ผู้สามารถสละเลือดเนื้อและร่างกายของตน
เพื่อปกป้องเอกราชอธิปไตยของชาติ
ถือได้ว่าเป็นผู้กล้า
ที่หาได้โดยยาก ด้วยเป็นการเสียสละอย่างสูงสุด
ทั้งเป็นบุคคลที่มีบุญคุณอย่างยิ่งแก่คนทั้งชาติ
(พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จระเจ้าอยู่หัว)
อนุเสาวรีย์ทหาร
ณ
กรุงเทพมหานคร
|
สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระมหาวีรกษัตรยาธิราชเจัาของชาวไทย บรรดาวีรชนไทยทั้ง
วีรบุรุษ วีรสตรี ที่ได้สละ เนื้อชีวิตและความลำบากยากเข็ญแสนสาหัส เพื่อปกป้องแผ่นดินไทยจากอริราชศัตรู
ให้ไทยได้คงเป็นไทมาถึง ทุกวันนี้ ทำให้ชาติไทยดำรงความเป็นเอกราช อธิปไตย
มีสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ผู้ทรงคุณอันประเสริฐมั่นคง ยืนนานมาจนตราบถึงทุกวันนี้
เป็นสถานที่บรรจุอัฐิ จารึกนามผู้กล้าหาญและเสียสละเพื่อชาติ จารึกวีรกรรมของเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่ชาติไทย
ได้ฟันฝ่ามาเป็นพิพิธภัณท์สงคราม ตั้งอยู่ที่บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต ติดกับถนนพหลโยธิน
ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานนามว่าอนุเสาวรีย์ทหาริ เมื่อ ๒๕
มี.ค.๒๖ และได้ทรงประกอบ พิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อ ๒๐ ก.ค.๒๖ และได้ทรงประกอบพิธีเปิดเมื่อ
๒ ก.ค.๓๗
วัตถุประสงค์ของการสร้างอนุเสาวรีย์ทหาริ
๑. เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ผู้เสียสละชีวิตเพื่อประเทศชาติ และจารึกนามผู้กล้าหาญเหล่านี้ไว้ให้สถิตถาวรสืบไป
๒. เพื่อเป็นสถานที่แสดงประวัติวีรกรรม และเหตุการณ์รบครั้งสำคัญต่าง
ๆ
๓. เพื่อเป็นเครื่องกระตุ้นเตือนให้ประชาชนได้ตระหนักถึงภัยที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต
อันเป็นผลกระทบต่อความมั่นคงของสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
๔. เพื่อเป็นสถานที่ศึกษาหาความรู้ และพักผ่อนหย่อนใจของประชาชนทั่วไป
การดำเนินการจัดสร้าง หลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ดำเนินการจัดสร้าง
อนุเสาวรีย์ทหาริ ตามที่กล่าวข้างต้นแล้ว กองบัญชาการทหารสูงสุดจึงได้ดำเนินการ
จัดสร้างและตกแต่งอนุเสาวรีย์ทหาริจนแล้วเสร็จสมบูรณ์ และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเสด็จมาประกอบพิธีเปิดอนุเสาวรีย์ทหาริ
เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๓๗
อนุเสาวรีย์ทหาริประกอบด้วย ส่วนสำคัญ ๕ ส่วนคือ
ส่วนที่ ๑ ลานประกอบพิธี
ส่วนที่ ๒ อาคารประกอบพิธี
ส่วนที่ ๓ อาคารประวัติศาสตร์และพิพิธภัณฑ์ทหาร
ส่วนที่ ๔ อาคารภาพปริทัศน์
ส่วนที่ ๕ ภูมิสถาปัตยกรรมและพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง
ลานประกอบพิธี
สร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๒๖ เป็นลานกว้าง ๓๕ เมตร ยาว ๗๐
เมตร ใช้สำหรับตั้งแถวทหารกองเกียรติยศได้ ๑ กองร้อย เพื่อต้อนรับประมุขหรือบุคคลสำคัญของประเทศ
และของต่างประเทศที่มาเยือนอนุเสาวรีย์ทหาริอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ยังใช้สำหรับวางพวงมาลาในพิธีสำคัญต่าง
ๆ บนลานประกอบพิธีประดับธงกองบัญชาการทหารสูงสุด ธงกองทัพบก ธงกองทัพเรือ
ธงกองทัพอากาศ ธงกรมตำรวจ และธงกองอาสารักษาดินแดน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนหน่วย
พลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่ร่วมกันประกอบวีรกรรมเพื่อชาติ ส่วนด้านข้างประดับธงชาติไทยสลับกับธงชาติของประเทศที่มาเยือน
ด้านละ ๑๐ ธง