ศาสนา
ความเชื่อพิธีกรรม
ประชากรส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ ๙๐ นับถือพุทธศาสนา รองลงมาเป็นศาสนาอิสลาม และศาสนาคริสต์
ชาวนครนายกนับถือพุทธศาสนามาเป็นเวลาช้านานแล้ว โดยมีหลักฐานการขุดพบพระพุทธรูปสมัยทวารวดี และสมัยลพบุรีที่ตำบลดงละคร
อำเภอเมือง ฯ นอกจากนั้นยังพบวัดร้าง เจดีย์ และพระพุทธรูปสมัยอยุธยาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ทั่วทุกอำเภอของจังหวัด
ศาสนาคริสต์ได้เผยแพร่เข้ามาโดยเน้นเฉพาะกลุ่มคนจีน สามารถตั้งวัดของชาวคริสต์ได้สำเร็จ
ส่วนศาสนาอิสลาม เข้ามาในเมืองนครนายก ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
โดยมาจากเมืองปัตตานี นอกจากนั้นยังมีการอพยพของคนไทยอิสลามจากเขตหนองจอก
เขตมีนบุรี กรุงเทพ ฯ ซึ่งมีเขตติดต่อกับอำเภอองครักษ์ ดังนั้นไทยอิสลามที่อำเภอองครักษ์จึงเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดของจังหวัด
หลักคำสอนสำคัญของศาสนาอิสลาม
ประกอบด้วย หลักศรัทธา ๖ และปฏิบัติ ๕ คือ
หลักศรัทธาหกประการ
คือ ศรัทธาในพระเจ้า เทพบริวารหรือเทวทูตของพระเจ้า (มลาอิกะห์) คัมภีร์กุรอาน
ผู้ประกาศสัจธรรมแก่มนุษย์ในแต่ยุคสมัย มีมะหะหมัดเป็นผู้ประกาศคนสุดท้าย
ศรัทธาในวันพิพากษาและกฎกำหนดสภาวการณ์ของพระเจ้า
ศรัทธาในพระเจ้า
เป็นหัวใจสำคัญของชาวอิสลามที่แท้จริงคือเชื่อว่า พระเจ้าที่แท้จริงมีเพียงอัลลอห์
(ซุปห์) ผู้เดียว ไม่ตั้งสิ่งอื่นเป็นที่เคารพบูชา และเชื่อว่าพระเจ้าสร้างสรรพสิ่งทั้งปวงด้วยเมตตา
กรุณา และยุติธรรม ตลอดจนรู้การกระทำ และเข้าในความคิดของทุกคนทั้งในที่ลับและที่แจ้ง
ศรัทธาในเทพบริวารหรือเทวทูตของพระเจ้า (มลาอิกะห์)
มลาอิกะห์ เกิดจากธาตุบริสุทธิ์มีรัศมีรุ่งโรจน์ ไม่มีเพศ ไม่ทำสิ่งใดตามความพอใจ
ไม่สามารถกำหนดรูปลักษณะ แต่เป็นสิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้นมามีจำนวนมากและมีหน้าที่ต่าง
ๆ กันเช่น ยิบรออีล
มีหน้าที่นำโองการจากพระเจ้ามาถ่ายทอดแก่ผู้ประกาศ ฯ รกิบ
- อต๊ค มีหน้าที่บันทึกการทำความดีความชั่วของมนุษย์
อิสรออีล
มีหน้าที่ปลิดวิญญาณมนุษย์จากร่าง
มุนกัร -
นกี มีหน้าที่สอบสวนผู้ตาย ณ หลุมฝังศพ
ชาวอิสลามทุกคน ต้องเชื่อว่าเทพบริวารหรือเทวทูตทั้งหลายมีจริง
ศรัทธาในคัมภีร์กุรอาน
ในอดีตตอนที่พระเจ้าจะให้คัมภีร์กุรอาน แก่ นบีมะหะหมัด
(ซอล) ซึ่งเป็นคัมภีร์ฉบับสุดท้าย พระเจ้าได้ให้คัมภีร์อื่น ๆ แก่อดีตผู้ประกาศ
ฯ (นบี) ในยุคสมัยต่าง ๆ มาก่อนเป็นจำนวนถึง ๑๐๔ คัมภีร์
ชาวอิสลามเชื่อว่าคัมภีร์กุรอาน เป็นคัมภีร์ฉบับสุดท้าย ที่สมบูรณ์ยิ่งกว่าคัมภีร์ที่เคยให้แก่ผู้ประกาศ
ฯ (นบี) อื่น ๆ ในอดีต
ศรัทธาในบรรดาศาสนทูต
ศาสนาอิสลามจำแนกศาสนทูต หรือผู้รับคำสั่งจากพระเจ้า ให้นำบทบัญญัติของพระเจ้ามาสั่งสอนคน
ในแต่ละยุคสมัยเป็นสองประเภทคือ ศาสนทูตผู้ได้รับมอบให้ปฏิบัติหน้าที่ตามแบบอย่างที่กำหนดในบทบัญญัติเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เรียกว่า นบี และศาสนทูต ผู้รับมอบให้ปฏิบัติหน้าที่ตามแบบอย่างที่กำหนดในบทบัญญัติและเผยแพร่บทบัญญัตินั้นแก่คนทั่วไปเรียกว่า
รอซุ้ล ชาวอิสลามเชื่อว่า มะหะหมัดเป็นทั้งนบีและรอซูล
ศรัทธาในวันพิพากษา
ศาสนาอิสลามเรียกโลกปัจจุบันว่า โลกดุนยา
เป็นโลกแห่งการทดลองไม่จีรังยั่งยืนรอวันพิพากษาเรียกว่า วันกียามะห์
ซึ่งเป็นวันพิพากษาหรือวันกำเนิดปรโลก โลกใหม่ที่เกิดขึ้นในวันดังกล่าวเป็นโลกอมตะ
เรียกว่า โลกอาคิรัต
มนุษย์และสรรพสิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นในโลกดังกล่าว จะมีชีวิตเป็นนิรันดร
ในวันกียามะห์นั่น ทุกชีวิตที่ตายไปแล้วจะกลับฟื้นคืนชีพอีกครั้ง เพือชำระผลกรรมที่ทำไว้ในสมัยมีชีวิต
ศรัทธาต่อกฎกำหนดสภาวะการณ์
ศาสนาอิสลามกล่าวว่า อัลลอห์เป็นผู้กำหนดกฎสภาวการณ์แห่งโลก และมวลมนุษยชาติไว้สองลักษณะ
คือ สภาวะการณ์ที่คงที่ และสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้
-
สภาวการณ์ที่คงที่ ได้แก่ กฎแห่งธรรมชาติ เช่น ดินฟ้าอากาศ
ระบบการโคจรของดวงดาวและชาติพันธุ์ของมนุษย์ ฯลฯ
- สภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ เป็นสภาวการณ์ที่ขึ้นกับเหตุและผล ที่มนุษย์แต่ละคนใช้สติปัญญาของตนเลือกประพฤติปฏิบัติ
เช่น พระเจ้าสร้างมนุษย์ให้มีรูปลักษณะเหมือนกัน แล้วให้แนวทางประพฤติปฏิบัติที่ดีงามแก่มนุษย์
ส่วนสถานภาพในภายหลังจะเป็นอย่างไรนั้น สุดแต่การกระทำของแต่ละบุคคล
หลักปฏิบัติห้าประการ
ได้แก่ การปฏิญาณตน การละหมาด การถือศีลอดในเทศกาลรอมดอน การบริจาคทามซะกาด
และการประกอบพิธีฮัจญ์
การปฏิญาณตน
คือ การประกาศยอมรับนับถือศรัทธาด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าอัลลอห์เป็นพระเจ้าสูงสุดเพียงหนึ่งเดียว
และจะปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอห์ เว้นปฏิบัติในสิ่งที่อัลลอห์ห้าม ฉะนั้นการยอมรับในเอกภาพสูงสุดของพระเจ้าดังกล่าว
ทำให้ชาวมุสลิมไม่ต้องมีสัญญลักษณ์อื่นใดสำหรับการเคารพบูชา
การละหมาด
หมายถึง การขอพรจากอัลลอห์ เป็นการเจริญรอยตามนบีมะหะหมัด ที่ถือเรื่องการสวดมนต์เป็นกิจวัตรสำคัญที่สุด
เป็นหนทางไปสู่สวรรค์ (การเข้าเฝ้าพระเจ้า) ชาวมุสลิมที่บรรลุนิติภาวะแล้วต้องสวดมนต์ทุกวัน
ๆ ละ ห้าครั้งในเวลา เช้ามืด ตั้งแต่แสงอาทิตย์ปรากฎจนดวงอาทิตย์ขึ้น
เที่ยงวัน
จนถึงบ่ายคล้อย
เย็น
ตั้งแต่บ่ายคล้อยจนดวงอาทิตย์ตก
พลบค่ำ
หลังดวงอาทิตย์ตกจนสิ้นแสงอาทิตย์ กลางคืน หลังสิ้นแสงอาทิตย์จนปรากฎแสงของวันใหม่
สำหรับสตรีขณะมีรอบเดือนหรือมีเลือดหลังคลอดได้รับการยกเว้น
สถานที่ทำพิธีละหมาด
ในวันธรรมดา ทำได้ทั่วไป ไม่มีเงื่อนไข เพียงให้เป็นที่สะอาดเท่านั้น จะทำที่มัสยิด
บ้านที่ทำงาน ในยานพาหนะ ฯลฯ ก็ได้ ยกเว้นวันศุกร์
และเทศกาลพิเศษเท่านั้นที่บ้งคับให้ทำที่มัสยิด
การถือศีลอด ในคัมภีร์กุรอานกำหนดให้ชาวอิสลามที่บรรลุนิติภาวะ
และมีสุขภาพสมบูรณ์ทุกคนถือศีลอดในเทศกาลรอมดอน
ซึ่งตรงกับเดือนเก้าของศักราชฮิจรียะ
เป็นเวลาหนึ่งเดือน
- บุคคลที่ได้รับการยกเว้นคือคนชรา คนป่วยเรื้อรังหรือมีสุขภาพไม่ปกติ
สตรีมีรอบเดือน มีครรภ์และหลังคลอด บุคคลที่ใช้แรงงานทำงานหนัก และบุคคลที่อยู่ระหว่างการเดินทาง
- การปฏิบัติระหว่างถือศีลอด ต้องละเว้นการกระทำทางกาย เช่น บริโภคอาหาร
ดื่มน้ำ ลูบไล้ร่างกายด้วยของหอม พูดเท็จนินทาว่าร้ายผู้อื่น ทวนสบถ
ตลอดจนการกระทำใด ๆ เพื่อราคะ ฯลฯ ต้องควบคุมอารมณ์ทางจิตต่าง ๆ เช่น
ความโกรธ ให้อยู่ในความสงบและความบริสุทธิ์ตลอดเวลา ระยะเวลาในการปฏิบัติให้ทำตั้งแต่เช้ามืดจนถึงดวงอาทิตย์ตก
ประมาณ ๑๕ ชั่วโมง หรือน้อยกว่านั้น แล้วแต่สถานที่
การบริจาคทานซะกาด
มาจากคำเดิมในภาษาอาหรับว่า ซะกาห์
แปลว่าการทำให้บริสุทธิ์ และความเจริญงอกงาม แต่เดิมให้ด้านกำลังกาย สติปัญญา
และช่วยเหลือสิ่งอื่น เช่น สัตว์เลี้ยงประเภทโค แพะ แกะ อูฐ ต่อมาจึงเป็นการบริจาคตามที่ศาสนาบังคับ
ผู้มีทรัพย์สิน และรายได้รอบปีมากเกินจำนวนที่ศาสนากำหนด โดยจ่ายส่วนที่เกินนั้นให้แก่ผู้ควรได้รับหรือผู้มีสิทธิ์รับบริจาค
ตามอัตราที่ศาสนากำหนดคือร้อยละ ๒.๕ ต่อปี
- ผู้มีสิทธิ์ได้รับทานซะกาด ได้แก่ คนอนาถามีความเป็นอยู่แร้นแค้น
ไม่สมควรแก่อัตภาพ ผู้ขัดสน รายได้ไม่พอกับรายจ่ายที่จำเป็น ผู้ทำหน้าที่รวบรวม
และแจกจ่ายซะกาด ผู้ควรแก่การปลอบใจ เช่น ผู้เลื่อมใสและน้อมรับนับถือศาสนาอิสลามในระยะแรก
ทาสหรือเชลยซึ่งนายทาสให้สัญญาอนุญาตให้นำเงินมาไถ่ตัวได้ ผู้มีหนี้อันเกิดจากการประกอบอาชีพสุจริต
ผู้สนับสนุนส่งเสริมวิถีทางของอัลลอห์ เช่น โรงเรียนและสถานพยาบาล ฯลฯ และผู้เดินทางไกลที่ขาดปัจจัยในการเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอน
การประกอบพิธีฮัจญ์
คำว่าฮัจญ์ แปลว่าการมุ่งไปสู่หรือการไปเยือน
การประกอบพิธีฮัจญ์จึงหมายถึง การเดินทางไปประกอบศาสนกิจของชาวอิสลาม ณ สถานอับดุลเลาะห์
ประเทศซาอุดิอาระเบีย มีที่มาจากคำประกาศในคัมภีร์กุรอานให้ชาวอิสลามศรัทธาต่ออัลลอห์
แล้วเดินทางไปเคารพชัยตุลเลาะห์ที่เมืองเมกกะ อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต
เรียกการเดินทางนั้นว่าไปฮะยี (Haji) เป็นการทำตามแบบอย่างนบีมะหะหมัดที่ไปเคารพสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ก่อนถึงแก่กรรม
-
คุณสมบัติของชาวอิสลามที่ไปประกอบพิธีฮัจญ์ คือ มีใจศรัทธาอย่างแท้จริงโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนหรืออวดความมั่งมี
มีสุขภาพและสติปัญญาสมบูรณ์ มีทรัพย์สินเพียงพอสำหรับใช้จ่ายในการเดินทางโดยไม่ต้องสร้างหนี้
และไม่เป็นภาระแก่ผู้รับผิดชอบได้จัดการทรัพย์สินและครอบครัวเรียบร้อยแล้ว
ได้ทำพิธีละหมาด ถือศีลอดและบริจาคซะกาดครบถ้วน และเส้นทางที่จะไปทำพิธีปลอดภัยได้ทำพิธีละหมาด
ถือศีลอด และบิจาคซะกาดครอบถ้วย และเส้นทางที่จะไปทำพิธีปลอดภัย
-
เทศกาลพิธีฮัจญ์ มีปีละครั้ง ตั้งแต่วันที่หนึ่งของเดือนสิบถึงวันที่สิบของเดือนสิบสองของศักราชฮิจริยะ
(ซุลฮิจญะห์) เริ่มวันใดในห้วงเวลาดังกล่าวก็ได้ แต่ต้องอยู่ในพิธีจนวันที่เก้าและสิบของเดือนสิบสอง
ซึ่งเป็นวันสำคัญที่สุด และชาวอิสลามจากทั่วโลกจะไปชุมนุมทำพิธีกันในโอกาสดังกล่าวมากที่สุด
อย่างไรก็ตามชาววอิสลามจะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์นอกเทศกาลได้เรียกว่า อุบเราะห์
(ฮัจญ์เล็ก)
- ขั้นตอนการประกอบพิธีฮัจญ์ คือ การครองเอียะห์ราม (นุ่งขชาวห่มขาว)
ตั้งปณิธานการพิธรเพื่ออัลลอห์ การชุมนุมร่วมกัน ณ ทุ่งอาระฟะห์
แล้วแรมคืนที่มุซดะลีฟะห์มินา และการเดินเวียนซ้ายรอบชัยดุลเลาะห์ การเดินไป
- มา ระหว่างเนินเขาซอฟากับเนินเขามังวะห์ ตลอดจนการโกนหรือขลิบเส้นผม
พิธีการสำคัญ
มีอยู่สามประการด้วยกันคือ
พิธีรักษาความสะอาด
เป็นกิจที่ชาวอิสลามทุกคนพึงปฏิบัติก่อนทำพิธีละหมาดและพิธีฮัจญ์ ตามที่ระบุไว้ในคัมภีร์กุรอานและหะดิส
การอาบน้ำละหมาดคือ การล้างอวัยวะบางส่วนของร่างกายตามลำดับคือ ล้างใบหน้า
ล้างมือ ลูบศีรษะและล้างเท้า
ข้อบังคับเพื่อการปฏิบัติ
ชาวอิสลามต้องอาบน้ำให้สะอาดก่อนทำพิธีอาบน้ำละหมาด ทั้งกรณีที่หญิงเพิ่งหมดรอบเดือน
หลังหญิงชายร่วมประเวณีหรือฝัน การอาบน้ำละหมาดไปแล้วจะเป็นโฆษะ เมื่อมีพฤติกรรมเกิดขึ้นดังนี้คือหลับสนิท
เป็นลมหมดสติ มือสัมผัสอวัยวะเพศโดยปราศจากสิ่งรองรับ สัมผัสเพศตรงข้ามแล้วเกิดกำหนัด
ผายลม ถ่ายปัสสาวะ อุจจาระ มีน้ำเมือกเคลื่อนออกมาจากความกำหนัด ร่วมประเวณี
มีรอบเดือนและคลอดบุตร
นอกจากนั้น บทบัญญัติของศาสนาอิสลาม กำหนดน้ำที่ใช้ในพิธีรักษาความสะอาดอยู่เจ็ดประเภทคือ
น้ำฝน - น้ำค้าง น้ำทะเล น้ำคลอง น้ำบ่อ หิมะ ลูกเห็บ และตาน้ำ
น้ำที่มีสิ่งเจือปนหรือใช้ชำระล้างมลทินแล้วห้ามใช้ประกอบพิธีดังกล่าว ถ้าในกรณีขาดแคลนน้ำ
อนุญาตให้ใช้ฝุ่นจากดินแทนน้ำได้เรียกว่า ตะยัมมุม โดยใช้ฝ่ามือทาบบนฝุ่น
เคาะหรือเป่าฝุ่นที่มากเกินไปออกเสียบ้าง ใช้ฝ่ามือทั้งสองลูบไล้ใบหน้าและลูบมือทั้งสอง
โดยใช้มือซ้ายลูบหลังมือขวา แล้วใช้มือขวาลูบหลังมือซ้ายสลับกัน
ข้อพึงปฏิบัติ
ชาวอิสลามที่ยังไม่ได้อาบน้ำละหมาด ห้ามประกอบพิธีละหมาด เดินเวียนรอบชัยตุลเลาะห์ในพิธีฮัจญ์
และสัมผัสคัมภีร์กุรอาน
พิธีขอพรพระเจ้า (ดูอาห์)
เป็นพิธีกรรมที่นบีมะหะหมัดทำตลอดชีวิต เป็นต้นว่าขอให้ผู้ป่วยที่พบหายป่วย
ขอให้ของที่หายได้คืน ขอให้ปลอดภัยจากการเดินทาง และขอให้คุ้มครองจากการข่มเหงรังแก
ฯลฯ พระเจ้าจะรับหรือไม่รับ การขอพรขึ้นอยู่กับการทำที่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์คือเป็นผู้กลับใจจากความผิดพลาดต่ออัลลอห์
โดยได้สารภาพความผิดของตนแล้ว สิ่งของเครื่องใช้และปัจจัยสี่ควรได้มาโดยสุจริตด้วยการอนุญาต
(หะราล) ใจยึดมั่นอยู่ที่การละลึกในอัลลอห์ และสิ่งที่ขอไม่น่ารังเกียจ หรือให้โทษภัยแก่ผู้อื่น
การปฎิบัติเพื่อขอพร ให้นั่งคุกเข่าหรือนั่งพับเพียบ ไม่ยกนัยน์ตา (เหลือบตาดูเบื้องบน)
โดยขอพรให้บิดามารดา และแสดงความปรารถนาดีต่ออัลลอห์ ให้กล่าวซ้ำสำหรับพรสำคัญที่ขอหลาย
ๆ ครั้ง (อย่างน้อยสามครั้ง) แล้วภาวนาขอพรอย่างมีสมาธิ สงบเสงี่ยม นอบน้อมด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
หลักคำสอนของคริสศาสนา
มีหลักที่สำคัญดังนี้
หลักตรีเอกานุภาพ (Trimity)
คือการยึดมั่นและเคารพบูชาในอานุภาพแห่งพระเจ้าทั้งสามคือ พระยโฮวา (พระบิดา)
พระเยซู (พระบุตร) พระจิต (วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพระบิดาและพระบุตรรวมกัน)
ความรัก
เป็นหลักใหญ่และสำคัญที่สุด ในคำสอนโดยสอนว่า จงรักพระเจ้า รักครอบครัว รักเพื่อนบ้านและรักเพื่อนมนุษย์
แล้วจะได้รับความรักจากโลกเป็นสิ่งตอบแทน
อาณาจักรแห่งพรเจ้า
(Kingdom of God) คือ สวรรค์ เป็นสถานที่ซึ่งผู้เลื่อมใสศรัทธาและปฎิบัติตามคำสอนของพระเจ้าอย่างแท้จริง
มีโอกาสขึ้นไปรวมกับพระเจ้า ณ ที่นั้นไม่มีร้อน ไม่มีหนาว ไม่มีกลางวัน กลางคืน
ไม่มีกาลเวลา ไม่ต้องกินอาหาร ไม่มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย มีแต่ความร่มรื่นและสุขสงบ
เรียกว่า ชีวิตนิรันดร
พระเยซูสอนว่า ชีวิตปัจจุบันเป็นโลกแห่งมายา
ผู้ใดปรารถนาชีวิตนิรันดรต้องทำลายชีวิตปัจจุบันเสีย
พิธีกรรมสำคัญ
มีอยู่เจ็ดพิธีด้วยกัน (Seven Sacraments) ดังนี้
พิธีศีลจุ่ม (Baptism)
หรือพิธีล้างบาป มีความเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนที่เกิดมามีบาปติดตัวมา เพราะสืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษที่ทำบาปคือ
อาดัมและอีฟ ดังนั้นเด็กเกิดใหม่หรือผู้ที่เข้าเป็นชาวคริสต์ทุกคน จะต้องให้บาทหลวงทำพิธีดังกล่าวเพื่อจะได้เป็นผู้บริสุทธิ์
ทั้งเป็นการปฎิบัติตามอย่างพระเยซู เพราะเมื่อท่านมีอายุได้ ๓๐ ปี ได้มอบตัวเป็นศิษย์ของนักบวชผู้หนึ่งชื่อ
โยฮัน ด้วยการรับพิธีศีลจุ่ม ที่แม่น้ำจอร์แดน เป็นการประกาศตัวเป็นศิษย์โดยเฉพาะเป็นผู้เข้าถึงพระเจ้า
ในสมัยโบราณจะทำพิธีศีลจุ่มกับเด็กอายุไม่เกินเจ็ดปี แต่ปัจจุบันทำพิธีดังกล่าวกับเด็กอายุสามเดือนถึงเก้าปี
มีบาทหลวงเป็นผู้ประกอบพิธี
พิธีศีลมหาสนิท
เด็กอายุประมาณสิบปีขึ้นไปต้องเข้าพิธีรับศีลมหาสนิท มีบาทหลวงเป็นผู้ประกอบพิธีอุปกรณ์ที่ใช้มีเหล้าองุ่นและขนมปัง
พิธีดังกล่าวสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์วันสุดท้ายก่อนถึงแก่กรรมของพระเยซู ท่านได้เลี้ยงขนมปังกับเหล้าองุ่นแก่ลูกศิษย์ทั้งสิบสองคน
แล้วกล่าวว่านี่คือเลือด และเนื้อของเรา ผู้ใดกินขนมปังและดื่มน้ำองุ่นนี้เท่ากับได้มาอยู่กับเรา
พิธีศีลกำลัง
เป็นพิธีต่อจากศีลมหาสนิท เมื่อเด็กอายุประมาณ ๑๔ ขึ้นไป ควรเข้าพิธีศีลกำลังเพื่อให้มีจิตใจมั่นคงต่อศาสนา
(พระเจ้า) โดยไม่เปลี่ยนแปลง
พิธีศีลสมรส หรือพิธีแต่งงาน
คู่สมรสควรไปทำพิธีกันในโบสถ์โดยมีบาทหลวงเป็นผู้ประกอบพิธี
พิธีสารภาพบาป
ทำพิธีในโบสถ์ ผู้สารภาพบาปคุกเข่าสารภาพบาปของตนต่อบาทหลวง แล้วบาทหลวงให้ผู้สารภาพบาปยืนยันความสำนึกในบาปของตน
เตือนให้ระมัดระวังไม่ทำผิดอีก แล้งจึงประกาศให้อภัย
พิธีเจิมครั้งสุดท้าย
เป็นพิธีทำให้คนป่วยที่ใกล้สิ้นใจ เป็นการชำระบาปครั้งสุดท้ายเพื่อความบริสุทธิ์ของวิญญาณ
ก่อนเดินทางไปสู่สถานพิพากษาในโลกหน้า เชื่อกันว่าพิธีดังกล่าวสามารถเพิ่มพลังแด่ดวงวิญญาณให้ชนะภูติผีปีศาจ
ที่จะมาขัดขวางระหว่างการเดินทาง
พิธีบวช
เป็นพิธีของฝ่ายนักบวชที่หัวหน้าสงฆ์ทำให้แก่ผู้เข้าพิธีบวชแต่งตั้งให้เป็นบาทหลวง
และมอบหน้าที่ธรรมทูต เพื่อเป็นตัวแทนพระเยซู
|