๕. เรื่องเกี่ยวกับขบวนการก่อการร้าย
(ขบด. ขจก. จกร.)
๕.๑ ปัญหาขบวนการแบ่งแยกดินแดน
(ขบด.) เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงเรื้อรังมานาน
ไม่ใช่เรื่องปั้นขึ้นมาของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น มีแนวโน้มเป็นปัญหาระหว่างต่างประเทศ
มีการเตรียมนำเรื่องเข้าสู่การประชุมของสหประชาชาติ
๕.๒ แม้ มะไฮยิดดินและหะยีสุหรง
จะตายแล้วก็ตาม พวกที่ยังอยู่ เช่น ตวนกู ยาลา มาเซร์ และพรรคพวกในรัฐกลันตัน
และภาคใต้ของไทย คงดำเนินการคิดแยกดินแดน โดยอาศัยหลัก
๘ ประการคือ
(๑) ทำให้เกิดความปั่นป่วนระส่ำระสาย
(๒) การจัดตั้งทางการเมือง และหน่วยกู้ชาติ
(๓) จัดหาทุนและอาวุธ
(๔) ดำเนินการเรื่องกรรมสิทธิที่ดินโดยการรับรอง จัดซื้อโดยรวมกันซื้อ
ยึดกรรมสิทธิป่า
(๕) สนับสนุนคนจากกลันตัน ตรังกานู มาสู่ดินแดนได้ผลมากในเขตอำเภอระแงะ
อำเภอรือเสาะ อำเภอแว้ง มีเข้ามาอยู่แล้ว ๑๐,๐๐๐
คน แอบอ้างว่าเป็นคนไทย
๕.๓ ขบวนการโจรก่อการร้าย ส่วนใหญ่เป็นคนสองสัญชาติ
๕.๔ ขบวนการโจรก่อการร้าย เรียกร้องเงินบริจาคจากคนไทยอิสลามที่ทำงานอยู่ต่างประเทศ
อ้างว่านำไปใช้ในการต่อสู้ของขบวนการ
๕.๕ ขบวนการโจรก่อการร้าย ใช้กลุ่มพลังมวลชนวัยรุ่นต่อสู้ในแนวทางสันติ
เช่นกลุ่มยุวมุสลิม ประจำจังหวัดต่าง ๆ กลุ่มนักศึกษาไทยมุสลิมแห่งต่างประเทศไทย
กลุ่มเอกภาพ โดยใช้เงื่อนไขปัญหาด้านเชื้อชาติ
ศาสนา ขนบประเพณี เช่น การแต่งกายชุด ฮิยาบ ใน วิทยาลัยครูแห่งหนึ่งในยะลา
๕.๖ ขบวนการโจรก่อการร้าย กลุ่มต่าง ๆ
ยังคงมีอิทธิพลเหนือชาวไทยอิสลามใน จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างมาก
เพราะอำนาจรัฐไม่สามารถคุ้มครอง เขาได้เต็มที่อิทธิพลดังกล่าวจะชี้นำการปฎิบัติ
๕.๗ ในนราธิวาสชาวไทยอิสลามทำอาชีพเกษตรกรรม กระจายไปตามพื้นราบเชิงเขาในอดีตเคยเป็นของไทยพุทธ
หรือคนจีน แต่เขาเหล่านี้ ถูกบังคับให้ออกนอกพื้น ที่ด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น
ปิดสวนยาง ลอบฆ่า
ทำให้ผู้มีอิทธิพลเข้าไปกว้านซื้อในราคาถูก และเป็นคนไทยอิสลาม
๕.๘ ไทยอิสลามแทบทุกหมู่บ้านตกอยู่ในอิทธิพลของ
ขบวนการโจรก่อการร้าย
๕.๙ ยุทธวิธีด้านการเมืองของ ขบวนการโจรก่อการร้ายคือ สร้างความแตกแยกไทยพุทธ
- ไทยมุสลิม ขยายแนวร่วมสู่วงการศาสนา ขยายความขัดแย้งธรรมดา
ให้เป็นสงครามศาสนา ยกระดับการต่อสู้จาก ขบวนการโจรก่อการร้ายเป็นสงครามประชาชาติ
เพื่อนำปัญหาเข้าสู่การพิจารณาขององค์การระหว่างชาติ การดำเนินการด้านการทหาร
เน้นการก่อวินาศกรรม สร้างความปั่นป่วน ก่อกวนความสงบสุข แสวงหาประโยชน์จากการข่มขู่
๕.๑๐ ขบวนการโจรก่อการร้ายมีโครงสร้างการจัดที่ถาวร
กำหนดอุดมการณ์ต่อสู้ไว้ในธรรมนูญของขบวนการชัดเจน เพื่อแยก จังหวัดชายแดนภาคใต้
เป็นรัฐอิสระปกครองตนเอง ดำเนินการมาต่อเนื่องยาวนาน
อาศัยความได้เปรียบในเรื่องโครงสร้างของสังคม คือ เชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม
ซึ่งผิดแผกคนส่วนใหญ่ของต่างประเทศ เป็นเงื่อนไขในการต่อสู้ได้รับความร่วมมือกับจาก
ประชาชน
๕.๑๑ การประชุมองค์การมุสลิมโลก (OIC) หลายครั้งโจรก่อการร้ายพยายามนำปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
เข้าสู่ที่ประชุม แต่ถูกยับยั้งไว้ โดยผู้แทนจากมาเลเซีย อินโดนิเซีย ปากีสถาน
ตุรกี และอียิปต์
๕.๑๒ ยุทธศาสตร์การแบ่งแยกดินแดน ตั้งเป็นรัฐปัตตานี
(๑) การเมืองในต่างประเทศ ให้ดำรงอุดมการณ์ร่วมกันสร้างฐานทางการเมือง
โดยอาศัยกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับของรัฐบาลไทยที่เปิดช่องว่าง สมัครเข้าช่วงชิงตำแหน่งสำคัญทางการเมือง
ในระดับท้องถิ่นถึงระดับรัฐสภา และระดับรัฐบาล
(๒) การเมืองนอกต่างประเทศ (เพื่อนบ้าน)
ให้ กกล.ของขบวนการทุกรูปแบบ ทำหลักฐานเป็นบุคคลสองสัญชาติ
(๓) การเมืองนอกต่างประเทศตะวันออกกลาง ให้คัดเลือกเยาวชนไปศึกษาแล้วกลับมารับราชการ
เป็นผู้นำชุมชน ส่งไปฝึก อว.เพื่อมาเป็น กกล.
(๔) การศาสนาให้ผู้นำศาสนาทำให้หมู่มุสลิมทำตนเคร่งครัด
ต่อจริยธรรม และนิติศาสตร์สังคม ระเบียบประเพณีอิสลาม
ตั้งปอเนาะให้มาก ปรับการนับถือนิกายสุหนี่ เป็น ชีอะห์ สายตะวันออกกลาง
(๕) การเศรษฐกิจให้เปลี่ยนมาอยู่ในมือมุสลิมทุกสาขา
๕.๑๓ มีการปลุกระดมต่อคนไทยอิสลามใน
๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้สำนึกถึงชาตินิยม เน้นความแตกต่างในการนับถือศาสนา
ภาษา ประเพณี วัฒนธรรม โฆษณาชวนเชื่อบิดเบือนข้อเท็จจริง ให้คนมุสลิม และต่างประเทศเข้าใจผิดว่ารัฐบาลไทยกดขี่
ข่มเหงคนมุสลิม และบิดเบือนประวัติศาสตร์ว่า
จังหวัดชายแดนภาคใต้ เคยเป็นของต่างประเทศเพื่อนบ้านมาก่อน เพื่อให้เป็นปัญหาที่นานาชาติควรเข้าไปเกี่ยวข้อง
พยายามสร้างเงื่อนไข หรือเรียกร้องสิทธิต่าง
ๆ ซึ่งรัฐบาลยอมไม่ได้ สร้างความแตกแยกระหว่างคนไทยพุทธกับไทยอิสลาม พยายามใช้อิทธิพลบังคับให้ไทยพุทธในพื้นที่นอกเมืองให้อพยพออกจากพื้นที่
ขู่บังคับไม่ให้คนไทยอิสลามส่งบุตรหลานเข้าเรียนหนังสือไทยด้วยการข่มขู่ครู
และ เผาโรงเรียน ลอบทำร้าย เรียกค่าคุ้มครองใส่ร้าย
ข้าราชการที่เข้มแข็ง บังคับซื้อที่ดินชาวไทยพุทธ ให้ไทยพุทธทิ้งถิ่น
๕.๑๔ หลักการดำเนินการ ๖
ประการ เป็นแนวทางการแบ่งแยกดินแดน
(๑) ปลุกใจประชาชนอิสลามให้สำนึกถึงชาตินิยม
(๒) โฆษณาให้เห็นว่า ข้าราชการไทยกดขี่ข่มเหง เบียดเบียน เก็บภาษีอากร ไม่ทำนุบำรุงบ้านเมือง
(๓) เรียกร้องขอสิทธิต่าง ๆ จากรัฐบาลชนิดที่ยอมให้ไม่ได้
(๔) เผยแพร่โฆษณาข่าวบิดเบือนจากความเป็นจริงทาง หนังสือพิมพ์ ทั้งใน และนอกต่างประเทศ
(๕) กลั่นแกล้งร้องเรียนกล่าวโทษ ข้าราชการ
(๖) ก่อให้เกิดความปั่นป่วนระส่ำระสาย
๕.๑๕ แผนการจัดตั้งรัฐบาลปัตตานี ได้ดำเนินการมาตั้งแต่
ปี พ.ศ.๒๔๙๐ และดำเนินการต่อไปตามคติที่ถือว่า
พระเจ้ามิได้เป็นเทพเจ้าในวันเดียว กรุงโรมมิได้เนรมิตในวันเดียว จึงต้องถือหลักสามัคคีไว้
และจะสำเร็จได้
๕.๑๖ การครอบครองที่ดินที่อำเภอรือเสาะ อำเภอแว้ง อำเภอระแงะ
ได้ผลดีมีคนจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้าไปอยู่แล้วประมาณ ๑๐,๐๐๐ คน และจะเข้าไปเรื่อย
ๆ
๕.๑๗ การจัดตั้งกองโจรหมู่บ้าน สำหรับคุ้มครองหมู่บ้าน
โดยให้ทุกหมู่บ้านประกอบด้วยเยาวชนที่คัดเลือกแล้ว โดยเฉพาะผู้ที่เคยเป็นทหาร
ยังไม่มีครอบครัว และมีความรู้ ทุกคนต้องสาบานตัวแบบทหาร
๕.๑๘ ขบวนการโจรก่อการร้ายอ้างว่าตนประสบความสำเร็จ โดยสามารถส่งตัวแทนเข้ามาเป็นผู้บริหารหรือเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ
ในระดับกลาง และระดับสูงของต่างประเทศข้อน่าสังเกตคือ เมื่อเกิดการเผาโรงเรียน
๓๖ แห่งใน ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมีนักการเมืองที่เป็นมุสลิมแสดงความเห็นไม่เชื่อว่า
เป็นการกระทำของ ขบวนการโจรก่อการร้ายเห็นว่าน่าจะเป็นของ เจ้าหน้าที่ของรัฐมากกว่า
๕.๑๙ ผู้ก่อการร้ายพยายามรวมประเพณีวัฒนธรรมมุสลิมเป็นศาสนาอิสลาม ประเพณีวัฒนธรรมไทยเป็นศาสนาพุทธ
ผู้นำศาสนามีความเชื่อว่า เมื่อต่างประเทศเจริญ
ประชาชนมีรายได้ดี จะทำให้ ประชาชนไม่เคร่งครัดในศาสนา
๕.๒๐ ทุกขบวนการต่างถือว่ารัฐบาลไทยเป็นนักจักรวรรดินิยม ซึ่งตนไม่อาจปรองดองได้
ทุกขบวนการเน้นการต่อสู้ด้วยอาวุธ
เพื่อเอกราชของ ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้
๕.๒๑ การต่อสู้ของ ขบวนการโจรก่อการร้ายเน้นหนักการใช้เชื้อชาติ
ศาสนา ภาษาและขนบธรรมเนียมประเพณี ให้เกิดการขัดแย้ง ระหว่างไทยพุทธ
- ไทยอิสลาม
๕.๒๒ ขบวนการโจรก่อการร้าย และ โจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา มีวัตถุประสงค์แตกต่างกันคือ
โจรจีนคอมมิวนิสต์มลายาต้องการปลดปล่อย ต่างประเทศเพื่อนบ้าน ส่วน ขบวนการโจรก่อการร้ายพยายามแยกดินแดนโดยได้รับการช่วยเหลือจากต่างประเทศ
ทั้ง ขบวนการโจรก่อการร้าย และโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา เคยขัดแย้งหรือประทะกันด้วยอาวุธ
ต่างคนต่างอยู่ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยไม่สามารถมีอิทธิพลเหนือ ขบวนการโจรก่อการร้ายเลย
๕.๒๓ ขบวนการโจรก่อการร้ายถือกำเนิดจากกลุ่มคนที่เป็นมุสลิม
๕.๒๔ ปี พ.ศ.๒๕๒๙ ขบวนการโจรก่อการร้ายแทรกซึมเคลื่อนไหวในหมู่ญาติมิตร
มีการเรียกค่าคุ้มครอง ข่มขู่ คุกคาม ผู้ที่ขัดขืนไม่มีอุดมการณ์ทางการเมืองต่อไป
โฆษณาชวนเชื่อหาสมาชิก เรียกร้องมุสลิมโลกช่วยเหลือ แม้ ขบวนการโจรก่อการร้ายจะตั้งขบวนการใหม่คือมุจาฮีดีน
แต่ทั้งสามขบวนการยังตกลงผลประโยชน์กันไม่ได้
๕.๒๕ ขบวนการโจรก่อการร้ายเลือกปฏิบัติการเฉพาะครูของ
โรงเรียนรัฐบาลที่สอนภาษาไทยในระดับประถมศึกษา
แต่บรรดา โรงเรียนราษฎรสอนศาสนาอิสลาม (ปอเนาะ) อยู่อย่างปกติสุข
๕.๒๖ กลุ่มดังกล่าว เคยนำเสนอชัดเจนว่า จะเอาองค์กรศาสนามาเป็นองค์ทางการเมือง
ดังที่ได้จัดตั้งกลุ่มเอกภาพมุสลิมขึ้น ภายหลังได้มาเป็นฐานเสียงให้กับผู้สมัคร
ผู้แทนราษฎร บางจังหวัดในจังหวัดชานแดนภาคใต้ กลุ่มคนเหล่านี้มีอยู่ไม่น้อย
ที่ทำตัวเคร่งในอุดมการณ์ ต่อสู้เพื่อรัฐอิสลามในทุกวิถีทาง
๕.๒๗ พ.ศ.๒๓๓๒ - ๒๓๓๓ แขกซายัด คนหนึ่ง (โต๊ะ ซาเหยด) อ้างตัวว่าเป็นเชื้อสาย
นบีมูฮำมัด มาจากอินเดีย อ้างว่าเป็นผู้รู้เวทมนต์วิชาไสยศาสตร์ ปรากฎตัวที่ปัตตานี
ยุยงให้พระยาปัตตานี ตั้งตนเป็นเอกราช พระยาสงขลา ตามไปตีได้ปัตตานี จับพระยาปัตตานีได้ส่งตัวไปขังที่กรุงเทพ
ฯ จนตาย
๕.๒๘ ประวัติการก่อความไม่สงบ เริ่มตั้งแต่ปลายสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยพระยาพิพิธภักดี
(อับดุลกาเดร์) เจ้าเมืองปัตตานี และหัวเมืองใกล้เคียง เริ่มแข็งข้อที่ปัตตานีจึงมีการปราบปรามรุนแรง
เรียกว่า ปราบขบถภาคใต้ ต่อมารัชสมัย ร.๖ ก็มีการแข็งเมืองอีกหลายครั้ง โดยลูกหลานเชื้อสายของพระยาพิพิธ
ฯ พวกขบถหนีไปอยู่กับญาติพี่น้องที่รัฐกลันตัน ตรังกานู แต่ได้ส่งคนมายุยงปลุกปั่นพรรคพวกในไทยอยู่เสมอ
๕.๒๙ การก่อการจราจลเพื่อปลดแอกของไทยอิสลาม
รวม ๖ ครั้ง ในปี พ.ศ.๒๓๒๙, ๒๓๔๙, ๒๓๖๔, ๒๓๗๐
และ ๒๔๔๕
๕.๓๐ ขบวนการโจรก่อการร้าย ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๘๑ โดยพรรคพวก
ตวนกู ปัตตาเด เซร์ และ ตวนกู ยาลานาเซร์ จนถึงปี พ.ศ.๒๔๙๒ ทางราชการจึงได้ประกาศให้บรรดาสมาชิก
ขบวนการโจรก่อการร้าย เข้ามอบตัวต่อทางราชการ มีผู้มอบตัว ๒๐๐ คน
๕.๓๑ หลังสงครามมหาเอเชียบูรพา สงบใหม่ ๆ ระหว่าง พ.ศ.๒๔๘๘ -
๒๔๙๑ ขบวนการโจรก่อการร้าย ที่แทรกซึมเข้ามาใน จังหวัดนราธิวาส คือ
กรมที่ ๑๐ ในการนำของอับดุลราชิคไมยิดดิน ทำการปล้นฆ่าคนไทยและคนจีน ที่ไม่ยอมร่วมมือ
ประกาศปิดสวนยาง รวบรวมชาวบ้านไทยอิสลาม ๑,๐๐๐ คน เข้ายึดบ้านดุซงยอ
ตำบลจะแนะ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ไว้ได้เมื่อ ๒๘ เม.ย.๙๑ ทางการเข้ายึดคืนโดยใช้กำลังทหารเข้ากวาดล้าง
๕.๓๒ พ.ศ.๒๔๙๐ หะยีสุหรง ประธานกรรมการอิสลาม ปัตตานี และเป็นโต๊ะครูอยู่ในตลาด
มีลูกศิษย์และผู้เลื่อมใสมาก ได้รับมอบนโยบายแบ่งแยกดินแดน จากมะไฮยิดดิน
มาดำเนินการใช้วิธี ๖ ประการ
(๑) ปลุกใจคนไทยอิสลามให้สำนึกถึงชาตินิยม
(๒) โฆษณาให้เห็นว่า ขบวนการโจรก่อการร้าย ไทยกดขี่ข่มเหง เรียกเก็บแต่ภาษีอากร
ไม่ทำนุบำรุงบ้านเมือง
(๓) เรียกร้องสิทธิต่าง ๆ ที่รัฐบาลไทยยอมให้ไม่ได้
(๔) เผยแพร่ข่าวที่บิดเบือนทาง หนังสือพิมพ์ ทั้งในและนอกต่างประเทศ
(๕) กลั่นแกล้งเรียกร้องกล่าวโทษ ข้าราขการไทย
(๖) ก่อให้เกิดความปันส่วน ระส่ำระสายในบ้านเมือง
๕.๓๓ ๗ เม.ย.๒๔๙๐ หะยีสุหรง
เรียกร้องต่อรัฐบาล ๗ ข้อต่อรัฐบาล เขาถูกจับ
เมื่อ ๑๖ ม.ค.๙๑ พร้อมหลักฐานเอกสารการแยกดินแดน กับพรรคพวกอีก ๓ คน
ทางราชการส่งฟ้องที่นครศรีธรรมราช ในข้อหากบฎ ศาลตัดสินจำคุก ๗ ปี ข้อเรียกร้อง
๗ ข้อคือ
(๑) ขอให้รัฐบาลไทยแต่งตั้งข้าหลวงใหญ่
มีอำนาจปกครอง ๔ จังหวัดคือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส
และสตูล ผู้ที่จะรับตำแหน่งข้าหลวงใหญ่นี้ ต้องเป็นคนนับถือศาสนาอิสลาม
เกิดใน ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประชาชนเป็นผู้เลือกตั้ง และให้ดำรงตำแหน่งตลอดไป
โดยไม่มีการสับเปลี่ยนตัว
(๒) ขอให้เงินรายได้ที่ได้จากภาษีอากรใน ๔ จังหวัดนี้ มาใช้บำรุงภายใน
๔ จังหวัดภาคใต้นี้เท่านั้น
(๓) ขอให้รัฐบาลให้สอนภาษามลายู ใน โรงเรียนตามตำบลต่าง ๆ จนถึงชั้นประถม
๔
(๔) ขอให้รัฐบาลแต่งตั้งชาวมลายูใน ๔
จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นข้าราชการไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐
(๕) ขอให้รัฐบาลใช้ภาษามลายูในสถานที่ราชการไปพร้อมกับภาษาไทย
(๖) ขอให้รัฐบาลให้อำนาจแก่คณะกรรมการอิสลามออกกฎหมายเองได้
โดยความเห็นชอบของข้าหลวงใหญ่
(๗) ขอให้รัฐบาลแผนกศาลพิจารณาคดีแพ่งเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ออกต่างหากและให้มีอิสระในการพิจารณาดำเนินคดี
๕.๓๔ ระหว่างปี พ.ศ.๒๔๙๐ - ๒๔๙๒ พรรคพวก ตวนกู ปัตตารอ และตวนกู
ยาลา รวบรวมผู้คนจำนวนมาก ปล้นฆ่า ประชาชน ณ
บ้านปะลุกาสาเมาะ อำเภอบาเจาะ ตามแผนการแบ่งแยกดินแดน
ทางการต้องปราบอยู่นานถึง ปี พ.ศ.๒๔๙๒ พวกนี้จึงมอบตัว
๕.๓๕ พ.ศ.๒๔๙๘ - ๒๕๐๐ หะยีสุหรง เป็นผู้มีบทบาทมากที่สุด ในขบวนการแบ่งแยกดินแดน
มีการกวาดล้างผู้ร่วมงานอีกหลายคน
๕.๓๖ ปี พ.ศ.๒๕๐๒ ขบวนการโจรก่อการร้าย ก่อวินาศกรรม เผาสถานที่ราชาการ
เผาโรงเรียน ซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ จากการปราบปรามทำให้ขบวนการโจรก่อการร้าย
แตกออกเป็นกลุ่มย่อย ขัดขวางไทยอิสลามไม่ให้เกี่ยวข้องไทยพุทธ เพื่อผลแบ่งแยกดินแดน
๕.๓๗ ในปี พ.ศ.๒๕๐๔ เมื่อหะยีอามีน กับพรรคพวกถูกจับกุม อดีตรัฐมนตรี
และสมาชิกสภาผู้แทนรษฎรสตูลผู้หนึ่ง ได้รับช่วงดำเนินการต่อโดยไม่แสดงตัว
มีพวกเป็นข้าราชการผู้ใหญ่มาก ไม่มีใครพาดพิงถึง การดำเนินการแบ่งเป็น
๓ สาย คือ สายโต๊ะอิหม่าม
สายกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และสายปอเนาะ
๕.๓๘ ในปี พ.ศ.๒๕๐๔ ปัตตานีมีสมาชิก ๗,๐๐๐ คน ยะลา ๕,๐๐๐ คน สตูล
๓,๐๐๐ คน ได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองต่างประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน
ให้กองทุนเรียกว่า กองทุนเอาชนะโลกเสรี
๕.๓๙ พ.ศ.๒๕๐๔ พรรคพวก ตวนกู ยาลา นาเซร์ (อดุลย์ ณ สายบุรี )
หนึ่งในเจ็ดของคณะผู้สืบต่อแนวคิด ได้พิมพ์หนังสือชื่อ ประวัติรัฐปัตตานี
โจมตีรัฐบาลไทย ปลุกปั่นให้รักชาติมลายู พิมพ์ที่กลันตัน
๕.๔๐ หลังปี พ.ศ.๒๕๑๐ - ๒๕๑๒
เหตุการณ์รุนแรงมากขึ้น จนรัฐบาลต้องใช้มาตรการเด็ดขาด บางพื้นที่ต้องประกาศปิดกั้นบางจุด
ได้แก่ พื้นที่เทือกเขาบูโด อำเภอบาเจาะ อำเภอยี่งอ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส
อำเภอสายบุรี อำเภอบายอ จังหวัดปัตตานี อำเภอรามัน จังหวัดยะลา เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว
เป็นฐานปฎิบัติการของ เปาะเยะ
มีพรรคพวกมาก
๕.๔๑ เปาะสู วาแมติซา
อดีตครูใหญ่โรงเรียนจารึงตาคง ต.ท่าธง อำเภอรามัน จังหวัดยะลา ถูกจับ เมื่อปี
พ.ศ.๒๕๑๐ ในข้อหาแยกดินแดน แต่ศาลปล่อยตัวเพราะหลักฐานอ่อน ๑๐ ก.ย.๑๕ เปาะสู
วางแผนเข้าโจมตี อำเภอรามันห์ ร่วมกับกำนัน วานิ สามะ ใช้กำลัง ๔๐ คน
๕.๔๒ ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๑ - ๒๕๑๒ สหพันธ์ครูยะลา
จัดทำข้อมูลการกระทำของขบวนการโจรก่อการร้าย ๔๐ ครั้ง จับครู ๘ ครั้ง ยิงครู
๕ ครั้ง ปล้นเงินเดือน ๑ ครั้ง เผาโรงเรียน ๒๖ แห่ง (อนุทินรัดทด)
๕.๔๓ ปี พ.ศ. ๒๕๑๓ ทางการยึดเอกสาร ขบวนการโจรก่อการร้ายได้ที่
อำเภอยะรัง ปัตตานี กล่าวถึงการจัดตั้งกำลังในรูปของกองโจรหมู่บ้าน โจมตีนโยบายรัฐบาลในการเปลี่ยนสภาพปอเนาะเป็นโรงเรียนราษฎร
๕.๔๔ ปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ทางการได้เอกสารการจัดตั้งกองทัพปลดปล่อย ชื่อหน่วยกู้อิสรภาพแห่งชาติ
ธารณรัฐปัตตานี มีภารกิจบ่อนทำลาย ศร.ของต่างประเทศ ด้วยการปิดสวนยาง การทำนาไร่
ร้านค้า โรงงานอุตสาหกรรม
๕.๔๕ ปี พ.ศ. ๒๕๑๕ ทางการได้เอกสารขบวนการกู้ชาติปัตตานี ให้ทราบถึงความรับผิดชอบ
การโจมตี และยึดสถานี ตำรวจอำเภอรามันห์ จังหวัดยะลา เมื่อ ๓๐ ก.ย.๑๕
เพื่อวัตถุประสงค์ตักเตือนรัฐบาลไทย และประชาชนในเรื่อง
(๑) ให้มีมนุษยธรรม และปลดปล่อยผู้ที่ถูกจับกุมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
(๒) ให้มีความยุติธรรมไม่กดขี่ ประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
(๓) ให้ระลึกอยู่เสมอว่า
เราเป็นชาติที่ต่างกันมีความคิดเชื่อถือ ตลอดจนขนบประเพณีที่ต่างกัน มีภาษาพูดไม่เหมือนกัน
ประชาชนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องการเอกราช
๕.๔๖ ปี พ.ศ.๒๕๑๖
ได้เอกสารศูนย์กรรมการพรรครักชาติปัตตานี เรียกร้องสิทธิพิเศษสำหรับสาม
จังหวัดชายแดนภาคใต้ ๕ ประการ ต่อรัฐบาลนายสัญญา
ธรรมศักดิ์ ที่สำคัญประการหนึ่งคือ เปลี่ยนแปลงระบบการปกครองสาม จังหวัดชายแดนภาคใต้
เป็นรัฐปัตตานี
แต่อยู่ในความคุ้มครองของรัฐบาลไทยที่กรุงเทพ ฯ
๕.๔๗ หลังเกิดเหตุการณ์วุ่นวายในกรุงเทพ ฯ เมื่อ ๑๔ ต.ค.๑๖ หลังจากนั้นเพียง
๕ วัน พรรคประชาชาติปัตตานี ได้พิมพ์ใบปลิว ลง ๑๙ ต.ค.๑๖ เรียกร้องต่อรัฐบาลชุดใหม่
๕ ข้อ มีสระสำคัญประการหนึ่งคือ ต้องการพรรคการเมืองพรรคเดียว ที่สนับสนุนการปกครองแบบประชาธิปไตย
โดยให้ไทยมุสลิมเป็นผู้นำ ในการปกครองประเทศ และใช้ภาษามลายู ต้องการให้
๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นรัฐเดียวกัน
๕.๔๘ จากเอกสารลับของขบวนการโจรก่อการร้าย ที่ทางการจับได้ นำลงในหนังสือพิมพ์ไทยเดลี่
เมื่อ ๒,๓ ก.ค.๑๗ มีสาระกล่าวถึงการดำเนินการในปี พ.ศ.๒๕๑๗ ในหลายเรื่อง
กล่าวถึงขบวนการเริ่มงานตั้งแต่ ปี พ.ศ.๒๔๙๐ มีการทำประวัติมลายู ปัตตานีแจกต่อในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ส่งตัวแทนไปปอเนาะมัสยิด ให้โจมตีรัฐบาล ให้ทุกคนซื้อปืน
อ้างว่าไว้ป้องกันตัว ให้หาที่ดินไว้ครอบครอง กันคนไทยไม่ให้เข้าไปอยู่ ไม่แต่งงานกับคนไทย
ในปี พ.ศ.๒๕๑๗ มีปืนที่ยะลา ๖,๐๐๐ กระบอก ปัตตานี ๘,๐๐๐ กระบอก นราธิวาส
๑๐,๐๐๐ กระบอก การโฆษณาเรื่องการเมืองโดยอ้างศาสนาเป็นหลักได้ผลดีมาก
๕.๔๙ ช่วงปี พ.ศ.๒๕๑๗ - ๒๕๑๘ สถานการณ์การก่อการร้าย มีความรุนแรงอย่างมาก
ปี พ.ศ.๒๕๓๓ - ๒๕๓๔ ความรุนแรงลดลง เนื่องจากผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ และโจรคอมมิวนิสต์มลายา
ได้ยุติบทบาท คงเหลือโจรก่อการร้ายเพียงกลุ่มเดียว แต่ความรุนแรงได้ลดลง จนถึงระดับที่เป็นภัยต่อความมั่นคง
ฯ ปี พ.ศ.๒๕๔๒ โจรก่อการร้าย เป็นปัญหาความไม่สงบเรียบร้อย มิใช่ปัญหาความมั่นคง
จึงใช้กฎหมายอาญาเป็นหลัก ประกอบกับ มหาดไทยได้ขอยกเลิกพระราชบัญญัติ
ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ เมื่อ เม.ย.๔๒
๕.๕๐ ปี พ.ศ.๒๕๑๘ ได้เอกสารหน่วยประชาสัมพันธ์ ของขบวนการก่อการร้าย
จะดำเนินการดังนี้
(๑) จะต่อต้านและทำลายระบบล้มล้างศาสนา และทำลายภาษามลายู ตลอดถึงการทำลายวัฒนธรรมมลายูภาคใต้
โดยการปิดโรงเรียนไทย จับครูเรียกค่าไถ่ ยิงครู และเจ้าหน้าที่ ผู้เปลี่ยนหลักสูตรภาษามลายู
การเขียน การอ่านมลายูให้เป็นไทย
(๒) เผาโรงเรียนที่สร้างเพื่อทำลายวัฒนธรรมมลายูอิสลามปัตตานี เช่น
โรงภาพยนต์ ซ่องโสเภณี สถานที่ลีลาศ การเขียน การอ่านมลายูให้เป็นไทย
(๓) ลอบฆ่า และจับตำรวจ ทหาร ที่ทำลายอิสรภาพ เอกราช เสรีภาพ และชีวิตทรัพย์สินสมบัติของชาวมลายู
๕.๕๑ เหตุการณ์ประท้วงที่ปัตตานี
จากกรณีที่ชาวไทยอิสลาม ๕ คน ถูกสังหาร เมื่อ ๒๙ พ.ย.๑๘
โดยกกล่าวหาว่า หน่วยนาวิกโยธิน ที่ตั้งอยู่ ณ บ้านเชิงเขา ตำบลบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส
ทางราชการยอมชดใช้เป็นเงิน ๓๒,๐๐๐ บาท และรับดำเนินคดี แต่ชาวไทยอิสลามใน
อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส และอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เริ่มชุมนุมประท้วงที่ตำบลตะโล๊ะดารามัน
อำเภอสายบุรี เมื่อ ๓ ธ.ค.๑๘ โดยมีครูใหญ่
ผู้จัดการปอเนาะสะพานม้า อำเภอสายบุรี เป็นหัวหน้าอาจารย์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ผู้หนึ่ง
เป็นที่ปรึกษาชาวไทยอิสลาม และนักเรียนจากปอเนาะต่าง ๆ ในอำเภอสายบุรี ๒,๐๐๐
คน มาประท้วงที่ศาลากลางจังหวัดปัตตานี สส.สอบตก พรรคชาติไทย ให้การสนับสนุน
- วิทยุกระจายเสียงที่รัฐกลันตัน ได้เรียกร้องยุยงให้ไทยอิสลามสาม
จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมตัวขับไล่ทหาร
- มีการตั้งศูนย์พิทักษ์ ประชาชนเป็นกองอำนวยการ มีผู้อ้างตัวเป็น นักศึกษาจาก
มาเลเซีย - รามคำแหง และผู้แทนกลุ่มมุสลิมจาก
อำเภอมีนบุรี กรุงเทพ ฯ เข้าร่วมด้วย การปลุกระดมใช้ภาษามลายูพื้นเมือง
และภาษามาเลเซียกลาง เน้นหนักการแบ่งแยกไทยพุทธ
- ไทยอิสลาม สลับกันไป
๕.๕๒ ๘ พ.ค.๑๘ เปาะสู และลูกน้อง ๑๗ คน มอบตัวที่ อำเภอรามัน
ยะลา พร้อม ปลย.เอ็ม ๑๖ ๒๒ กระบอก คาร์บีน ๗ กระบอก เอ็มทรี ๑
กระบอก สถานการณ์ทั่วไปไม่ดีขึ้น ขบวนการโจรก่อการร้าย กลุ่มต่าง ๆ
ในสังกัด เปาะเยะ จับคนเรียกค่าไถ่มากยิ่งขึ้น คุกคามครูประชาบาล จนโรงเรียนต้องปิด
๒๔ แห่ง
๕.๕๓ ก.ค.๑๘ พรรคพวกเปาะสู เข้ามอบตัวรวม
๑๒๒ คน (รวม ๗๗ คน เดิมด้วย) เมื่อทำประวัติแล้วปล่อยตัว
พร้อมอาวุธ และทางการออกหนังสือรับรองให้ความคุ้มครอง ของผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา
และนายอำเภอรามัน ยังความขมขื่นของฝ่ายปราบปราม ชาวบ้านเรียกขบวนการโจรก่อการร้าย
พวกนี้ว่า โจรบัตรแข็ง
พวกนี้สะพายอาวุธอย่างเปิดเผย เข้าไปขู่เอาเงินค่าคุ้มครองในเขตอำเภอรามัน
๕.๕๔ ปี พ.ศ.๒๕๐๘ บุคคลชั้นแนวหน้าของ ขบวนการโจรก่อการร้ายที่หลบหนีไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน
ได้กลับมายุยงปลุกปั่น ประชาชนอีก โดยจัดตั้งหน่วยงานระดับอำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน
เป็นหน่วยงานย่อย ใช้ศาสนาเป็นเครื่องบังหน้า
ก่อกวนให้เกิดความหวาดระแวงระหว่างไทยพุทธ - ไทยอิสลามเสริมสร้างความรู้สึกทางเชื้อชาติ
ใช้ปอเนาะเป็นเครื่องมือสำคัญติดต่อ
หัวหน้าศาสนาของประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ถัดออกไป ตามแผนการจัดตั้งมหาอาณาจักร
ของประธานาธิบดีของประเทศดังกล่าว แต่แผนล้มเหลวจากการเสียอำนาจของประธานาธิบดีของประเทศนั้น
๕.๕๕ มีการประท้วงของไทยอิสลาม ระหว่าง ๑๑ ธ.ค.๑๘ - ๒๕ ม.ค.๑๙
ที่มัสยิดกลางปัตตานี มีผู้มาร่วมชุมนุมหลายหมื่นคน จากฝ่ายต่าง ๆ ทั้งในพื้นที่และจากกรุงเทพ
ฯ มีการส่งหนังสือเชิญชวน ผู้แทนมุสลิมจาก อินโดนิเซีย มาเลเซีย ซีเรีย ลิเบีย
ให้มาสังเกตการณ์
๕.๕๖ ๑๓ ม.ค.๑๙ รัฐบาลส่ง รมต.ประจำสำนักนายก ฯ มาพบผู้แทนกลุ่มประท้วงที่
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร วิทยาเขตปัตตานี กลุ่มประท้วงขอให้ถอนทหารออกจากภาคใต้
ทั้งหมดใน ๗ วัน ตกลงกันได้ ๗ ข้อ ๒๕ ม.ค.๑๙ สลายตัว
๕.๕๗ หลังเหตุการณ์สงบลง ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๓
ทหารได้ลดบทบาท และอำนาจลงไป เป็นผลให้โจรก่อการร้าย มีโอกาสตั้งตัวขึ้นมาเงียบ
ๆ เริ่มแสดงอิทธิพลตั้งแต่ปลาย ปี พ.ศ.๒๕๓๐
ทวีความรุนแรงในปี พ.ศ.๒๕๓๑ ลดลงไปบ้างในปี พ.ศ.๒๕๓๒ และมีแนวโน้มลดลงในช่วงต่อ
ๆ ไป
๕.๕๘ การรวมตัวของกองกำลังติดอาวุธของโจรก่อการร้าย
ทำมาแล้ว ๓ ครั้ง ในปี พ.ศ.๒๕๒๗, พ.ศ.๒๕๒๘ และ พ.ศ.๒๕๓๒
๕.๕๙ ปี พ.ศ.๒๕๓๑ การก่อการร้ายทวีความรุนแรงขึ้นมาอีก มีความถี่สูงโดยเฉพาะใน
มี.ค.๓๑ ช่วงที่มีการประชุม องค์การมุสลิมโลก (OIC) เช่น วางเพลิงเผาโรงเรียน
๔ แห่ง วางระเบิดพระพุทธทักษิณ ฯ วัดเขากง ก่อนเลือกตั้งทั่วไป โจรก่อการร้าย
เผาโรงเรียน และสถานีอนามัย ในนราธิวาส ๑๑ แห่ง
๕.๖๐ ปี พ.ศ.๒๕๓๑ ขบวนการโจรก่อการร้าย อยู่ในสภาพเสื่อมโทรมทั้งด้านการเมือง
และการทหาร ผู้นำโจรก่อการร้าย ระดับสูงหาทางปรับปรุงโครงสร้างองค์กรใหม่
โดยรวมสมาชิกจากพูโล และ บีอาร์เอ็น เข้าด้วยกัน เป็นขบวนการ มูจาฮีดีน แต่ไม่ประสบความผลเท่าที่ควร
เพราะขาดการสนับสนุนจากมวลชนในท้องถิ่น และในบางพื้นที่ยังถูกต่อต้านจากไทยอิสลามด้วยกันเอง
๕.๖๑ ปี พ.ศ.๒๕๓๑ การก่อการร้ายขบวนการต่าง
ๆ ลดลง ไม่มีเสรีการปฎิบัติ คาดว่าจะยุติสถานการณ์
สู้รบ โครงการมุสลิมสันติ
ทำให้โจรก่อการร้าย แนวร่วมและผู้สนับสนุนออกมารายงานตัว เป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยถึง
๖๕๒ คน โจรก่อการร้ายแปรสภาพเป็นกลุ่มมิจฉาชีพ ก่อวินาศกรรม เผาโรงเรียน ซุ่มโจมตี
เจ้าหน้าที่ของรัฐสูงขึ้น ขัดขวางไทยอิสลาม ไม่ให้เกี่ยวข้องในพุทธ
๕.๖๒ โจรก่อการร้าย มีความมุ่งหมายในพื้นฐานที่จะคุกคามไม่ให้วัด หรือราษฎร
ชาวพุทธอาศัยอยู่ใน ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ มานานแล้ว เมื่อปี
พ.ศ.๒๕๓๒ เคยใช้ระเบิดขนาด ๕๐ ปอนด์ ซ่อนไว้ใต้ฐานพระพุทธรูป ผลการคุกคามทำให้พระสงฆ์
บางวัดในนราธิวาส ไม่กล้าออกบิณฑบาตร บางวัดต้องย้ายไปจำพรรษาที่วัดในจังหวัดอื่น
๕.๖๓ ๗ มี.ค.๓๔ ผู้แทนจาก ๔ องค์กร ร่วมต่อสู้ประชุมที่กลันตัน
มอบหมายให้ นาย กุสตาด อับดุล วาฮับ ยะลา เป็นผู้รับผิดชอบโครงการดาวะห์
๕.๖๔ มิ.ย.๓๔ สภาต่อสู้แห่งชาติปัตตานี จะฝึกรวมเพื่อจัดตั้งกองทัพแห่งปัตตานี
มีสมาชิกจาก ๔ ขบวนการเข้าฝึกที่เขาลิแป อำเภอแว้ง นราธิวาส และยะลา
ผู้นำจาก ๔ขบวนการ ยื่นหนังสือต่อ ประธานสภาสูงสุด สภาร่วมต่อสู้แห่งชาติปัตตานี
เปิดเผยผู้นำการต่อสู้ของรัฐปัตตานี ต่อชาวโลก และประกาศจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติปัตตานี
จะเริ่มประกาศ ปี พ.ศ.๒๕๓๕
๕.๖๕ กลาง ส.ค.๓๕ โจรก่อการร้าย พูโล ผู้นำขบวนการกล่าวว่าจะไม่บรรลุวัตถุประสงค์
ในการแบ่งแยกดินแดนด้วยการปฎิบัติของกองกำลังติดอาวุธเพียงอย่างเดียว จะต้องเป็นการปฎิบัติการจิตวิทยาต่อประชาชน
ควบคู่กันไป โดยเน้นแนวร่วมระดับผู้นำท้องถิ่น
ผู้ทรงคุณวุฒิทางการศึกษา และผู้มีฐานะทางสังคม
และให้ขยายผลทางด้านศาสนา ต่อกลุ่มที่เผยแพร่ศาสนาอิสลาม เพื่อขยายงานท้องถิ่นไปสู่ระดับรัฐบาล
๕.๖๖ โรงเรียนที่ถูกเผา ๓๖ แห่ง ในจังหวัดชายแดนภาคใต้
เมื่อ ๑ ส.ค.๓๖ อยู่ในความดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ
ซึ่งขบวนการโจรก่อการร้าย ต่อต้านเนื่องจากมิได้สอนศาสนาอิสลาม ส่วนบรรดาปอเนาะไม่เคยถูกเผา
แม้แต่แห่งเดียว
๕.๖๗ ขบวนการโจรก่อการร้าย อ้างว่าตนประสบความสำเร็จ โดยสามารถส่งตัวแทนเข้ามาเป็นผู้บริหาร
หรือเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ ในระดับกลาง และระดับสูงของประเทศ ข้อน่าสังเกตคือ
เมื่อเกิดการเผา โรงเรียน ๓๖ แห่ง ใน ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมีนักการเมืองที่เป็นมุสลิมแสดงความเห็นไม่เชื่อว่า
เป็นการกระทำของขบวนการโจรก่อการร้าย เห็นว่าน่าจะเป็นของเจ้าหน้าที่ของรัฐมากกว่า
๕.๖๘ ปี พ.ศ.๒๕๓๖ ขบวนการพูโล ออกแถลงการณ์เรียกร้อง ให้รัฐบาลปล่อยปัตตานีเป็นรัฐอิสระ
ขู่วางระเบิดพระพุทธทักษิณ ฯ วางแผนสังหารบุคคลสำคัญ ขู่วางระเบิดสถานีรถไฟ
ทำให้สมาพันธ์ครู ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เสนอขอปิดโรงเรียน ใน ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้
ถึง ๘๙๐ แห่ง เป็นเวลา ๒๐ วัน
|