เมื่อยามฝยตกหนักต่อเนื่อง มีน้ำท่วมน้ำหลากจนกระทั่งมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในบ้านเรา อุทยานแห่งชาติบางแห่งประกาศปิดอุทยานฯ ชั่วคราว เพราะไม่ต้องการให้นักท่องเที่ยวได้รับอันตรายจากภัยธรรมชาติ
ยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวที่ต้องอาศัยน้ำฝน ปริมาณน้ำในแม่น้ำ เพื่อสร้างกิจกรรมท่องเที่ยวขึ้นมา อย่างเช่น การล่องแก่ง เพราะต้องอาศัยปริมาณน้ำในระดับที่สามารถล่องแก่งได้ อย่างเช่น แก่งหินเพิง จ.ปราจีนบุรี เป็นสถานที่ล่องแก่งที่มีชื่อเสียง เท่าที่ผ่านมาระดับน้ำยังล่องได้ไม่สนุกนัก ต้องอาศัยช่วงน้ำหลากถึงจะล่องได้สนุกสุดมัน
ฝนตกหนักจนมีข่าวน้ำท่วม นักท่องเที่ยวก็หดหาย แต่แก่งหินเพิง น้ำยิ่งเยอะ ก็ยิ่งดี ล่องสนุก ฝนตกน้ำหลาก เพียงแค่สองชั่วโมงระดับน้ำก็ลดลงในระดับที่ปลอดภัย สามารถล่องกันได้ แต่ข่าวคราวน้ำท่วมกบินทร์บุรีนั้น จะเป็นลักษณะน้ำท่วมขัง ไม่ไหลออกไปไหน จนกลายเป็นน้ำเน่า แต่น้ำจากป่าเขา เป็นน้ำไหลหลาก ฝนตกหนักๆ ก็ไหลบ่ามา รอฝนหยุดตกไปแล้วสัก 2-3 ชม. ก็จะกลับอยู่ในภาวะปกติผลกระทบจากข่าวน้ำท่วม ทำให้นักท่องเที่ยวยกเลิกการล่องแก่งไปเป็นจำนวนไม่น้อย ทางฝ่ายผู้ประกอบการล่องแก่ง ต่างพากันโอดครวญ ทั้งที่ว่าแก่งหินเพิง น้ำก็ไม่ได้ท่วมแต่อย่างใด ทางที่ดีนักท่องเที่ยวควรโทร.เช็กข้อมูลสอบถามจากผู้ประกอบการในพื้นที่จะดีที่สุด คิดว่าเขาให้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด
แก่งหินเพิง ที่สุดแห่งสายน้ำที่กำลังเป็นที่นิยมในการล่องแก่งของเมืองไทย แม่น้ำใสใหญ่ที่เกิดจากผืนป่าเขาใหญ่หรือป่าดงพญาเย็นที่อยู่ทางด้านจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งสาขาหนึ่งของแม่น้ำหนุมานก่อนที่จะไหลไปรวมกันที่แม่น้ำบางปะกง
การล่องแก่งหินเพิง คือตัวอย่างความมาตรฐานความปลอดภัยที่ดีที่สุด เพราะนักท่องเที่ยวต้องสวมชูชีพให้กระชับ สวมหมวกกันน็อคทุกคน ต้องผ่านการอบรมเบื้องต้นก่อนล่องแก่ง และที่ยังหน่วยกู้ภัย RESCUE ที่ผ่านการฝึกอบรมมาแล้ว มาคอยดูแลรักษาความปลอดภัยหากเกิดมีเรือประสบอุบัติเหตุตามแก่งต่างๆ มาตรฐานความปลอดภัยถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
การเดินทาง
สู่แก่งหินเพิงสามารถเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว หรือจะซื้อบริการทัวร์แพ็คเกจ หรือซื้อบริการล่องแก่งได้โดยตรงตามรีสอร์ทต่างๆ หรือบริษัททัวร์
นับเริ่มจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปยังจังหวัดปราจีนบุรี ถ้าเราใช้เส้นทางสู่ฉะเชิงเทรา พนมสารคาม แล้วตัดเข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 304 มุ่งหน้าไปยังอำเภอกบินทร์บุรี ผ่านสี่แยกกบินทร์แล้วตรงไปปักธงชัย ก็มาถึงทางแยกเข้าอำเภอนาดี จากนั้นก็ขับเข้าไปเรื่อยๆ จนถึงที่ว่าการอำเภอนาดี มีทางแยกซ้าย มีป้ายบอกไปแก่งหินเพิง จากนั้นก็ขับรถไปเรื่อยๆ มีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ พร้อมป้ายบอกรีสอร์ทต่างๆ รับรองไม่ต้องกลัวหลง
นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้กบริการล่องแก่งได้จากรีสอร์ทที่พักต่างๆ หรือบริษัททัวร์ ที่มีบริการพร้อมทุกอย่าง เราอาจพักผ่อนในรีสอร์ทธรรมชาติสักคืนหนึ่ง แล้วไปล่องแก่งสักวันหนึ่ง เป็นโปรแกรม 2 วัน 1 คืน ก็เพียงสำหรับวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือถ้ามีเวลาแค่วันเดียว ก็เที่ยวล่องแก่งภายในวันเดียว แล้วก็เดินทางกลับ ขึ้นอยู่ว่าเงื่อนไขของแต่ละคนจะเป็นอย่างไรบ้าง
เริ่มต้นของการล่องแก่งหินเพิง โดยทางผู้ประกอบการล่องแก่งหรือรีสอร์ทแต่ละแห่งจะดำเนินการพานักท่องเที่ยวนั่งรถกระบะไปยังหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ขญ.9 (ใสใหญ่) ต่อจากนั้นก็ต้องเดินเท้าเข้าสู่แนวป่าทึบของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เส้นทางเดินเท้าจะเป็นเส้นทางลำลองเดินแบบสบายๆ เลียบเลาะไปตามสายน้ำใสใหญ่ ผ่านป่าไผ่ปล้องที่เป็นไม้เศรษฐกิจของชาวบ้านในแถบนี้ เพราะไผ่ปล้องจะเหมาะสำหรับทำด้ามไม้กวาด ทำเครื่องจักสานชนิดต่างๆ เพราะเป็นไม้ลำปล้องยาวสามารถนำไปจักสานได้ดี
เดินเรื่อยๆ ชมธรรมชาติไปประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็จะมาพบกับสายน้ำห้วยใสใหญ่ที่ส่งเสียงคำรามกระหึ่ม อันเกิดจากสายน้ำที่ไหลปะทะแก่งโขดหินกว้างใหญ่ ทำให้เกิดเสียงดังกว่าปกติ ลำน้ำช่วงแก่งหินเพิงจะกว้างกว่าปกติ และจะมีแนวแก่งทอดตัวยาวลดตามระดับลงมา กลายเป็นผืนน้ำสีขาวที่เดือดพล่านเป็นฟองฟ่อน
ยามน้ำหลากจะพบว่าสายน้ำแห่งนี้ดุดันเดือดพล่านเกินกว่าจะที่ยับยั้งความกลัวลงได้ เห็นครั้งแรกทุกคนอาจกลัว ต่อเมื่อได้สัมผัสนานๆ ฟังการสาธิตจากกัปตันเรือ สวมชูชีพ หมวกกันน็อคแล้วก็พอหายหวาดกลัวลงได้บ้าง
แก่งหินเพิงนี้จัดระดับความยากง่ายประมาณ 3-5 ขึ้นอยู่กับระดับน้ำที่สูงขึ้น ถ้าน้ำน้อยก็มีความยากอีกระดับหนึ่ง ถ้าน้ำมากก็อีกระดับหนึ่ง เมื่อเราผ่านการอบรมจากกัปตันเรือแล้ว ทุกคนต่างเตรียมพร้อมอยู่บนเรือ ช่วยกันพายเรือออกไปยังแนวจุดเริ่มต้น ในขณะที่เราจะเห็นสายน้ำที่กำลังบ้าคลั่งแผ่กระจายดักอยู่ด้านหน้า
เมื่อทุกอย่างพร้อม เรือยางก็เคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ ตามกระแสน้ำ กัปตันพยายามบังคับเรือให้เข้าตามร่องน้ำ ส่วนสมาชิกเรือก็ช่วยกันพายเรือ จนกระทั่งทุกคนต้องแรงช่วยกันพายเพื่อพุ่งเข้าแนวคลื่นแก่ง ต่อจากนั้นทุกคนแทบไม่มีเวลาคิดอะไรก็อีกแล้ว เพราะเรือยางพุ่งเข้าแก่งอย่างรวดเร็ว
กระแสน้ำที่เดือดพล่านที่เกิดจากปะทะโขดหินใต้น้ำ ทำให้เรือสะบัดไปตามกระแสคลื่น และที่สุดของอารมณ์ในขณะนี้คือเมื่อเรือยางพุ่งลงตามระดับความชันของแก่งหิน คล้ายกับน้ำตกเล็กๆ ช่วงนี้เองถ้าเรือตั้งลำมาสวยๆ ก็จะผ่านจะได้ไม่ยาก แต่ถ้าพลาดมาจากข้างบนแล้วอาจมีโอกาสลงเล่นน้ำกันทั้งลำได้ทันที แต่ไม่น่าวิตกเพราะมีหน่วย RESCUE รออยู่ใต้แก่งแล้ว สามารถช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว
เพียงชั่วเวลาอึดใจเราก็ผ่านห้วงเวลาที่เร้าใจ เรือยางก็ลงมาล่องไหลไปตามกระแสน้ำราบเรียบ ทุกคนยังไม่หายตื่นเต้นที่ภาพความประทับใจที่ผ่านมา บางคนอาจมานั่งทบทวนกับสิ่งที่เกิดขึ้นว่าใครได้ทำอะไรไว้บ้าง หรือเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง
ธรรมชาติริมสองฝั่งน้ำก็เป็นผืนป่าไม่ใหญ่ เสียงครืนโครมของสายน้ำในเบื้องหน้าก็บอกให้เราทราบว่าจะมีแก่งอีกหนึ่ง ทุกคนได้เตรียมตัวและมาพบกับ “แก่งวังผักหนาม” เป็นไม่ใหญ่เท่าแก่งหินเพิง สามารถผ่านไปได้ยากนัก จนมาถึง “แก่งวังบอน” แก่งใหญ่และดุดดันน่าเกรงขามเช่นกัน และยังมี “แก่งลูกเสือ” แก่งนี้มีความยากพอสูสี ต้องออกแรงกันมากกว่าแก่งวังผักหนาม แต่กระนั้นก็ไม่ประมาท ทางผู้ประกอบการล่องแก่งหินเพิงก็มีหน่วย RESCUE คอยดูแลทุกๆ แก่ง
เพียงเวลาไม่ถึงชั่วโมง เราก็มาพับแก่งยาวอีกแก่งหนึ่ง มีชื่อว่า แก่งวังไทร เป็นแก่งที่คดเคี้ยวไปพุ่มไม้เป็นจำพวกต้นตะไคร้น้ำ ที่เราต้องหลบไม่ให้กิ่งไม้ปะทะกับตัวเราหรือดีดไปโดนคนที่อยู่ข้างหลัง
ผ่านพ้นแก่งวังไทรแล้วเราก็มาสิ้นสุดของการล่องแก่งหินที่สนุกสนาน ตื่นเต้น เร้าใจในอารมณ์ของสายน้ำที่เดือดพล่านในยามน้ำหลาก ซึ่งเราสามารถพบกับกิจกรรมในรูปแบบเช่นนี้ได้ที่แก่งหินเพิง ซึ่งถือว่าเป็นจุดล่องแก่งในสายน้ำธรรมชาติที่สมบูรณ์และได้มาตรฐานที่สุดของเมืองไทย
การเดินทาง
การเดินทางไปล่องแก่งหินเพิง จะมีวิธีการเดินทางไปได้ด้วยรถยนต์ส่วนตัว หรือเช่าเหมารถจากกรุงเทพฯ ซึ่งจะสะดวกที่สุด โดยออกจากกรุงเทพฯผ่านฉะเชิงเทรา-อ.พนมสารคาม แล้วเข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 304 ตรงไปกบินทร์บุรี แล้วตรงไป อ.นาดี แล้วแยกไปตามป้ายบอกทางเข้าแก่งหินเพิง หรือไปตามรีสอร์ทต่างๆ
อีกกรณีหนึ่งคือการเดินทางแบบซื้อทัวร์จากบริษัททัวร์ที่เขาจัดการให้หมดทุกอย่าง
หรือจะเดินทางไปเองแบบไม่มีรถส่วนตัว ก็นั่งรถตู้โดยสาร มีคิวออกจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หน้าโรงพยาบาลราชวิถี ไปลงที่กบินทร์บุรี ต่อจากนั้นก็ให้รีสอร์ทมารับหรือจะเช่ารถไปเองก็ได้
– แค้มปิ้งไซด์เซ็นเตอร์ โทร.433-2760,435-3907, 435-6085, แฟกซ์ 433-9660
– สวนศักดิ์สุภารีสอร์ท โทร.249-8093, 249-8085-6 แฟกซ์ 249-8094 , มือถือ 01/910-5209 และที่ปราจีนบุรี โทร.01/454-0076, 01/666-4677, (037) 281-507, (037) 282-035
– ฟูจิทัวร์ โทร.518-0240, 918-6067-8
– บ้านผางาม โทร.424-3476, 4356923 ที่ปราจีนบุรี (037) 204-240
– ปรายฝันคันทรีแค้มป์ โทร.01/410-2790
– สวนปทุมวดี โทร.463-3651, 01/3097949, 01/908-2478
– สวนวนารมย์ โทร.229-4794, 01/318-2712
– วังตะพาบรีสอร์ท โทร.(037) 281-315, 01/946-9133
– สวนนิรมล โทร.01/653-9635
– เหนือฝายแค้มป์ โทร.01/983-2199, 01/918-3829 ,(037) 289-005-6