ท่องเที่ยว || เพิ่มข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว|| ดูดวงตำราไทย|| อ่านบทละคร|| เกมส์คลายเครียด|| วิทยุออนไลน์ || ดูทีวี|| ท็อปเชียงใหม่ || รถตู้เชียงใหม่
  dooasia : ดูเอเซีย   รวมเว็บ   บอร์ด     เรื่องน่ารู้ของสยาม   สิ่งน่าสนใจ  
 
สำหรับนักท่องเที่ยว
ตรวจสอบระยะทาง
แผนที่ 77 จังหวัด
คู่มือ 77 จังหวัด(PDF)
จองโรงแรม
ข้อมูลโรงแรม
เส้นทางท่องเที่ยว(PDF)
ข้อมูลวีซ่า
จองตั๋วเครื่องบิน
จองตั๋วรถทัวร์
ทัวร์ต่างประเทศ
รถเช่า
197 ประเทศทั่วโลก
แลกเปลี่ยนเงินสากล
ซื้อหนังสือท่องเทียว
dooasia.com แนะนำ
  เที่ยวหลากสไตล์
  มหัศจรรย์ไทยเแลนด์
  เส้นทางความสุข
  ขับรถเที่ยวตลอน
  เที่ยวทั่วไทย 77 จังหวัด
  อุทยานแห่งชาติในไทย
  วันหยุดวันสำคัญไทย-เทศ
  ศิลปะแม่ไม้มวยไทย
  ไก่ชนไทย
  พระเครื่องเมืองไทย
 
 
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศเกาหลี
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศลาว
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศกัมพูชา
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศเวียดนาม
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศพม่า
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศจีน
 
เที่ยวภาคเหนือ กำแพงเพชร : เชียงราย : เชียงใหม่ : ตาก : นครสวรรค์ : น่าน : พะเยา : พิจิตร : พิษณุโลก : เพชรบูรณ์ : แพร่ : แม่ฮ่องสอน : ลำปาง : ลำพูน : สุโขทัย : อุตรดิตถ์ : อุทัยธานี
  เที่ยวภาคอีสาน กาฬสินธุ์ : ขอนแก่น : ชัยภูมิ : นครพนม : นครราชสีมา(โคราช): บุรีรัมย์ : มหาสารคาม : มุกดาหาร : ยโสธร : ร้อยเอ็ด : เลย : ศรีสะเกษ : สกลนคร : สุรินทร์ : หนองคาย : หนองบัวลำภู : อำนาจเจริญ : อุดรธานี : อุบลราชธานี : บึงกาฬ(จังหวัดที่ 77)
  เที่ยวภาคกลาง กรุงเทพฯ : กาญจนบุรี : ฉะเชิงเทรา : ชัยนาท : นครนายก : นครปฐม : นนทบุรี : ปทุมธานี : ประจวบคีรีขันธ์ : ปราจีนบุรี : พระนครศรีอยุธยา : เพชรบุรี : ราชบุรี : ลพบุรี : สมุทรปราการ : สมุทรสาคร : สมุทรสงคราม : สระแก้ว : สระบุรี : สิงห์บุรี : สุพรรณบุรี : อ่างทอง
  เที่ยวภาคตะวันออก จันทบุรี : ชลบุรี : ตราด : ระยอง

  เที่ยวภาคใต้ กระบี่ : ชุมพร : ตรัง : นครศรีธรรมราช : นราธิวาส : ปัตตานี : พัทลุง : พังงา : ภูเก็ต : ยะลา : ระนอง : สงขลา : สตูล : สุราษฎร์ธานี



| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |
| พัฒนาทางประวัติศาสตร์ | มรดกทางธรรมชาติ | มรดกทางวัฒนธรรม | มรดกทางพระพุทธศาสนา |

อุทยานประวัติศาสตร์

          พระนครคีรีได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๘ และได้ขึ้นทะเบียนเป็นวัดมหาสมณาราม เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๙ นับเป็นพระราชวังบนยอดเขาแห่งแรก ที่ประกอบด้วยพระราชวังและพุทธสถาน ในพื้นที่เดียวกัน
          การดำเนินงานโครงการอุทยานประวัติศาตร์พระนครคีรี เริ่มทำการสำรวจและปฎิบัติงานตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๓ เป็นต้นมา ปรัปปรุงสภาพภูมิสถาปัตยกรรมให้มีความรมรื่น สวยงาม เหมาะสมกับอาคารสถานที่ การบูรณะแล้วเสร็จ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๑ ได้มีการประกอบพิธีเปิดอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี เปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครคีรี และหอสมุดแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๒
ศิลปกรรม
          จังหวัดเพชรบุรี  มีหลักฐานทางศิลปกรรมหลายสมัย ในสมัยอยุธยาปรากฎผลงานศิลปกรรมของเมืองเพชรบุรี ที่มีลักษณะเด่นเป็นรูปแบบเฉพาะ เรียกว่า สกุลช่างเพชรบุรี
          งานศิลปกรรมส่วนใหญ่เป็นงานที่เกี่ยวเนื่องในศาสนา ในอดีตสำนักศึกษาวิชาช่างจึงอยู่ตามวัดต่าง ๆ วิชาช่างที่มีผู้นิยมเรียนกันมากได้แก่ ช่างเขียน ช่างไม้ ช่างปั้น ช่างแกะสลัก ฯลฯ
          งานจิตรกรรม  ได้แก่ ภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถของวัดต่าง ๆ มีอยู่หลายแห่งด้วยกัน
          งานปฎิมากรรม  เป็นงานประติมากรรมประกอบสถาปัตยกรรม ซึ่งนิยมทำลวดลายหน้าบันด้วยปูนปั้นหรือแกะสลักเป็นรูปต่าง ๆ ปรากฎอยู่ที่หน้าบันพระอุโบสถหลายหลังด้วยกัน นอกจากนั้นยังมีฐานใบเสมา ที่ประดับด้วยลวดลายปูนปั้นที่งดงาม รวมทั้งบานประตูไม้จำหลักของอุโบสถ และศาลาการเปรียญอีกหลายแห่ง
ภาษาและวรรณกรรม
          ภาษาถิ่นเพชรบุรี หรือภาษาเมืองเพชร  จะมีสำเนียงเพี้ยนออกไปจากภาษาภาคกลางที่กรุงเทพ ฯ สำเนียงชาวเพชรบุรี มีลักษณะเฉพาะตัวที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ สำเนียงชาวเพชรแท้ ๆ จะอยู่ในเขตอำเภอบ้านลาด และอำเภอที่อยู่ใกล้เคียง
          รูปแบบประโยคของภาษาเมืองเพชรมีลักษณะพิเศษโดยเฉพาะการปฎิเสธจะใช้คำว่า "ไม่" ตามหลังคำกริยา และเปลี่ยนระดับเสียงของคำกริยาเป็นเสียงตรี เช่น กิ๊นไม่ (ไม่กิน) เอ๊าไม่ (ไม่เอา) มี้ไม่ (ไม่มี) เป็นต้น นอกจากนี้สำเนียงการออกเสียงยังมีลักษณะเฉพาะสตัว เช่น คำว่า "น้ำ" จะออกเสียงสั้นตามเสียง "สระอำ" ไม่นิยมออกเสียงยาวเป็๋น "น้าม" เหมือนชาวกรุงเทพ ฯ นอกจากนี้ยังมีภาษาถิ่นบางคำที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น แมลงปอ ใช้คำว่า  แมงกระทุย เมฆ ใช้คำว่า ขี้ฝน หรือขี้ฟ้า เสือ ใช้คำว่า เฒ่าร้า เป็นต้น
          วรรณกรรม  งานวรรณกรรมที่มีอยู่ตามวัดต่าง ๆ ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพชำรุด และเป็นคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา ปรากฎอยู่ในใบลานและสมุดข่อย ยังมีอยู่ที่วัดขุนตรา วัดเกาะ วัดพระรูป วัดหนองกาทอง วัดนอกต้นสน วัดบางทะลุ วัดโคก วัดศาลาเขื่อน ฯลฯ
          วรรณกรรมที่มีการชำระและเผยแพร่แล้วได้แก่ มหาชาติเมืองเพชรบุรี วรรณกรรมพลิบพลี ประชุมวรรณกรรมคำสอน อนุศาสน์คำสอน พระมาลัยกลอนสวด นิราศเขมร นิราศลังกา นิราศเขาลูกช้าง ลิลิตอุณหิศวิชัย คัมภีร์ตำราดาว ปรมัตถ์คำกลอน กาพย์กลอนสวดเรื่องพระสุบิน
          นอกจากนี้ยังมีวรรณกรรมที่พบตามวัดต่าง ๆ อีกมากเช่น วรรณกรรมโลกนิติ ประถมมาลา บทละครลักษณะวงศ์ พระวรวงศ์ สุธนคำฉันท์ ฯลฯ
งานช่างฝีมือ

          ปูนปั้นเมืองเพชร  เป็นเอกลักษณ์การสร้างสรรค์งานศิลปะประเภทหนึ่งที่มีมาแต่โบราณ โดยใช้ปูนที่ทำจากเปลือกหอยเผาไฟ ผสมน้ำอ้อยและวัสดุอื่น ๆ แต่ส่วนใหญ่มีปูนผสมกับน้ำอ้อยและวัสดุอื่น ๆ แต่ส่วนใหญ่มีปูนผสมกับน้ำอ้อยเป็นหลัก ซึ่งจะทำให้ปูนมีความเหนียวสามารถปั้นเป็นรูปต่าง ๆ ได้ และเมื่อแห้งแล้วจะแข็งตัวทนแดดทนฝนได้ดี งานปูนปั้นส่วนใหญ่ใช้เป็นเครื่องตกแต่งประดับอาคาร สิ่งก่อสร้างทางสถาปัตยกรรม เพราะปูนปั้นสามารถทำเป็นลวดลายต่าง ๆ เลียนแบบเครื่องไม้ได้เป็นอย่างดี
          งานศิลปะปูนปั้นเป็นสกุลช่างสาขาหนึ่งของเพชรบุรีที่มีเอกลักษณะสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นงานที่เกี่ยวเนื่องในพุทธศาสนา ทำให้เกิดช่างปูนปั้นขึ้นตามวัดต่าง ๆ เช่นกลุ่มช่างวัดใหญ่สุวรรณาราม กลุ่มช่างวัดเกาะ (แก้วสุวรรณาราม) กลุ่มช่างวัดพระทรง กลุ่มช่างวัดยาง ฯลฯ แต่ละกลุ่มมีเอกลักษณะเฉพาะกลุ่มที่เด่นเป็นพิเศษ
          งานศิลปะปูนปั้นของเมืองเพชรบุรี ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นฝีมือชั้นครูในสมัยอยุธยาตอนปลาย และในสมัยรัตนโกสินทร์ ได้แก่
               -  หน้าบันปูนปั้นพระนารายณ์ทรงครุฑ ลายพุ่มกระจังของโบสถ์วัดใหญ่สุวรรณาราม
               -  หน้าบันปูนปั้นขึ้นลายสะบัดเป็นเปลวไฟของโบสถ์วัดเขาบันไดอิฐ
               -  หน้าบันปูนปั้นพระนารายณ์ทรงครุฑ และพุทธประวัติของวัดไผ่ล้อม
               -  หน้าบันปูนปั้นพระนารายณ์ทรงครุฑ ลายช่อหางโต และลายปูนปั้นฐานเสมาของวัดสระบัว

          ช่างทองเมืองเพชร  ช่างทองโดยทั่วไปแบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือ ช่างทองรูปพรรณและช่างทำภาชนะต่าง ๆ ช่างทองเมืองเพชรอยู่ในกลุ่มช่างทองรูปพรรณ รูปแบบทองรูปพรรณของเมืองเพชรมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นิยมทำเครื่องประดับประเภทสร้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวน ตุ้มหู ลวดลายที่ได้สร้างสรรค์จนเป็นที่นิยมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีดังนี้
               -  ขัดมัน  เป็นชื่อสร้อยคอ มีลักษณะเป็นห่วงกลมเกี่ยวกันเป็นลูกโซ่ต่อเนื่องกัน โดยช่างจะใช้ตะไบลบเหลี่ยมห่วงของสร้อยตลอดเส้น
               -  สี่เสา หกเสา และแปดเสา  เป็นลวดลายการถักห่วงกลมขนาดเล็ก ๆ จำนวนมากอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำเป็นสร้อยคอและสายสะพายแล่ง สรอยสี่เสาจะมีขนาดเล็ก สร้อยหกเสามีขนาดปานกลาง ส่วนสร้อยแปดเหลี่ยมจะมีขนาดใหญ่
               -  สมอเกลียว  เป็นสร้อยที่ทำจากลวดลายทองคำขดเป็นห่วงแล้วเชื่อมต่อกันเป็นลูกโซ่ปะวะหล่ำหรือปะวะหล่ำทรงเครื่อง ซึ่งเลียนแบบมาจากโคมจีน
               -  ลูกสน  มีลักษณะคล้ายลูกสนทะเล ประกอบด้วยโครงลวดทองขนาดเล็กต่อประกอบกัน
               -  เต่าร้าง  เป็นชื่อเรียกตุ้มหู มีลักษณะคล้ายพวงของผลเต่าร้าง
               -  ลูกไม้ปลายมือหรือเล็บมือ  เป็นทองรูปพรรณประเภทสร้อยข้อมือ ประกอบด้วยทรงกระบอกขนาดเล็กคั่นด้วยทอง ทำเป็นรูปดอกพิกุลหรือเป็นรูปห้าแฉก คล้ายฝ่ามือและฝ่านิ้ว
               -  ดอกพิกุล  เป็นลวดลายทอง นิยมใช้ตกแต่งหรือประกอบทองรูปพรรณลวดลายอื่น
               -  ดอกมะลิ  เป็นทองรูปพรรณมีลักษณะคล้ายดอกมะลิกำลังบาน โดยกลีบดอกมะลิแต่ละดอกจะประดับเพชรซีก ยาวรี ด้วยวิธีการตีขอบ
               -  ก้านบัว  เป็นชื่อเรียกกำไลข้อเท้า สำหรับเด็กในสมัยก่อนมีลักษณะเป็นห่วงขนาดใหญ่ กลมเกลี้ยง
               -  บัวสัตตบงกช (กระดุม)  เป็นลายทองรูปพรรณ เลียนแบบบัวสัตตบงกช มีชื่อเรียกในหมู่ช่างทองเมืองเพชรบุรีว่า กระดุม
               -  บัวจงกลและมณฑป  เป็นลวดลายของช่างเขียนลายไทย ซึ่งช่างงทองได้นำมาออกแบบเป็นปิ่นปักผม
               -  ประจำยาม  ช่างทองได้ดัดแปลงลายประจำยามมาทำเป็นจี้ มีสองชนิดคือ จี้ตัวผู้กับจี้ตัวเมีย
               -  เสมหรือปลา  เป็นลวดลายที่ช่างทองสมัยโบราณนิยมทำเป็นแผ่นทอง และดุนให้เป็นลวดลายเสมาหรือปลา
               -  ผีเสื้อ  เป็นทองรูปพรรณที่มีรูปแบบการสร้างสรรค์จากโครงสร้างของผีเสื้อ
               -  งู พญานาค และมังกร  เป็นลวดลายทอง ซึ่งดัดแปลงจากสัตว์ประเภทงู ช่างนิยมทำเป็นแหวนงูประเภทต่าง ๆ
               -  มังกร  ลวดลายมังกร เป็นการแกะสลักผสมผสานการเคาะและดุนลวดลายลงบนแผ่นทองคำ ซึ่งตีขึ้นเป็นรูปกำไล
               -  ตะขาบ  เป็นลวดลายทองรูปพรรณ ที่เลียนแบบตัวตะขาบ นิยมทำเป็นสร้อยข้อมือ
               -  พิรอด  ในสมัยโบราณพิรอดเป็นแหวนซึ่งถักด้วยผ้ายัญหรือด้ายดิบ นิยมใช้เป็นเครื่องราง ช่างทองได้ดัดแปลงลวดลายมาทำเป็นแหวนพิรอด
               -  ตะไบ  เป็นแหวนฝังพลอยหรือเพชรซีกทั่ว ๆ ไป แต่ช่างทองเมืองเพชรบุรีใช้วิชาการสลักลวดลาย
          หม้อตาลเมืองเพชร  เป็นอุตสาหกรรมพื้นบ้านเกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผา แหล่งผลิตแห่งแรกอยู่ที่หมู่บ้านหม้อเมืองเพชรบุรี การผลิตหม้อตาลเมืองเพชร ประกอบด้วยเครื่องมือต่าง ๆ ดังนี้
               -  ไม้ใหม่  เป็นไม้ตีนอกหม้อเพื่อให้เป็นลายขีด มีลักษณะเป็นไม้เซาะเป็นร่องคล้ายไม้ที่ใช้คดแป้งทำขนมครองแครง ทำให้หม้อตาลมีผิวนอกไม่เรียบ เหมือนหม้อดินหุงข้าว เป็นลักษณะพิเศษที่แตกต่างกัน
               -  ไม้ลบ  รูปร่างคล้ายไม้กะต่าม แต่บางกว่า ใช้ตีหม้อด้านนอก ขณะตกแต่งให้เรียบร้อย หลังจากลงไม้ใหม่แล้ว
               -  ไม้ขนอด  เป็นไม้ใช้ขอดดิน ทำด้วยไม้ไผ่ผ่าซีก กว้างประมาณ ๒ นิ้ว ยาว ๑๒ - ๒๕ นิ้ว เหลาส่วนกลางให้บาง ใช้จับปลายทั้งสองข้างขอดดินออกมา จากดินที่กองไว้ก็จะได้ดินที่เป็นขุยละเอียด  ดินที่กองไว้เรียกว่า สำทับ
               -  ไม้กะต่าม  ทำด้วยไม้รูปร่างคล้ายตะหลิว มีด้ามสำหรับถือ ตอนปลายเป็นสี่เหลี่ยม ใช้ตีตกแต่งหม้อตาลด้านนอกหลังจากขึ้นรูปแล้ว นิยมใช้คู่กับลูกกะเท่อ ซึ่งรับอยู่ภายในหม้อ
               -  ลูกกะเท่อ  ใช้สอดรับด้านในของหม้อตาล ขณะที่ใช้ไม้กะต่ายตีอยู่ด้านนอก ทำด้วยดินเผา มีลักษณะเป็นรูปทรงกลมสองตอนติดต่อกัน ตรงกลางคอด ลูกกลมเล็กเป็นที่สำหรับมือจับ  ส่วนลูกกลมใหญ่ใช้รับผิวหม้อด้านใน
              -  แป้นหมุน  เป็นแท่นไม้สัณฐานกลมมนคล้ายลูกข่าง  ด้านบนมีผิวเรียบเพื่อวางดินตุมสำหรับขึ้นรูปทรงขณะเริ่มปั้นหม้อตาล มีความกว้างประมาณหนึ่งศอก สูงประมาณหนึ่งศอก  กึ่งกลางของแป้นหมุนตอนล่างสุดเจาะรูตรงกลางเพื่อสวมกับเดือยที่ปักลงดิน ไม้ที่ใช้ทำแป้นหมุนมักใช้ไม้ที่มีน้ำหนัก เพราะตอนหมุนจะได้มีแรงเหวี่ยงมากขึ้น
               -  ดินหลุม  เป็นดินที่ผ่านขั้นตอนการใช้งานแล้ว โดยใช้ไม้ขนอดขอดดินออกมาจากกองดิน แล้วผ่านการนวดโดยการย่ำด้วยเท้า หรือนวดด้วยมือ จากนั้นจะผสมด้วยทรายละเอียด จนเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วปั้นเป็นก้อนรูปทรงกระบอกสูงประมาณหนึ่งฟุต พร้อมที่จะนำไปขึ้นแป้นหมุน เพื่อปั้นเป็นหม้อตาลต่อไป

          เกวียนเมืองเพชรบุรี  ลักษณะของเกวียนในแต่ละจังหวัดจะมีความแตกต่างกันออกไปตามภูมิภาคและท้องถิ่น เกวียนเมืองเพชรบุรีมีรูปร่างลักษณะสมส่วนสวยงาม เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของศิลปะสกุลช่างเพชรบุรี มีลักษณะดังนี้
               -  งอนเกวียน  อยู่ทางส่วนยอดของเกวียนคล้ายกับช่อฟ้าโดยทั่วไปจะมีลักษณะทางเหลี่ยมและเหยียดตรง แต่ของจังหวัดเพชรบุรี จะงอนขึ้นรับกับเขาวัวได้อย่างกลมกลืน
               -  แอก  คือ ที่สับคอวัวซึ่งวัวต้องลากและแบกไปด้วย ลูกแอกของเกวียนเมืองเพชรบุรีจะกลึงอย่างสวยงาม
               -  คอมอบ  คือลูกตั้งจากทูปขึ้นไปรับกับแม่สอพอง มีลักษณะคล้ายสามง่ามหนังสติ๊ก เมืองอื่นไม่มีคอมอบ มีเฉพาะที่เมืองเพชรบุรีเท่านั้น
               -  แม่สอพอง  หรือแม่ศรีพอง บางเมืองเรียกแม่กำแพงหรือรามเกวียน เป็นไม้กลม ปลายงอนขึ้นสวยงามมาก มีลูกสีข้างขึ้นมาตั้งรับ เพื่อป้องกันสิ่งของที่บรรทุกมาบนเกวียนตกหล่น ลูกสีข้างของแม่สอพองของเกวียนเมืองเพชร เป็นไม้กลึงคล้ายลูกกรงของราวบันไดบ้าน
               -  เท้าแขนหน้าและเท้าแขนหลัง  มีลักษณะเหมือนคันทวย แต่หัวคว่ำลง มีความอ่อนช้อยงดงาม ทำหน้าที่ยึดระหว่าง
แม่สอพองกับคานใต้ท้องเกวียน เพื่อกันไม่ให้แม่สอพองแบะออก คานใต้ท้องเกวียนมีชื่อเรียกว่า แปรกขวางทาง
               -  แปรกบังดุม  คือส่วนที่ปิดหัวปิดท้ายของแปรกขวางทางและกันดุมไม่ให้หลุด หัวท้ายของแปรกบังดุมของเกวียนเมืองเพชรบุรี จะงอนขึ้นไปขนานกับแม่สอพอง ให้ความสมดุลและกลมกลืนกันได้พอดี
               -  ล้อเกวียน  มีส่วนประกอบคือกงและกำ วงรอบนอกของล้อเรียกว่า กงหรือฝักมะขาม ส่วนกำคือซี่ล้อที่ยืดระหว่างดุมกับกง กำของเกวียนเมืองเพชรบุรี เป็นไม้เหลาให้กลม บางแห่งใช้กลึงให้เรียวงาม ไม่เป็นไม้ซี่ ๆ เหมือนเมืองอื่น
               -  ดุมเกวียน  คือส่วนที่รับน้ำหนักจากกงและกำเกวียน ทำหน้าที่ให้ล้อหมุนไปได้ จะทำด้วยไม้ที่กลึงอย่างสวยงาม

          เรือนไทยเพชรบุรี  รูปแบบของเรือนไทยย่อมแตกต่างกันไปตามสภาพภูมิอากาศและวัสดุที่ใช้ในการสร้างในแต่ละท้องถิ่น เรือนไทยเพชรบุรี เป็นฝึมือของสกุลช่างเพชรบุรี มีลักษณะที่แตกต่างจากเมืองอื่น ๆ คือ
               -  แผนผัง  เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า แบ่งออกเป็นสามห้อง กำหนดด้วยเสาในสัดส่วนหนี่งต่อสาม หรือสามต่อห้า หรือห้าต่อเจ็ด ใต้ถุนสูงประมาณ ๒.๕๐ เมตร ยกพื้นเป็นสามระดับ ระดับที่สองสูงจากระดับที่หนึ่งประมาณ ๕๐ เซนติเมตร  ในจำนวนนี้เว้นช่องไว้เท่าหน้าไม้นับจากคานลงมา เรียกว่า ช่องดูโจร และนิยมการเข้าสลักไม้

               -  ปั้นลม  เป็นรูปทรงสามเหลี่ยมด้านเท่า มีความอ่อนช้อยเรียกว่า นวย จะเริ่มจากส่วนที่สอง โดยนับตัวแปเป็นหลัก วิธีทำปั้นลมให้อ่อนช้อย ช่างจะใช้วิธีขึงเชือกจากยอดสามเหลี่ยมมาที่มุมฐาน แล้วปล่อยให้เชือกตกท้องช้างมากน้อยตามความเหมาะสม จากอกไก่ไปจนถึงยอดปั้นลม เรียกว่า กระหม่อม จะมีความสูงเป็นส่วนที่สี่โดยนับจากขื่อขึ้นไปจนถึงอกไก่ แบ่งออกเป็นสามส่วน แต่จะไม่เกินกรอบสามเหลี่ยม เรียกว่า ปั้นลมหน้านาง
               -  ตัวเหงา  มีความยาวหนึ่งในสามของดั้ง หรือนับจากขื่อไปถึงอกไก่ แบ่งออกเป็นสามส่วนหรือจะเทียบหนึ่งในสี่ของตัวปั้นลมก็ได้ หางหงส์ส่วนใหญ่จะขนานคู่ไปกับปั้นลม ชูปลายเล็กน้อย ปั้นลมจะตั้งฉากกับจั่ว ไม่มีการชะโงกหรือง้ำหน้า หางหงส์ก็ตั้งฉากเช่นเดียวกัน

               -  ฝาเรือน  มีทั้งฝาปะกบและฝาสำหรวด เป็นฝาไม้ลูกตั้งที่ทำด้วยไม้กระบอก หรือไม้ฝา เว้นช่องว่างไว้กระด้วยจากหรือแฝก เพื่อกันความร้อน ในเขตเมืองนิยมใช้ฝาปะกน ส่วนในชนบทนิยมใช้ฝาสำหรวด

               -  หน้าต่างและค้ำยัน นิยมค้ำยันด้วยไม้หลี่ยมธรรมดา บางแห่งอาจใช้เหล็กเส้นขนาดสี่หุน ดัดให้งอเล็กน้อย ตั้งจากพรึงไปรับเชิงชาย ส่วนหน้าต่างมีวงกลมเป็นลวดบัวสองชั้นหรือสามชั้น ที่บานหน้าต่างมีอกเลารูปทรงงดงาม ใต้วงกบมีหย่องรองรับประดับไว้เพื่อความสวยงาม ส่วนใหญ่แกะสลักบนแผ่นไม้ บางแห่งอาจกลึงเป็นลูกตั้งอย่างประณีต

| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน |


 
 
dooasia.com
สงวนลิขสิทธิ์ © 2550 ดูเอเซีย    www.dooasia.com

เว็บท่องเที่ยว จองที่พัก จองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ ข้อมูลท่องเที่ยว ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม แผนที่ การเดินทาง ที่พัก ร้านอาหาร จองที่พักและโรงแรมออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ตทั่วโลก คลิปวีดีโอ ไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย ลาว เวียดนาม ขอขอบคุณข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การท่องเที่ยวลาว การท่องเที่ยวกัมพูชา การท่องเที่ยวเวียดนาม มรดกไทย กรมป่าไม้
dooasia(at)gmail.com ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย. สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์