด้านประชิดริมน้ำเป็นที่ตั้งของเรือรบขนาดใหญ่ มองจากระยะไกลเข้าใจว่าเรือรบลำนี้อยู่ในน้ำ พอเข้าไปใกล้ๆ จึงรู้ว่าเรือลำนี้ตั้งอยู่อยู่บนฝั่ง เรือรบหลวงลำนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า เรือรบหลวงแม่กลอง ซึ่งมีอายุเก่าแก่เป็นอันดับ ๒ ของโลก ในอดีตถือเป็นเรือรบหลวงขนาดใหญ่ ใช้ประจำการป้องกันอริศัตรูที่รุกล้ำเข้าเขตน่านน้ำทะเลไทย
เป็นเรือครูให้นายทหารเรือชั้นสัญญาบัตร และนายทหารเรือชั้นประทวนใช้เป็นเป็นที่เรียนรู้การอาวุธและยุทธวิธีต่างๆ เมื่อเรือรบหลวงลำนี้ปลดประจำการในปีพ.ศ.2538 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน มีพระราชดำริให้อนุรักษ์เรือรบหลวงที่ปลดประจำการแล้ว เพื่อจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางทหาร เผยแพร่ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป
สำหรับเรือหลวงแม่กลอง มีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ยุทโธปกรณ์ต่างๆ ให้เหมือนเมื่อครั้งเรือรบลำนี้ยังใช้ประจำการอยู่ เช่น มีการจัดห้องสะพานเดินเรือ ห้องควบคุมการทำงานของเรือ ห้องครัว ห้องบังคับผู้บังคับการเรือ ห้องโถงนายทหาร ที่ในอดีตใช้เป็นห้องประชุมของนายทหารชั้นสัญญาบัตร ปัจจุบันได้ใช้เป็นห้องจัดแสดงประวัติความเป็นมาของเรือรบหลวงลำนี้ สำหรับผู้ไม่สนใจอ่านข้อมูลจากบอร์ดนิทรรศการ ที่ห้องเรียนของนักเรียนนายเรือ มีบริการฉายวีดีทัศน์ประวัติของเรือลำนี้เช่นกัน นอกจากนี้มีอาวุธชนิดต่างๆ เครื่องบินทะเลที่อยู่บริเวณด้านนอกลำเรือให้เดินชมอีกด้วย
เนื่องจากป้อมพระพระจุลตั้งอยู่บริเวณปากอ่าว มีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลออกทะเลทางด้านนี้ บริเวณนี้จึงเป็นบริเวณที่น้ำจืดกับน้ำเค็มมาพบกัน เกิดเป็นน้ำกร่อยเหมาะแก่การเจริญเติบโตของป่าชายเลน ป่าชายเลนในป้อมพระจุลเคยอยู่ในสภาพเสื่อมโทรม ต่อมาทางกองทัพเรือได้มีการปรับปรุงดูแลจนเป็นป่าชายเลนที่สมบูรณ์ อุดมไปด้วยไม้ชายเลนนานาชนิด เช่น แสม โพทะเล โกงกาง ตะบูน เป็นต้น
ป่าชายเลนเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของสัตว์น้ำนานาชนิดทั้งกุ้งหอยปูปลาตัวเล็กๆ เป็นแหล่งอาหารสำคัญของนกน้ำ นกป่าชายเลนนาชนิด บริเวณป่าชายเลนในป้อมพระจุลฯ จึงมีเส้นทางสร้างเป็นสะพานไม้ทอดพาดผ่านเข้าไปในป่าชายเลน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินศึกษาป่าชายเลน ดูนกไปด้วย นกที่พบเห็นได้ในบริเวณป่าชายเลนแถบนี้ เช่น นกยางเปีย นกกาน้ำเล็ก นกกินเปี้ยว นกกระเด็นหัวดำ นกกระเต็นน้อยธรรมดา รวมถึงเจ้าลิงแสมที่ออกมาให้ดูเอเซียเราถ่ายรูปอย่างคุ้นเคย
ป้อมพระจุลฯ เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลาประมาณ08.00-20.00 น.โดยไม่เสียค่าเข้าชมแต่อย่างใด ผู้เข้าชมต้องขออนุญาตจากกองรักษาการณ์บริเวณหน้าประตูป้อมฯ และแลกบัตรประจำตัวไว้ หากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะและต้องการวิทยากรนำชมสถานที่ต้องทำหนังสือถึงพิพิธภัณฑ์เรือหลวงแม่กลอง ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02756109 , 024756259 ,024758845 และ 024756357
การเดินทางมาป้อมพระจุลฯ
ก็ไม่ยากถ้ามาจากทางวงเวียนใหญ่ก็วิ่งตามเส้นสมเด็จพระเจ้าตากสินมาเข้าถนนสุขสวัสดิ์แล้วก็ตรงแน่วไปเลย หรือถ้าใช้ทางด่วนก็ขับข้ามสะพานพระราม 9 มาทางฝั่งธนฯ พอลงสะพานมาปุ๊บก็ชิดซ้ายใช้ทางออกถนนสุขสวัสดิ์ แล้วก็ขับตรงไปเรื่อย ๆ ระหว่างทางจะมีป้ายแหล่งท่องเที่ยวสีฟ้าบอกทางเป็นระยะ วิ่งมาเรื่อยจนเจอสามแยกตัววาย ที่แยกจะมีป้ายบอกว่าแยกซ้ายจะไปพระสมุทรเจดีย์ แยกขวาจะไปป้อมพระจุลฯ ก็ใช้แยกขวาตรงมาก็จะเจอป้ายเลยไปหน่อยก็จะเป็นประตูทางเข้าที่มีทหารรักษาการณ์ประจำอยู่
ดูเอเซีย.คอมขอบอกว่าถ้าเพื่อนๆคนไหนมีโอกาสอย่าพลาดเด็ดขาดนะครับที่จะมาเที่ยวที่ป้อมพระจุลจอมเกล้าแห่งนี้ ทั้งเที่ยวแถมยังได้ศึกษาประวัติศาสตร์ชาติไทยเราอีกด้วยได้ความรู้แบบนี้รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับและภายในป้อมฯยังมีร้านอาหารคอยบริการให้มากมายหลายประเภทแต่จะให้ดี ไหนๆก็มาถึงปากอ่าวแล้วดูเอเซีย.คอมขอแนะนำว่าอาหารทะเลสดๆน่าจะได้บรรยากาศมากว่านะครับ รับรองว่างานนี้คุ้มสุดๆครับพี่น้อง
ขอบคุณภาพ www.facebook.com/SMPHappySmile