|
www.dooasia.com >
เมืองไทยของเรา >
สารานุกรมไทยฉบับย่อ
เล่ม
๑๔ ทะเบียน - ธรรมราชา
ลำดับที่ ๒๔๖๗
- ๒๖๖๕
หน้า ๘๕๑๓ - ๙๑๗๒
๒๔๖๗. ทะเบียน
ชื่อบัญชีจดลักษณะ จำนวนคน จำนวนสัตว์ และจำนวนสิ่งของ ตลอดจนการงานต่าง ๆ
ที่รัฐบันทึกไว้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับประชาชนพลเมือง
คำ "ทะเบียน" คงใช้กันมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ถึงสมัยอยุธยาจึงปรากฎในกฎหมาย
ลักษณะพยานที่ออกในปี พ.ศ.๑๘๙๔
คำทะเบียนในกฎหมายนี้ดูจะเป็นครั้งแรกที่มีในหนังสือไทยและเขียนเป็น "เกษียน"
และยังมีคำ "หางว่าว" อีกคำหนึ่ง คำนี้ใช้กับทะเบียนเป็น "ทะเบียนหางว่าว"
หน้า ๘๕๑๓
๒๔๖๘. ทะแย
เป็นชื่อเพลงไทยเพลงหนึ่ง แต่เดิมเป็นเพลงในอัตราสองชั้น มีมาแต่สมัยอยุธยา
นับว่าเป็นเพลงเก่าแก่มากเพลงหนึ่ง
เพลงในอัตราสองชั้นนี้ ถ้าใช้เป็นหน้าพาทย์แสดงโขนละครแล้วเรียกว่า "ทะแยกลองโยน"
นอกจากนี้ยังใช้เพลงนี้สำหรับปี่กลองชนะ บรรเลงประกอบขบวนเสด็จพยุหยาตราทางสกลมาร์คอีกด้วย
เครื่องดนตรีที่ใช้ในการนี้ประกอบด้วยปี่ชวา เปิงมาง และกลองชนะ
เพลงทะแยสามชั้น มีผู้แต่งขึ้นในราวต้นรัชกาลที่สาม เดิมแต่งขึ้นสำหรับใช้ร้อง
และบรรเลงในตับมโหรี โดยที่ท่วงทำนองของเพลงทะแยสามชั้น มีลักษณะเป็นสำเนียงมอญปนไทยอันไพเราะ
ประกอบกับใช้เสียงครบเจ็ดเสียง จึงนิยมเอามาใช้เป็นเพลงสำหรับเดี่ยวด้วยเครื่องมือต่าง
ๆ หน้า ๕๘๑๘
๒๔๖๙. ทะเล
๑. มีความหมายและมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับมหาสมุทร
๒. ทะเลคือส่วนย่อย หรือส่วนหนึ่งของมหาสมุทร ทะเลโดยธรรมชาติจะมีความเกี่ยวพันกับส่วนต่าง
ๆ ของระบบน้ำเค็มของโลกทั้งหมด ทั้งนี้ยกเว้นทะเลภายใน ทะเลแบ่งออกเป็นสองชนิดคือ
ชนิดทะเลเมดิเตอเรเนียน และชนิดข้างเคียง
ทะเลชนิดเมดิเตอเรเนียน เป็นทะเลที่ปรากฎเป็นหมู่ ๆ แยกออกต่างหากจากพื้นน้ำของโลก
ส่วนใหญ่เป็นทะเลเกิดขึ้นโดด ๆ อยู่ในแผ่นดินและเป็นทะเลน้ำเค็ม อาจมีอาณาเขตแยกออกไปอยู่โดดเดี่ยวก็ได้
ส่วนทะเลชนิดข้างเคียงคือทะเล ซึ่งติดต่อเกี่ยวข้องกับทะเล หรือมหาสมุทรที่ใหญ่กว่า
และมักจะอยู่รอบนอก ๆ ของพื้นแผ่นดิน
คำว่ามหาสมุทร คือบริเวณน้ำเค็มที่ต่อเนื่องกันเป็นพื้นที่ร้อยละ ๘๐.๘ ของพื้นที่ผิวโลก
เป็นพื้นน้ำใหญ่ ๆ ที่อยู่ระหว่างทวีป และส่วนย่อยลงมาเรียกว่าทะเล ส่วนทะเลน้ำเค็มที่ไม่มีทางให้น้ำเค็มไหลซึมออกสู่มหาสมุทร
ก็เรียกว่าทะเลเช่นกัน แต่เป็นทะเลชนิดเมดิเตอเรเนียนเช่น ทะเลเดดซี และทะเลแคสเบียน
น้ำทะเลมีรสเค็ม เกลือในทะเลเกิดจากหินของเปลือกโลกที่แตกออกมานานเป็นเวลาหลายร้อยล้านปี
บางชนิดก็เป็นสารที่ละลายได้ บางชนิดก็ไม่ละลาย สารที่ละลายได้ก็เป็นพวกเกลือ
ความเค็มที่ใกล้ผิวน้ำทะเล เปลี่ยนแปลงไปตามเส้นรุ้งที่ศูนย์สูตรเค็มน้อยที่สุด
น้ำทะเลมีสีฟ้า (สีฟ้าทะเล) เหมือนกับสีท้องฟ้า ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากการกระจายแสงโมเลกุลของน้ำทะเล
และจากผลเน่าเปื่อยของพืชทำให้เกิดสีเหลืองขึ้น ดังนั้นน้ำทะเลตามชายฝั่งจึงมักมีสีเขียว
การเคลื่อนที่ของน้ำในทะเลหรือมหาสมุทร มีทั้งในทิศทางตามแนวตั้งคือ กระแสน้ำไหลขึ้น
และกระแสน้ำไหลลง และเคลื่อนที่ตามแนวระนาบเรียกว่า "กระแสน้ำ"
ซึ่งจะไหลติดต่อกันทั่วโลก มีทั้งกระแสน้ำอุ่น และกระแสน้ำเย็น
กระแสน้ำใกล้ผิวพื้นทะเล เกิดจากแรงลม และแรงกดดันภายใน ลมที่พัดยังทำให้เกิดการม้วนตัวของผิวน้ำด้วยเรียกว่า
"คลื่น" คลื่นในทะเลเคลื่อนที่ไปได้ไกล
ๆ หลายร้อยหลายพันไมล์ มียอดสูงสุดถึง ๑๕ เมตร
หน้า ๘๕๑๙
๒๔๗๐. ทะเลทราย
คือที่รกร้างกันดาร มีสิ่งมีชีวิตอยู่น้อยมาก ได้แก่ พื้นที่แผ่นดินกว้างใหญ่
ที่มีอากาศหนาวจัด หรือร้อนจัด สภาพทางธรรมชาติยากแก่การดำรงชีวิต โดยทั่วไปเป็นที่โล่ง
พืชขึ้นอยู่น้อยมาก ท้องฟ้าโปร่ง เมฆน้อย ทำให้อุณหภูมิของอากาศในเวลากลางวัน
และกลางคืนแตกต่างกันมาก ความแห้งแล้งในทะเลทราย เกิดจากภาวะที่มีปริมาณการระเหยของน้ำ
มากกว่าปริมาณของน้ำที่ได้รับ ในเขตร้อนที่มีอัตราการระเหยของน้ำสูง ถ้าปริมาณฝนที่ตกมีน้อยกว่า
๒๕๐ มม. (ต่อปี - เพิ่มเติม)
ก็มักจะเป็นเขตทะเลทราย
ภูมิประเทศของทะเลทรายที่เป็นบริเวณที่สูง จะมีลักษณะเป็นภูเขาเกลี้ยง ๆ ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของกรวดทราย
แต่พื้นที่ประมาณสามในสี่ส่วนของทะเลทราย ที่มีอยู่ทั่วโลกมีลักษณะเป็นที่ราบ
สวนมากเป็นลานก้อนหินใหญ่ ๆ หรือกรวด ทะเลทรายทางตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือ
มีพื้นที่เป็นทรายอยู่เพียงร้อยละสอง ในทะเลทรายสะฮารา มีทรายอยู่เพียงร้อยละสิบเอ็ด
ส่วนฝนเมื่อตกลงบนที่ราบมักจะทำให้เกิดน้ำท่วมอย่างรวดเร็ว น้ำจะไหลไปรวมในที่ต่ำ
เกิดเป็นทะเลสาบชั่วคราวขึ้น บริเวณที่ต่ำนี้เรียกว่า "พลายา" ถ้าเป็นที่ต่ำมากจนมีระดับน้ำใต้ดิน
รากพืชสามารถหยั่งถึงเรียกว่า "โอเอซิส"
ทะเลทรายแบ่งออกเป็นสามประเภทตามที่ตั้งของภูมิศาสตร์ ประเภทแรก
ได้แก่
ทะเลทรายแถบขั้วโลก อยู่ในเขตอาร์กติกและแอนตาร์กติก เป็นเขตอากาศเย็นจัด
น้ำเป็นน้ำแข็งตลอดปี เนื่องจากความทุรกันดารเขตเหล่านี้จัดว่าเป็นทะเลทรายประเภทหนึ่ง
ประเภทที่สอง
ได้แก่ ทะเลทรายแถบละติจูดกลาง ความแห้งแล้งเกิดจากตั้งอยู่ในใจกลางทวีปเช่น
ทะเลทรายเตอร์กิสถาน หรือเนื่องจากอยู่ในเขตอับลมของภูเขาเช่น ทะเลทรายในภาคตะวันตกของสหรัฐอเมริกา
และทะเลทรายในภาคตะวันออกของเทือกเขาแอนดิสในทวีปอเมริกาใต้ ประเภทที่สาม
ได้แก่ ทะเลทรายในเขตละติจูดต่ำ เป็นเขตอยู่ใต้อิทธิพลลมสินค้า ซึ่งเป็นลมประจำตะวันออก
พัดจากเขตอากาศเย็นไปสู่เขตอากาศอุ่นกว่าอากาศเก็บไอน้ำได้มากโดยไม่กลั่นตัว
ทำให้อากาศมีความแห้งแล้ง นอกจากนี้ยังอยู่ในเขตฮอสละติจูด ซึ่งเป็นเขตที่มีความกดอากาศสูง
อากาศลอยตัวต่ำลง ทะเลทรายในเขตละติจูดต่ำนี้มักมีขนาดใหญ่ และตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของทวีปต่าง
ๆ ได้แก่ทะเลทรายสะฮารา ทะเลทรายวิกตอเรีย ทะเลทรายอาหรับ เป็นต้น
สิ่งมีชีวิตในทะเลทรายสามารถปรับปรุงตัวให้เข้ากับความแห้งแล้งของทะเลทรายได้
หน้า ๘๕๒๕
๒๔๗๑. ทะเลสาบ
คือ พื้นน้ำที่มีแผ่นดินล้อมรอบ บริเวณน้ำขังมีลักษณะเป็นแอ่งใหญ่ จะมีทางน้ำไหลออก
หรือไม่มีก็ได้ แต่มีน้ำขังอยู่ตลอดเวลา น้ำที่ไหลลงสู่ทะเลสาบมาได้หลายทาง
เช่น ฝน แม่น้ำ หิมะละลาย และน้ำใต้ดิน
ทะเลสาบ แบ่งออกเป็นสองประเภทคือ
ทะเลสาบน้ำเค็ม
และทะเลสาบน้ำจืด
ทะเลสาบน้ำเค็มเกิดในบริเวณที่มีภูมิอากาศแห้งแล้ง และไม่มีทางน้ำไหลออก น้ำระเหยตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
เหลือพวกแร่ธาตุต่าง ๆ ตกค้างอยู่ เมื่อนาน ๆ เข้าน้ำในทะเลสาบจึงมีความเค็ม
เช่น ทะเลสาบเกรตซอลต์เลค ในสหรัฐอเมริกา ส่วนทะเลสาบน้ำจืดเกิดในบริเวณที่มีภูมิอากาศชุมชื้น
และมีทางน้ำไหลออก น้ำที่ไหลออกไปนั้น นำเอาพวกเกลือแร่ต่าง ๆ ออกไปด้วย น้ำจึงไม่เค็ม
เช่น ทะเลสาบสุบีเรีย
หน้า ๘๕๒๖
๒๔๗๒. ทะเลสาบเขมร
เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของทวีปเอเชีย ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกของประเทศกัมพูชา
ยาวประมาณ ๑๔๐ กม. กว้างที่สุดประมาณ ๔๐ กม. ในฤดูน้ำหลากจะมีอาณาบริเวณถึง
๒๕๐,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร และมีน้ำลึก ๑๐ - ๑๓ เมตร แต่ในฤดูแล้งจะเหลือเพียง
๒,๗๐๐ ตารางกิโลเมตร ส่วนใหญ่ของน้ำในทะเลสาบได้มาจากแม่น้ำโขง ซึ่งไหลเข้ามาตามแม่น้ำทะเลสาบ
ยาวประมาณ ๑๑๐ กม.
หน้า ๘๕๒๘
๒๔๗๓. ทักทิน
มีคำนิยามว่า "วันชั่วร้าย" คำนี้มีใช้ในตำราหมอดู เนื่องในการประกอบการหาฤกษ์มงคลต่าง
ๆ จำนวนวันทักทินอันเป็นวันห้าม มิให้ทำการมงคล นับตามสูตรที่ท่านแสดงไว้
รวมมีอยู่เก้าวัน
หน้า ๘๕๒๙
๒๔๗๔. ทักษ์ หรือทักษะ
คือ ฤษีปชาบดี เป็นบิดานางสตี ซึ่งในชาติหลังไปเกิดเป็นพระอุมา มีเหตุวิวาทกับพระอิศวร
เป็นเรื่องใหญ่โต พระทักษมุนีเป็นมานสบุตร (บุตรเกิดแต่ใจ) ของพระพรหม พระทักษะไม่ชอบพระอิศวร
ครั้งหนึ่งได้จัดการยัญกรรมใหญ่ เชิญเทวดามาชุมนุมหมด แต่ไม่เชิญพระอิศวร
นางสตีไปต่อว่าบิดา แต่ไม่เป็นผล จึงโทมนัสกลั้นใจหาย ความทราบถึงพระอิศวรก็กริ้ว
ยิงพระแสงธนูถูกพระทักษะ หัวขาดไป และยิงเทวดาบาดเจ็บไปมาก เมื่อหายพิโรธแล้ว
จึงประทานพรให้เทวดากลับคืนดีดังเดิม แต่พระทักษะนั้น ทรงเอาหัวแพะต่อให้แทน
ฝ่ายนางสตีนั้น ได้ไปเกิดใหม่เป็นธิดาท้าวหิมวัต มีพระนามว่า อุมา เหมวดี
ได้เป็นพระมเหสี พระอิศวร
หน้า ๘๕๓๐
๒๔๗๕. ทักษา
เป็นชื่อเรียก อัฐเคราะห์ คือ พระเคราะห์แปดหมู่ ซึ่งประกอบกันเข้าเป็นองค์สมบัติของบุคคล
ผู้ที่เกิดมาทุก ๆ คน นับแต่เวลาขณะคลอดจากครรภ์มารดา ที่เรียกกันว่า "ตกฟาก"
ไปจนถึงกาลอายุขัย เป็นที่สุด
พระเคราะห์แปดหมู่นั้น ภาษาโหราศาสตร์ กำหนดคุณลักษณะเรียกว่า บริวาร อายุ
เดช ศรี มูละ อุตสาหะ มนตรี กาลกิณี คนเกิดวันใดพระเคราะห์นามวันนั้น เป็นบริวารแล้ว
นับเรียงกันไปโดยทักษาวรรต ตามแผนผังที่พระเคราะห์เดิน
คำว่า ทักษา แปลความว่า เวียนขวา ทักษาแปดหมู่นี้ เรียกอีกนัยหนึ่งว่า "ภูมิ"
หรือ "เหย้า" คือ เมื่อได้อัตภาพมาเป็นคนแล้ว ต้องอาศัยพระเคราะห์ทั้งแปดหมู่
ปรุงแต่งเป็นตัวกรรม พระเคราะห์นั้น ๆ จึงเข้าครองรักษาผู้นั้น ผลัดเปลี่ยนกันไปเป็นองค์ละหนึ่งปี
นับเริ่มแต่พระเคราะห์นามรับเกิดแล้ว เรียงกันไปโดยเวียนขวา
๒๔๗๖. ทักษิณาจาร
เป็นชื่อลัทธิพุทธตันตระแบบหนึ่ง เป็นแบบขวาหรือฝ่ายขวาคู่กับวามาจาร คือ
แบบซ้ายหรือฝ่ายซ้าย (ดู ตันตระยาน - ลำดับที่ ๒๒๐๘ ประกอบ) พุทธตันตระทั้งสองแบบนี้
แตกต่างกันที่หลักการคือ หลักพิธีกรรมและหลักปรัชญา ซึ่งยิ่งและหย่อนกว่ากัน
หลักการของฝ่ายทักษิณาจาร มีดังนี้
- ๑. หลักพิธีกรรม
อันดับแรกเรียกชื่อว่า อภิเษก
คือ พิธีรับเข้าหมู่ หรือรับเป็นศิษย์ของพุทธตันตระ เป็นการครอบวิชาให้ เพราะในคติลัทธินี้
แม้พระโพธิสัตว์ก็จะต้องผ่านอภิเษก จากบรรดาพระพุทธเจ้าก่อนจึงจะบรรลุภูมิได้
พิธีกรรมอันดับที่สอง เรียกว่า มันตระ
หรือ ธารณี คือ
การสังวัธยายมนตร์ หรือการบริกรรมคาถา ต้องออกเสียงให้ถูกต้อง อักขรวิธี อย่าให้อักขรวิบัติ
การเชื่อถือเวทมนตร์คาถาอาคมขลังของไทย ก็คงมาจากพุทธตันตระนี้เอง แต่เรียกรวมว่า
พิธีกรรมทางไสยศาสตร์ พุทธตันตระนั้น ดึงเอาวิธีการของไสยศาสตร์ทางศาสนาพราหมณ์มา
แต่เปลี่ยนเทพเป็นพระพุทธเจ้า และพระโพธิสัตว์แบบมหายาน
พิธีกรรมอันดับที่สามชื่อ
มุทรา
คือ แสดงท่าต่าง ๆ ด้วยนิ้วมือ หรือแสดงอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง อันเป็นเครื่องหมายประจำองค์พระพุทธเจ้า
และพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย เช่น สมาธิมุทรา ธรรมจักรมุทรา วิตรรกมุทรา วัชระมุทธา
เป็นต้น ที่เรียกว่า ปาง เช่น ปางสมาธิ ปางแสดงธรรมจักร ปางประทานอภัย เป็นต้น
พวกตันตระถือว่าผู้ใดทำรูปกายของตน ให้มีอาการดุจอาการ หรือมุทราของพระพุทธเจ้า
หรือพระโพธิสัตว์ หรือเทพองค์ใดก็เท่ากับเชิญท่านดังกล่าวนั้น ให้มาอยู่กับตน
ท่ามุทรานี้เดิมเป็นของฮินดูตันตระ ต่อมาพุทธตันตระฝ่ายซ้ายนำมาใช้
พิธีกรรมถัดไปชื่อ สมาธิ คือ กำหนดจิตให้จดจ่ออยู่กับพระพุทธเจ้า หรือพระโพธิสัตว์
หรือเทพองค์ใดองค์หนึ่ง จนปรากฎว่าเรากลายเป็นพระ หรือเทพ นั้น ๆ นี้คือ จุดหมายสูงสุดของพุทธตันตระ
คำว่า "ความว่าง"
ก็คือ ศูนยตา
ซึ่งเป็นหลักปรัชญาของสำนักพุทธปรัชญามาธยมิกะ และคำว่า พีชะในอาลัยวิญญาณ
ก็คือ หลักปรัชญาของสำนักพุทธปรัชญาโยคาจาร
- ๒. หลักปรัชญา
มีใจความว่า พระไวโรจนพุทธะ เป็นมูลธาตุของสากลจักรวาล สรรพสิ่งทั้งหลายในสากลจักรวาล
จึงมีภาวะอย่างเดียวกับรูปกาย และนามกายของพระไวโรจนพุทธ จะเห็นได้ว่าพระไวโรจนพุทธะของพุทธตันตระนี้เป็นอย่างเดียวกับพรหมันของฮินดูนั่นเอง
นับเป็นสัทธรรมปฏิรูปคือของแปลกปลอมในพระพุทธศาสนา ทำให้พระสัทธรรมเดิมอันตรธานจากความเข้าใจของชาวพุทธ
หน้า ๘๕๓๔
๒๔๗๗. ทักษิณานุปทาน
มีคำนิยามว่า "ทำบุญอุทิศให้ผู้ตาย" คำว่าทักษิณา แปลว่าเครื่องเจริญสมบัติ
หมายความว่าของทำบุญ ซึ่งประสงค์ให้ผู้ตายต่างจากของทำทาน ซึ่งประสงค์ให้คนเป็นเรียกกันเป็นสามัญว่าทำบุญทำทาน
ธรรมเนียมนี้มีมาแต่ดึกคำบรรพ์ก่อนพุทธกาล ตกมาถึงพุทธสมัยพระพุทธเจ้าทรงอนุมัติการทำทักษิณา
แต่โปรดให้เพ่งประโยชน์สาธารณะเป็นสำคัญ กำหนดให้ไทยธรรมคือ ของทำบุญนั้นต้องบริสุทธิ์โดยสามส่วนคือ
ต้องเป็นธรรม ต้องได้มาโดยธรรม และต้องเป็นของควรแก่ผู้รับ
หน้า ๘๕๓๘
๒๔๗๘. ทักษิโณทก
มีคำนิยามว่า "น้ำที่หลั่งเวลาทำทาน น้ำกรวดหรือเอาน้ำแทนสิ่งของที่ให้ซึ่งใหญ่โต
หรือไม่มีรูปที่จะหยิบยกให้ได้เช่น วัด ศาลา หรือบุญกุศลเป็นต้น"
วิธีใช้น้ำแทนสิ่งของที่ให้นี้มีมาแต่ดึกดำบรรพ์ก่อนพุทธกาลแล้ว ในครั้งพุทธกาลมัชฌิมโพธิกาล
การให้ถือเสนาสนะนั้น มีภิกษุเจ้าหน้าที่แจกเสนาสนะ มอบเสนาสนะให้ถือด้วยใช้น้ำแทน
หน้า ๘๕๔๒
๒๔๗๙. ทังสเดน
เป็นธาตุโลหะชนิดหนึ่ง มีคุณสมบัติที่มีจุดหลอมตัวสูงมาก (๓๔๐๐ ซ) จึงมีประโยชน์ในการนำไปใช้ในกิจการด้านไฟฟ้าหลายอย่าง
ใช้ทำไส้หลอดไฟฟ้าอื่น ๆ ใช้เป็นโลหะที่ต้องการความต้านทานสูง เครื่องมือที่ต้องการรอบหมุนสูง
ทำลำกล้องปืน รถถัง
หน้า ๘๕๔๔
๒๔๘๐. ทัณฑก - ป่า
เป็นป่าดงใหญ่ระหว่างแม่น้ำโคทาวารีกับแม่น้ำนรรมทา ในดงนี้มีสำนักดาบสอยู่หลายแห่ง
เป็นที่ที่พระราม พระลักษณ์ และนางสีดา ไปท่องเที่ยวอยู่สิบปี
หน้า ๘๕๔๔
๒๔๘๑. ทัณฑิมา เป็นชื่อนกในตำราสัตว์หิมพานต์ มีหัวเป็นนก ตัวเป็นครุฑ มีมือถือไม้เท้า
หน้า ๘๕๔๕
๒๔๘๒. ทัตตเตรย, ทัตตไตรย - ฤาษี
เป็นบิดาพระทุรวาส (ดูทุรวาส - ลำดับที่ ๒๕๖๖)
หน้า ๘๕๔๗
๒๔๘๓. ทันตแพทย์
คือผู้ที่มีอาชีพดูแลรักษาโรคทางฟัน เหงือก ขากรรไกร และโรคภายในช่องปาก
หน้า ๘๕๔๗
๒๔๘๔. ทันตแพทย์ศาสตร์
เป็นแขนงวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับฟันและเรื่องในช่องปาก
หน้า ๘๕๔๙
๒๔๘๕. ทับทาง - งู
เป็นงูที่ชาวบ้านใช้เรียกงูสามเหลี่ยม เป็นงูอยู่ในจำพวกงูเห่า มีลักษณะเป็นปล้อง
สีเหลืองสลับดำ ท้องแบน และสันหลังเป็นสัน ทำให้เป็นรูปสามเหลี่ยม มีขนาดยาวประมาณ
๗๐ - ๑๐๐ ซม. ชอบนอนและไม่เคลื่อนไหวในเวลากลางวัน ไม่ชอบแสงสว่าง มีพิษร้ายแรง
กัดสัตว์และคนตายได้ พิษมีคุณสมบัติในทางทำลายเส้นประสาท และมีพิษทางโลหิตด้วย
การรักษาเซรุ่มแก้พิษเฉพาะชนิด
หน้า ๘๕๔๙
๒๔๘๖. ทับทิม
เป็นผลไม้ชนิดหนึ่ง เนื้อข้างในเป็นเม็ดสีแดงคล้ายพลอย ทับทิม
ทับทิมเป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้น ตั้งแต่ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูง ๑.๘๐ - ๓.๐๐
เมตร ตามกิ่งมีหนามแหลมคม ใบมีขนาดเล็ก รูปร่างของใบเป็นแบบขอบขนาน ด้านใบสั้นติดกับกิ่งเป็นคู่
ๆ ดอกเป็นแบบสมบูรณ์เพศคือมีเกสรตัวผู้และตัวเมียอยู่ในดอกเดียวกัน มักออกดอกตอนปลายกิ่ง
ส่วนมากมีสีแดงแสด ผลกลมคล้ายผลฝรั่ง ขนาดเท่าผลส้มเกลี้ยง เปลือกค่อนข้างแข็งและเหนียว
ภายในผลมีเมล็ดจำนวนมากอยู่เต็ม เมล็ดมีเนื้อใส ๆ หุ้มอยู่ภายนอก หนาใส มีสีชมพูอ่อนถึงแก่จนถึงสีแดง
ทับทิมในด้านเป็นสมุนไพรใช้รักษาโรคต่าง ๆ คือ
๑. เปลือกของผลใช้แก้โรคบิดได้
๒. ชาวอาหรับใช้รากต้มกับน้ำเป็นยาขับตัวตืด ส่วนคนจีนใช้แก้โรคฤดูขาวและขับปัสสาวะ
๓. พวกฮินดูใช้น้ำและดอกเป็นเครื่องปรุงยาธาตุ เป็นยาสมานลำไส้ และแก้ท้องเสีย
๔. เมล็ดในใช้เป็นยาบำรุงหัวใจและแก้ท้องเสีย
๒๔๘๗. ทับทิม ๒
เป็นชื่ออาหารหวานชนิดหนึ่งได้แก่ ทับทิมกรอบ ทำด้วยแห้วหรือมันแกว หั่นเป็นชิ้นเล็กขนาดเท่าเมล็ดทับทิม
คลุกด้วยแป้งมัน และสีชมพูแก่ ต้มให้สุก จะมีลักษณะเหมือนเมล็ดทับทิม บริโภคกับน้ำเชื่อมใส่กระทิสด
หน้า ๘๕๕๔
๒๔๘๘. ทับทิม ๓
เป็นชื่อสิ่งเคารพบูชาได้แก่ เจ้าแม่ทับทิม
หน้า ๘๕๕๔
๒๔๘๙. ทับทิม ๔ - หอย
เป็นหอยชนิดหนึ่งประเภทหอยฝาเดียว หอยจูงนางเข้าห้องก็เรียก เป็นหอยขนาดเล็กมีสีแปลก
ๆ แตกต่างกัน โดยมากเป็นสีชมพู เหมือนทับทิมจึงเรียกกันว่าหอยทับทิม
หน้า ๘๕๕๔
๒๔๙๐. ทับทิม ๕ - พลอย
ได้แก่ พลอยที่เรียกว่าทับทิม ในบรรดาหินมีค่าด้วยกันแล้วทับทิมเป็นที่สองรองจากเพชร
เป็นพลอยที่มีสีแดงสด ทับทิมมีสองชนิดด้วยกัน ชนิดที่เป็นพลอยสีแดงขุ่น เป็นทับทิมพม่า
อีกชนิดหนึ่งเป็นพลอยสีแดงสด เนื้อใส เจียระไนเป็นเหลี่ยมเรียกทับทิมสยาม
หน้า ๘๕๕๔
๒๔๙๑. ทับปุด
อำเภอขึ้น จ.พังงา ภูมิประเทศตอนใต้ เป็นที่ราบต่ำ ตอนกลางและตอนเหนือเป็นที่ราบสูง
เป็นป่าและเขา เดิมเรียกว่า บ้านทับปุด ยกฐานะเป็นอำเภอ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๐
หน้า ๘๕๕๖
๒๔๙๒. ทับสมิงคลา - งู
เป็นงูในเครือเดียวกับงูสามเหลี่ยม เป็นงูจำพวกงูเห่า ลักษณะทั่ว ๆ ไป เหมือนงูสามเหลี่ยม
ผิดกันที่ปล้องนั้นมีสีดำ และสีเทาค่อนข้างขาวสลับกันแทนที่จะเป็นเหลืองดำ
พิษงูเหมือนกับพิษงูสามเหลี่ยม
หน้า ๘๕๕๖
๒๔๙๓. ทับสะแก
อำเภอขึ้น จ.ประจวบคีรีขันธ์ อาณาเขตทิศตะวันออกตกทะเลในอ่าวไทย ทิศตะวันตกจดประเทศพม่า
ภูมิประเทศเป็นที่ราบ
อ.ทับสะแก เดิมเป็นกิ่งอำเภอขึ้น อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ยกฐานะเป็นอำเภอ
เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๑
หน้า ๘๕๕๘
๒๔๙๔. ทัพ - ทหาร
คำว่า "ทหาร" และ "ทัพ" ได้เริ่มใช้ในสมัยอยุธยา ปรากฎสองคำนี้อยู่ในกฎมณเฑียรบาล
ซึ่งได้ตราขึ้น เมื่อปี พ.ศ.๒๐๑๑ ในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
บรรดา "กองทัพ" ที่ปรากฎอยู่ในพระราชพงศาวดาร หรือในตำนานไทย แต่โบราณจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
ฯ คงมีลักษณะตรงกับกองทัพสนาม เพราะเป็นหน่วยกำลังรบที่จัดขึ้น เพื่อจะส่งออกไปทำการรบ
เมื่อเกิดสงครามขึ้นเท่านั้น มิได้จัดไว้เป็นกองทัพประจำ กองทัพประจำเพิ่งมาจัดในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
ฯ ที่เริ่มนำการจัดทหารแบบยุโรปมาใช้อย่างสมบูรณ์แบบ นับตั้งแต่การตรากฎมายเกณฑ์ทหาร
จัดตั้งกองทัพประจำการทั้งทหารบก และทหารเรือ
หน้า ๘๕๕๘
๒๔๙๕. ทัพทัน
อำเภอขึ้น จ.อุทัยธานี ภูมิประเทศทางทิศตะวันตกเป็นป่า และเขา โดยมาก นอกจากนั้นเป็นที่ราบลุ่ม
หน้า ๘๕๖๕
๒๔๙๖. ทัพนาสูร
เป็นชื่อพญายักษ์ ในเรื่องรามเกียรติ์ บางทีเรียก เทพาสูร เป็นลูกท้าวลัสเตียนกับนางจิตรมาลา
เป็นพี่ชายทศกัณฐ์ สีหงส์ดิน ครองเมืองจักรวาล ตายด้วยศรพระราม
หน้า ๘๕๖๖
๒๔๙๗. ทาก ๑
สัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่ง เป็นพวกสัตว์ดูดเลือดที่ไม่มีกระดูกสันหลัง มีลำตัวเป็นวงแหวนต่อกันเป็นข้อ
ๆ รวมกับพวกปลิง รวมกับพวกปลิง ทากกินเลือดเป็นอาหารเท่านั้น
หน้า ๘๕๖๖
๒๔๙๘. ทาก ๒ - หอย
หอยทากยักษ์ เป็นศัตรูพืชที่สำคัญหลายชนิด หอยชนิดนี้เป็นหอยบกมีเปลือก ยาวเฉลี่ย
๕.๕ - ๑๐ ซม. เปลือกสีน้ำตาลแกมแดง ออกหากินเวลากลางคืน ฤดูระบาดอยู่ระหว่างฤดูฝน
หน้า ๘๕๖๙
๒๔๙๙. ท่าคันโท
อำเภอขึ้น จ.กาฬสินธุ์ ภูมิประเทศตอนกลางเป็นป่าเขา ทิศเหนือและใต้ เป็นที่ราบสูง
อ. ท่าคันโท แรกตั้งเป็นกิ่งอำเภอ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๕ ขึ้น อ.สหัสขันธ์ ยกฐานะเป็นอำเภอ
เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๘
หน้า ๘๕๗๓
๒๕๐๐. ทาง
ความหมายดั้งเดิม หมายถึง แนวหรือช่องสำหรับมนุษย์หรือสัตว์ ใช้สัญจร ต่อมาได้หาวิธีปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น
จึงเกิดเป็นถนน
ตามประวัติศาสตร์พวกการ์เทจ เป็นพวกที่ได้เริ่มสร้างทางที่ได้ลงหิน หรือวัตถุอื่นเป็นพื้นทาง
เมื่อ ๒๑๐๐ - ๒๕๐๐ ปี มาแล้ว ภายหลังพวกโรมันได้นำไปใช้
การสร้างทางในประเทศไทย ได้เริ่มมีขึ้นในรัชกาลที่ห้า ก่อนนั้นมีแต่ทางเดิน
ทางต่าง ทางเกวียน
งานก่อสร้างทางหลวงของประเทศไทย ปรากฎว่าได้มีการก่อสร้างเป็นครั้งแรก ในสมัยสุโขทัย
ถนนสายแรกเรียก "ถนนพระร่วง"
สร้างเป็นคันดินถมสูงประมาณ ๑ - ๒ เมตร กว้างประมาณ ๓ เมตร ในสมัยพญาลิไท
โดยสร้างจากสวรรคโลกถึงสุโขทัย ไปกำแพงเพชรระยะทาง ๒๕๐ กิโลเมตร และจากสุโขทัยไปศรีสัชนาลัย
ปัจจุบันแนวคันทางยังปรากฎให้เห็นอยู่
สำหรับทางสายแรก ที่สร้างขึ้นตามแบบแผนสมัยใหม่คือ "ถนนรับเสด็จ"
จากสงขลาไปเมืองไทรบุรี สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๔๑๔ ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
ฯ เสด็จพระราชดำเนินจากเมืองไทรบุรี ไปสงขลาโดยพาหนะและม้า เป็นครั้งแรก
หน้า ๘๕๗๓
๒๕๐๑. ทางช้างเผือก
เป็นชื่อเรียกแถบเรืองบนท้องฟ้า ซึ่งมองเห็นได้ในคืนเดือนมืด ที่ท้องฟ้าปราศจากเมฆ
แสงเรืองของทางช้างเผือกมาจากดาวฤกษ์จำนวนมากมาย กับทั้งกลุ่มกาซมหึมาที่ลุกเรืองอยู่เป็นจำนวนมาก
ซึ่งเรียงรายสลับซับซ้อนกันไกลออกไป ทางช้างเผือกคือ กาแลกซี หรือระบบดาวฤกษ์
ซึ่งดวงอาทิตย์เป็นสมาชิกหน่วยหนึ่ง กาแลกซีนี้ได้ชื่อว่า กาแลกซีทางน้ำนม
หรืออาจเรียกแบบไทยว่า กาแลกซีทางช้างเผือก
หน้า ๘๕๘๒
๒๕๐๒. ท่าจีน - แม่น้ำ
แยกจากแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท แล้วไหลผ่าน จ.ชัยนาท จ.สุพรรณบุรี
จ.นครปฐม และ จ.สมุทรสาคร ลงทะเลในอ่าวไทยที่ ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง ฯ จ.สมุทรสาคร
ยาว ๓๑๕ กม. ที่ปากน้ำมีสันดอน ยื่นออกไปในทะเลไกล ๗ กม.
แม่น้ำนี้ยังมีชื่อเรียกต่าง ๆ กันเป็นตอน คือ ตอนที่อยู่ในเขต จ.ชัยนาท เรียกแม่น้ำมะขามเฒ่า
ตอนที่อยู่ในเขต จ.สุพรรณบุรี เรียกแม่น้ำสุพรรณบุรี
ตอนที่อยู่ในเขต จ.นครปฐม เรียกแม่น้ำนครชัยศรี
และตอนที่อยู่ในเขต จ.สมุทรสาคร เรียกแม่น้ำท่าจีน
๒๕๐๓. ท่าฉาง
อำเภอขึ้น จ.สุราษฎร์ธานี อาณาเขตทางทิศตะวันออกตกทะเลในอ่าวไทย ภูมิประเทศทางทิศตะวันออกเป็นที่ราบลุ่ม
ทางทิศตะวันตกเป็นที่ราบสูง และป่า
หน้า ๘๕๘๓
๒๕๐๔. ท่าชนะ
อำเภอ ขึ้น จ.สุราษฎร์ธานี อาณาเขตทางทิศตะวันออกตกทะเลในอ่าวไทย ภูมิประเทศส่วนมากเป็นที่ราบ
อ.ท่าชนะ เดิมเป็นกิ่งอำเภอขึ้น อ.ไชยา ยกฐานะเป็นอำเภอ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๙
หน้า ๘๕๘๖
๒๕๐๕. ท่าช้าง
อำเภอขึ้น จ.สิงห์บุรี ภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่ม แรกตั้งเป็นกิ่งอำเภอ เมื่อปี
พ.ศ.๒๕๐๔ ยกฐานะเป็นอำเภอ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๖
หน้า ๘๕๘๖
๒๕๐๖. ท่าแซะ
อำเภอขึ้น จ.ชุมพร อาณาเขตทางทิศตะวันตก จดประเทศพม่า ภูมิประเทศเป็นป่าและเขา
อ.ท่าแซะ เดิมเป็นกิ่งอำเภอขึ้น อ.ปะทิว ยกฐานะเป็นอำเภอ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๓
๒๕๐๗. ท่าดินแดง
เป็นชื่อสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ อยู่ในเขต อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เมื่อปี
พ.ศ.๒๓๑๗ พระยายมราช (แขก) คุมกำลังไปขัดตราทัพพม่าคอยรับครัวมอญอพยพ พ.ศ.๒๓๒๒
ราชบุตรพระเจ้าปดุงยกกองทัพที่หก มาตั้งที่ตำบลนี้ในครั้งสงครามเก้าทัพของพม่า
ต่อมาในปี พ.ศ.๒๓๒๙ พม่ายกเข้ามาตั้งอีก ได้ทำค่ายใหญ่น้อยหลายอย่างชักปีกกาติดต่อกันถึงค่ายสามสบ
ถูกกองทัพรัชกาลที่หนึ่งตีแตกพ่ายไป
หน้า ๘๕๘๙
๒๕๐๘. ท่าตะโก
อำเภอขึ้น จ.นครสวรรค์ ภูมิประเทศตอนเหนือเป็นที่ลุ่ม ตอนอื่น ๆ ลุ่มบ้าง
ดอนบ้าง หน้า ๘๕๘๙
๒๕๐๙. ท่าตูม
อำเถอขึ้น จ.สุรินทร์ ภูมิประเทศเป็นโคกสลับแอ่ง มีอ่างเก็บน้ำโครงการลุงปุง
อ.ท่าตูม เดิมชื่อ อ.สุรพินนิคม เปลี่ยนชื่อเป็นท่าตูม เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๐
หน้า ๘๕๙๐
๒๕๑๐. ทานกัณฑ์
เป็นชื่อกัณฑ์ที่สามในมหาชาติ เป็นเนื้อความตอนหนึ่งของเรื่องเวสสันดรชาดก
ในกัณฑ์นี้มี ๒๐๙ คาถา มีลีลาของคาถาต่างกับกัณฑ์อื่น ๆ ในกัณฑ์นี้แสดงเนื้อความว่า
เมื่อพระเวสสันดรถูกเนรเทศให้ไปอยู่เขาวงกต ก่อนที่จะเสด็จออกจากกรุงพิชัยเชตุดร
พระองค์ทรงขอโอกาสพระราชทานมหาทานก่อน เป็นของรวมเจ็ดสิ่งเรียกว่า สัตตสดกมหาทาน
หน้า ๘๕๙๒
๒๕๑๑. ทานตะวัน - ต้น
เป็นพืชพื้นเมืองของทวีปอเมริกาเหนือ นำเข้ามาในประเทศไทย รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์
ฯ ทานตะวันเป็นพืชล้มลุกมีอายุปีเดียว ใบชนิดใบเดี่ยว ออกสลับกัน ตัวใบรูปไข่หรือรูปหัวใจ
ดอกออกที่ปลายกิ่ง เห็นเป็นดอกใหญ่ดอกเดี่ยว ๆ แต่ความจริงเป็นดอกประเภทดอกกลุ่ม
รูปคล้ายจาน เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑๕ ซม.
ปัจจุบันนิยมปลูกทานตะวันกันแพร่หลาย เพราะใช้ประโยชน์ได้เอนกประการ
หน้า ๘๕๙๓
๒๕๑๒. ทานบารมี
มีคำนิยามว่า "จรรยาอย่างเลิศคือทาน" นับเป็นบารมีคือคุณความดีที่ควรบำเพ็ญประการแรกในบารมีสิบประการ
(ดูบารมี ๑๐ - ลำดับที่ ...ประกอบ) และเป็นขั้นแรกของการบำเพ็ญในสามวัน (ทานบารมี
ทานอุปบารมี ทานปรมัตถบารมี)
ลักษณะของทานที่ถือว่าเป็นบารมีนั้นได้แก่การให้สมบัตินอกกาย โดยผู้ให้ตั้งใจให้อย่างจริงใจ
เพื่อให้เป็นไปตามควารมปรารถนา หรือเพื่อให้บรรลุจุดหมายอันสูงส่งที่ได้ตั้งปณิธานไว้
เรียกการให้ชนิดนี้ว่าทานเจตนา
คือความจงใจให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ท่านแสดงลักษณะเจตนาไว้สามอย่างคือ
๑. ก่อนให้ก็จงใจว่าจะให้
๒. เวลาให้ก็ให้ด้วยความจริงใจ
๓. เมื่อให้แล้วก็มิได้แคลงใจในสิ่งที่ได้ให้และในผู้นั้นรับ แต่กลับยินดีว่าได้ทำสมจงใจแล้ว
๒๕๑๓. ท่านผู้หญิง
เป็นคำนำหน้าสตรี ดังมีหลักฐานเท่าที่พบในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
ฯ ได้ทรงประกาศ พ.ร.บ.ให้ใช้คำนำหน้าชื่อชนต่าง ๆ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๐๔ มีข้อความตอนหนึ่งว่า
"ภรรยาหลวงข้าราชที่ถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการที่ถือศักดินาตั้งแต่นา
๑๐,๐๐๐ ลงมาจนถึง ๔๐๐ ก็ดี ที่ได้รับพระราชทานเครื่องยศตามบรรดาศักดิ์ ก็มีคำว่าท่านผู้หญิง
ว่าท่านนำหน้าชื่อ ที่ไม่ได้รับพระราชทานเครื่องหมายยศบรรดาศักดิ์ก็ดีเป็นอนุภริยา
มิใช่ทาสภริยาที่มีบุบตรด้วยกันก็ดีหญิง บุตรหลานข้าราชการที่มีบรรดาศักดิ์ก็ดี
หญิงยังไม่มีผัวก็ดี ไม่ต้องมีคำนำหน้าชื่อทั้งสิ้น
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ มีปรากฎอยู่ในพระราชกฤษฎีกาให้ใช้คำนำนามสตรี
ซึ่งได้ประกาศใช้เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๐ ว่า "สตรีที่มีสามีบรรดาศักดิ์ชั้นเจ้าพระยาและเป็นผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องยศด้วยแล้ว
ให้ใช้คำว่า "ท่านผู้หญิง" เป็นคำนำ ประกอบด้วยราชทินนามของสามี..."
หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ.๒๔๗๕ รัฐบาลมีนโยบายไม่ขอพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้แก่ข้าราชการ
ทางการจึงได้วางหลักเกณฑ์การใช้คำนำหน้านามสตรีที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษขึ้นไป
สามีจะมีบรรดาศักดิ์หรือไม่ก็ตาม ใช้คำนำหน้าว่าท่านผู้หญิงทั้งหมด
หน้า ๘๓๙๕
๒๕๑๔. ท่าบ่อ
อำเภอขึ้น จ.หนองคาย มีอาณาเขตด้านเหนือและด้านตะวันออกตกแม่น้ำโขง ภูมิประเทศเป็นที่ดอนสูง
มีป่าทึบและภูเขามาก
อ.ท่าบ่อ เดิมเป็นหมู่บ้าน เมื่อเมืองเวียงจันทน์ตกไปเป็นของฝรั่งเศสแล้ว
จึงตั้งเมืองขึ้นที่บ้านท่าบ่อราวปี พ.ศ.๒๔๓๗ เรียกว่าเมืองท่าบ่อ ขึ้นมณฑลหมากแข้ง
(มณฑลอุดร) ถึงปี พ.ศ.๒๔๕๓ เปลี่ยนชื่อเป็นเมืองพานพร้าว ครั้นยุบเป็นอำเภอ
จึงให้ชื่อตามตำบลที่ตั้งเป็น อ.ท่าบ่อ
หน้า ๘๕๙๙
๒๕๑๕. ท่าปลา
อำเภอขึ้น จ.อุตรดิตถ์ ภูมิประเทศทางทิศเหนือและตะวันออกส่วนมากเป็นภูเขา
มีที่ราบเล็กน้อย ทางทิศใต้และทิศตะวันตกเป็นป่าเสียมาก
อ.ท่าปลา เดิมขึ้น จ.น่าน โอนมาขึ้น จ.อุตรดิตถ์ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๖
หน้า ๘๖๐๐
๒๕๑๖. ท่าม่วง
อำเภอขึ้น จ.กาญจนบุรี ภูมิประเทศเป็นที่ราบทั่ว ๆ ไป ทางทิศตะวันตกมีป่าและเขาบ้าง
อ.ท่าม่วง เดิมเรียกว่า อ.ใต้ ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๔๔ ได้ย้ายที่ตั้งที่ว่าการไปตั้งที่
ต.ม่วงชุม ทางฝั่งซ้ายแม่น้ำแม่กลอง เปลี่ยนชื่อเป็น อ.วังขนาย และเปลี่ยนชื่อเป็น
อ.ท่าม่วง เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๑
หน้า ๘๖๐๐
๒๕๑๗. ท่ามะกา
อำเภอขึ้น จ.กาญจนบุรี ภูมิประเทศเป็นที่ราบและเป็นป่า
อ.ท่ามะกา เดิมตั้งที่ว่าการที่ ต.ลาด อ.บ้านโป่ง ต่อมาย้ายไปตั้งที่ ต.พงตึก
เปลี่ยนชื่อเป็น อ.พระแท่น ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๕๓ ได้ย้ายที่ว่าการไปตั้งที่
อ.ท่ามะกา ทางฝั่งซ้ายแม่น้ำแม่กลอง ในปี พ.ศ.๒๔๖๐ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น อ.ท่ามะกา
ในปี พ.ศ.๒๔๘๐ โอนมาขึ้น จ.กาญจนบุรี
หน้า ๘๖๐๑
๒๕๑๘. ท้ายทอย
เป็นส่วนหนึ่งของศีรษะ อยู่ด้านหลังตั้งแต่กระหม่อมลงมาถึงต้นคอ มีหน้าที่สำคัญที่จะป้องกันส่วนสำคัญของสมอง
มีหน้าที่รับและแปลความหมายจากประสาทที่มาจากนัยน์ตา
ท้ายทอยประกอบเป็นชั้น ๆ จากด้านในออกมา กระดูกท้ายทอยเป็นกระดูกชิ้นเดียวโค้งลงล่าง
และยื่นไปข้างหน้ากลายเป็นพื้นส่วนล่างของโพรงสมอง ด้านข้างตอนหน้าต่อกับกระดูกขมับ
จากนั้นเป็นของกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อที่ยึดหรือตั้งต้นที่กระดูกท้ายทอยนี้
เป็นกล้ามเนื้อที่แข็งแรงเพราะเป็นความต้องการที่จะให้ศีรษะตั้งตรง มีอยู่หลายมัด
ต่อมาเป็นชั้นพังผืด ไขมัน ผิวหนัง และผม
หน้า ๘๖๐๑
๒๕๑๙. ท้ายสระ
เป็นพระนามพระมหากษัตริย์องค์ที่ ๓๐ แห่งกรุงศรีอยุธยา และองค์ที่สามแห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง
ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ.๒๒๕๑ - ๒๒๗๕ เป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ ของสมเด็จพระสรรเพ็ชญ์ที่
๘ (พระเจ้าเสือ)
สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ด้วยการบูรณะปฎิสังขรณ์วัดวาอาราม
ที่สำคัญหลายแห่งด้วยกัน
ในด้านการคมนาคม พระองค์โปรด ฯ ให้พระราชสงครามเป็นแม่กองขุดคลองโคกขาม
ที่คดเคี้ยวให้ตัดลัดลง โดยเกณฑ์คนจากแปดหัวเมืองคือ เมืองนนทบุรี ธนบุรี
สมุทรปราการ สาครบุรี สมุทรสงคราม เพชรบุรี ราชบุรี นครชัยศรี ได้ไพร่พล ๓๐,๐๐๐
คนเศษ ให้ชาวฝรั่งส่องกล้องดูให้ตรงปากคลอง ทางที่ตัดให้ตรงนี้ยาว ๓๔๐ เส้น
ใช้เวลาขุดประมาณสามเดือน คลองลัดนี้ให้ชื่อว่า
คลองมหาไชย
ในปีต่อมา (พ.ศ.๒๒๖๕ โปรด ฯ ให้พระธนบุรีเป็นแม่กอง เกณฑ์ไพร่พลประมาณหมื่นเศษ
ขุดคลองเกร็ดน้อย
ลัดคุ้งบางบัวทองตัดให้เป็นเส้นตรง เป็นคลองลึกหกศอก กว้างหกวา ยาว ๒๙ เส้นเศษ
ใช้เวลาขุดเดือนเศษ
ในด้านเศรษฐกิจ พระองค์ทรงสนพระทัยที่จะปรับปรุงการค้าขายกับต่างประเทศมาก
สำเภาไทยได้ไปค้าขายที่ประเทศญี่ปุ่นสองครั้ง แต่งทูตไปเมืองจีนสี่ครั้ง ได้นำข้าวสารไปขายที่เมืองเอ้หมึงด้วย
ด้านการสงคราม ในปี พ.ศ.๒๒๕๔ นักเสด็จ กรุงกัมพูชาชื่อ พระธรรมราชาวังกระดาน
กับนักพระแก้วฟ้าสะออก เป็นอริกัน นักพระแก้วฟ้าหันไปขอความช่วยเหลือจากญวน
นักเสด็จกับนักพระองค์ทองมาพึ่งไทย สมเด็จพระเจ้าท้ายสระโปรด ฯ ให้เจ้าพระยาจักรี
ยกทัพบกจำนวนหมื่นคน และให้พระยาโกษาธิบดีเป็นแม่ทัพเรือ เกณฑ์ไพร่หลวงอีกหมื่นคนไปตีกรุงกัมพูชา
ทัพเรือถูกกองเรือญวนตีแตกพ่ายไป ที่ปากน้ำพุทไธมาศ
ทัพบกตีได้เมืองเขมร
นักพระแก้วยอมอ่อนน้อมถวายต้นไม้เงิน ต้นไม้ทอง กรุงศรีอยุธยาจึงคงมีอำนาจเหนือกัมพูชาดังเดิม
ตอนปลายรัชกาลสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ ทรงมีประกาศเมื่อปี พ.ศ.๒๒๗๓ ห้ามมิให้นักบวชฝรั่งเศสแต่งหนังสือสอนคริสต์ศาสนาเป็นภาษาบาลี
และภาษาไทย และห้ามเทศนาสั่งสอนเป็นภาษาไทย มอญ ลาว ญวน และจีน ห้ามมิให้ชักชวน
และหลอกลวงประชาชน ให้หันไปนับถือคริสต์ศาสนา และห้ามมิให้ติเตียนพุทธศาสนา
เมื่อสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ ใกล้เสด็จสวรรคตได้เกิดศึกกลางเมืองที่ใหญ่หลวง
ยิ่งกว่าครั้งใดที่เคยเกิดในกรุงศรีอยุธยามาก่อน ระหว่างเจ้าฟ้าอภัยกับเจ้าฟ้าปรเมศวรฝ่ายหนึ่ง
และกรมพระราชวังบวรอีกฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายกรมพระราชวังบวรเป็นฝ่ายชนะ
หน้า ๘๖๐๓
๒๕๒๐. ท้ายเหมือง
อำเภอขึ้น จ.พังงา มีอาณาเขตทางทิศใต้ และทิศตะวันตก ตกทะเลอันดามัน ภูมิประเทศลุ่ม
ๆ ดอน ๆ มีป่าไม้ และภูขา
อ.ท้ายเมือง เดิมตั้งที่ว่าการที่ ต.ทุ่งมะพร้าว ภายหลังย้ายมาตั้งที่ ต.ท้ายเหมือง
หน้า ๘๖๐๙
๒๕๒๑. ท่ายาง
อำเภอขึ้น จ.เพชรบุรี มีอาณาเขตทางทิศตะวันออก ตกทะเลในอ่าวไทย ทิศตะวันตกจดแดนประเทศพม่า
ภูมิประเทศตอนทิศตะวันออก เป็นที่ราบลุ่ม ตอนกลางเป็นที่ดอน ตอนตะวันตก เป็นเนินเขา
อ.ท่ายาง ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๓ เรียกว่า อ.แม่ประจัน ตั้งที่ว่าการที่
ต.วังไคร้ ครั้นปี พ.ศ.๒๔๕๘ ได้ย้ายไปตั้งที่ ต.ยางหย่อง เรียกว่า อ.บางหย่อง
และเปลี่ยนชื่อเป็น อ.ท่ายาง เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๑
หน้า ๘๖๐๙
๒๕๒๒. ทายาท
โดยทั่วไปหมายถึง ผู้สืบสันดาน ผู้สืบสกุล หรือผู้ที่จะรับทรัพย์สินของผู้ตาย
คำว่า ทายาท ยังมีความหมายขยายรวมไปถึงผู้รับ หรือผู้อยู่ในฐานะที่จะรับตำแหน่งหน้าที่ต่อจากบุคคลอื่นด้วย
ตามกฎหมายแพ่ง ทายาทหรือผู้ที่จะได้รับมรดกของผู้ตาย มีสองประเภทคือ ทายาทโดยธรรม
และทายาทโดยพินัยกรรม ทายาทโดยธรรมได้แก่ บุตร บิดามารดา ญาติที่ใกล้ชิดกับคู่สมรส
ของผู้ตาย
ทายาทโดยธรรม จะได้มรดกมากน้อยเพียงใดต้องไปตามส่วนที่กฎหมายกำหนดไว้ ส่วนทายาทโดยพินัยกรรม
จะได้รับมรดกมากน้อยเพียงใด ก็เป็นไปตามที่พินัยกรรมระบุไว้ ถ้าเจ้ามรดกไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้เลย
มรดกของผู้ตาย ญาติที่ใกล้ชิดของผู้ตาย ที่จะได้มรดกนั้นมีหกอันดับคือ
๑. ผู้สืบสันดาน หมายรวมถึง บุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย บุตรบุญธรรม
และบุตรนอกกฎหมาย ที่บิดารับรองแล้ว
๒. บิดามารดา
๓. พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
๔. พี่น้องซึ่งร่วมเฉพาะบิดา หรือมารดาแต่อย่างเดียว
๕. ปู่ ย่า ตา ยาย
๖. ลุง ป้า น้า อา
ถ้าเจ้าของมรดกไม่มีทั้งญาติ และคู่สมรส และไม่ได้ทำพินัยกรรม ยกทรัพย์ให้ใคร
มรดกก็ตกได้แก่ แผ่นดิน
หน้า ๘๖๑๐
๒๕๒๓. ทารก
คือ เด็กที่มีอายุตั้งแต่คลอดออกมาจนถึง อายุได้สองขวบ ในระยะนี้ทารกมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว
จะเรียนรู้ถึงเรื่องต่าง ๆ ที่มีอยู่รอบ ๆ ตัวเป็นไปตามลำดับ พ้นวัยนี้ไปก็จะรู้จักเรื่องคำพูด
และรู้จักพูดได้เป็นคำ หรือประโยคสั้นๆ ได้ เริ่มมีฟันน้ำนมขึ้น รู้จักกัด
แสดงอาการดีใจ เสียใจ ทารกจะทำความรู้จักกับพ่อแม่ ญาติพี่น้อง และปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อม
หน้า ๘๖๑๖
๒๕๒๔. ท่าเรือ ๑
หมายถึง ประตูทางเข้ามีทั้งท่าเรือทะเล ท่าเรือแม่น้ำ ท่าเรือทะเลสาบ ท่าเรือลำคลอง
เป็นถานที่ที่เรือจอดพักอาศัย เพื่อบรรทุกและขนถ่ายสินค้าที่เป็นประตูทางเข้า
หรือจุดผ่านระหว่างแผ่นดินกับแม่น้ำ
หน้า ๘๖๑๗
๒๕๒๕. ท่าเรือ ๒
อำเภอขึ้น จ.พระนครศรีอยุธยา ภูมิประเทศเป็นที่ราบเหมาะแก่การทำนา
อ.ท่าเรือ สมัยอยุธยาแบ่งท้องที่ปกครองออกเป็นแขวง ๆ อ.ท่าเรือเป็นแขวงขุนนคร
สมัยรัตนโกสินทร์ได้ยกกรุงเก่าเป็นเมืองจัตวาแล้วเปลี่ยนชื่อแขวงขุนนครเป็นแขวงนคร
ต่อมาในรัชกาลที่สามแยกแขวงนครออกเป็นแขวงนครใหญ่ และแขวงนครน้อย ถึงปี พ.ศ.๒๔๓๘
แบ่งแขวงนครน้อยเป็นสองตอน ตอนเหนือเป็น อ.นครน้อย ตอนใต้เป็น อ.นครกลาง พ.ศ.๒๔๔๘
เปลี่ยนชื่อ อ.นครน้อยเป็น อ.ท่าเรือ
หน้า ๘๖๒๓
๒๕๒๖. ท่าลี่
อำเภอขึ้น จ.เลย มีอาณาเขตทางทิศเหนือ และทิศตะวันตกจดลำน้ำเหือง ต่อแดนเมืองแก่นท้าวขึ้นเมืองปากสายของประเทศลาว
ภูมิประเทศเป็นเขาและป่าดงโดยมาก
หน้า ๘๖๒๓
๒๕๒๗. ท่าวังผา
อำเภอขึ้น จ.น่าน ภูมิประเทศเป็นป่าเขา พื้นที่หนึ่งในสี่เป็นที่ราบและอยู่ริมฝั่งทั้งสองของแม่น้ำน่าน
อ.ท่าวังผา แรกตั้งเป็นกิ่งอำเภอ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๕ ยกฐานะเป็นอำเภอ เมื่อปี
พ.ศ.๒๕๐๘ หน้า
๘๖๒๔
๒๕๒๘. ท่าวุ้ง
อำเภอขึ้น จ.ลพบุรี ภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่ม หน้าน้ำน้ำท่วมตลอด
อำเภอนี้ชาวบ้านเรียกว่า อ.มะขามเทศ เพราะตั้งที่ว่าการอยู่ใกล้คลองมะขามเทศ
หน้า ๘๖๒๔
๒๕๒๙. ท่าศาลา
อำเภอขึ้น จ.นครศรีธรรมราช มีอาณาเขตทางทิศตะวันออกตกทะเลในอ่าวไทย ภูมิประเทศทางทิศตะวันตกเป็นภูเขาและป่า
ตอนกลางเป็นที่ราบลุ่ม
อำเภอนี้เดิมชื่อ อ.กลาย เปลี่ยนชื่อเป็นท่าศาลา เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๙ เพราะย้ายที่ว่าการอำเภอมาตั้งที่
ต.ท่าศาลา หน้า
๘๖๒๕
๒๕๓๐. ทาส
ตามความหมายอย่างกว้างหมายถึง คนรับใช้หรือบ่าว ซึ่งมีสถานภาพแห่งบุคคลต่ำต้อยกว่าคนรับใช้ที่ได้รับค่าจ้างจากนายจ้าง
ระบบทาสของประเทศต่าง ๆ ในอดีต มีลักษณะคล้ายคลึงกันอยู่หลายประการคือ ผู้เป็นทาสนั้นมีภาวะเป็นทรัพย์หรือเสมือนทรัพย์ของเจ้าของ
เหตุที่ทำให้คนตกเป็นทาสหรือสงคราม หนี้สิน การสืบเชื้อสายจากทาส และการซื้อขายผู้เป็นทาสอยู่แล้ว
ในบรรดาเหตุเหล่านี้สงครามจัดว่าเป็นเหตุสำคัญ
ในสมัยอยุธยา มีกฎหมายว่าด้วยทาสโดยตรงคือ ลักษณะทาส ฉบับแรกตั้งขึ้นเมื่อปี
พ.ศ.๒๑๗๘ ในรัชสมัยพระเจ้าปราสาททอง ที่จริงแล้วไทยได้มีกฎหมายลายลักษณ์อักษรที่กล่าวถึงทาสมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่หนึ่ง
(อู่ทอง) ซึ่งบัญญัติไว้ในกฎหมายลักษณะผัวเมียอีกสองตอน ตอนแรกตั้งขึ้นเมื่อปี
พ.ศ.๑๙๐๓
คัมภีร์มานวศาสตร์ หรือที่ฝรั่งเรียกว่าประมวลกฎหมายมนู เป็นต้นแบบสถาบันทาสของไทยสมัยอยุธยา
ในพุทธศตวรรษที่ ๒๒ และ ๒๓ นักปราชญ์ทางการเมืองของยุโรปได้แสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันทาสอย่างชัดแจ้งและแพร่หลาย
ได้โน้มน้าวมติมหาชนของยุโรปให้ยกเลิกสถาบันทาส และปลดปล่อยทาสออกเป็นอิสระเสียโดยเร็ว
ในปี พ.ศ.๒๓๗๖ อังกฤษ ได้ออกกฎหมายประกาศปลอดปล่อยทาสเป็นอิสระจำนวนถึง ๘๐๐,๐๐๐
คน ในอาณาเขตโพ้นทะเลที่อังกฤษปกครองอยู่ โดยรัฐบาลอังกฤษต้องใช้ค่าทดแทนเป็นเงินถึง
๒๐ ล้านปอนด์สเตอริงให้แก่บรรดาเจ้าของทาส ส่วนสถาบันทาสในอินเดียของอังกฤษได้เลิกไปเมื่อปี
พ.ศ.๒๓๘๖
เมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่งยุติลงในปี พ.ศ.๒๔๖๑ สันนิบาตชาติได้มีส่วนทำอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยทาส
พ.ศ.๒๔๖๙ ด้วยความมุ่งหมายให้ประเทศที่เป็นภาคีช่วยกันขจัดระบบทาสในรูปแบบต่าง
ๆ ให้หมดไป ปรากฎว่าประเทศสำคัญ ๆ ที่ได้ออกกฎหมายยกเลิกสถาบันทาสในอาณานิคม
หรือเขตอธิปไตยของตน มีหลายประเทศเช่น สวีเดน (พ.ศ.๒๓๘๙) ฝรั่งเศสและเดนมาร์ก
(พ.ศ.๒๓๙๑) โปร์ตุเกส (พ.ศ.๒๓๙๙) เนเธอร์แลนด์ (พ.ศ.๒๔๐๓) สเปญ (พ.ศ.๒๔๑๕)
สหรัฐอเมริกา (พ.ศ.๒๔๐๘)
การเลิกสถาบันทาสในประเทศไทย เกิดจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
ฯ พระองค์ได้ทรงเตรียมการเป็นระยะ ๆ อย่างรอบคอบ ในที่สุดได้มีการตรา
พ.ร.บ.ลักษณะทาษ
ร.ศ.๑๒๔ (พ.ศ.๒๔๔๘) เป็นสัญลักษณ์สำคัญประการหนึ่งของชาติ
หน้า ๘๖๒๕
๒๕๓๑. ท่าสองยาง
อำเภอขึ้น จ.ตาก มีอาณาเขตทางด้านทิศใต้และทิศตะวันตกจดประเทศพม่า ภูมิประเทศเป็นป่าเขา
อ.ท่าสองยางเดิมเป็นกิ่งอำเภอขึ้น อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตจังหวัดใหม่
ได้โอนไปขึ้น อ.แม่ระมาด จ.ตาก ยกฐานะเป็นอำเภอ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๑
หน้า ๘๖๓๖
๒๕๓๒. ท่าใหม่
อำเภอขึ้น จ.จันทบุรี ภูมิประเทศเป็นที่ราบมีเขาและเนินเล็ก ๆ สลับเป็นตอน
ๆ
อ.ท่าใหม่ เดิมชื่อ อ.พลอยแหวน เปลี่ยนชื่อเป็น อ.ท่าใหม่ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๐
หน้า ๘๖๓๗
๒๕๓๓. ท่าอุเทน
อำเภอขึ้น จ.นครพนม มีอาณาเขตทางทิศเหนือและทิศตะวันออกจดแม่น้ำโขง ภูมิประเทศตอนเหนือเป็นโคกสลับแอ่ง
มีลำน้ำเล็ก ๆ หลายสาย ตอนห่างจากฝั่งแม่น้ำโขงมีป่าไม้เบญจพรรณ ตอนกลางและตอนริมฝั่งโขงเป็นที่ราบลุ่ม
ตอนใต้เป็นที่ดอนโดยมาก
อ.ท่าอุเทน เป็นเมืองเก่า ต่อมาได้ย้ายไปอยู่ที่ลำน้ำสงครามเรียกเมืองที่ตั้งใหม่ว่าชัยบุรี
ภายหลังมีผู้คนมาอยู่ที่เมืองเก่ามากขึ้น จึงกลับตั้งเป็นเมืองท่าอุเทนในรัชกาลที่สาม
และยุบเป็นอำเภอในรัชกาลที่ห้า
หน้า ๘๖๓๗
๒๕๓๔. ทำนบ
เป็นสิ่งก่อสร้างที่ปิดกั้นลำน้ำไม่ให้น้ำไหลผ่าน หรือไหลข้ามสิ่งก่อสร้างนั้น
ทำนบแบ่งตามลักษณะการใช้ประโยชน์และการสร้างได้เป็นสองประเภทคือ ทำนบชั่วคราว
และทำนบถาวร
ทำนบถาวร ถ้าเป็นงานขนาดใหญ่นิยมเรียกว่าเขื่อนเก็บน้ำ
หน้า ๘๖๓๙
๒๕๓๕. ทิคัมพร
เป็นชื่อนิกายหนึ่งในศาสนาเชน
นักบวชในนิกายนี้ได้ชื่อว่าผู้นุ่งห่มทิศ คือไม่นุ่งผ้า มีชื่อเรียกตามคัมภีร์พุทธศาสนาเป็นต่าง
ๆ ว่าอเจลกบ้าง
นิครนถ์บ้าง
ศาสนาเชน ภายหลังจากพุทธศักราชล่วงไปราว ๕๐๐ ปีเศษ ได้แตกเป็นนิกายใหญ่สองนิกายคือนิกายเศวตัมพรได้แก่
พวกนุ่งขาวกับนิกายทิคัมพรได้แก่ พวกนุ่งฟ้าหรือชีเปลือย
๒๕๓๖. ทิ้งกระจาด
เป็นประเพณีทางศาสนาอย่างหนึ่งของชาวจีน ปฏิบัติกันในวันขึ้นสิบห้าค่ำ เดือนเจ็ด
(ตามจันทรคติแบบจีน) ความเชื่ออันเป็นต้นกำเนิดประเพณีนี้ ปรากฎในพระสูตรฝ่ายมหายานชื่อ
อุลลัมพนสูตร แปลเป็นภาษาจีนระหว่างปี พ.ศ.๘๐๙ และ พ.ศ.๘๕๖ พิธีนี้ได้ทำอย่างใหญ่โตครั้งแรกในประเทศจีน
เมื่อปี พ.ศ.๑๐๘๑
พิธีอุลลัมพน ในสมัยต่อมาได้กลายเป็นพิธีในลัทธิเต๋าและลัทธิขงจื๊อด้วย
หน้า ๘๖๕๘
๒๕๓๗. ทิ้งถ่อน - ต้น
เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง ๒๕ - ๓๐ เมตร ใบเป็นใบประกอบ ยาว ๓๐
- ๔๕ ซม. มีใบย่อย ๖ - ๘ คู่ เรียงเป็นสองชั้น ใบย่อยรูปไข่กลับค่อนข้างเบี้ยว
ดอกออกเป็นช่อใหญ่แยกแขนง มีดอกขนาดเล็กสีขาวติดเป็นกระจุกกลมตามใบแขนงของช่อ
ผลเป็นฝักคล้ายฝักกระถิน
เนื้อไม้แข็ง ทนทานและมีลายสวยงาม นิยมใช้ในการก่อสร้าง ทำเครื่องเรือน เครื่องมือเครื่องใช้ต่าง
ๆ น้ำฝาดจากเปลือกใช้ย้อมผ้า เปลือกเป็นยาเบื่อปลา
นอกจากนี้ทิ้งต่อปียังใช้เป็นยาแก้ท้องร่วง
เจริญอาหาร และสมานแผล
หน้า ๘๖๖๐
๒๕๓๘. ทิ้งทูต
เป็นชื่อนกชนิดหนึ่งในจำพวกนกทืดทือ เท้งทูตก็เรียก (ดูทืดทือ - นก - ลำดับที่...)
หน้า ๘๖๖๑
๒๕๓๙. ทิฐิ
โดยรูปคำแปลว่า ความเห็นหรือการเห็น ในพรมชาลสูตรแบ่งทิฐิเป็นสองอย่างก็มี
สามอย่างก็มี และ ๖๒ อย่างก็มี ที่แบ่งเป็นสองอย่างคือ
๑. สัสตทิฐิ ได้แก่
เห็นว่าอารามณ์หรือตน และโลกเป็นของเที่ยง ยั่งยืนเสมอไป ไม่มีการแปรปรวนเปลี่ยนแปลง
เช่นเห็นว่าคนตายไปแล้วก็ต้องเป็นคน สัตว์อะไรตายไปแล้วก็ต้องเป็นสัตว์ชนิดนั้น
๒. อุทเฉททิฐิ
มีความเห็นว่าอารมณ์หรือตน และโลกเป็นของสูญ ตายแล้วสูญหมด ไม่มีเกิดใหม่
ทิฐิที่แบ่งเป็นสามอย่างได้แก่ อกิริยาทิฐิ อเหตุกทิฐิ และนัตถิกทิฐิ
๑. อกิริยาทิฐิ
มีความเห็นว่าไม่เป็นอันทำ คนจะทำอะไรก็ทำไป แต่เท่ากับไม่ได้ทำ ไม่มีผลอะไร
ทำดีก็ไม่ได้ดี ทำชั่วก็ไม่ได้ชั่ว สักแต่ว่าทำเท่านั้น
๒. อเหตุกทิฐิ
มีความเห็นว่า หาเหตุมิได้หรือไม่มีเหตุ เช่นเห็นว่าคนจะได้ดีก็ได้ดีเอง จะได้ชั่วก็ได้ชั่วเอง
ไม่มีเหตุไม่มีผล
๓. นัตถิกทิฐิ
มีความเห็นว่าไม่มี เห็นว่าบุญไม่มี บาปไม่มี ทานที่ให้ไม่มีผล ไม่มีมารดาบิดา
ไม่มีบุตรธิดา มารดาบิดาไม่มีคุณอะไรกับบุตรธิดา บุตรธิดาก็ไม่จำเป็นต้องมีกตัญญูกตเวทีต่อมารดาบิดา
เป็นต้น
ทิฐิสามอย่างนี้อกิริยทิฐิ มีเจ้าลัทธิชื่อบูรณกัสสป
ซึ่งเรียกว่า เป็นอกิริยวาที คือผู้มีวาทะ ว่าไม่เป็นอันทำ อเหตุกทิฐิ มีเจ้าลัทธิชื่อมักขวิโคสาล
ซึ่งเรียกว่า
เป็นอเหตุกวาทีคือผู้มีวาทะว่าไม่มีเหตุ นัตถิกทิฐิ มีเจ้าลัทธิชื่ออธิตะเกสกัมพล
ซึ่งเรียกว่า เป็นนัตถิกวาที คือผู้มีวาทะว่าไม่มี
ในพรหมชาลสูตรแบ่งทิฐิออกไปอีกเป็น
๖๒
อย่าง โดยผู้บัญญัติ (สมณพราหมณ์พวกหนึ่งผู้ไม่รู้ไม่เข้าใจในสัจธรรม)
กำหนดเอาขันธ์ (เรื่องของตน และเรื่องของโลก) ส่วนอดีตและมีความเห็นไปตามส่วนอดีต
แล้วปรารถขันธ์ส่วนอดีตที่เป็นมาจึงแสดงทิฐิเป็นหลายอย่างด้วยเหตุ ๑๘ ประการ
กำหนดเอาขันธ์ส่วนอนาคต และมีความเห็นไปตามขันธ์ ส่วนอนาคตแล้วปรารถขันธ์ส่วนอนาคตจึงแสดงทิฐิเป็นหลายอย่างด้วยเหตุ
๔๔ ประการ รวมเป็น ๖๒ ประการ
หน้า ๘๖๖๑
๒๕๔๐. ทิณวงศ์
เป็นนิยายคำกลอนของไทยเรื่องหนึ่ง ไม่ปรากฎนามผู้แต่ง เป็นเรื่องที่เรียกกันว่า
หนังสือประเภทจักร ๆ วงศ์ ๆ
หน้า ๘๖๖๘
๒๕๔๑. ทิเบต
เป็นประเทศในเอเซียกลาง คำว่าทิเบตเป็นคำฝรั่งเรียก แปลว่า "แผ่นดินสูง"
ทิเบต เป็นแผ่นดินที่สูงที่สุดในโลก ใหญ่กว่าประเทศไทยราวสองเท่าเศษ อาณาเขตทิศเหนือจดมณฑลซินเกียง
ทิศใต้จดประเทศเนปาล อินเดีย และปากีสถาน ทิศตะวันออกจดมณฑลซีคัง และมณฑลชืงไห่ของจีน
ทิศตะวันตกติดกับประเทศอินเดีย
ภูมิประเทศแบ่งออกได้เป็นสี่ลักษณะคือ ที่ราบ เนินสูง ทุ่งเลี้ยงสัตว์ และเทือกเขา
มีทะเลสาบอยู่มาก มีแม่น้ำสายสำคัญคือ
แม่น้ำพรหมบุตรไหลผ่าน
เมืองหลวงชื่อ
ลาสา เป็นศูนย์กลางการพาณิชย์ของพ่อค้าเดินเท้าที่ผ่านมาออกจีน
อินเดีย มองโกเลีย เตอร์กีสถาน เป็นศูนย์กลางแห่งการศาสนา ดุจเมืองกบิลพัสด์ของพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน
นิกายลามะ (ดูดาไลลามะ - ลำดับที่ ๑๙๗๗ ประกอบ)
ทิเบตเป็นเมืองภูเขาล้อมรอบด้วยภูเขา ลูกที่สูงที่สุดคือภูเขาหิมาลัย แนวหิมาลัยเป็นเกือบล้อมรอบทิเบต
ทิเบตแห้งแล้งกันดาร โดดเดี่ยว ไม่มีหมู่บ้าน ไม่มีเส้นทางคมนาคม ชาวทิเบตได้เกลือจากทะเลสาบ
เป็นสินค้าแลกเปลี่ยนกับเครื่องบริโภคในเนปาลและภูฐาน สินค้าออกธิเบตส่วนมากส่งไปอินเดีย
มีสัตว์เลี้ยง ขนสัตว์ หนังสัตว์ หางจามรี ชะมดเชียง สมุนไพร เกลือ โบแรกซ์
เพชรนิลจินดา และศิลปวัตถุทางศาสนา
เชื้อชาติธิเบตเป็นเผ่ามองโกล ผิวและตาสีนาตาล พื้นเพเดิมอยู่บริเวณภูเขาทางตะวันตกของจีน
แบ่งออกเป็นสามเผ่า ทุกเผ่ามีอุปนิสัยรักสงบบึกบึน นิยมการผจญภัย เลื่อมใสในศาสนาแรงกล้า
มีนิสัยร่าเริง ชาวทิเบตมีภาษาที่มีรากฐานมาจากภาษาสันสกฤต มีพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน
นิกายลามะ และวัฒนธรรมอันเนื่องจากศาสนาเป็นของตนเองโดยเฉพาะ
ประวัติศาสตร์ธิเบตที่กำหนดได้จริง ๆ เริ่มประมาณ พ.ศ.๑,๐๐๐ เศษ พระเจ้าซรองซานกัมโปรวมชาติทิเบตไว้เป็นปึกแผ่น
ขยายอาณาเขตออกไปถึงมณฑลเชนสี ในปประเทศจีนด้านเหนือ และนัยว่าแผ่นเข้าไปถึงแคว้นมคธในอินเดียด้วย
ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๔ ประวัติศาสตร์ทิเบตก็เปลี่ยนรูป เมื่ออังกฤษยึดชมพูทวีปไว้ในอำนาจ
ข้าหลวงใหญ่อังกฤษในอันเดียเปิดการติดต่อกับข้าหลวงใหญ่ของจีน ที่ประจำอยู่ในทิเบต
อังกฤษทำสัญญาร่วมกับจีนฉบับหนึ่งในปี พ.ศ.๒๔๓๓ มีผลให้อังกฤษได้ตลาดค้าขายในทิเบตและได้ชัยภูมิปิดทางรุสเซีย
ซึ่งพยายามคืบเข้ามาในเวลานั้นด้วย
เมื่ออังกฤษรามือไป เพราะติดงานการเมืองในยุโรป จึงปล่อยให้จีน (ราชวงศ์เม่งจู)
ได้โอกาสถือเอาทิเบตเป็นมณฑลหนึ่งของจีน จนกระทั่งซุนยัดเซ็นล้มราชวงศ์เม่งจูได้ในปี
พ.ศ.๒๔๕๕ ชาวทิเบตถือโอกาสรวมกันเป็นกองทัพขับไล่ข้าราชการและทหารจีน (เม่งจู)
ออกไปจากกรุงลาซาได้หมด ประกาศเอกราชของตนอันมีแต่เดิมมา
เมื่อจีนค่อยสงบก็อ้างสิทธิเหนือธิเบตอีก คราวนี้ดาไลลามะหันไปพึ่งอินเดีย
อังกฤษเข้าไกล่เกลี่ย มีการทำสัญญาที่เมืองสิมลา เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๖ ต่อมาในปี
พ.ศ.๒๔๖๒ ขณะอังกฤษอยู่ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งในยุโรป จีนถือโอกาสส่งทหารเข้าไปในทิเบตอีก
แต่ทิเบตสามารถขับไล่มหารจีนออกจากทิเบตไปได้และรุกไล่ไปถึงแม่น้ำแยงซี ฐานะของทิเบตวราบรื่นมาจนถึงจีนคอมมิวนิสต์มีอำนาจในแผ่นดินจีน
เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๒ ได้รื้อฟื้นการอ้างสิทธิ์ในธิเบตอีก และเริ่มรุกรานทิเบตในปี
พ.ศ.๒๔๙๕ จนถึงปี พ.ศ.๒๕๐๒ ดาไลลามะ ลามะองค์ที่ ๑๔ ต้องลี้ภัยไปยังอินเดีย
และได้ทำคำฟ้องไปยังองค์การสหประชาชาติ แต่คณะมนตรีความมั่นคง เพียงแต่ประณามว่าจีนเป็นผู้รุกรานเท่านั้น
หน้า ๘๖๗๒
๒๕๔๒. ทิพากรวงศ์ - เจ้าพระยา
(พ.ศ.๒๓๕๖ - ๒๔๑๓) นามเดิม ขำ บุนนาค ท่านได้ปฎิบัติหน้าที่ราชการสำคัญ
ๆ ตลอดมาถึงสามแผ่นดิน สมัยที่ดำรงตำแหน่งปลัดกรมพระตำรวจ ได้ปราบปรามโจรผู้ร้ายหลายครั้ง
ทั้งยังได้ช่วยก่อสร้างสถานที่สำคัญ เช่น ในปี พ.ศ.๒๓๗๗ ครั้งสร้างเมืองจันทบุรีใหม่
ก็ได้สร้างป้อมที่แหลมด่านปากน้ำชื่อ ป้อมภัยพินาศ และสร้างป้อมที่แหลมสิงห์ชื่อ
ป้อมพิฆาตปัจจามิตร
ในปี พ.ศ.๒๓๘๐ ได้ไปจับผู้ร้ายทางเมืองสมุทรสงคราม ต่อมาในปี พ.ศ.๒๓๘๒ ได้ไปจับฝิ่นทางหัวเมืองปักษ์ใต้
ตั้งแต่ประจวบคีรีขันธ์ลงไปถึงนครศรีธรรมราช และตั้งแต่ตะกั่วป่าถึงเมืองถลาง
พ.ศ.๒๔๘๗ ไปปรามอั้งยี่ขายฝิ่นที่ปากน้ำบางปะกง พ.ศ.๒๓๘๘ ไปจับฝิ่นตั้วเหี่ยที่เป็นสลัดเที่ยวปล้นสะดมอยู่ทางหัวเมืองชายทะเลตะวันตก
พ.ศ.๒๓๙๐ ไปปราบจีนตั้วเหี่ยที่เมืองสมุทรสาคร พ.ศ.๒๓๙๑ ไปปราบจีนตั้วเหี่ย
ที่เมืองฉะเชิงเทรา
ในด้านการต่างประเทศ ท่านได้ช่วยงานด้านนี้ตั้งแต่รัชกาลที่สาม และครั้งสำคัญเมื่อ
เซอร์ ยอห์น เบาริง ราชทูตอังกฤษเข้ามาติดต่อ ขอทำหนังสือสัญญากับไทย เมื่อปี
พ.ศ.๒๓๙๘
งานด้านการก่อสร้างได้เป็นแม่กองขุดคลองเจดีย์บูชา
(พ.ศ.๒๓๙๖) คลองถนนตรง
(พ.ศ.๒๔๐๐) และคลองมหาสวัสดิ์
(พ.ศ.๒๔๐๓) งานปฎิสังขรณ์พระปฐมเจดีย์ วัดเฉลิมพระเกียรติ พระสมุทรเจดีย์
วัดบางพระ และวัดเกาะสีชัง เป็นต้น
ในบั้นปลายชีวิต ท่านได้เขียนหนังสือที่มีประโยชน์ไว้หลายเล่ม โดยเฉพาะพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์
รัชกาลที่สาม ถึงรัชกาลที่สี่
หน้า ๘๖๘๑
๒๕๔๓. ทีฆนิกาย
เป็นชื่อคัมภีร์แห่งพระสุตตันตปิฎก ซึ่งมีอยู่ห้านิกายคือ ทีฆนิกาย มัชฌิมนิกาย
สังยุตนิกาย อังคุตรนิกาย และขุทกนิกาย
ทีฆนิกาย เป็นหมวดที่รวมพระสูตรที่มีเนื้อความ ที่ค่อนข้างยาวแบ่งย่อยออกไปเป็นสามวรรคคือ
สีลขันธวรรค มหาวรรค และปาฎิกวรรค แต่ละวรรคดังกล่าวมี ๑๓ สูตร ๑๐ สูตร และ
๑๑ สูตร ตามลำดับ รวม ๓๔ สูตร
หน้า ๘๖๘๖
๒๕๔๔. ทีฆาวุ - เจ้าชาย
เป็นพระราชโอรสองค์เดียวของพระเจ้าโกศลทีฆีติราช ในประเทศอินเดียสมัยโบราณ
ในครั้งนั้นพระเจ้ากาสี พระนามว่า พรหมทัต ครองราชย์ในเมืองพาราณสี ทรงกรีธาทัพไปยึดครองแคว้นโกศล
ของพระเจ้าโกศลทีฆีติราช พระเจ้าโกศลกับพระมเหสีเสด็จหนีไปอาศัยอยู่บริเวณบ้านนายช่างหม้อ
จนกระทั่งได้มีพระราชโอรส ขนานพระนามว่า ทีฆาวุกุมาร พระราชกุมารได้ไปศึกษาศิลปวิทยา
ในสำนักครูต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาขับรถม้า เมื่อเสด็จกลับมาเมืองพาราณสี
ก็พบว่าพระราชบิดากับพระราชมารดา กำลังถูกพระเจ้าพรหมทัตจับไปปลงพระชนม์ และได้มีโอวาทสอนทีฆาวุกุมาร
เป็นใจความว่า " อย่าเห็นยาวดีกว่าสั้น และอย่าเห็นสั้นดีกว่ายาว เวรย่อมไม่ระงับด้วยการจองเวร
แต่เวรย่อมระงับด้วยการไม่ผูกเวร"
ต่อมา เมื่อทีฆาวุกุมารได้มีโอกาสอธิบายโอวาทนี้ ให้พระเจ้าพรหมทัตได้ทราบ
พระเจ้าพรหมทัตทรงพอพระทัย สถาปนาเจ้าชายทีฆาวุ ขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองแคว้นโกศล
ถวายพระนามว่า พระเจ้าทีฆาวุ พร้อมกับพระราชทานเจ้าหญิงเรณุกา พระราชธิดาของพระองค์ให้เป็นพระมเหสี
หน้า ๘๖๘๗
๒๕๔๕. ทึดทือ - นก
เป็นนกเค้าแมวพวกหนึ่ง อยู่ในจำพวกนกแสก (ดู เค้าแมว - นก - ลำดับที่ ๑๑๒๔)
หน้า ๘๖๙๑
๒๕๔๖. ทุก - ปลา
เป็นปลาในวงศ์ปลาค้าว (ดู ค้าวดำ - ลำดับที่ ๑๐๕๔)
หน้า ๘๖๙๒
๒๕๔๗. ทุกขนิโรธ
โดยรูปคำแปลว่า "ความดับทุกข์" เป็นชื่อของอริยสัจที่สาม (ดู จตุราริยสัจ
- ลำดับที่ ๑๒๖๓)
หน้า ๘๖๙๒
๒๕๔๘. ทุกขสมุทัย
โดยรูปคำแปลว่า "เหตุให้เกิดทุกข์" เป็นชื่อของอริยสัจที่สอง
(ดู จตุราริยสัจ - ลำดับที่ ๑๒๖๓)
หน้า ๘๖๙๒
๒๕๔๙. ทุกฎ
โดยรูปคำแปลว่า "ความชั่ว" โดยความเป็นชื่ออาบัติจำพวกหนึ่ง ในอาบัติเจ็ดพวก
ในวินัยบัญญัติไว้ว่า ที่เรียกว่า "อาบัติ" นั้น คือ โทษที่เกิดเพราะความละเมิด
ในข้อที่พระพุทธเจ้าทรงห้าม ว่าโดยชื่อมีเจ็ดอย่างคือ ปาราชิก สังฆาทิเสส
กุลลัจจัย ปาจิตตีย์ ปาฎิเทสนียะ ทุกฎ ทุพภาษิต
ทุกฎ เป็นอาบัติเล็กน้อย หรืออาบัติเบา เรียกว่า "ลหุกาบัติ"
ภิกษุต้องเข้าแล้ว ต้องแสดงต่อหน้าสงฆ์หรือคณะ หรือภิกษุรูปใดรูปหนึ่งเรียกว่า
" แสดงอาบัติ"
หรือ "ปลงอาบัติ"
จึงจะพ้นได้
เมื่อจัดตามข้อที่พระพุทธเจ้าทรงห้าม ซึ่งยกขึ้นเป็นสิกขาบท มีที่มาในพระปาติโมกข์
และไม่ได้มาในพระปาติโมกข์ แล้ว ทุกฎจัดอยู่ในจำพวกสิกขาบทที่ไม่ได้มาในพระปาฎิโมกข์
สิกขาบทที่มาในพระปาฎิโมกข์ ได้แก่ ปาราชิก ๔ สังฆาทิเสส ๑๓ อนิยต ๒ นิสัสคศัยปาจิตตีย์
๓๐ ปาจิตตีย์ ๙๒ ปาฎิเทสนียะ ๔ เสขีย ๗๕ รวมเป็น ๒๒๐ นับทั้ง อธิกรณสมถะ ๗
ด้วย เป็น ๒๒๗
ทุกฎ เป็นสิกขาบทที่ยกขึ้นเป็นอาบัติส่วนย่อย และอาบัติพวกปาจิตตีย์ ๙๒
หน้า ๘๖๙๒
๒๕๕๐. ทุกนิบาต
เป็นชื่อคัมภีร์ในพระพุทธศาสนา ที่กำหนดธรรม หรือคาถาอย่างละสองข้อ นับเนื่องอยู่ในคัมภีร์อังคุตุรนิกาย
ที่จัดหมวดธรรมไว้เป็นองค์ ๆ เป็นข้อ ๆ หรือเป็นหมวด เรียกว่า นิบาต
แปลว่า ที่รวม
หน้า ๘๖๙๓
๒๕๕๑. ทุกขกิริยา
โดยรูปคำแปลว่า การกระทำกิจที่ทำได้โดยยาก โดยความ ได้แก่ การกระทำความเพียรเพื่อบรรลุธรรมวิเศษ
หน้า ๘๖๙๔
๒๕๕๒. ทุกัง , กด - ปลา
อยู่ในวงศ์ปลากดทะเล ซึ่งไม่มีเกร็ด มีหนวดยาว รูปร่างค่อนข้างยาว ยาวราว
๕๐ ซม. ปลาชนิดนี้มีมาก และเป็นสินค้าสำคัญของเมืองไทย ตามปรกติมักจะไปเป็นฝูงใหญ่
จับได้เป็นจำนวนมาก ตามชายฝั่งแต่ไม่สม่ำเสมอ
หน้า ๘๗๐๐
๒๕๕๓. ทุงงะ, แช่แป้ง - ปลา
อยู่ในวงศ์ปลาตะเพียน อาศัยอยู่ตามลำธารบนภูเขา ขนาดยาว ๑๒.๕ - ๑๕.๕ ซม.
หน้า ๘๗๐๑
๒๕๕๔. ทุ่งช้าง
อำเภอขึ้น จ.น่าน มีอาณาเขตทางทิศเหนือ และทิศตะวันออก จดประเทศลาว
ภูมิประเทศทางทิศตะวันออก และทิศตะวันตก มีเขาขนานขึ้นไปทั้งสองข้าง ระหว่างกลางเป็นที่ราบลุ่ม
ทางใต้กว้าง และค่อย ๆ เรียวขึ้นไปทางทิศเหนือ
อ.ทุ่งช้าง เดิมชื่อ อ. และเปลี่ยนชื่อเป็น อ.ทุ่งช้าง เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๔
หน้า ๘๗๐๒
๒๕๕๕. ทุ่งยั้ง
เคยเป็นชื่อเมืองเก่า ปรากฎในพงศาวดารเหนือว่า บาธรรมราช เจ้าเมืองสวรรคโลก
เป็นผู้สร้าง และว่าเดิมชื่อ เมืองกำโพชนคร ในกฎหมายเก่าสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่หนึ่ง
บ่งชื่อเมืองนี้ว่า คู่กับเมืองบางยม เป็นเมืองขึ้นของเมืองสวรรคโลก
สมัยสุโขทัย เมืองทุ่งยั้ง ยังเป็นเมืองหน้าด่านป้องกันขอม ทางด้านตะวันออก
ปัจจุบันเมืองทุ่งยั้ง เป็นตำบลขึ้น อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ มีโบราณสถานหลายแห่งคือ
เวียงท้าวสามล
เวียงเจ้าเงาะ วัดมหาธาตุ และพระแท่นศิลาอาสน์
หน้า ๘๗๐๒
๒๕๕๖. ทุ่งสง
อำเภอขึ้น จ.นครศรีธรรมราช ภูมิประเทศส่วนมากเป็นที่ราบสูง ลาดลงสู่แม่น้ำตาปี
ทางทิศเหนือ และลาดลงสู่แม่น้ำตรัง ทางทิศใต้ มีภูเขามาก
อ.ทุ่งสง เดิมตั้งที่ว่าการที่ ต.ทุ่งสง ต่อมาย้ายมาตั้งที่ ต.ปากแพรก ซึ่งเป็นชุมทางรถไฟสายใต้
และสายแยกไปกันตัง
หน้า ๘๗๐๔
๒๕๕๗. ทุ่งเสลี่ยม
อำเภอขึ้น จ.สุโขทัย ภูมิประเทศส่วนมากเป็นที่ราบและป่าไม้
อ.ทุ่งเสลี่ยม แรกตั้งเป็นกิ่งอำเภอ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๐ ขึ้น อ.สวรรคโลก ยกฐานะเป็นอำเภอ
เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๒
หน้า ๘๗๐๔
๒๕๕๘. ทุ่งหว้า
อำเภอขึ้น จ.สตูล มีอาณาเขตทางทิศตะวันออก จดทิวเขาบรรทัด จ.พัทลุง ทางทิศตะวันตก
ตกมหาสมุทรอินเดีย ภูมิประเทศทิศตะวันออกเป็นที่ราบสูง เต็มไปด้วยภูเขา ทางด้านทิศตะวันตก
และทิศเหนือ เป็นป่าชายเลน
อ.ทุ่งหว้า เดิมเป็นที่ตั้ง อ.สุไหงอุเป ต่อมาเมื่อราว พ.ศ.๒๔๖๕ เปลี่ยนชื่อเป็น
อ.ทุ่งหว้า ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๗๓ ถูกยุบลงเป็นกิ่งอำเภอขึ้น อ.ละงู ยกฐานะเป็นอำเภอ
เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๖
หน้า ๘๗๐๕
๒๕๕๙. ทุ่งใหญ่
อำเภอ ขึ้น จ.นครศรีธรรมราช ภูมิประเทศเป็นที่ราบ มีภูเขามาก
อ.ทุ่งใหญ่ เดิมเป็นกิ่ง อ.ท่ายาง ขึ้น อ.ทุ่งสง ยกฐานะเป็นอำเภอ เมื่อปี
พ.ศ.๒๕๐๑ ในชื่อเดิม และเปลี่ยนชื่อเป็น อ.ทุ่งใหญ่ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๔
หน้า ๘๗๐๕
๒๕๖๐. ทุน
ความหมายทางเศรษฐศาสตร์ หมายถึง ปัจจัยในการผลิตอย่างหนึ่ง ในบรรดาปัจจัยการผลิตทั้งหลาย
อันได้แก่ แรงงาน ที่ดิน รวมทั้งทรัพยากรธรรมชาติ ทุนและผู้ประกอบการ
หน้า ๘๗๐๖
๒๕๖๑. ทุนดรา
เป็นภูมิอากาศแบบหนึ่งของโลก ซึ่งมีอยู่ในเขตเส้นรุ้งสูงใกล้ขั้วโลก ในซีกโลกเหนือ
บริเวณที่มีภูมิอากาศแบบนี้ได้แก่ เกาะต่าง ๆ ในมหาสมุทรอาร์คติก ชายฝั่งอาร์คติกของอะแลสกา
และแคนาดา ตอนเหนือของเกาะไอซแลนด์ และชายฝั่งของเกาะกรีนแลนด์ ส่วนในซีกโลกใต้จะมีอยู่ตามบริเวณบางเกาะ
ในย่านแอนตาร์กติก
ในเขตภูมิอากาศแบบทุนดรา มักมีอุณหภูมิเฉลี่ยประจำเดือนต่ำกว่าขีดเยือกแข็งราว
๘ - ๙ เดือน ในรอบหนึ่งปี และอุณหภูมิระหว่างเดือนที่ร้อนที่สุด กับเดือนที่หนาวที่สุด
ก็แตกต่างกันมาก พื้นดินปกคลุมด้วยหิมะเกือบตลอดทั้งปี มีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นทุกเดือน
ฝนตกน้อยคือ น้อยกว่า ๓๗๐ มม. ต่อปี และมักตกในฤดูใบไม้ร่วง และฤดูใบไม้ผลิ
พืชพันธุ์ธรรมชาติ ในเขตภูมิอากาศทุนดรา แบ่งออกเป็นสามประเภท ได้แก่ ทะเลทรายทุนดรา
อยู่ในเขตติดต่อกับทุ่งน้ำแข็ง อุณหภูมิต่ำกว่า ๕ ํ ซ. ไม่มีพืชขึ้น ประเภทที่สอง
ได้แก่ ทุ่งหญ้าทุนดรา
อุณหภูมิของเดือนที่ร้อนที่สุดอยู่ระหว่าง ๔.๔๕ ํซ. ถึง ๑๐ ํ ซ. มีหญ้ามอส
และตะไคร่น้ำไลเคน ขึ้นได้ ประเภทที่สาม ได้แก่ ไม้พุ่มทุนดรา
อยู่ในเขตอบอุ่นกว่าสองประเภทแรก พืชที่ขึ้นเป็นไม้พุ่มเล็ก ๆ หรือสนขนาดเล็ก
๒๕๖๒. ทุนทรัพย์
หมายถึง ทุนทำการของกิจการ คือ "สินทรัพย์ หมุนเวียน" ที่มากกว่า "หนี้สินหมุนเวียน"
ทุกขณะ
สินทรัพย์หมุนเวียน คือ เงินสด และทรัพย์สินอื่น ๆ ที่อาจเปลี่ยนหรือหมุนเวียนเป็นเงินสดได้
ภายในระยะเวลาที่ดำเนินการ โดยปรกติ ซึ่งมักถือเอาระยะเวลาหนึ่งปีเป็นเกณฑ์
หนี้สินหมุนเวียน หมายถึง หนี้สินหรือพันธะทั้งหมดที่เกิดจากการดำเนินงานตามปรกติ
และครบกำหนดชำระภายในรอบระยะเวลา การดำเนินงานตามปรกติของกิจการ และหนี้สิน
หรือพันธะอื่น ซึ่งจะถึงกำหนดชำระภายในระยะเวลาหนึ่งปี
หน้า ๘๗๐๘
๒๕๖๓. ทุพภิกขันดรกัป
มีคำนิยามว่า "ระยะเวลาที่กำหนดไว้ว่า เป็นตอนที่ขาดแคลนอาหาร คู่กับสัตถันดรกัป
คือ ระยะเวลาที่ฆ่ากันไม่หยุดหย่อน "จัดเป็นช่วงเวลาหนึ่งของอันตรกัป"
หน้า ๘๗๐๘
๒๕๖๔. ทุรบท - ท้าว
เป็นชื่อผู้ครองแคว้นปัญจาละ ในเรื่องมหาภารตะของอินเดีย เป็นบิดาของนางเทราปที
(กฤษณา) เป็นผู้ได้สู้รบขับเคี่ยวกับกษัตริย์ปาณฑพทั้งห้า โดยบัญชาของโทรณาจารย์
(ดู เทราป ที่ - ลำดับที่ ๒๕๘๙ ประกอบด้วย)
หน้า ๘๗๐๙
๒๕๖๕. ทุรโยชน์
เป็นชื่อของกษัตริย์ฝ่ายตรงข้ามกับกษัตริย์ปาณฑพ ในสงครามกุรุเกษตรในเรื่องมหาภารตยุทธ
เป็นโอรสของท้าวธฤตราษฎร (กษัตริย์บอด) เป็นลูกผู้พี่ของกษัตริย์ปาณฑพทั้งห้า
(ดู เทราปที - ลำดับที่ ๒๕๘๙ ประกอบด้วย)
หน้า ๘๗๑๒
๒๕๖๖. ทุรวาส
เป็นชื่อฤาษีสำคัญ ผู้ "นุ่งห่มปอน" เป็นคนโทโสร้าย เป็นต้นเหตุแห่งกุรมาวตาร
ในเรื่องนารายณ์สิบปาง เมื่อใดใครทำให้ขัดใจ แม้เล็กน้อยก็มักจะสาปเสียทันที
ครั้งหนึ่งพระกฤษณ์ได้นิมนต์ฤษีทุรวาสฉัน แต่ลืมเช็ดเศษอาหารที่ได้ตกเปื้อนเท้าฤษีตนนั้น
ฤษีโกรธจึงทำนายว่า พระกฤษณ์จะตายโดยอาการเลวทราม เป็นการแช่งให้พระกฤษณะ
ต้องตายด้วยมือพรานผู้หนึ่ง
หน้า ๘๗๑๘
๒๕๖๗. ทุเรียน - ต้น
เป็นพันธุ์ไม้ผล ที่ปลูกเก็บผลบริโภคกันมากมายทั่วทั้งภาคเอเชียอาคเนย์ มีหลายพันธุ์ต่างกันตามลักษณะ
เป็นต้นไม้ใหญ่ดอกออกเป็นกระจุกตามกิ่ง ผลมีหนามแข็งเต็มทั่วทั้งลูก มองเห็นเป็นพู
ๆ ห้าพูด้วยกัน ภายในมีเมล็ดซึ่งมีเนื้อเยื่อหุ้มอยู่ เนื้อนี้ใช้บริโภค มีรสหวานมัน
และมีกลิ่น หน้า
๘๗๑๙
๒๕๖๘. ทุษยันต์
เป็นกษัตริย์จันทรวงศ์ สกุลโปรพ ในเรื่องศกุนตลา ครองนครหัสตินปุระ เป็นพระสวามีนางศกุนตลา
เป็นพระราชบิดาพระภรต จันทรวงศ์ ผู้เป็นปฐมจักรพรรดิ์ เป็นตัวเอกในละครเรื่อง
ศกุนตลา ของกาลิทาส
หน้า ๘๗๒๐
๒๕๖๙. ทู - ปลา
อยู่ในวงศ์ปลาอินทรีย์ มีเกล็ดละเอียด ปลาสกุลนี้ว่ายน้ำเก่ง ในอ่าวไทยมีพอแยกออกเป็นสองชนิดคือ
๑. ปลาทู
มักอยู่รวมกันเป็นฝูง ตามชายฝั่งทะเล เคยมีข่าวว่าเมื่อว่างไข่ที่เกาะไหหลำ
เมื่อถึงฤดูลมหนาวพัดเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งในเวลานั้นจะมีเรือสำเภาจากจีนเข้ามา
กระแสน้ำก็จะพัดพาปลาตัวเล็ก ๆ จากเกาะไหหลำ เข้าสู่อ่าวไทย และแตกออกเป็นสองสาย
ตรงแหลมมลายูตอนตรังกานู สายหนึ่งแยกออกทางซ้ายมือ ส่วนอีกสายหนึ่งแยกออกทางขวามือ
กระแสน้ำไหลเลาะตามฝั่ง ผ่านสุราษฎรธานี ขึ้นมาสู่อ่าวไทย ที่ท่าจีน สมุทรปราการ
และชลบุรี เป็นต้น
๒. ปลาทูหัวโม่ง
มีขนาดใหญ่กว่าประเภทแรก ตัวยาวประมาณ ๒๕ ซม. พบที่ จ.ระยอง เป็นส่วนใหญ่
มีปลาอีกชนิดหนึ่ง เรียกกันว่า "ปลาทูนา" ในเมืองไทยมีอยู่ด้วยกันสองสกุล
ที่จัดอยู่ในวงศ์ปลาโอ อยู่ตามทะเลเขตอบอุ่น มีขนาดโตมาก พบอยู่ในอ่าวไทยตอนใน
นอกจากนี้ ยังมีปลาทุกัง ซึ่งมีที่มาจากภาษามลายู เฉพาะปลาทูน้ำจืด คงเป็นคำกลางใช้เรียกปลา
ซึ่งมีรูปร่างคล้ายปลาทู จึงเรียกว่า ปลาทูน้ำจืด
หน้า ๘๗๒๑
๒๕๗๐. ทูต ๑ - กบ
เป็นกบใหญ่ หรือกบยักษ์ ก็เรียก มีอยู่มากมายหลายชนิด มีขนาดยาว ๒๗ ซม. น้ำหนัก
๑.๖ กก. รูปร่างเหมือนกบทั่วไป มีเสียงร้องค่อนข้างดังมาก
หน้า ๘๗๒๔
๒๕๗๔. ทูต ๒
ได้แก่ บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นทางการให้เป็นผู้แทนของประมุข หรือรัฐบาลของตน
ในการติดต่อเจรจากับรัฐบาลต่างชาติ
การส่งทูตไปติดต่อเจรจากันนั้น มีมาแต่โบราณกาลแล้ว แต่การส่งทูตไปประจำอย่างถาวรนั้น
เริ่มขึ้นโดยรัฐต่าง ๆ ในอิตาลี เมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ ๒๐ และแพร่หลายทั่วยุโรปในระยะต่อมา
พร้อมกันนั้นก็มีการพัฒนาระเบียบแบบแผนขึ้น ซึ่งถือปฎิบัติเป็นสากลในปัจจุบัน
เช่น การใช้กิริยาวาจาที่สุภาพต่อกัน
ระเบียบแบบแผนในการทูต ที่สำคัญ ได้แก่ พิธีทางการทูต อภิสิทธิและสิทธิคุ้มกัน
และการไม่แทรกแซงในการกิจการภายใน
หน้าที่และบทบาทของทูต
ที่สำคัญที่สุดคือ การติดต่อเจรจากับอีกรัฐบาลหนึ่ง เพื่อให้เกิดการตกลงที่จะสนองผลประโยชน์ของประเทศ
ตามนโยบายที่รัฐบาลของตนได้วางไว้ นอกจากนั้น ทูตยังมีหน้าที่สร้างภาพลักษณ์และความรู้สึกที่ดีต่อรัฐบาล
และประเทศของตน การดูแลพิทักษ์คนในชาติของตน ที่พำนักอยู่ในประเทศที่ตนประจำอยู่
รวมทั้งการรายงานสถานการณ์ในประเทศนั้น ไปยังรัฐบาลของตน
การทูตไทย
ประวัติการทูตไทย เป็นเรื่องของความพยายามที่จะรักษาเอกราช และความมั่นคงของประเทศ
ลักษณะพิเศษอีกอย่างหนึ่งของการทูตไทย ที่ช่วยรักษาเอกราชของประเทศมาได้คือ
ความยืดหยุ่นหรือการดำเนินนโยบายแบบลู่ลม โดยพร้อมที่จะปรับตัวและนโยบายให้เข้ากับสถานการณ์
หน้า ๘๗๒๔
๒๕๗๕. ทูษณ์
เป็นชื่อพญายักษ์ ในเรื่องรามเกียรติ์ เป็นน้องร่วมครรภ์กับทศกัณฐ์ เกิดด้วยนางรัชฎา
ผู้เป็นมเหสีคนที่ห้าของท้าวลัสเตียน มีพี่น้องร่วมครรภ์เดียวกันหกตน ทูษณ์
เป็นองค์ที่ห้า ครองกรุงจารึก แคว้นชนบท เมื่อทราบข่าวว่าพญาขร ผู้พี่ชายถูกพระรามฆ่า
ก็ยกทัพไปรบพระราม ถูกศรพระรามตาย
หน้า ๘๗๓๑
๒๕๗๖. เทคโนโลยี
เราอาจให้ความหมายของคำนี้อย่างกว้าง ๆ ว่า "วิทยาการ" หรือ "วิชาความรู้"
ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการทำ สร้างประดิษฐ์หรือผลิตสิ่งต่างๆ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์
เทคโนโลยีอาจนับได้ว่า มีมาแต่โบราณ วิทยาศาสตร์ซึ่งเริ่มเมื่อประมาณ ๓๕๐
ปีมานี้ และเพียงร้อยปีที่แล้วมานี้ ที่วิทยาศาสตร์เริ่มให้ประโยชน์อย่างมากทางเทคโนโลยี
ปัจจุบันเทคโนโลยีแทบทุกชนิด ได้ใช้หรืออาศัยความรู้ทางวิทยาศาสตร์
หน้า ๘๗๓๒
๒๕๗๗. เทนนิส
เป็นกีฬาอย่างหนึ่ง ซึ่งเล่นกันเป็นที่แพร่หลายทั่วโลก อาจจัดให้เล่นทั้งกลางแจ้งและในร่ม
คำว่า เทนนิส มีความเข้าใจเป็นสองอย่างคือ
๑. ลอนเทนนิส หรือเทนนิส ที่เรียกกันโดยทั่วไป เป็นการเล่นกลางแจ้ง
๒. เทนเบิลเทนนิส หรือปิงปอง เป็นการเล่นในร่ม
ลอนเทนนิส
เป็นกีฬาที่เล่นข้างหนึ่งคน หรือสองคน โดยใช้ไม้แร็กเกตตีลูกบอลกลมข้ามตาข่าย
เล่นข้างละคนเรียกว่า ประเภทเดี่ยว เล่นข้างละสองคน เรียกว่า ประเภทคู่ การเล่น
จะเล่นบนพื้นเรียกว่า คอร์ต แบ่งกึ่งกลางมีตาข่ายขึง แต่ละครึ่งของสนามแบ่งออกเป็นสองแดน
ซ้ายกับขวา ผู้เล่นพยายามตีลูกไปยังฝ่ายตรงข้าม และเมื่อฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถตีลูกกลับได้
หรือตีลูกออกก็เสียแต้ม
เชื่อกันว่า กีฬาเทนนิสได้เริ่มเล่นมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๘ โดยเล่นกันในรชวงศ์ของประเทศฝรั่งเศส
ใช้มือตีลูกบอลข้ามเชือก ราวพุทธศตวรรษที่ ๒๑ ได้เปลี่ยนจากการใช้มือ มาเป็นใช้ไม้แร็กเกตตี
เทเบิลเทนนิส (ปิงปอง)
เริ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกา เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๔๓๓ ใช้เล่นกับพื้นโต๊ะ เล่นด้วยลูกกลมทำด้วย
เซลลูลอย ใช้ไม้ตีเรียกว่า แร็กเกต เหมือนกัน วิธีเล่นใช้แร็กเกตตีลูกข้ามตาข่าย
จนกว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะทำเสีย ก็นับเป็นคะแนนได้ การเล่นมีทั้งประเภทเดี่ยว
และประเภทคู่
หน้า ๘๗๓๒
๒๕๗๘. เทพ
เป็นชื่อตำแหน่งพระราชาคณะ ซึ่งเป็นสมณศักดิ์ที่พระเจ้าแผ่นดิน พระราชทานแก่พระภิกษุผู้บริหารหมู่คณะสงฆ์
ฝ่ายพระพุทธศาสนา
คำว่า "เทพ" เป็นเครื่องกำหนดชั้นของพระราชาคณะ นับแต่สมเด็จพระราชาคณะลงมา
ชั้นเทพเป็นชั้นที่สี่ ในจำนวนหกชั้น พระราชาคณะชั้นเทพ เพิ่งมาปรากฎในสมัยอยุธยา
พระราชาคณะชั้นนี้มีราชทินนามกำกับ คำว่า เทพ โดยเฉพาะอีก เช่น พระเทพกวี
พระเทพโมลี พระเทพมุนี และเพิ่มพระเทพเมธี ขึ้นอีกตำแหน่งหนึ่งในรัชกาลที่ห้า
ประมาณปี พ.ศ.๒๔๓๗
หน้า ๘๗๓๔
๒๕๗๙. เทพกษัตรี - พระ
เป็นพระราชธิดาองค์ที่สอง ของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ กับสมเด็จพระศรีสุริโยทัย
พระชัยเชษฐา พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต หลังจากถูกพม่าตีเมืองเวียงจันทน์ได้
และกวาดต้อนผู้คนรวมทั้งพระมเหสี ไปยังกรุงหงสาวดี จึงได้ให้ทูตเชิญพระราชสาสน์
และเครื่องราชบรรณาการมาถวายสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ ขอพระราชทานพระเทพกษัตรีไปเป็นมเหสี
แต่กองทัพพม่าชิงพระเทพกษัตรี ระหว่างเดินทางไปเวียงจันทน์ไปได้
หน้า ๘๗๓๖
๒๕๘๐. เทพทาโร - ต้น
เป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ สูง ๔๐ เมตร ใบเดี่ยวเรียว สลับรูปรี ป้อม ยาว ๕ - ๘ ซม.
กว้าง ๓ - ๕ ซม. ดอกเล็กสีขาว หรือเหลืองอ่อน ออกเป็นช่อเรียว ๆ ตามง่ามใบ
ผลรูปกลมรี
เนื้อไม้ละเอียดสีชมพู แกมน้ำตาล มีกลิ่นหอมน้ำหนักเบา ใช้ในการก่อสร้างภายใน
และหีบศพ เป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน ทางการได้กำหนดให้เป็นไม้หวงห้ามประเภท
ก. ห้ามมิให้ตัดฟันนำออก เว้นแต่จะได้อนุมัติเป็นกรณีพิเศษ
หน้า ๘๗๓๙
๒๕๘๑. เทพธิดาราม - วัด
เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ภายในกำแพงพระนคร ถนนมหาไชย
แขวงสำราษฎร์ เขตพระนคร
วัดเทพธิดาราม เดิมคงเป็นวัดราษฎร์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า ฯ ได้โปรด ฯ
ให้สถาปนาวัดบ้านพระยาไกรสวนหลวง ซึ่งสร้างจากวัดเก่าเดิม เสร็จในปี พ.ศ.๒๓๘๒
เมื่อเสร็จแล้วได้เสด็จ ฯ มาในพิธีผูกพัทธสีมา และพระราชทานนามวัดว่า วัดเทพธิดาราม
ด้วยทรงมีพระราชดำริจะเฉลิมพระเกียรติ พระเจ้าลูกเธอกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ
ถาวรวัตถุที่สร้างในวัดนี้ มีอุโบสถ พระวิหาร และศาลาการเปรียญ การก่อสร้าง
และเครื่องประดับเป็นศิลปะแบบจีน
มีกุฏิหลังหนึ่ง ที่คณะ ๗ ข. เป็นกุฎิที่สุนทรภู่ กวีเอกของไทย เคยมาจำพรรษาอยู่
เมื่อปี พ.ศ.๒๓๘๓ - ๒๓๘๕
หน้า ๘๗๔๐
๒๕๘๒. เทพนม, เทพประนม
มีคำนิยามว่า "ชื่อรูปหรือลาย มีเทวดาประนมมือ, ชื่อท่ามวยท่าหนึ่ง, ชื่อท่ารำท่าหนึ่ง
ชื่อรูปหรือลาย มีเทวดาประนมมือ จะเป็นการเขียนเพียงครึ่งองค์ หรือเต็มองค์
ถ้าเป็นแต่เฉพาะโดด ๆ ก็เรียก "ภาพเทพนม"
แต่ถ้าประกอบลวดลายเข้าเป็นทรงพุ่มเมื่อใด ก็เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ลายพุ่มข้าวบิณฑ์เทพนม"
ถ้าเป็นภาพเขียนทั้งองค์ในท่านั่งประนมมืออยู่ตามผนัง ภายในพระอุโบสถหรือหอพระ
โดยเขียนนั่งเรียงกันเป็นแถวเรียกว่า "เทพชุมนุม"
ถ้าเป็นภาพเทพนมท่ายืนที่บานหน้าต่างพระอุโบสถ พระที่นั่ง หอพระ หอไตร อันหมายถึงเทพารักษ์
ซึ่งมีหน้าที่อภิบาลรักษาสถานที่ หรือปูชนียวัตถุนั้นเรียกว่า "เทพนมทวารบาล"
ชื่อท่ามวยท่าหนึ่ง หมายถึงนักมวยไทย (รำไหว้ครู และชกแบบมวยไทย) ก่อนจะเริ่มการชกมวยแบบไทย
ในการไหว้ครูนี้มีท่ารำเทพนมของท่ามวยด้วยท่าหนึ่ง
ชื่อท่ารำท่าหนึ่ง หมายถึงรำแม่บทของโขน ละครไทย ในกระบวนท่ารำหลายท่า
หน้า ๘๗๔๓
๒๕๘๓. เทพฤาษี
เป็นฤาษีพวกหนึ่งในจำนวนฤาษีสี่เหล่า ที่จำแนกไว้ในศาสนาพราหมณ์ และในวรรณคดีสันสกฤตคือ
มหาฤาษี ราชฤาษี เทพฤาษี และพรหมฤาษี
เทพฤาษี เป็นฤาษีที่จัดว่าสูงสุดโดยชาติกำเนิด กล่าวคือเป็นเทพมาตั้งแต่เกิด
แล้วบำเพ็ญพรตถือเพศเป็นฤาษีภายหลัง แม้พระศิวะก็เป็นเทพฤาษี
เทพฤาษี รุ่นเก่าแก่ที่สุดนับย้อนไปถึงสมัยพระเวทคือ พระพฤหัสบดีถือว่าเป็นเทวปุโรหิตของทวยเทพคู่กับพระอัคคี
จนถึงสมัยมหากาพย์ และปราณะจึงกลายเป็นฤาษีโดยสมบูรณ์ เทพฤาษีแต่ยุคพระเวทคู่เคียงกับพระพฤหัสบดีคือ
พระศุกร์ ซึ่งเป็นอาจารย์ของพวกอสูรทั้งมวล ส่วนพระพฤหัสบดีเป็นอาจารย์ของทวยเทพทั้งหลาย
หน้า ๘๗๕๐
๒๕๘๔. เทพสตรี - ท้าว
เป็นนามบรรดาศักดิ์วีรสตรีไทยท่านหนึ่ง มีนามเดิมว่าจันทร์ เป็นภริยาพระยาถลางภูธร
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ฯ เป็นที่รู้จักในนามคุณหญิงจันทร์ ท่านมีความดีความชอบในราชการ
ด้วยการเป็นหัวหน้าร่วมกับกรมการเมืองถลาง ต่อสู้ศึกพม่าที่ยกมาตีเมืองถลาง
เมื่อเสร็จงานพระราชสงครามครั้งนี้แล้ว ท่านได้รับโปรปดเกล้า ฯ ให้เป็นท้าวเทพสตรี
หน้า ๘๗๕๑
๒๕๘๕. เทพศิรินทราวาส - วัด
เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ในแขวงเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบ
กรุงเทพ ฯ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ทรงสร้างอุทิศถวายสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชชนนี
พระบรมราชชนี เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๔๑๙
หน้า ๘๗๕๓
๒๕๘๖. เทพอัปสร
โดยรูปคำแปลว่านางฟ้า เกิดเป็นคู่บุญบารมีของเทพบุตร เทพธิดา และเกิดเป็นหมู่พร้อมกัน
ผู้ที่ได้ทำบุญกุศลไว้ในมนุษย์โลก ท่านว่ามีวิมานผุดรออยู่ในเมืองฟ้าแล้ว
นางเทพอัปสรก็เกิดพร้อมกับวิมานนั้น และเฝ้าวิมานไว้คอยท่าคนที่ทำบุญ ซึ่งจะเป็นเจ้าของวิมานนั้น
หน้า ๘๗๕๘
๒๕๘๗. เทพา ๑
อำเภอขึ้น จ.สงขลา มีอาณาเขตทิศเหนือ และทิศตะวันออก ตกทะเลอ่าวไทย ภูมิประเทศตามชายทะเลตอนทิศตะวันออกเป็นที่ราบทำนาได้
ตอนเหนือเป็นที่สูง ทางใต้และทางตะวันตกเป็นที่สูงมีป่า และเขาโดยมาก
อ.เทพาเดิมเป็นเมืองขึ้นเมืองปัตตานี ต่อมาถูกยุบเป็นอำเภอ เมื่อจัดการปกครองเป็นมณฑลเทศาภิบาล
หน้า ๘๗๕๙
๒๕๘๘. เทพา ๒ - ปลา
เป็นปลาน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดชนิดหนึ่ง และมีขนาดใหญ่กว่าปลาอื่นในเมืองไทย
เท่าที่สำรวจพบมีขนาดยาว ๓ เมตร มีขนาดใกล้เคียงกับปลาบึกของแม่น้ำโขง
หน้า ๘๗๖๐
๒๕๘๙. เทพี - ต้น
เป็นชื่อเรียกพันธุ์ไม้เลื้อยชนิดหนึ่ง ลำต้นเป็นเถาใหญ่ ตามกิ่งก้าน มีหนามแหลมปลายงองุ้ม
ใบเป็นแบบใบประกอบสองชั้น ยาว ๒๐ - ๓๐ ซม. ดอกออกตามยอดหรือตามง่ามใบ ตอนปลาย
ๆ กิ่ง เป็นช่อกลมยาว ๑๔ - ๒๒ ซม. มีดอกดกสีเหลืองอ่อน ๆ กลิ่นหอม ผลเป็นฝักแบน
ๆ มีปีกบางยาวหนึ่งปีก
หน้า ๘๗๖๒
๒๕๙๐. เทพี ๒
มีคำนิยามว่า "เรียกหญิงที่นำหน้าที่โปรยพืชธัญญาหารในพิธีแรกนาว่านางเทพี"
เทพีในพิธีแรกนา เริ่มต้นมีการกำหนดจำนวนจริงจังในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลบจอมเกล้า
ฯ พระองค์ได้โปรดให้มีนางเเทพีขึ้นด้วยสี่คน นางเทพีแรกนาขวัญมีหน้าที่นั่งรับศีล
ฟังพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ อยู่ในพระฉากหลังพระแท่น พร้อมกับพระยาแรกนา
หน้า ๘๗๖๓
๒๕๙๑. เทโพ - ปลา
เป็นปลาอยู่ในสกุลเดียวกับปลาเทพา และในวงศ์ปลาสวาย ได้ตั้งชื่อขึ้นเมื่อปี
พ.ศ.๒๔๐๙ ได้กระจายพันธุ์อยู่ตามลำน้ำเจ้าพระยา และเขตติดต่อกับลุ่มน้ำนี้
หน้า ๘๗๖๗
๒๕๙๒. เทราปที
เป็นชื่อเจ้าหญิงองค์หนึ่งในมหากาพย์เรื่องมหาภารตะของอินเดีย นามจริงคือ
"กฤษณา" ซึ่งแปลว่าดำ
เพราะนางมีผิวคล้ำ แต่มีความงามยอดยิ่งชื่อเทราปที แปลว่าธิดาธิดาแห่งท้าวทุรบท
ท้าวทุรบทแห่งแคว้นปัญจา และให้พราหมณ์ทำพิธีชุบลูกให้เแก่พระองค์ บังเกิดเป็นกุมารองค์หนึ่งขึ้นกลางกองไฟ
พระองค์รับมาเป็นโอรส ต่อมาเกิดกุมารีขึ้นกลางเวที พระองค์ให้นามว่าเทราปที
นอกจากนี้นางยังได้นามอื่น ๆ อีกหลายนาม และเมื่อเวลาปลอมตนเป็นนางพนักงานของราชินีแห่งแคว้นจิราฎใช้นามว่า
"ไสรินธรี"
เมื่อนางเจริญวัยถึงคราวควรจะมีคู่ ท้าวทุรบทได้ประกาศพิธีสยุมพรให้แก่นาง
โดยเชิญหน่อกษัตริย์ทั้งหลายมาประชุมแข่งขัน แสดงฝีมมือยิงธนู ปรากฎว่าเจ้าชายอรชุน
ผู้เป็นเจ้าองค์หนึ่งในหมู่เจ้าชายปาณฑพห้าองค์ได้ชัยชนะ จึงได้รับเลือกให้เป็นสามีของนางเทราปที
เมื่อพานางกลับมายังตำหนักในป่า อันเป็นที่หลบภัยของเจ้าชายทั้งห้าและมารดา
อรชุนได้ทูลพระนางกุนดี ผู้เป็นพระมารดาว่าตนได้ลาภมา พระนางกุนดีจึงตรัสว่า
"จงแบ่งกันระหว่างพี่น้องเถิด" เลยเกิดมีปัญหา ฤาษีวยาสต้องมาจัดการให้เรียบร้อย
ตกลงนางจำต้องมีสามีทั้งห้าคน แต่นางก็รักอรชุนมากว่าคนอื่น
เมื่อยุธิษเฐียร แพ้พนันสกาแก่ทุรโยชน์ เทราปทีต้องตกเป็นทาสของผู้ชนะถูกประจาน
และถูกทำให้อับอาย ในที่สุดท้าวธฤตราษฎร์ราชาพระเนตรบอด ผู้เป็นพระชนกของทุรโยชน์ต้องเข้ามาไกล่เกลี่ย
โดยให้เนรเทศเจ้าปาณฑพทั้งห้า กับนางเทราปทีไปอยู่ป่ามีกำหนด ๑๒ ปี และในปีที่
๑๓ ให้ซ่อนตัวมิให้ใครจำได้ พ้นจากนั้นแล้ว จึงให้กลับมาเอาบ้านเมืองคืน
เมื่อครบ ๑๓ ปี เจ้าชายปาณฑพกับนางเทราปนีกลับบ้านเมือง ทุรโยชน์ไม่ยอมคืนเมืองอินทรปรัสถ์ให้
จึงเกิดสงครามใหญ่ระหว่างฝ่ายเการพ (ทุรโยชน์กับพวกพ้อง) กับฝ่ายปาณฑพ เป็นมหาสงครามรบกัน
๑๘ วัน และฝ่ายเการพเเป็นฝ่ายปราชัย
ในบั้นปลายแห่งชีวิต กษัตริย์ปาณฑพทั้งห้า และนางเทราปที ยุธิษเฐียรได้มอบราชสมบัติให้เจ้าชายปรีกษิตครอบครอง
(หลานอรชุน) แล้วออกเดินป่าพร้อมด้วยภราดาทั้งสี่ และเทราปที มีสุนัขติดตามไปด้วยตัวหนึ่ง
มุ่งสู่ภูเขาหิมาลัย เพื่อไปสู่สวรรค์ของพระอินทร์ ระหว่างทางทุกคนทะยอยกันล้มตายไปหมด
เหลือแต่ยุธิษเฐียรเดินทางไปถึงประตูสวรรค์ พร้อมกับสุนัขตัวนั้น ซึ่งปรากฎภายหลังว่าเป็นธรรมเทพ
(ลูกพี่ลูกน้อง)
หน้า ๘๗๖๙
๒๕๙๓. เทวกี
เป็นราชธิดาของราชาเทวะ และมีศักดิ์เป็นน้องสาวของพญากงส์ โอรสของอุครเสน
แห่งนครมถุรา พญากงส์ คือ อสูรกาลเนมิ มาเกิดเป็นคนโหดเหี้ยมทารุณ และไม่นับถือพระวิษณุ
ได้แย่งราชสมบัติจากบิดาของตน แล้วคบพวกอสูรชั่วร้าย ทำความเดือดร้อนแก่คนทั้งหลาย
บรรดาเทพจึงพากันไปอ้อนวอนพระวิษณุ ขอให้อวตารลงไปปราบพญากงส์ และพรรคพวก
พระวิษณุโปรดให้พระอทิติเทพมารดร ชายาพระกัศยปฤษีเทพบิดร ลงไปเกิดเป็นนางเทวกี
เพื่อจะได้เป็นมารดาของพระองค์ ในคราวอวตารไปเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อจะปราบพญากงส์
เมื่อนางเทวกี เจริญวัยได้เป็นชายาของวสุเทพ ผู้เป็นเจ้าชายเผ่ายาทพ แห่งจันทรวงศ์
แต่พระองค์ไร้ฝีมือทางอาวุธ ต่อมาพญากงส์ทราบว่าลูกของนาวเทวกี จะเป็นผู้ฆ่าตนเสีย
จึงตกใจและโกรธแค้น จะฆ่านางเทวกีแต่วสุเทพ ขอชีวิตนางไว้ โดยสัญญาว่าเมื่อไรนางคลอดบุตร
ตนจะเอาลูกของนางมาให้พญากงส์ฆ่าแทน
ต่อมานางเทวกีคลอดบุตรรวม ๖ คน พญากงส์ก็เอาไปฆ่าเสียสิ้น เมื่อนางตั้งครรภ์บุตรคนที่เจ็ดคือ
พระกฤษณะ พระวิษณุก็ทำอุบายจนพญากงส์เอาตัวมาฆ่าไม่ได้ เมื่อพระกฤษณะเจริญวัยขึ้น
มีอานุภาพหาผู้เสมอเหมือนมิได้ ได้กลับมาฆ่าพญากงส์ และประหารอสูรร้าย อันเป็นพวกพญากงส์เสียสิ้น
หน้า ๘๗๗๓
๒๕๙๔. เทวดา ๑ - ปลา
เป็นปลาน้ำจืดสวยงาม ที่นิยมเลี้ยงกันแพร่หลาย ถิ่นเดิมอยู่ในทวีปอเมริกาใต้
แถบลุ่มแม่น้ำอเมซอน และออริโนโด
ลักษณะทั่วไปของปลาเทวดาคือ มีลำตัวแบนข้างมาก ครีบหลัง และครีบก้นแผ่ตัวสูง
ครีบท้องมีก้านครีบยื่นออกไปเส้นยาวมาก ครีบหางตัดตรง ลำตัวมีสีผิดกันไปตามพันธุ์
โดยปรกติเป็นสีเหลืองอ่อน ๆ ขนาดโตเต็มที่ยาว ๑๒ .๕ - ๑๕ ซม.
หน้า ๘๗๗๖
๒๕๙๕. เทวดา ๒
มีคำนิยามว่า "หมู่เทพ พวกชาวสวรรค์" ผู้เป็นเทวดาคือ ผู้มีแสงสว่างซ่านออกจากตัว
ผู้เกิดเป็นเทวดาต้องทำบุญอย่างใดอย่างหนึ่ง มีทาน ศีล ภาวนา เป็นต้น ด้วยใจเลื่อมใสศรัทธา
ที่อยู่ของเทวดาเรียกว่า สวรรค์
คำว่า "เทวดา" โดยรูปคำเป็นเพศหญิง แต่โดยความหมายเป็นได้ทุกเพศ โดยปรกติมักหมายถึง
เพศชาย ถ้ามุ่งถึงเพศชายใช้ว่า เทวบุตร หรือเทพบุตร ถ้ามุ่งถึงเพศหญิงใช้ว่า
เทวธิดาหรือเทพธิดา
ในคัมภีร์จูฬนิทเทส ขุทกนิกาย สุตตันตปิฎก แบ่งเทวดาออกเป็นสามประเภทคือ
๑. สมมติเทพ ได้แก่ พระราชา พระเทวี และพระกุมาร
๒. อุปปัติเทพ ได้แก่ เทวดา ชาวสวรรค์
๓. วิสุทธิเทพ ได้แก่ พระอรหันต์ สาวกของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า
ส่วนพระพุทธเจ้าเป็นอติเทพ นับเข้าในวิสุทธิเทพ ในพระสูตรหลายแห่งกล่าวถึง
ความสูงต่ำของเทวดาไว้ว่า เป็นอำนาจของบุญกุศลที่ได้บำเพ็ญไว้ต่างกัน
หน้า ๘๗๗๙
๒๕๙๖. เทวทัต
เป็นพระภิกษุรูปหนึ่งในพระพุทธศาสนา ท่านเป็นโอรสของพระเจ้าสุปปพุทธะ แห่งโกลิยวงศ์
ในนครเทวทหะ กับพระนางอมิตา พระภคินีของพระเจ้าสุทโธทนะ พุทธบิดา มีพระภคินีองค์หนึ่งคือ
เจ้าหญิงพิมพา หรือยโสธรา ซึ่งได้สมรสกับเจ้าชายสิทธัตถะ
หลังจากบรรพชาอุปสมบทแล้ว พระเทวทัตกับพระภิกษุอีกหกรูปได้พักจำพรรษา เพื่อศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย
อยู่กับพระบรมศาสดา ณ อนุปิยอัมพวัน และในระหว่างพรรษานั้น พระภัททิยะได้สำเร็จวิชชาสาม
พระอนุรุทธ์ได้ทิพจักษุ ต่อมาได้ฟังมหาปุริสวิตักกสูตร จึงได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์
พระอานนท์ได้สำเร็จพระโสดาบัน พระภคุ พระกิมพิละ ได้สำเร็จพระอรหันต์ ส่วนพระเทวทัตได้ฌานสี่
และมีฤทธิ์ขั้นปุถุชน สามารถนิรมิตตน ให้เป็นรูปร่างต่าง ๆ ได้
ต่อมาประมาณแปดปี ก่อนพุทธปรินิพพาน พระเทวทัตได้ตามเสด็จพระพุทธเจ้าไปยังนครโกสัมพี
พร้อมกับเถระผู้ใหญ่ แปดสิบรูป มีพระสารีบุตร พระมหาโมคคัลลานะ และพระมหากัสสปะ
เป็นต้น ปรากฎว่าชาวเมืองพากันนำภัตตาหาร ผ้าและเภสัช ไปถวายพระพุทธองค์ และพระเถระผู้ใหญ่วันละมาก
ๆ แต่ไม่มีผู้ใดถามหาพระเทวทัตเลย ทำให้ท่านน้อยใจมาก
วันหนึ่ง พระเทวทัตเกิดความคิดว่า ทำไมจึงไม่มีใครรู้จักตนบ้าง จะหาผู้ใดดีให้เป็นผู้อุปัฎฐาก
จึงจะมีลาภสักการะเช่นพระเถระรูปอื่น ๆ แล้วก็คิดถึงยุพราช แห่งมคธรัฐ คือ
เจ้าชายอชาติศัตรู
ราชโอรสพระเจ้าพิมพิสาร ซึ่งขณะนั้นยังทรงพระเยาว์ ยังไม่รู้จักพระพุทธศาสนา
จึงได้เดินทางไปยังนครราชคฤห์ พอได้โอกาสจึงนิรมิตตน เป็นกุมารน้อย มีงูพิษพันอยู่ในส่วนต่าง
ๆ ของร่างกาย แล้วเหาะไปปรากฎตัวบนพระเพลาของเจ้าชายอชาติศัตรู แล้วคลายฤทธิ์กลับเป็นพระภิกษุ
เจ้าชายทรงเลื่อมใสในอิทธิฤทธิ์นั้นมาก ถึงกับปวารณาตนเป็นผู้อุปถัมภ์พระเทวทัต
และทรงให้สร้างวิหารถวายที่ตำบลคยาสีสะ
เมื่อได้รับลาภสักการะและได้รับคำสรรเสริญมาก พระเทวทัตก็หลงลืมตัวเกิดความปรารถนาว่า
ต่อไปจะปกครองสงฆ์แทนพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงทราบเรื่องนี้จากพระมหาโมคคัลลานะ
จึงตรัสว่าการกระทำของเทวทัตจักปรากฎผลออกมาเอง แล้วตรัสเทศนาเรื่องศาสดาห้าจำพวกให้ฟัง
ต่อมาพระพุทธองค์ได้เสด็จไปถึงพระเวฬุวันได้ตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า สักวันหนึ่งพระเทวทัตจักเสื่อมลาภสักการะ
และจักเสื่อมจากกุศลกรรมทั้งหลาย และตรัสเปรียบเทียบว่าผลกล้วยย่อมฆ่าต้นกล้วย
ขุยไผ่ย่อมฆ่าต้นไผ่ และลูกม้าอัสดรย่อมฆ่าแม่ม้า ฉันใด ลาภสักการะ และสรรเสริญที่เกิดแก่เทวทัตย่อมฆ่าพระเทวทัตฉันนั้น
ต่อมาวันหนึ่งพระเทวทัตไปเฝ้าพระพุทธเจ้ากราบทูลขอปกครองสงฆ์แทนพระพุทธองค์
โดยอ้างว่าพระพุทธองค์ทรงชรามากแล้ว แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงอนุญาต พระเทวทัตโกรธจัดจึงผูกอาฆาตพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก
พระพุทธเจ้าได้ตรัสให้สงฆ์ทำปกาสนียกรรมแก่พระเทวทัต
ได้รับสั่งให้พระสารีบุตร เป็นตัวแทนสงฆ์ไปประกาศในกรุงราชคฤห์แทนสงฆ์ ตามความเป็นจริงว่า
แต่ก่อนพระเทวทัตเป็นอย่างหนึ่ง เดี๋ยวนี้กลับเป็นอีกอย่างหนึ่ง พระเทวทัตทำอย่างใด
พูดอย่างใด ไม่พึงเห็นว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นอย่างนั้น พึงเห็นเป็นเรื่องเฉพาะตัวพระเทวทัตเท่านั้น
พระเทวทัตคิดว่าตนถูกพระพุทธเจ้าทอดทิ้งแน่แล้ว จึงวางแผนจะสร้างความพินาศแก่พระพุทธเจ้า
แล้วเข้าไปเฝ้าเจ้าชายอชาติศัตรู ทูลยุยงให้ปลงพระชนม์พระราชบิดา แล้วขึ้นครองราชย์เสียเอง
ส่วนตนเองก็จะปลงพระชนม์พระพุทธเจ้า แล้วขึ้นทำหน้าที่แทน เจ้าชายอชาติศัตรู
ได้ดำเนินการตามจนเป็นผลสำเร็จ จากนั้นพระเทวทัตก็เริ่มดำเนินการให้คนไปยิงพระพุทธเจ้า
แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ จึงดำเนินการขั้นที่สองคือ ขึ้นไปบนเขาคิชกูฎ แล้วกลิ้งก้อนหินให้ตกมาทับพระพุทธเจ้า
แต่ไม่เป็นผล เพียงแต่มีเศษหินกระเด็นไปถูกพระบาทพระพุทธเจ้า ทำให้เกิดห้อพระโลหิตขึ้น
พระพุทธเจ้าทรงตรัสกับภิกษุทั้งหลายที่ติดตามว่า การกระทำดังกล่าวจัดเป็นอนันตริยกรรมคือ
บาปหนักยิ่งประการหนึ่ง
พระเทวทัตได้พยายามปลงพระชนม์พระพุทธเจ้าต่อไปอีก โดยให้ช้างนาฬาคีร์ของพระเจ้าอชาติศัตรูที่กำลังตกมัน
มาทำรายพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธองค์ทรงปราบช้างนั้นได้ ประชาชนผู้ประสบเหตุการณ์ต่างพากันแซ่ซ้องสาธุการ
และเลื่อมใสในพุทธานุภาพ ในขณะเดียวกันก็กล่าวโจษขานกันว่า เรื่องนี้พระเทวทัตเป็นตัวการ
และตำหนิพระเจ้าอชาติศัตรู ที่ยังบำรุงพระเทวทัตอยู่ พระเจ้าอชาติศัตรูจึงงดการบำรุงพระเทวทัต
และชาวกรุงก็ไม่ยอมใส่บาตรให้ด้วย
เมื่อเสื่อมลาภสักการะแล้ว พระเทวทัตกับเพื่อคู่ใจอีกสี่รูปก็เที่ยวกล่าวอวดตนให้ประชาชนเลื่อมใส
แต่ประชาชนก็มิได้หลงเชื่อ วันหนึ่งพระเทวทัตไปเฝ้าพระพุทธเจ้าทูลขอให้ทรงบัญญัติวัตถุห้าประการคือ
ให้ถือการอยู่ป่า ถือการบิณฑบาตร ถือผ้าบังสุกุล ถือการอยู่ตามโคนไม้ และถือมังสวิรัติ
เป็นวัตรตลอดชีวิต แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงอนุญาต พระเทวทัตจึงพาคณะเที่ยวโฆษณาชวนเชื่อในกรุงราชคฤห์ว่า
วัตถุห้าประการเป็นของดี มีประชาชนหลงเชื่อเป็นจำนวนไม่น้อย พระพุทธองค์ทรงทราบจึงเรียกพระเทวทัตมาตรัสเตือน
แต่พระเทวทัตไม่ยอมเชื่อ
เช้าวันหนึ่งพระเทวทัตพบพระอานนท์ จึงสั่งให้มากราบทูลพระพุทธเจ้าว่า นับแต่วันนั้นไปท่านจะทำอุโบสถสังฆกรรมแยกจากพระพุทธเจ้า
แยกจากสงฆ์ แล้วชักชวนพระภิกษุบวชใหม่ชาววัชชี ๕๐๐ รูป ให้เข้าเป็นพวกและนำไปอยู่ที่วิหารคยาสีสะ
กล่าวสอนลัทธิของตนว่า สิ่งที่พระสมณโคดมทำ ไม่ใช่ธรรม สิ่งที่ตนทำเท่านั้นคือ
ธรรม
เนื่องจากพระภิกษุ ๕๐๐ รูปนั้น เป็นสานุศิษย์ของพระสารีบุตร พระพุทธองค์จึงตรัสสั่งให้พระสารีบุตรติดตามาไปนำกลับมา
เมื่อพระเทวทัตรู้เข้า ก็ล้มป่วยอยู่เก้าเดือน เกิดสำนึกตน ก่อนตายขอให้ได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าขอขมาโทษ
แต่เมื่อเดินทางมาถึงหน้าพระเชตุวัน ก็ถูกแผ่นดินแยกตัวพระเทวทัตตกจมลงไป
ขณะจมถึงแค่คางได้กล่าวคำสรรเสริญพระพุทธคุณ และขอถึงพระพุทธองค์เป็นที่พึ่ง
หน้า ๘๗๘๓
๒๕๙๗. เทวทูต
โดยรูปคำแปลว่า ผู้ที่เทวดาส่งมาหรือส่งไป มีบทนิยามว่า "ชื่อคติแห่งธรรมดาสามประการคือ
ชรา พยาธิ มรณะ"
คำว่าเทวทูตนี้สันนิษฐานได้เป็นสองนัย นัยหนึ่งเป็นบุคคลาธิษฐานคือ ภาพที่ปรากฎแก่ตาที่สมมติเรียกกันว่าคนเกิด
คนแก่ คนเจ็บ คนตาย หรือภาพต่าง ๆ ที่ใช้เป็นนิมิตรหมาย อีกนัยหนึ่งเป็นธรรมาธิษฐาน
คือสภาวธรรมที่ได้นามบัญญัติว่าเกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือภาพลักษณ์อันปรากฎแก่ใจ
ทำให้เกิดความสังเวชสลดใจ ได้สติแล้วตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ทำให้ชีวิตมีประโยชน์ควรแก่ภาวะนั้น
ๆ หน้า
๘๗๙๕
๒๕๙๘. เทวธรรม
มีบทนิยามว่า "ธรรมสำหรับเทวดา ธรรมสำหรับทำบุคคลให้เป็นเทวดา คือหิริ และโอตคัปปะ
ธรรมหมวดนี้ในคัมภีร์ทุกนิบาต อังคุตรนิกาย สุตตันตปิฎก เรียกชื่อว่า ธรรมเป็นโลกบาลคือคุ้มครองโลก"
หน้า ๘๗๙๗
๒๕๙๙. เทวนาครี
เป็นชื่ออักษรที่ใช้สำหรับเขียนภาษาสันสกฤต และภาษาอินเดียบางภาษาเช่น ฮินดี
บางทีเรียกว่านาครี
คำว่านาครี เป็นคำคุณศัพท์มาจากคำนามว่า นคร (หรือนครี) "เมือง" นาครีจึงแปลว่า
"เกิดในเมืองเกี่ยวกับเมือง"
คำว่าเทวนาครี อาจวิเคราะห์ความหมายได้สองทางคือ "อักษรที่เกิดในเมืองเทวดา
อีกษรที่ใช้ในเมืองเทวดา" อีกทางหนึ่งอาจแปลได้ว่า "อักษรแห่งทวยเทพ"
อักษรเทวนาครี เป็นอักษรที่วิวัฒนาการจากอักษรพราหมีฝ่ายเหนือ ปรากฎในจารึกเก่าแก่ที่สุด
ที่ใช้อักษรชนิดนี้ล้วน ๆ ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ และต้นฉบับตัวเขียนเก่าแก่ที่สุด
มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๗
ตัวเลขที่ใช้ในระบบอักษรเทวนาครี เป็นต้นเค้าของเลขอารบิก ซึ่งพ่อค้าอาหรับได้ถ่ายทอดจากอินเดียไปสู่ยุโรป
จนเป็นที่นิยมใช้กันแพร่หลายทั่วโลก หลักการเขียนตัวเลขระบบเทวนาครีนี้ เหมือนกับหลักของเลขอารบิกฐานสิบ
หน้า ๘๘๐๑
๒๖๐๐. เทวยานี
เป็นชื่อธิดาของพระศุกร์ ผู้เป็นครูของอสูรทั้งปวง นางมีประวัติเกี่ยวข้องกับกษัตริย์
แห่งจันทรวงศ์ อย่างพิสดาร
ในกาลต่อมา นางเทวยานีได้ออกบวช กระทำความเพียรตามภักติมารค มุ่งเฉพาะพระวิษณุ
ก็ได้บรรลุความหลุดพ้นในที่สุด
หน้า ๘๘๐๓
๒๖๐๑. เทวรูป
คือ รูปของเทวะ หรือ เทพ ที่สร้างขึ้นด้วยการแกะสลัก ปั้นหรือหล่อ ใช้เป็นเครื่องหมายที่ระลึก
หรือเป็นตัวแทนของเทพ เพื่อเป็นที่สักการบูชา หรือเซ่นสรวง เทวรูปขนาดเล็ก
อาจใช้เป็นเครื่องรางคุ้มกันอันตราย หรือใช้เป็นเครื่องประดับกาย ส่วนขนาดใหญ่ใช้ตั้งบูชาในบ้านเรือนและโบสถ์วิหาร
การสร้างหรือประดิษฐ์เทวรูป มีความเป็นมาแสดงวิวัฒนาการ ตามลำดับรวมสี่ขั้นด้วยกันคือ
ขั้นที่หนึ่ง
เป็นรูปสัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายแทนเทพ เป็นระยะเริ่มแรกที่สุดที่มนุษย์คิดสร้าง
สิ่งที่ใช้แทนเทพที่ตนเกรงกลัว และเคารพนับถือ โดยทำเป็นเครื่องหมายง่าย ๆ
เช่น ชาวอียิปต์ เมื่อ ๗,๐๐๐ ปี มาแล้ว สมมติเอาเสาหินรูปร่างแปลก ๆ แทนเทพโอสิริส
ขั้นที่สอง
สร้างเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ ซึ่งเชื่อว่ามีอำนาจ หรือมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวมัน
จึงสร้างรูปสัตว์ขึ้นเคารพบูชาแทนองค์เทพ เช่น ชาวอียิปต์โบราณสร้างรูปจรเข้ขึ้น
สมมติว่าเป็นองค์เทพซีเบก แม้ในคัมภีร์ไบเบิลตอนแรก ที่เรียกว่า คัมภีร์เดิมของศาสนายิว
และศาสนาคริสต์ ก็มีเรื่องเล่าว่า ชาวยิวเคยสร้างรูปลูกวัวทองคำขึ้น เป็นที่เคารพบูชาแทนพระยะโฮวา
และสร้างรูปงูทองเหลือง แทนบริวารของพระยะโฮวา
ขั้นที่สาม
สร้างเป็นรูปครึ่งสัตว์ครึ่งมนุษย์ ชาวอียิปต์โบราณเชื่อกันว่า เทพรา หรือ
อาเมนรา คือ ผู้ให้กำเนิดแก่ราชาและราชินีของอียิปต์ และสร้างเทวรูปอาเมนราขึ้นให้มีกายเป็นมนุษย์
แต่มีศีรษะเป็นนก
ขั้นที่สี่
อันเป็นขั้นสุดท้าย แสดงความเจริญสูงสุด ทั้งในด้านความรู้สึกนึกคิด และฝีมือการช่าง
เทวรูปจึงมีลักษณะที่เป็นอุดมคติ และเป็นความจริงผสมผสานกันอย่างสนิท ระหว่างความเป็นเทพกับมนุษย์
มนุษย์ได้สร้างเทวรูปขึ้น จากรูปร่างของมนุษย์ แต่ได้เสริมแต่งความงามที่นับว่า
เป็นพิเศษแทรกเข้าไว้ด้วยฝีมือช่าง ประกอบด้วยจินตนาการอันสูงส่ง รูปที่ปรากฎจึงมิใช่รูปของมนุษย์ธรรมดา
แต่มีสุนทรียะ และศักดิ์เหนือกว่ามนุษย์ รูปของเทพจึงนับเป็นจุดยอดแห่งการสร้างสรรค์
สิ่งที่เป็นตัวแทนของรูปร่าง ทวยเทพให้เข้ากับรสนิยมของมนุษย์ที่มีความเจริญถึงที่สุด
เทวรูป ดังกล่าวจะเห็นได้จากเทวรูปต่าง ๆ ของอียิปต์รุ่นหลัง ซึ่งมีรูปร่างเป็นคนโดยสมบูรณ์
แต่มีเครื่องประดับตกแต่งศีรษะเป็นรูปแปลกๆ อันเป็นเครื่องหมายแสดงความเป็นเทพโดยเฉพาะ
เช่น ชายหนุ่มสวมรองเท้ามีปีก และถือไม้เท้ามีรูปงู หมายถึง เฮอร์เมส หรือเมอร์คิวรี
การสร้างเทวรูปแบบนี้ของกรีก ประมาณว่าเริ่มตั้งแต่พุทธศตวรรษที่สอง เป็นต้นมา
ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลามไม่มีเทวรูป เพราะพระเจ้าของศาสนาทั้งสองถือว่า
มีอยู่เพียงองค์เดียวในสากลจักรวาล และไม่นิยมสร้างรูปใด ๆ ขึ้นแทนองค์พระเจ้า
จะมีก็แต่เฉพาะรูปของเอนเจลต่างๆ ซึ่งแปลว่า ทูตสวรรค์ ไม่ใช่พระเจ้า
ศาสนาพราหมณ์ของพวกอารยันอินเดีย ก็ไม่เคยมีเทวรูป แต่ในสมัยต่อมาเมื่อล่วงพุทธกาลมาแล้วเล็กน้อย
ศาสนาพราหมณ์ได้แปลงรูปเป็นศาสนาฮินดู ความนิยมสร้างเทวรูปจึงมีขึ้น ส่วนศาสนาพุทธ
แม้จะมีการสร้างพระพุทธรูปเป็นครั้งแรก ที่แคว้นคันธาราษฎร์ และนิยมสร้างในสมัยต่อ
ๆ มา ไม่ถือว่าเป็นเทวรูปในทรรศนะของชาวพุทธ เพราะพระพุทธเจ้ามิใช่เทพ
หน้า ๘๘๐๘
๒๖๐๒. เทวสถาน
เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ประดิษฐานเทวรูป บางทีก็เรียกว่า เทวาลัย ถ้าเป็นเทวสถานในศาสนาพราหมณ์
โดยเฉพาะเรียกว่า "โบสถ์พราหมณ์"
เทวสถานมีอยู่หลายศาสนา แต่ที่รู้จักกันแพร่หลายในประเทศไทย เป็นเทวสถานของศาสนาพราหมณ์
เทพเจ้าที่สำคัญยิ่งของศาสนาพราหมณ์ ตามคัมภีร์ปุราณะ มีอยู่สามองค์คือ พระพรหม
พระวิษณุ (พระนารายณ์) และพระศิวะ (พระอิศวร)
หน้า ๘๘๑๕
๒๖๐๓. เทวะวงศ์วโรปการ - สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระยา พระองค์ทรงเป็นนักการทูตที่ปรากฎพระนาม
เป็นที่ยกย่องอย่างสูงในวงการทูต ตลอดสมัยที่พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีดกระทรวงการต่างประเทศ
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ (พ.ศ.๒๔๒๖ - ๒๔๖๖) พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ
องค์ที่สองในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ และเจ้าจอมมารดาเปี่ยม ประสูติเมื่อปี
พ.ศ.๒๔๐๑ พระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ทรงเป็นผู้ทูลเสนอให้ตั้งทูตไทยไปประจำอยู่ในราชสำนักต่างประเทศเป็นครั้งแรก
ไทยจึงเริ่มตั้งกงสุลขึ้นในอังกฤษเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.๒๔๒๕ แล้วจึงตั้งในประทศฝรั่งเศส
และประเทศอื่น ๆ ต่อมาทำให้นานาประเทศเริ่มยกย่องเกียรติยศของประเทศไทย และจัดตั้งราชทูตมาประจำในเมืองไทยเป็นการตอบแทน
กรมหมื่นเทวะวงศ์ ฯ ได้เป็นเสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๒๘
ในปี พ.ศ.๒๔๓๐ ได้เสด็จไปร่วมงานฉลองในการที่สมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรีย ครองราชย์ครบ
๕๐ ปี แทนพระองค์ ในขณะเดียวกันทรงเป็นผู้แทนไปเจริญทางพระราชไมตรีกับประเทศ
สวีเดน ฝรั่งเศส และเยอรมัน เมื่อเสด็จกลับจากยุโรป เมื่อเสด็จถึงญี่ปุ่นได้เป็นผู้เจรจาทำหนังสือแสดงทางไมตรีกับญี่ปุ่น
ในปี พ.ศ.๒๔๓๕ มีการตั้งเสนาบดีสภาขึ้น ๑๒ ตำแหน่ง กรมหลวงเทวะวงศ์ ฯ ทรงเป็นหัวหน้าเสนาบดี
มาทั้งสองรัชกาล ตลอดพระชนมายุ รวม ๓๑ ปี ระหว่างเหตุการณ์ ร.ศ.๑๑๒ หรือ "เหตุการณ์ที่ปากน้ำ"
กรมหลวงเทวะวงศ์ ฯ ทรงใช้สติปัญญาอันเฉลียวฉลาด พระราชดำริอันสุขุมรอบครอบ
ในการเจรจากับผู้แทนฝรั่งเศส แก้ไขสถานการณ์อันตึงเครียดลงได้
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ ได้โปรดเกล้า ฯ ให้เลื่อน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระเทวะวงศ์วโรปการ และทรงดำรงตำแหน่งผู้รักษาราชการพระนคร เมื่อไม่ทรงประทับอยู่
เป็นนายกสภาการคลัง นายกกรรมการตรวจร่างประมวลกฎหมาย ที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน
และราชการในพระองค์เป็นประจำ
สมเด็จ ฯ กรมพระยาเทวาวงศ์วโรปการ สิ้นพระชนม์ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๖ เสด็จดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงต่างประเทศเป็นเวลา
๓๘ ปี นานที่สุดเท่าที่เคยปรากฎมาคือ พระองค์ทรงรับราชการสืบเนื่องในสองรัชกาลรวม
๔๙ ปี หน้า
๘๘๒๔
๒๖๐๔. เทวาลัย
(ดูเทวาสถาน - ลำดับที่ ๒๖๐๒)
หน้า ๘๘๓๔
๒๖๐๕. เทศบัญญัติ
หมายถึง ข้อบังคับที่เทศบาลตราออกใช้บังคับ เนื่องจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ผู้ตราเทศบัญญัติขึ้น เป็นองค์กรที่มีอำนาจลดหลั่นรองลงมา จากอำนาจของสถาบันฝ่ายนิติบัญญัติของประเทศ
เทศบัญญัติจึงมีฐานะต่ำกว่าพระราชบัญญัติ หรือรัฐบัญญัติ
สำหรับบทลงโทษผู้ฝ่าฝืนเทศบัญญัตินั้น สากลนิยมถือกันว่าให้กำหนดได้เพียงโทษปรับ
มิให้กำหนดโทษจำคุก ร่างเทศบัญญัติก่อนมีผลใช้บังคับ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
หรือตัวแทนของรัฐมนตรีนั้นเสียก่อน โดยปรกติเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
เทศบัญญัติที่ได้รับความเห็นชอบแล้วให้ใช้บังคับได้ เมื่อประกาศไว้โดยเปิดเผยที่สำนักงานเทศบาลแล้วเจ็ดวัน
หน้า ๘๘๓๔
๒๖๐๖. เทศบาล
มีบทนิยามว่า "ราชการบริหารส่วนท้องถิ่น" ตามความหมายสากลหมายถึงเมืองหรือนคร
ที่มีเอกสิทธิ์บางประการในการปกครองตนเอง ทั้ง ๆ ที่เมืองหรือนครนั้น ๆ เป็นส่วนหนึ่งของประเทศหรือรัฐและอยู่ในอำนาจปกครองของรัฐบาลกลาง
จึงมีผู้เรียกเทศบาลว่า "รัฐบาลท้องถิ่น"
ระบบเทศบาล มีการนำมาใช้กันอย่างจริงจังในพุทธศตวรรษที่ ๒๔ นี้เอง หลักการในเรื่องอำนาจของเทศบาลในโลกเสรีมีอยู่ข้อหนึ่งที่ตรงกันคือ
ต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับความต้องการของท้องถิ่นเท่านั้น
ความเป็นมาของการเทศบาลในประเทศไทย ได้มี พ.ร.บ.จัดระเบียบเทศบาล พ.ศ.๒๔๗๖
เป็นกฎหมายว่าด้วยเทศบาลฉบับแรก เทศบาลในประเทศไทยมีสามระดับคือ เทศบาลนคร
เทศบาลเมือง และเทศบาลตำบล
หน้า ๘๘๓๙
๒๖๐๗. เทศมนตรี
คือผู้บริหารงานในท้องถิ่นเป็นตำแหน่งในฝ่ายบริหารของเทศบาล ปฏิบัติตามนโยบายของสภาเทศบาล
ตำแหน่งเทศมนตรีนี้เรียกชื่อต่าง ๆ กันในแต่ละประเทศ ตามปรกติเทศมนตรีเป็นสมาชิกของสภาเทศบาล
เทศมนตรีมีฐานะเป็นเจ้าพนักงาน ตามความหมายของกฎหมายลักษณะอาญา (ประมวลกฎหมายอาญา)
หน้า ๘๘๔๙
๒๖๐๘. เท้า
เป็นอวัยวะที่ใช้ยืน เดิน วิ่ง และกระโดด ประกอบด้วยกระดูกทั้งหมด ๒๘ ชิ้นด้วยกัน
เรียงตัวประกอบเป็นรูปสะพานโค้ง ขวางจากด้านหัวแม่เท้ามายังส้นเท้า และโค้งขวางจากด้านหัวแม่เท้าไปสู่ด้านนิ้วก้อย
ทั้งนี้เพื่อเป็นเครื่องรับแรงกระแทกแบบเดียวกับแหนบรถ การที่กระดูกเหล่านี้จะทรงอยู่ในรูปสะพานโค้งดังกล่าวได้
ก็ด้วยมีกล้ามเนื้อ เอ็นและพังผืด หุ้มข้ออีกมากมายเป็นตัวช่วยยึด
หน้า ๘๘๕๑
๒๖๐๙. เท้าช้าง - โรค
คืออาการที่มีหนังหนา หยาบคล้ายหนังช้าง และมีขนาดโตขึ้นของวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง
ซึ่งมักจะพบบ่อยที่เท้า หรือขาจึงได้ชื่อว่า "โรคเท้าช้าง" หรือ "โรคขาช้าง"
ความจริงนอกจากจะเกิดขึ้นกับขาแล้ว ยังอาจเกิดขึ้นกับอวัยวะส่วนอื่นเช่น ถุงอัณฑะ
ปากช่องคลอด เด้านม ฯลฯ ก็ได้ ซึ่งก็รวมเรียกว่า "โรคเท้าช้าง" ทั้งนั้น
อาการโรคเท้าช้างนี้ เกิดขึ้นเนื่องจากมีอาการอุดตันของท่อทางเดินน้ำเหลืองของวัยวะนั้น
ๆ ทั้งนี้เป็นผลของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดมีขึ้น ภายหลังจากการที่มีอาการอักเสบเรื้อรัง
ซ้ำ ๆ ซาก ๆ ของต่อมน้ำเหลือง และท่อทางเดินน้ำเหลืองของวัยวะมาก่อน ซึ่งต่อมาจะมีเยื่อพังผืดเกิดขึ้นแทนที่บริเวณอักเสบเหล่านั้น
จนทำให้การไหลเวียนของน้ำเหลืองไม่สะดวกและมากขึ้น ๆ จนในที่สุดถึงกับมีการอุดตันเป็นผลให้อวัยวะนั้นบวมโต
มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมทั้งผิวหนังบริเวณนั้น ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปด้วย โดยมีลักษณะหนา
หยาบ มองดูคล้ายหนังบริเวณขาช้าง ดังกล่าวมาแล้ว
หน้า ๘๘๕๕
๒๖๑๐. เท้ายายม่อม
เป็นชื่อเรียกพันธุ์ไม้สองชนิดที่พบขึ้นอยู่ในประเทศไทย เป็นพืชล้มลุก หัวหรือ
เหง้า มีสัณฐานกลมแบน ใบมีจำนวน ๑ - ๓ ใบ งอกตรงขึ้นจากหัวโคนใบ มีกาบหุ้ม
ตัวใบเป็นรูปไข่กลับรูปไข่ หรือรูปไข่ขอบขนาน ดอกขนาน ๖ - ๑๗ มม. ห้อยลง สีเหลืองอ่อน
เหลืองแกมเขียว กลีบดอกหนาขอบบาง ผลกลม วัดผ่าศูนย์กลาง ๑.๕ - ๒.๕ ซม. สีเขียว
เมื่อสุกสีเหลือง
เนื่องจากหัวมีแป้งมาก ที่เรียกกันว่า แป้งเท้ายายม่อม ใช้เป็นอาหารได้ดี
ส่วนอีกชนิดหนึ่ง เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูง ๖๐ - ๑๕๐ ซม. ใบเป็นชนิดใบเดี่ยวเรียงเป็นวงรอบ
กิ่ง ๓ - ๕ ใบ ตัวใบรูปหอกแคบ ๆ ยาว ๘ - ๒๐ ซม. ช่อดอกออกปลายกิ่ง ยาว ๒๐
- ๓๐ ซม. แยกแขนงสั้น ๆ โดยรอบ ผลกลม สุกสีดำ กล่าวกันว่าใช้ใบสูบแทนกัญชาได้
หน้า ๘๘๕๘
๒๖๑๑. เทิง
อำเภอขึ้น จ.เชียงราย มีอาณาเขตทิศตะวันออกจดประเทศลาว ภูมิประเทศเป็นที่ราบ
เป็นทุ่งนาบ้าง เป็นป่าบ้าง มีทุ่งกว้างเรียกว่า ทุ่งเทิง
อ.เทิง เคยเป็นอำเภอขึ้น อ.เชียงคำ เมื่อครั้งยังขึ้นกับ จ.น่าน ครั้นโอน
อ.เชียงคำมาขึ้น จ.เชียงราย จึงยกฐานะกิ่ง อ.เทิง เป็น อำเภอ
หน้า๘๘๕๗
๒๖๑๒. เทียกากิม
เป็นชาวเมืองจี้จิว มณฑลซัวตัง ประเทศจีน เกิดในปลายสมัยราชวงศ์สุย มีนิสัยห้าวหาญแต่เล็ก
ในวัยหนุ่มได้รวบรวมสมัครพรรคพวกหลายร้อยคน ทำหน้าที่ป้องกันตำบลของตนให้ปลอดพ้นจากโจรภัย
ต่อมาได้เป็นนายทหารสมุนเอกของหลีมิก หัวหน้าขบถ ๑ ใน ๑๘ คน สมัยนั้น เทียกากิมเป็นผู้มีฝีมือในการรบ
ภายหลังหันไปเข้าเป็นฝักฝ่ายกับเห่งซี่ซง หัวหน้าขบถอีกคนหนึ่ง ต่อมาไปสวามิภักดิ์หลีซีมิ้ง
เมื่อบิดาของหลีซีมิ้งขึ้นเป็นกษัตริย์ ทรงพระนามว่า พระเจ้าถังเถาโจ้ว ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ถัง
ต่อมาเมื่อหลีซีมิ้งได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ เทียกากิม ได้รับแต่งตั้งจนถึงขั้นเทียบเท่าสมเด็จเจ้าพระยา
และมียศทางทหารเป็นจอมพล บุตรของเขาได้เป็นราชบุตรเขยของพระเจ้าถังไท่จง
หน้า ๘๘๕๙
๒๖๑๓. เทียน
เป็นชื่อเรียกพืชล้มลุกสกุลหนึ่ง เป็นพืชที่ลำต้นอุ้มน้ำ เปราะ หักง่าย ใบเดี่ยวเรียงเวียนสลับกันหรือตรงข้ามกัน
ดอกสีสด ออกเดี่ยว ๆ ตามง่ามใบ ลำต้นอวบ สูงประมาณ ๕๐ ซม.
๒๖๑๔. เทียนชาน
เป็นเทือกเขาในเอเชียกลาง ทิศเหนือจดเทือกเขาอัลไต ทิศใต้จดเทือกเขาคุนลุน
เทือกเขานี้มีบริเวณอยู่ในรัฐเดอร์กิเซีย ประเทศรัสเซีย และทางตอนเหนือของมณฑลซินเกียงของจีน
คำว่าเทียนชาน ในภาษจีนปลว่า "ภูเขาสวรรค์" เพราะเทือกเขานี้สูงมาก ยอดเขาสูงสุดชื่อเดงกรีข่าน
อยู่ในตอนกลางของเทือกเขา สูงประมาณ ๗,๒๐๐ เมตร หินที่ประกอบกันเป็นภูเขานี้ส่วนใหญ่เป็นหินแกรนิต
นอกจากนี้ยังมีธารน้ำแข็งปกคลุมอีกมาก ป่าไม้บริเวณนี้เป็นป่าสน ต้นสนบางต้น
ลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง ๑.๕ เมตร
ประชาชนที่อาศัยในบริเวณเทือกเขานี้ ทางด้านประเทศจีนเป็นพวกเร่ร่อน เลี้ยงสัตว์
ทางด้านประเทศรัสเซียเป็นพวกชาวนา และผู้อาศัยในเมือง
หน้า ๘๘๖๑
๒๖๑๕. เทียนสิน
เป็นชื่อเมืองอยู่ในมณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน อยู่ห่างจากกรุงปักกิ่งไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ
๑๕๐ กม. เนื่องจากใกล้กับที่แม่น้ำหลายสายไหลมารวมกันเป็นแม่น้ำไห่แล้วไหลลงสู่ทะเลเหลือง
เทียนสินจึงเป็นทางผ่านออกสู่ทะเลของกรุงปักกิ่งและเป็นเมืองท่าของเมืองอื่น
ๆ ในบริเวณใกล้เคียง นอกจากนี้ยังเป็นเมืองอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมที่ใหญ่เป็นอันดับสองของจีน
รองจากเมืองเซี่ยงไฮ้
ในอดีตเมืองเทียนสินเป็นสถานที่ลงนามสนธิสัญญาในปี พ.ศ.๒๔๐๑ ระหว่างจีนฝ่ายหนึ่งกับฝรั่งเศส
อังกฤษ รุสเซีย และสหรัฐอเมริกาอีกฝ่ายหนึ่ง สนธิสัญญาฉบับนี้เรียกว่า "สนธิสัญญาเทียนสิน"
เป็นเหตุให้จีนต้องเปิดเมืองท่า ๑๑ แห่ง เพื่อการค้ากับต่างประเทศ เทียนสินเคยถูกฝรั่งเศส
และอังกฤษยึดครองในปี พ.ศ.๒๔๐๑ และ พ.ศ.๒๔๐๓ เป็นสมรภูมิระหว่างขบถนักมวย
และเป็นฐานทัพของทหารอเมริกัน และยุโรปชาติต่าง ๆ ในการบุกกรุงปักกิ่ง ในสมัยต่อมา
เมื่อเกิดสงครามกลางเมืองในจีน ฝ่ายคอมมิวนิสต์ก็ยึดเมืองนี้ไว้ได้ในปี พ.ศ.๒๔๙๒
หน้า ๘๘๖๒
๒๖๑๖. เทียรราชา
(ดูเทียรราชา - ลำดับที่ ๑๙๒๕)
หน้า ๘๘๖๓
๒๖๑๗. แทงทวย
เป็นไม้พุ่มขนาดใหญ่ หรือไม้ต้นขนาดเล็ก สูง ๑๐ - ๑๕ เมตร แตกกิ่งก้านสาขามาก
ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับกัน ลักษณะรูปไข่ ขนาดกว้าง ๓ - ๘ ซม. ยาว ๗ - ๑๕
ซม. ดอกออกเป็นช่อยาวที่ยอดหรือใกล้ยอด ดอกตัวผู้และดอกตัวเมีย แยกกันอยู่คนละต้น
ผลกลม มีสามพู ขนาดกว้าง ๕ - ๑๐ ซม. ยาว ๕ - ๗ ซม.
หน้า ๘๘๖๓
๒๖๑๘. แทงวิลัย - การเล่น
เป็นการเล่นในงานโสกันต์ เดิมเป็นของผู้ชายเล่น ต่อมาการเล่นแทงวิลัยส่วนมากเล่นเฉพาะผู้หญิง
การเล่นใช้คนสองคน แต่งตัวดูลักษณะเหมือนเสี้ยวกางถืออาวุธยาวเป็นทวน หรือหอก
วิธีเล่นเอาปลายอาวุธแตะกัน ข้างบนบ้างข้างล่างบ้าง เต้นเวียนไปทางซ้ายแล้วย้ายไปทางขวา
เหมือนงิ้วรบกัน แต่งิ้วเคลื่อนไหวเร็วกว่า
หน้า ๘๘๖๔
๒๖๑๙. แทตย์
เป็นคำในภาษาสันสกฤตแปลว่า "ลูกของนางทิติ" หรือเหล่ากอของนางทิติ ที่มีความหมายว่า
ลูกของนางทิติได้แก่แทตย์รุ่นแรกแท้ ๆ ที่เป็นลูกของนางทิติกับพระทัศยปฤษีเทพบิดร
มีอยู่สามตน สองตนแรกเป็นฝาแฝดชายชื่อหิรัณยกศิปุและหิรัณยากษะ น้องคนสุดท้องเป็นหญิงชื่อสิงหิกา
หิรัณยกศิปุ ได้รับพระจากพระอิศวรให้ได้เป็นใหญ่ในสามโลกคือสวรรค์ โลกมนุษย์
และบาดาล เป็นเวลาหลายล้านปี มีความกำเริบทะนงตนไม่นับถือพระวิษณุ แต่โอรสชื่อประหลาทกับนับถือบูชาพระวิษณุอย่างเคร่งครัด
ในที่สุดพระวิษณุได้อวตารลงมาเป็นนรสิงห์คือ
ครึ่งคนครึ่งสิงห์ และฆ่าหิรัณยกศิปุเสีย
ส่วนแทตย์ผู้น้องคือ หิรัณยากษะ (หิรันตยักษ์) ได้ม้วนแผ่นดินโลกแล้วหนีลงไปอยู่ใต้มหาสมุทร
พระวิษณุต้องอวตารลงมาเป็นหมู ตามไปฆ่าหิรัณยากษะ แล้วเอาเขี้ยวช้อนแผ่นดินโลกให้ขึ้นมาลอยอยู่เหนือน้ำดังเดิม
(ดูวราหาวตาร - ลำดับที่... ประกอบ)
นางสิงหิกา เป็นชายาของพญาทานพ (อสูรพวกหนึ่งเป็นเหล่ากอของนางทนุกับพระกัศยปฤษ์เทพบิดร)
ชื่อวิประจิตติ มีลูกชื่อราหู
ในกาลต่อมาพวกแทตย์กับพวกทานพได้แต่งงานกันมากมายมีเผ่าพงศ์วงศ์วานสืบมา พวกนี้จะเรียกว่าแทตย์ก็ได้
ทานพก็ได้ หน้า
๘๘๖๕
๒๖๒๐. แทนนิน
เป็นอนุพันธ์ของฟีนอล ไม่มีไนโตรเจนในโมเลกุล เป็นสารที่พบได้มากในส่วนต่าง
ๆ ของพืชหลายชนิด
แทนนิน มีประโยชน์หลายอย่างเช่น
๑. ป้องกันพืชจากการสลายเน่าได้
๒. ใช้ในอุตสาหกรรมฟอกหนัง
๓. ใช้ทางการแพทย์ได้แก่เป็นยาห้ามเลือด เมื่อใช้เฉพาะที่ ใช้ในรายท้องเดิน
และรายที่มีการอักเสบของลำไส้อย่างเรื้อรัง ใช้ผสมกับกลีเซอรีน ทาหัวนมหญิงมีครรภ์แก่
ป้องกันความเจ็บปวดตอนทารกดูดนม ใช้ผสมกับยาบางอย่างทาผิวหนัง ป้องกันแดดเผาตัวได้
ทำเป็นยาอมแก้อาการเจ็บคอ ทำเป็นขี้ผึ้งทาริดสีดวงทวารหนัก ใช้เฉพาะที่เช่นแต่งแผลไฟไหม้
ใช้เป็นยาแก้พิษ
หน้า ๘๘๖๘
๒๖๒๑. โทง
เป็นเครื่องมือจักรสานชนิดหนึ่ง รูปร่างคล้ายขวด สูง ๑.๖ เมตร กว้าง ๑ เมตร
คอกว้าง ๒๗ ซม. ปากกว้าง ๓๐ ซม. ที่ก้นมีช่องปลาเข้าหนึ่งช่อง กว้าง ๑๖ ซม.
ทำด้วยไม้ไผ่สาน ช่องตาถี่มาก วิธีใช้ผูกกับต้นไม้ไผ่ปักลงในน้ำ หรือผูกแขวนกับหลัก
ซึ่งทำด้วยไม้ปักเป็นสามขา ให้ปากโทงอยู่พ้นน้ำ ก้นโทงอยู่สูงจากพื้นดินใต้น้ำประมาณ
๕๐ - ๘๕ ซม. ใช้ส่าเหล้าเป็นเหยื่อจับได้ปลาเทโพ ปลาสวาย มีใช้ในจังหวัดริมแม่น้ำโขง
หน้า ๘๘๗๐
๒๖๒๒. โทงเทง - กระโทงเทง
เป็นปลาทะเลขนาดใหญ่ ลำตัวแบนข้าง ริมฝีปากยื่นยาวออกเป็นรูปดาบ และแหลมจึงเรียกว่า
ปลาดาบ
ไม่มีฟัน ปลาชนิดนี้เป็นที่รู้จักกันว่า บางคราวก็ทำอันตรายเรือในมหาสมุทรอินเดีย
ปากแหลมของมันได้แทงเรือให้ทะลุได้ คนไทยเรียกปลาเหล่านี้ เป็นสามัญว่า "ปลาโทงเทง"
พบอยู่ในทะเลเขตร้อน
ปลาโทงเทง พอจะแบ่งออกได้เป็นสองวงศ์คือ วงศ์ปลาดาบ และวงปลาใบเรือ
หน้า ๘๘๗๑
๒๖๒๓. |