วัดบางพลีใหญ่ใน ตั้งอยู่ริมคลองสำโรง ตำบลบางพลีใหญ่ ห่างจากบึงตะโก้ประมาณ 500 เมตร เดิมชื่อวัดพลับพลาไชยชนะสงคราม เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่สมัยสุโขทัยปางมารวิชัยลืมเนตร หน้าตักกว้าง 3
ศอก 1 คืบ เนื้อเป็นทองสัมฤทธิ์เป็นพระประธานในโบสถ์ เป็นที่เลื่อมใสของประชาชนโดยทั่วไปนาม หลวงพ่อโต วัดนี้จึงมีอีกชื่อว่า วัดหลวงพ่อโต ชาวบางพลีได้อัญเชิญหลวงพ่อโตจำลองลงเรือในพิธีโยนบัวหรือรับบัวทุกปี ในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11
ติดกับวัดยังมีตลาดริมน้ำโบราณที่มีอายุยาวนานกว่า 140 ปี ที่ยังคงสภาพเดิมให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมและเลือกซื้อซึ่งมีทั้งอาหารและของใช้ต่างๆ เปิดบริการตั้งแต่เวลา 08.00–17.00น
การเดินทาง
จากแยกบางนาเข้าทางถนน บางนา-ตราด ประมาณกิโลเมตรที่ 12.5 ข้ามสะพานคลองชวดลากข้าวเลี้ยวกลับรถเข้าถนน กิ่งแก้ว-บางพลีใหญ่ใน ประมาณ 3.5 กิโลเมตร จะพบสี่แยกเลี้ยวซ้ายไปประมาณ 1 กิโลเมตร และเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสุขาภิบาล 6 ทางเข้าเทศบาลตำบลบา
งพลีประมาณ 200 เมตร ก็จะถึงวัดบางพลีใหญ่ใน
อีกทางหนึ่งเข้าทางถนนเทพารักษ์ กิโลเมตรที่ 13 ก็ถึงวัด ส่วนทางเรือสามารถมาได้ตามคลองสำโรง
ประวัติวัดบางพลีใหญ่ใน
วัดบางพลีใหญ่ในเดิมชื่อ วัดพลับพลาไชยชนะสงครามชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงเรียกวัดนี้ว่า วัดใหญ่หรือ วัดหลวงพ่อโตทางประวัติศาสตร์จากโบราณคดีจารึกสืบต่อกันมาแต่ครั้งโบราณกาลว่า วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ห
ลังจากเสียกรุงศรีอยุธยา มาถึง 2 ครั้ง ในปี พ.ศ 2112 และ พ.ศ 2310 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ทรงกอบกู้อิสรภาพ สู่ความเป็นไทยอีกครั้งหนึ่ง จนอาณาเขตของประเทศ (สยาม) ขยายออกไปอีกอย่าางกว้างข
วาง
ส่วนชื่อของตำบลนั้นได้ชื่อว่า " บางพลี " ก็เพราะเหตุที่สมเด็จพระนเรศวร ได้ทรงกระทำพิธีพลีกรรมบวงสรวงนั้นเอง ดังนั้นประชาชนทั้งหลายจึงเรียกว่าบางพลีและวัดพลับพลาไชยชนะสงคราม วัดพลับพลาไชยชนะสงคราม&nb
sp; เป็นวัดที่อยู่ด้านใน มีอาณาเขตใหญ่โตซึ่งต่อมาได้มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่เป็นมิ่งขวัญของวัดจึงเรียกว่า " วัดบางพลีใหญ่ใน" หรือ " วัดหลวงพ่อโต " มาจนถึงตราบทุกวันนี้
ประวัติหลวงพ่อโต
ตามตำนานประวัติของหลวงพ่อโต ที่เล่าสืบต่อกันมาว่า มีพระพุทธรูป 3 องค์ซึ่งชาวกรุงศรีอยุธยาได้อาราธนาลงสู่แม่น้ำเพื่อหลบลี้หนีภัยสงคราม พระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ได้ล่องลอยมาตามลำน้ำและได้แสดงอภินิหารระหว่างทางจนเป็นที่โจษขานกันทั่วไป ประชาชนในท้องที่
ตำบลต่าง ๆ ได้พยายามอาราธนาท่านขึ้นสู่ฝั่ง แต่ก็ไม่สำเร็จ จนในที่สุด พระพุทธรูปองค์หนึ่งได้ไปขึ้นประดิษฐานอยู่ที่ วัดบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงคราม ส่วนองค์ที่สองไปขึ้นประดิษฐานอยู่ที่วัดโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา และอีกองค์หนึ่งได้ล
่องลอยเรื่อยมาตามลำแม่น้ำเจ้าพระยา และปาฏิหาริย์ลอยวกเข้ามาในลำคลองสำโรง ประชาชนจึงพร้อมกันอาราธนาท่านขึ้นที่ปากคลองสำโรง แต่ท่านก็ไม่ยอมขึ้น จึงได้ทำพิธีเสี่ยงทาย ต่อแพผูกชะลอกับองค์ท่าน แล้วใช้เรือพายฉุดท่านให้ลอยตามลำน้ำสำโรงและอธิษฐานว่า “ห
ากท่านประสงค์จะขึ้นโปรดที่ใดก็ขอจงได้แสดงอภินิหารให้แพที่ลอยมาจงหยุด ณ ที่นั้นเถิด” จนแพลอยมาถึงบริเวณหน้าวัดพลับพลาชัยชนะสงคราม หรือวัดบางพลีใหญ่ใน ท่านจึงหยุดนิ่ง ชาวบ้านจึงได้พร้อมใจกันอาราธนาตั้งจิตอธิษฐานนำท่านขึ้นจากน้ำได้ในที่สุด และต่อม
าได้สร้างพระอุโบสถสำหรับเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโตมาจนถึงปัจจุบัน
|