วัดวาอารามแต่ละแห่งมีความสวยงาม และประวัติศาสตร์ความเป็นมาแตกต่างกันไป วันนี้จะพาไปชมวัด วัดที่มีความสวยงามของสถาปัตยกรรม แบบพม่าในเมืองเหนือ และเป็นวัดพม่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วยครับ
วัดศิลปะพม่าในภาคเหนือที่สำคัญและน่าสนใจมีอยู่มากมายหลายวัด หลายจังหวัด ที่มีลักษณะเด่นและสวยงามแตกต่างกัน ได้แก่ ลวดลายพรรณพฤษษา และนกที่สำคัญ เช่น วัดศรีชุม เป็นวัดพม่าที่น่าสนใจวัดหนึ่งในตำบลสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
วัดศรีชุม เป็นวัดพม่าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาวัดพม่าที่มีอยู่ในประเทศไทยทั้งหมด 31 วัด สร้างในปี พ.ศ. 2436 ที่บ้านศรีชุม ต.สวนดอก อ.เมือง จ.ลำปาง เป็นวัดที่สร้างขึ้นโดย คหบดีชาวพม่า ที่เข้ามารับจ้างและทำป่าไม้และอาศัยอยู่ในเมืองลำปาง ตามประวัติวัดศรีชุมนั้นกล่าวไว้ว่า ก่อนที่คหบดีพม่าจะสร้างวัดขึ้นนั้น ที่บริเวณนี้เคยเป็นวัดมาก่อน แต่เป็นวัดเล็ก ๆ มีเพียงศาลา บ่อน้ำ และต้นโพธิ์เท่านั้น ต่อมาในปี 2435 คหบดีชาวพม่าจึงได้ทูลขออนุญาตเจ้านครลำปางแล้วสร้างวัดศรีชุมนั้นขึ้น โดยตั้งชื่อเป็นภาษาพม่าว่า “หญ่องไวง์จอง”
วัดศรีชุม จัดเป็นวัดพม่าที่มีความสมบูรณ์พร้อม กล่าวคือ มีทั้งพระวิหาร พระอุโบสถ พระธาตุเจดีย์ กุฏิและซุ้มประตูเป็นแบบอย่าพม่าทั้งสิ้น
สำหรับพระวิหารที่ตั้งอยู่กึ่งกลางวัด เป็น “อาคารตึกครึ่งไม้แบบพม่า” กล่าวคือมีหลังคาซ้อนกันหลายชั้น แต่ละชั้นลดหลั่นกันถึง 7 ชั้น ขึ้นไปหาเรือนยอด ชั้นบนสุดประดับด้วยฉัตรทองคำตัวพระวิหารมีมุขบันไดทางขึ้นทั้งสองด้าน ซึ่งทั้งสองมุขมีลวดลายแกะสลักลงรักปิดทอง มีภาพตุ๊กตาพม่าสลับบนลายเครือเถา หน้าบันเป็นลายดอกไม้ประดับ กระจกสี ส่วนบนเพดานวิหารแต่ละช่องประดับด้วยตุ๊กตาแกะสลักเป็นรูปต่าง ๆ ไม่ซ้ำกัน มีทั้งสิงโต ปลา วัว ลิง นก ช้าง ม้า เด็ก และเทวดา
นอกจากรูปแบบการก่อสร้าง การจำหลักไม้และการประดับกระจกอันเป็นศิลปะที่ชี้ชัดว่า เป็นแบบพม่าแล้ว พระประธานที่ประดิษฐ์ฐานไว้ตรงตำแหน่งที่ตรงกับส่วนที่เป็นหลังคาซ้อนกัน 7 ชั้น บนวิหารนี้ ก็เป็นพระพุทธรูปแบบพม่าปางมารวิชัยขัดสมาธิราบ พระนลาฏต่ำ พระพักตร์แบน พระขนงโก่ง พระนาสิกเป็นสัน พระโอษฐ์อมยิ้ม พระหนุมน พระกรรณยาวและโค้งเล็กน้อยจรดพระอังสา พระเกศามีเม็ดพระศกละเอียด ไรพระศกเป็นแถบกว้าง ห่มจีวรลดไหล่แต่มีผ้าหลุมไหล่ทั้งซ้ายและขวา
พระพุทธรูปพม่าปางมารวิชัยขัดสมาธิราบ
พระประธานของวัดพม่าในลำปางส่วนใหญ่แกะสลักจากไม้สักทั้งต้นแล้วปิดทอง แต่ใช่ว่าพระพุทธรูปพม่าจะต้องแกะสลักจากไม้เท่านั้น บางองค์ก็สลักจากหินอ่อน ถ้าเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่มากก็สลักจากหินอ่อน ถ้าเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่มากก็ใช้วิธีสร้างแบบก่ออิฐถือปูน เช่นเดียวกับพระพุทธรูปของไทย พระวิหารวัดศรีชุมหลังนี้ถูกไฟไหม้เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2535 จึงมีการบูรณะซ่อมแซมขึ้นมาใหม่ โดยถ่ายแบบจากของเดิมทุกประการ แต่ก็อาจจะงดงามเทียบของเก่าแทบไม่ได้
ส่วนพระอุโบสถซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของวัดนั้น มีกำแพงแก้งล้อมรอบอีก ชั้นหนึ่ง ทางเข้าพระอุโบสถทำเป็นซุ้มประตู ก่ออิฐถือปูน หลังคาซ้อนกัน 3 ชั้น ลักษณะของพระอุโบสถมีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมมุมและมีจัตุรมุขหลังคาซ้อนกัน 7 ชั้น ส่วนยอดประดับฉัตรทอง เชิงชายของหลังคาแต่ละชั้นตกแต่งด้วยลวดลายฉลุโลหะ ในส่วนของมุขทั้งสี่ก็ทำหลังคาซ้อนกัน 5 ชั้น ลดหลั่นกันขึ้นไป ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปแบบพม่าหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก
และบริเวณด้านข้างของพระอุโบสถ จะมีพระธาตุเจดีย์ก็เป็นเจดีย์ทรงกลมก่ออิฐถือปูนแบบพม่า รอบคอระฆังมีลวดลายปูนปั้น ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากพม่า เมื่อปี พ.ศ. 2449
เรียกว่า ได้ วัดศรีชุม เป็นวัดที่เก่าแก่ อีกแห่งหนึ่ง นอกจากจะมีความสวยงามในศิลปะพม่าแล้ว ยังเป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพนับถือของชาวลำปางอีกด้วยครับ นักท่องเที่ยวที่มาจังหวัดลำปาง ก็จะแวะมาชมความสวยงามของวัดศรีชุม พร้อมกับสักการะพระธาตุ และพระพุทธรูปในวิหารครึ่งตึกไม้หลังนี้ครับ
การเดินทาง วัดศรีชุมตั้งอยู่ที่ ถนนศรีชุม-แม่วะ ตำบลศรีชุม จากถนนพหลโยธินเมื่อถึงโรงเรียน บุญวาทย์วิทยาลัยแล้ว เลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกเข้าถนนศรีชุมไปประมาณ 100 เมตร จะพบทางเข้าวัดอยู่ทางด้านขวามือ