www.dooasia.com >
เมืองไทยของเรา >
เที่ยวไปชมไป
เที่ยวไปชมไป
มุ่งสู่อิสาน
ขึ้นเหนือ
ขึ้นเหนือที่เชียงใหม่
วันมาฆบูชาปีนี้ ตรงกับวันอาทิตย์ ที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ ทางราชการหยุดชดเชยให้หนึ่งวัน
จึงทำให้มีวันหยุดติดต่อกันสามวัน จากวันเสาร์ถึงวันจันทร์ นับว่าเป็นโอกาสที่จะเดินทางไปต่างจังหวัดไกล
ๆ ได้อีกวาระหนึ่ง และสามารถบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันมาฆบูชาในต่างจังหวัดในระหว่างการเดินทางได้ด้วย
นับว่าสมประโยชน์แก่ทุกฝ่ายด้วยประการทั้งปวง
ครั้งก่อน เมื่อตอนช่วงปีใหม่หยุดติดต่อกันถึงห้าวัน เลยเกิดรายการท่องเที่ยวอีสานตามที่ได้นำเสนอไปแล้ว
ครั้งนี้มีเวลาเพียงสามวันเดินทางโดยรถยนต์จากกรุงเทพ ฯ ก็คงจะเหนื่อยกันพอสมควร
เนื่องจากจุดหมายหลักอยู่ที่เชียงใหม่ ถ้าเดินทางโดยรถยนต์ก็คงจะต้องออกเดินทางวันเสาร์เช้า
กว่าจะถึงเชียงใหม่ก็คงค่ำมืด เพราะคงจะต้องแวะชมสถานที่น่าสนใจรายทางขึ้นไปตามลำดับ
รุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์มีเวลาเที่ยวเพียงหนึ่งวัน วันจันทร์ก็ต้องเดินทางกลับเห็นว่าจะไม่คุ้ม
ดังนั้นทางเลือกในครั้งนี้คือการเดินทางโดยรถไฟ เลือกขบวนรถด่วนนครพิงค์
ออกจากสถานีหัวลำโพง
เวลา ๑๘.๐๐ น. ทำให้สามารถเดินทางได้ในคืนวันศุกร์ หลังจากเลิกงานแล้ว คณะผู้เดินทางจะไม่ไปตั้งหลักที่บ้าน
แต่ทุกคนจะออกจากที่ทำงานแล้วมุ่งตรงไปสถานีรถไฟหัวลำโพงเลย เพราะถ้าไม่ทำตามนี้จากสภาพการจราจรที่กรุงเทพ
ฯ ในตอนเย็นวันศุกร์อาจทำให้พลาดรถไฟได้ง่าย แต่ละคนมีกระเป๋าสำหรับบรรจุของที่จำเป็นส่วนตัวขนาดกระทัดรัดคนละใบ
และมีกระเป๋ารวมชนิดลากได้ ขนาดที่นำติดตัวขึ้นเครื่องบินได้อีกหนึ่งใบ ทำให้การเดินทางคล่องตัวมาก
ออกจากกรุงเทพ
ฯ
รถไฟยุคใหม่ออกตรงเวลา และเมื่อเปรียบเทียบตารางการเดินรถขบวนเดียวกันนี้กับ
เมื่อปีที่แล้วนับว่าใช้เวลาน้อยกว่า ประมาณไม่น้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง จากกรุงเทพ
ฯ ถึงเชียงใหม่ ผู้โดยสารเต็มทุกโบกี้ ซึ่งมีอยู่ทั้งหมดกว่าสิบโบกี้ เป็นรถนอนโทปรับอากาศทั้งหมด
และมีตู้เสบียงอยู่ด้วยอีกหนึ่งโบกี้ ขบวนรถแล่นช้า ๆ จากสถานีหัวลำโพง เพื่อรอจังหวะสัญญาณไฟที่แยกยมราช
สองข้างทางรถไฟในช่วงนี้ ไม่เจริญตาเลย เนื่องจากมีผู้บุกรุกเขตการทางรถไฟ
สร้างอาคารที่พักอาศัยและเพิงร้านค้าเต็มต่อเนื่องไปหมด สิ่งก่อสร้างอยู่ห่างจากรางรถไฟประมาณ
หนึ่งเมตร บางแห่งก็ใกล้กว่านี้ อันนี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ขบวนรถต้องวิ่งช้าอย่างยิ่ง
เพราะผู้คนที่อยู่กันสองข้างทางรถไฟดังกล่าวพลุกพล่านมาก
เมื่อพ้นแยกยมราชแล้ว ขบวนรถก็จะเพิ่มความเร็วได้มากขึ้นแล้วไปจอดรับผู้โดยสารที่สถานีสามเสนกับสถานีบางซื่อตามลำดับ
กว่าขบวนรถจะวิ่งมาถึงสถานีดอนเมืองใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง ซึ่งตามที่ควรแล้วควรใช้เวลาประมาณ
๓๐ - ๔๕ นาที มีผู้โดยสารขึ้นที่สถานีระหว่างทางจนถึงดอนเมืองพอสมควร การจอดในแต่ละสถานีไม่เสียเวลามาก
เมื่อรถออกจากสถานีบางซื่อแล้ว ผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็จะเริ่มรับประทานอาหารเย็นกัน
โดยสั่งจากบริการอาหารและเครื่องดื่มบนรถไฟ ซึ่งมีบริกรเดินมาให้บริการถึงที่นั่ง
หรือมิฉะนั้นจะเดินไปรับประทานที่ตู้เสบียงก็ได้ตามใจชอบ นอกจากนั้นผู้โดยสารส่วนหนึ่งยังซื้ออาหารเตรียมมาแล้วมารับประทานกันในช่วงนี้
สังเกตดูผู้โดยสารส่วนใหญ่มักเดินทางเป็นคณะหลายคน ดังนั้นการนั่งจึงจับคู่กันระหว่างผู้ที่นอนเตียงบนกับเตียงล่าง
นั่งหันหน้าเข้าหากัน โดยมีโต๊ะพับได้ติดตั้งไว้ตรงกลาง ถ้าเกิดนั่งคู่กันไม่ได้
ด้วยเหตุผลของการซื้อตั๋วแล้วไม่ลงตัว การขอแลกเปลี่ยนที่นั่ง และที่นอนกันก็ตกลงได้โดยง่าย
เป็นการเอื้อเฟื้อกันไปและทำให้เกิดการลงตัวได้ง่าย
คนตรวจตั๋วจะเริ่มตรวจตั๋วตามลำดับตู้ ตั้งแต่รถเริ่มออกจากสถานีบางซื่อ และหลังจากที่ใช้เวลาในการรับประทานอาหารประมาณ
หนึ่ชั่วโมง เข้าใจว่ารถไฟวิ่งถึงจังหวัดอยุธยา ก็เป็นเวลาประมาณ ๒๐.๐๐ น.เจ้าหน้าที่ประจำแต่ละโบกี้ก็จะเริ่มจัดเตียงนอนไปตามความต้องการของผู้โดยสาร
ซึ่งถ้าผู้โดยสารคู่ใดยังอยากจะนั่งต่อไปก็ย่อมทำได้ เมื่อต้องการจะนอนเมื่อใดก็ไปจากเจ้าหน้าที่ประจำโบกี้ให้มาจัดที่นอน
แต่ส่วนใหญ่จะนอนกันตั้งแต่หัวค่ำ ผู้ที่นอนเตียงบนต้องออกแรงปีนบันไดขึ้นไป
ซึ่งไม่ลำบากนัก ยกเว้นคนแก่และผู้ที่ร่างกายไม่ปกติ การนอนบนรถไฟให้ความรู้สึกที่แปลกไปอีกอย่างคือ
อาการที่ตู้รถไฟโยกไหวไปบนรางตลอดทาง จะว่าเหมือนนอนเปลก็ไม่ใช่เพราะเปลนั้นไกวทางข้าง
แต่รถไฟทั้งโยกทางข้าง และเคลื่อนที่ไปข้างหน้า บนที่นอนถ้ายังไม่หลับก็อ่านหนังสือได้
มีไฟที่หัวเตียงให้เปิดอ่านเฉพาะตัว
ห้องน้ำบนรถไฟก็คับแคบเช่นเดียวกับห้องน้ำบนเครื่องบิน แต่ใช้ได้ลำบากกว่าเพราะการโยนตัวของตู้รถไฟมีมาก
ส่วนบนเครื่องบินนั้นนิ่งยกเว้นตอนที่เครื่องบินบินอยู่ในสภาพอากาศที่ไม่ดี
แต่โอกาสดังกล่าวมีน้อยมาก ส่วนรถไฟอาการโยกตัวมีอยู่ตลอดเวลา ห้องน้ำ และอ่างล้างหน้าบนรถไฟมีอยู่โบกี้ละสองที่
ดังนั้นจึงต้องรอคิวกันพอสมควร ในห้วงเวลาก่อนเข้านอน และตื่นนอนตอนเช้า ดังนั้นถ้าเลือกใช้ตอนดึกจะสะดวกมาก
ถึงเชียงใหม่
บนรถด่วนนครพิงค์ถึงเชียงใหม่ตรงเวลาคือ ๐๖.๕๐ น. นับว่าเป็นครั้งแรกจากที่นั่งรถไฟขบวนนี้มาเชียงใหม่หลายครั้ง
จึงต้องขอชมเชยผู้บริหารการรถไฟชุดปัจจุบันไว้ในที่นี้ด้วยความจริงใจ รวมทั้งกิจการอื่น
ๆ ที่ได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การปรับปรุงชานชาลาสถานีรถไฟทุกแห่งโดยเฉพาะที่ต้นทางคือ
สถานีหัวลำโพงมีความสะอาดและเป็นระเบียบ ในทุกด้าน ที่นั่งพักของผู้โดยสารก็ทำใหม่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
แต่คงสภาพรูปแบบเดิมไว้ได้อย่างน่าชม ร้านค้าจัดเป็นระเบียบมีป้ายบอกราคาสินค้าตั้งแสดงให้เห็นชัดเจน
สินค้าที่ขายก็มีทั้งอาหารเครื่องดื่ม และหนังสือ ที่ผู้โดยสารรถไฟ่ส่วนใหญต้องการ
พื้นชานชาลาปูใหม่มีเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดคอยทำความสะอาดอยู่ตลอดเวลา ที่สถานีเชียงใหม่ก็อยู่ในสภาพที่เป็นระเบียบเรียบร้อย
และสะอาดเช่นเดียวกับหัวลำโพง และคิดว่าสถานีอื่น ๆ ระหว่างทางก็คงจะได้รับการปรับปรุงให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน
เช่นกัน
อากาศที่เชียงใหม่ในเช้าวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์๔๖ เย็นพอสมควร ผู้คนชาวเมืองใส่เสื้อหนาวกันหนาตา
ประมาณว่าอุณหภูมิตกประมาณ ๑.๗ องศาเซลเซียส ผู้โดยสารจากกรุงเทพ ฯ ส่วนใหญ่ไม่ได้เตรียมเสื้อหนาวไปกันเพราะที่กรุงเทพ
ฯ อากาศไม่หนาว และแม้ว่าบนตู้รถปรับอากาศจะมีความเย็นพอสมควรก็ตาม แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่ใคร่มีใครเตรียมเครื่องกันหนาวไปกันในห้วงเวลานี้
บทเรียนในเรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเมื่อหลายสิบปีก่อน ครั้งที่ผู้เขียนไปศึกษาอยู่ที่รัฐโอกลาโฮมาสหรัฐอเมริกา
ในปลายฤดูใบไม้ผลิ อากาศทางรัฐทางภาคใต้ของสหรัฐ ฯ เช่นโอกลาโฮมาไม่หนาวแล้ว
คืออบอุ่นเย็นสบาย ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงกาล เพราะไปเมืองนอกเป็นครั้งแรก
ได้ขับรถยนต์จากเมืองลอว์ตันในตอนเช้า มุ่งไปสู่เมืองชิคาโก ชนิดไม่มีการหยุดพักเป็นระยะทางประมาณ
๑.๐๐๐ ไมล์ ผ่านรัฐต่าง ๆ ไปตามลำดับโดยใช้เส้นทางหลวงระหว่างรัฐโดยตลอดเพื่อทำเวลา
เนื่องจากบนเส้นทางดังกล่าวจะกำหนดความเร็วสูงสุดไว้ไม่เกิน ๗๕ ไมล์ต่อชั่วโมง และเสียค่าผ่านทางเป็นช่วง ๆ ช่วงละ ๓๕ เซนต์ (ตอนนั้นตกประมาณ
๗ บาท) การเติมน้ำมันในแต่ละครั้งจะใช้วิธีเติมเต็มถัง ดังนั้นจึงเติมน้ำมันเพียงสี่ครั้งคือครั้งแรกก่อนออกเดินทาง
ครั้งที่สองที่เมืองทัลซา (Tulsa) ในรัฐโอกลาโฮมา ครั้งที่สามที่เมือง เซนต์หลุยส์
(St Louise) ในรัฐมิสซูรี และครั้งสุดท้ายที่เมืองชิคาโก บนรถจะมีแผนที่ทางหลวงสหรัฐ
ฯ และของกินที่หยิบกินได้ง่าย ๆ เมื่อถึงสถานีเติมน้ำมันก็จะเข้าห้องน้ำ
และเอาน้ำเย็นล้างหน้า และราดหัวเพื่อปลุกประสาทให้ตื่นตลอดเวลา ความเร็วที่ใช้จะคงที่คือเต็มตามความเร็วสูงสุด
เนื่องจากเส้นทางหลวงระหว่างรัฐเป็นถนนที่ไม่มีการตัดผ่านกัน ประกอบกับมีช่องทางวิ่ง
๘ ช่องทาง ไป ๔ กลับ ๔ ช่อง การจราจรไม่คับคั่งจึงทำเวลาได้ตลอด ออกจากเมืองลอว์ตัน
๐๗.๐๐ น. ถึงเมืองชิคาโก เมื่อเวลา ๐๓.๐๐ น. ใช้เวลาวิ่งรวดเดียว ๒๐ ชั่วโมง
ปัญหาที่เป็นบทเรียนที่กล่าวคือ ระดับอุณหภูมิที่แตกต่างกันมากในช่วงเวลาเพียงข้ามคืน
เมื่อออกจากโอกลาโฮมา อุณหภูมิกำลังอบอุ่นเย็นสบาย
จึงใส่เสื้อโปโลแขนสั้นเพียงตัวเดียว แต่พอถึงชิคาโก ซึ่งอยู่เหนือขึ้นไปประมาณ
๑.๐๐๐ ไมล์ อุณหภูมิต่างกันมาก ประกอบกับกระแสลม รู้สึกหนาว แม้ว่าจะเคยผ่านหน้าหนาวที่อุณหภูมิติดลบมาแล้วก็ตาม
เล่ามาเสียยืดยาวก็เพื่อเตือนความสะเพร่า และประมาทของตัวเอง ซ้ำรอยเดิมในอดีตอีก
ในต่างกรรมต่างวาระ ต่างเวลากันรู้เท่าไม่ถึงกาล และผลเหมือนกันคือต้องทนหนาวโดยใช่เหตุ
แม่น้ำปิงเปลี่ยนทางไหล
เมื่อเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว ก็ติดต่อขอเช่ารถชนิดขับเอง เป็นรถญี่ปุ่นขนาดเล็ก
ค่าเช่าวันละ ๑,๒๐๐ บาท สำหรับเกียร์ธรรมดา และ ๑,๔๐๐ บาท สำหรับเกียร์อัตโนมัติ
เติมน้ำมันเอง ขนาดพอเหมาะสำหรับคณะ ๔ คน จุดแรกที่ไปชมคือ การเปลี่ยนทางไหลของแม่น้ำปิง
ในเขตอำเภอแม่แตง ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ขึ้นไปทางเหนือ
ตามทางหลวงหมายเลข ๑๐๑ ที่ไปยังอำเภอเชียงดาว ประมาณ ๓๕ กิโลเมตร พื้นที่บริเวณดังกล่าวมีลักษณะเป็นรูปถุงมีแม่น้ำปิงโอบล้อมอยู่สามด้าน
สภาพดังกล่าวเป็นปกติดีเมื่อประมาณยี่สิบปีก่อน ต่อมาเมื่อไม่กี่ปีมานี้ได้มีการทำรอกันน้ำขึ้นมาแห่งหนึ่ง
ทำให้กระแสน้ำเปลี่ยนทิศทาง ไหลไปเซาะพื้นที่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำตลิ่ง พังลงไปตามลำดับ
บรรดาเจ้าของที่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำ ในเขตพื้นที่ดังกล่าว ตอนแรกก็คิดว่าไม่มีอะไรมากเป็นการพังของตลิ่งตามธรรมดา
เพราะตลิ่งบริเวณนั้นสูงชัน เมื่อเวลาน้ำลดในฤดูแล้งจะสูงถึงประมาณ ๑๐ เมตร
มีการคิดทำเขื่อนกันตลิ่งพังในรูปแบบต่าง ๆ แต่ค่าใช้จ่ายสูงมาก เนื่องจากความสูงชันของตลิ่ง
และกับพื้นดินเป็นดินปนทราย ประกอบกับเจ้าของที่ดินส่วนใหญ่ไม่ได้มาตั้งบ้านเรือนอยู่ในที่ของตน
คงลงแต่ต้นไม้ เช่น ลำไย เป็นส่วนใหญ่ นาน ๆ จึงแวะเวียนมาดูก็พบว่าการกัดเซาะรุนแรงขึ้นตามลำดับ
มาแต่ละครั้งก็จะเห็นต้นไม้ขนาดใหญ่ตกลงไปอยู่ในแม่น้ำ ไม่เว้นแม้แต่กอไผ่กอโต
ๆ ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ
ได้มีการขอความช่วยเหลือไปยังกรมเจ้าท่าให้ขุดแนวทางไหลของแม่น้ำปิงเสียใหม่
ตามแนวแม่น้ำเดิม ก็มีการดำเนินการกันอยู่หลายเดือนให้ห้วงฤดูแล้ง แต่เนื่องจากว่างานยังไม่เสร็จดี
หน้าฝนมาเสียก่อนประกอบกับงบประมาณมีจำกัด พอถึงฤดูน้ำหลากการกัดเซาะยิ่งรุนแรงขึ้น
จนกินลึกเข้าไปจากแนวลำน้ำเดิมเป็นร้อยเมตร ที่ที่เคยอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำ
กลับกลายไปอยู่บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำ เหมือนกรณีของเมืองกุมกาม เมืองโบราณใต้พิภพที่เพิ่งถูกขุดค้นพบ
เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๗ ที่ทางคณะกำลังจะไปชมในรายการต่อไปไม่ผิด นับว่าเชียงใหม่มีปรากฏการณ์คล้ายกันในห้วงระยะเวลาที่ห่างกันถึงกว่า
๗๐๐ ปี แต่ความเสียหายของพื้นที่ในเขต อำเภอแม่แตง มีน้อยกว่าความเสียหายของเมืองกุมกามอย่างเทียบกันไม่ได้
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เมืองกุมกามจบไปแล้วด้วยการฝังตัวเมืองกุมกามไว้ใต้ดินลึกเกือบสามเมตร
และหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์หลายร้อยปี แต่พื้นที่ริมปิงของอำเภอแม่แตงยังไม่จบ
ถ้ากรมเจ้าท่ายังไม่สามารถเปลี่ยนทางเดินของแม่น้ำปิงให้กลับไปอยู่ในแนวเดิมได้
ชาวบ้านที่อยู่ริมปิงในพื้นที่ดังกล่าว จะต้องประสบกับโศกนาฏกรรมในอนาคตอันใกล้
เพราะขณะนี้แม่น้ำปิงได้กัดเซาะตลิ่งทางฝั่งขวาไปจนเลยรั้วหน้าบ้านแล้ว เหลืออีกเพียงไม่เกิน
๒๐ เมตร ก็จะถึงตัวบ้าน ซึ่งเป็นบ้านถาวรปลูกไว้นานหลายสิบปีแล้ว
ออกจากพื้นที่แม่ปิง เซาะตลิ่งลึกจนอยู่ในสภาพเปลี่ยนทางเดินแล้ว ก็แวะร้านขายอาหารพื้นเมืองของเชียงใหม่
คือ ไส้อั่ว เป็นผลิตภัณฑ์ของหมู่บ้าน
ตั้งอยู่ริมถนนสายเชียงใหม่ แม่แตง ไส้อั่วดังกล่าวมีหลายสูตรต่างกันไปตามส่วนผสมเช่น
ตับ กระดูก พริกสด ฯลฯ เมื่อปิ้งจนสุกแล้วก็กินได้ทันที ไม่ต้องมีการปรุงอะไรอีก
ไส้อั่วกินกับข้าวเหนียวนึ่ง ร้อน ๆ รสชาดไม่เป็นรองอาหารชนิดใด ซื้อเก็บไว้เป็นเสบียงบนรถกินกันได้ตลอดทาง
อย่างไรก็ตามมาเชียงใหม่แล้วไม่กินข้าวซอยเชียงใหม่
ก็ดูกระไรอยู่ จึงแวะไปที่ตลาดแม่มาลัย
แวะร้านริมทางสั่งข้าวซอยมาเป็นอาหารกลางวันคนละชามสองชามรสชาดเข้มข้น มีเครื่องปรุงที่ใช้กับข้าวซอยมาให้ขอเพิ่มเติมได้ไม่อั้น
ออกจากแม่แตงแล้วก็เดินทางไปชมสวนพฤกษศาสตร์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอำเภอแม่ริม
เมื่อออกจากอำเภอแม่แตงแล้ว เดินทางย้อนกลับเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ จนถึงทางแยกขวาไปอำเภอแม่ริม
ซึ่งห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ ๑๒ กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาไปตามถนนสายแม่ริม-สะเมิงอีก
๑๒ กิโลเมตร ก็จะถึงที่หมาย
|