ทริปนี้ผมไม่ได้ตั้งใจจะมาเที่ยวครับ แวะมาหาเพื่อนที่กาญจนบุรี และทราบมาว่าเค้าให้นั่งรถไฟฟรีผมจึงขอใช้สิทธิ์กับเค้าด้วยคน โดยมีเพียงกล้องจากโทรศัพท์เท่านั้นเองครับ ที่ใช้เก็บภาพมาฝากกันคราวนี้ ใครไม่ได้มาถ่ายรูปกับสะพานข้ามแม่น้ำแคว เหมือนมาไม่ถึงเมืองกาญจน์ สะพานแห่งนี้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ที่แสดงถึงบทบาทหนึ่งของกาญจนบุรีในสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยครับ
สะพานเหล็กนี้ตรงกลางจะมีรางรถไฟสามารถแล่นผ่านได้ ช่วงนี้รถไฟยังไม่มา จึงถ่ายภาพเก็บไว้ก่อนครับ
ผมขับรถมาถึงตัวเมืองกาญจนบุรี เพื่อมาขึ้นรถไฟที่สถานีในรอบแต่เช้าเลยครับ ขึ้นฟรีไม่เสียเงิน ใกล้ๆ กันมีสะพานเหล็กรางรถไฟ ที่ใช้ข้ามแม่น้ำแควใหญ่ ความยาวสะพาน ประมาณ 300 เมตร สร้างขึ้น สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2485 นับเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ เส้นทางรถไฟสายมรณะ
ในปี พ.ศ. 2484 กองทัพญี่ปุ่นได้เข้าใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านเพื่อไปยังประเทศพม่า ได้มีการสร้างทางรถไฟ เพื่อใช้เป็นเส้นทางลำเลียงยุทธปัจจัย ความยาวรวมของทางรถไฟ 415 กิโลเมตรโดยมีจุดเริ่มต้นที่หนองปลาดุก จังหวัดราชบุรี และสิ้นสุดในเขตไทย ที่ด่านพระเจดีย์สามองค์ เป็นระยะทาง 263 กิโลเมตร และต่อไปอีกในเขตพม่า ถึงเมืองตันบูซายัด เป็นระยะทาง 152 กิโลเมตร โดยได้เริ่มก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2485
ลูกระเบิดจำลอง เพื่อเป็นการรำลึกถึงพิษภัยของสงคราม
ช่วงแรกได้เกณฑ์แรงงานกรรมกรชาวเอเชียมาสร้างทางรถไฟ ต่อมาได้ใช้แรงงานเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่งได้แก่ ทหารอังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลีย และฮอลันดา จำนวนหลายหมื่นคน เพื่อก่อสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์ ตลอดเส้นทางการสร้างทางรถไฟนั้น เต็มไปด้วยความยากลำบาก จากเส้นทางป่าเขาที่รกชัฏ โรคภัยไข้เจ็บ ขาดแคลนอาหาร และยารักษาโรค ตลอดจนความทารุณของสงคราม ทำให้เชลยศึกหลายหมื่นคนต้องเสียชีวิตลง
ภายหลังสงครามได้สิ้นสุดลง เมื่อปี พ.ศ. 2489 กองทัพญี่ปุ่นยอมแพ้ เนื่องจากถูกกองทัพอเมริกันทิ้งระเบิดปรมณูที่เมืองฮิโรชิมา และเมืองนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น
บริเวณสะพานประวัติศาสตร์โดยรอบมีร้านอาหาร เครืื่องดื่ม เยอะคึกคักมากครับ รวมถึงร้านขายของที่ระลึก ร้านขายเครื่องประดับ อัญมณี สวยๆ นอกจากนั้นยังมีพิพิธภัณฑ์แม่น้ำแควเสียค่าเข้าชมแค่ 50 บาทต่อคน
สะพานข้ามแม่น้ำแคว ตั้งอยู่ที่ ถนนแควใหญ่ ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
วิวบนสะพาน
