จังหวัดนครศรีธรรมราช
จังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งอยู่บริเวณภาคใต้ตอนกลางของประเทศไทย มีพื้นที่ประมาณ
๙,๙๔๓ ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ ๖,๒๑๔ ล้านไร่ มากเป็นอันดับสองของภาคใต้รองจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ทิศตะวันออก ติดต่อกับอ่าวไทย
ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดสงขลา จังหวัดพัทลุง และจังหวัดตรัง
ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดกระบี่ และจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ลักษณะภูมิประเทศ
จังหวัดนครศรีธรรมราช มีลักษณะภูมิประเทศเป็นทั้งภูเขา เนินเขา และที่ราบชายทะเล
แบ่งออกได้เป็นสามเขต ดังนี้
เขตเทือกเขาตอนกลาง เทือกเขานครศรีธรรมราช
ทอดตัวยาวเป็นแกนของแผ่นดินในเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง และพัทลุง
เป็นเทือกเขาที่ต่อเนื่องจากเทือกเขาบรรทัด เทือกเขานครศรีธรรมราชตอนเหนือเป็นแนวแบ่งเขตจังหวัดนครศรีธรรมราชกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี
และแบ่งพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชออกเป็นสองเขตคือ เขตที่ราบตะวันออกและเขตที่ราบตะวันตก
เทือกเขานครศรีธรรมราช
เป็นต้นน้ำหลายสายในพื้นที่ภาคใต้ตอนกลาง เช่น แม่น้ำปากพนัง
แม่น้ำตาปี และแม่น้ำตรัง
บริเวณเทือกเขาเป็นป่าฝนเขตร้อน ยอดสูงสุดของเทือกเขานี้คือ เขาหลวง
สูงประมาณ ๑,๘๓๕ เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติเขาหลวง
พื้นที่ที่อยู่ในเขตนี้ได้แก่ อำเภอเมือง ฯ อำเภอขนอม อำเภอสิชล อำเภอท่าศาลา
อำเภอพรหมคีรี อำเภอลานสกา อำเภอพระพรหม อำเภอร่อนพิบูลย์ และกิ่งอำเภอนบพิตำ
เขตที่ราบตะวันออก
มีอาณาเขตตั้งแต่เทือกเขานครศรีธรรมราช ไปทางด้านทิศตะวันออกจนถึงชายฝั่งทะเลอ่าวไทย
พื้นที่ทางตอนเหนือเป็นที่ราบแคบ แล้วค่อยขยายกว้างออกทางตอนใต้ แผ่นดินบริเวณนี้มีลักษณะเป็นสันทราย
เกิดจากการทับถมของตะกอน ทะเลบางตอนมีลักษณะเป็นสันทรายตามแนวเหนือใต้ บริเวณอ่าวที่มีแหลมตะลุมพุกเป็นปีกอ่าวเรียกว่า
อ่าวนครศรีธรรมราชหรืออ่าวนคร
มีความลึกเฉลี่ยประมาณ ๑๐ เมตร ในระยะห่างจากชายฝั่งประมาณ ๔ กิโลเมตร
พื้นที่ที่อยู่ในเขตนี้ ได้แก่ อำเภอปากพนัง อำเภอหัวไทร อำเภอเชียรใหญ่ อำเภอชะอวด
อำเภอร่อนพิบูลย์ และอำเภอจุฬาภรณ์ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เขตพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง
เขตที่ราบตะวันตก
มีอาณาเขตตั้งแต่ด้านตะวันตกของเทือกเขาตอนกลาง มีลักษณะเป็นที่ราบเชิงเขาหรือที่ราบหุบเขา
มีเนินเขาเป็นระยะ สลับกับที่บราบ มีลำน้ำที่เกิดจากเทือกเขาด้านตะวันตกของพื้นที่นี้
เข้าสู่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ก่อนลงทะเลอ่าวไทยคือ แม่น้ำตาปีหรือแม่น้ำหลวง
พื้นที่ที่อยู่ในเขตนี้ได้แก่ อำเภอทุ่งสง อำเภอทุ่งใหญ่ อำเภอบางขัน อำเภอนาบอน
อำเภอฉวาง อำเภอพิปูน อำเภอถ้ำพรรณรา และกิ่งอำเภอช้างกลาง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า
เขตพื้นที่ลุ่มน้ำตาปี
จังหวัดนครศรีธรรมราช มีความยาวของชายฝั่งทะเลตั้งแต่เหนือจดใต้ เป็นระยะทาง
๒๒๕ กิโลเมตร นับเป็นจังหวัดที่มีชายฝั่งทะเลยาวที่สุดของประเทศไทย จากอำเภอเหนือสุดคืออำเภอขนอม
ต่อลงมาคืออำเภอสิชล อำเภอท่าศาลา อำเภอเมือง ฯ อำเภอปากพนัง จนถึงอำเภอหัวไทร
ซึ่งอยู่ล่างสุด ชายฝั่งทะเลค่อนข้างเหยียดตรงเว้นแต่บริเวณตอนเหนือของอำเภอปากพนัง
อำเภอเมือง ฯ และอำเภอท่าศาลาที่เป็นเวิ้งอ่าว และเป็นปีกแหลมตะลุมพุก ภูมิประเทศชายฝั่งอำเภอขนอม
อำเภอสิชล และอำเภอท่าศาลา ส่วนใหญ่เป็นหาดทราย ส่วนชายฝั่งอำเภอเมือง ฯ อำเภอปากพนังและอำเภอหัวไทร
ส่วนใหญ่เป็นโคลนปนทรายและมีป่าชายเลนขึ้นอยู่ทั่วไป
ระดับความลึกของน้ำทะเลชายฝั่งอ่าวนคร เฉลี่ยประมาณ ๑๐ เมตร ในระยะห่างฝั่ง
๔ กิโลเมตร เมื่อห่างจากชายฝั่งออกไปประมาณ ๒๐ กิโลเมตร จะลึกประมาณ ๑๘ เมตร
ยกเว้นชายฝั่งอำเภอขนอมและอำเภอสิชล เมื่อห่างจากชายฝั่งออกไปประมาณ ๑๐ กิโลเมตร
จะลึก ๑๘ เมตร
น้ำและแหล่งน้ำ
แหล่งน้ำสำคัญของจังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนใหญ่เกิดจากเทือกเขานครศรีธรรมราช
และเทือกเขาบรรทัด
แม่น้ำปากพนัง
ต้นน้ำเกิดจากเทือกเขาบรรทัด ในเขตอำเภอวังอ่าง อำเภอชะอวด ไหลผ่านอำเภอเชียรใหญ่
มาบรรจบกับลำน้ำจากอำเภอหัวไทร ที่บ้านปากแพรกกลายเป็นแม่น้ำปากพนัง แล้วไหลลงสู่อ่าวนคร
นับเป็นแม่น้ำที่มีความสำคัญยิ่งทางเศรษฐกิจของจังหวัด โดยเฉพาะการเกษตรกรรม
บริเวณลุ่มแม่น้ำปากพนังและสาขาซึ่งเป็นที่ราบทำนา มีพื้นที่ประมาณ ๘๐๐,๐๐๐
ไร่ เคยเป็นแหล่งปลูกข้าวขนาดใหญ่ของภาคใต้เมื่อร้อยปีที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันได้เสื่อมโทรมลง
แม่น้ำปากพนัง เคยเป็นเส้นทางคมนาคมหลักระหว่างอำเภอปากพนังกับอำเภอหัวไทร
อำเภอเชียรใหญ่ และอำเภอชะอวด มานาน แต่ปัจจุบันลดความสำคัญลงไป
แม่น้ำตาปี
ต้นน้ำเกิดจากเทือกเขานครศรีธรรมราช ด้านตะวันตกในเขตอำเภอพิปูน แล้วไหลผ่านอำเภอฉวาง
อำเภอทุ่งใหญ่ แล้วไหลเข้าเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานีในเขตอำเภอพระแสง ไหลผ่านอำเภอนาสาร
ไปรวมกับแม่น้ำคีรีรัฐนิคม (แม่น้ำพุมดวง) ที่อำเภอพุนพิน เรียกว่า แม่น้ำตาปี
แล้วไหลลงสู่อ่าวบ้านดอน จังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมความยาวประมาณ ๒๐๐ กิโลเมตร
เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดของภาคใต้
แม่น้ำตรัง
ต้นน้ำเกิดจากเทือกเขานครศรีธรรมราชด้านตะวันตก จากน้ำตกโยง ในเขตอำเภอทุ่งสง
ไปบรรจบกับคลองเลา คลองทุ่งโจน คลองวังหีบ และคลองปาง แล้วไหลเข้าเขตจังหวัดตรัง
ที่อำเภอห้วยยอด ผ่านอำเภอเมืองตรัง แล้วไหลลงสู่ทะเลอันดามัน ในเขตอำเภอกันตัง
จังหวัดตรัง
คลองปากพูน
ต้นน้ำเกิดจากเทือกเขานครศรีธรรมราชบริเวณน้ำตกพรหมโลก แล้วไหลผ่านตำบลพรหมโลก
ตำบลบ้านเกาะ ตำบลนาเรียง ตำบลอินคีรี แล้วไหลลงสู่อ่าวนครที่ตำบลปากพูน เรียกคลองช่วงนี้ว่า
คลองนอกท่า
เมื่อใกล้ปากน้ำจึงเรียกว่าคลองปากพูน เป็นคลองที่เคยมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ
และมีชื่อปรากฎในประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
คลองปากพญา - คลองปากนคร
ต้นน้ำเกิดจากแหล่งน้ำหลายสาขาในเขตเทือกเขานครศรีธรรมราช ที่บ้านคีรีวง ตำบลกำโลน
อำเภอลายสกา ตอนต้นน้ำเรียกว่า คลองท่าดี
เมื่อผ่านตำบลกำแพงเซาตำบลไชยมนตรี ตำบลมะม่วงสองต้น เรียกว่า คลองมะม่วงสองต้น
และเมื่อไหลผ่านสันทรายซึ่งเป็นที่ตั้งตัวเมืองนครศรีธรรมราช คลองก็แบ่งออกเป็นสามสาย
คือ
สายที่หนึ่ง ไหลเลียบคูเมืองด้านตะวันตกไปทางทิศเหนือ ผ่านตัวเมืองที่สะพานราเมศวร์
ผ่านตำบลท่าวัง ตำบลท่าชัก ไหลลงสู่ทะเลที่บ้านปากพญา เรียกว่า คลองปากพญา
หรือ คลองท่าชัก
แต่เดิมกว้างและลึก ในสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ตอนต้น เคยมีเรือขนาดใหญ่เข้ามาขนถ่ายสินค้าถึงตัวเมือง
พบซากเรือใหญ่ และปืนใหญ่ที่ปากน้ำปากพญา
สายที่สอง ไหลเลียบคลองคูเมืองด้านตะวันตกไปทางทิศเหนือ แล้ววกเข้าคลองคูเมือง
ผ่านสะพานนครน้อยไปบรรจบกับคลองหัวตรุษ ที่ตำบลปากนคร เรียกว่า คลองปากนคร
คลองสายนี้มีแนวตรง เนื่องจากเป็นคลองขุดในสมัยเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย)
เป็นเจ้าเมืองนคร ฯ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อใช้เป็นเส้นทางลำเลียงกำลังพล
และอาวุธไปออกอ่าวไทยให้รวดเร็วกว่าคลองสายแรก
สายที่สาม ไหลเลียบคูเมืองด้านตะวันตกไปทางทิศใต้ ผ่านสะพานป่าหล้า (สะพานเทวีจรดล)
ไปบรรจบคลองหัวตรุด ที่ตำบลท่าไร่ เรียกว่า คลองป่าหล้า
แล้วไหลลงสู่อ่าวนคร
ที่ตำบลปากนคร คลองสายนี้มีแนวทางค่อนข้างตรง และขนานกับคลองปากนคร
เดิมใช้เป็นทางสัญจรระหว่างตัวเมืองนคร ฯ กับเมืองปากพนัง
คลองเสาธง
ต้นน้ำเกิดจากน้ำตกกะโรม ในเทือกเขานครศรีธรรมราช ในเขตอำเภอลานสกา ลำคลองช่วงนี้เรียกว่า
คลองเขาแก้ว
แล้วไหลเข้าเขตอำเภอร่อนพิบูลย์ ที่ตำบลเสาธง คลองช่วงนี้เรียกว่าคลองเสาธง
แล้วไหลผ่านโคกคราม บ้านชะเมาเรียกว่า
คลองชะเมา
เมื่อถึงบ้านหนองน้ำมนต์ก็แยกเป็นสองสาย
สายหนึ่งไปบรรจบกับคลองหัวตรุด (คลองปากนคร) อีกสายหนึ่งไหลไปลงสู่ทะเลที่ตำบลบางจาก
อำเภอเมือง ฯ คลองช่วงนี้เรียกว่า
คลองบางจาก
คลองสายนี้กว้างและลึก มีปริมาณน้ำมากตลอดปี เจ้าพระยายมราช (ปั้น
สุขุม) เมื่อครั้งเป็นพระยาสุขุมนัยวินิต ข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลนครศรีธรรมราช
ได้ขุดคลองเชื่อมกับแม่น้ำปากพนัง เพื่อใช้เป็นเส้นทางลัดไปยังเมืองปากพนัง
ชาวบ้านจึงเรียกว่า คลองสุขุม
คลองกลาย
ต้นน้ำเกิดจากเทือกเขานครศรีธรรมราช ในเขตกิ่งอำเภอนบพิตำ แล้วไหลผ่านตำบลกลาย
อำเภอท่าศาลา จึงได้ชื่อว่าคลองกลาย ไหลลงสู่ทะเลในเขตอำเภอท่าศาลา
คลองท่าทน
ต้นน้ำเกิดจากเทือกเขานครศรีธรรมราช ในเขตอำเภอสิชล และไหลลงสู่ทะเลที่อำเภอสิชล
คลองมีน
ต้นน้ำเกิดจากเขาสามจอบ ในเขตอำเภอทุ่งใหญ่ แล้วไหลไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ผ่านหมู่บ้านต่าง ๆ แล้วไปบรรจบกับแม่น้ำตาปี
คลองท่าเลา
ต้นน้ำเกิดจากเขาวังหีบ ในเขตอำเภอทุ่งสง แล้วไหลไปทางใต้ผ่านหมู่บ้านต่าง
ๆ ไหลเข้าสู่อำเภอห้วยยอด อำเภอเมืองตรัง แล้วไหลลงสู่ทะเลอันดามัน ในเขตอำเภอกันตัง
จังหวัดตรัง เป็นคลองสาขาที่ยาวที่สุดของแม่น้ำตรัง
นอกจากคลองสายหลักดังกล่าวมาแล้ว ยังมีคลองสายสั้น ๆ อีกหลายสาย ในเขตเทือกเขาตอนกลาง
(เขตลุ่มน้ำท่าดี - กลาย) คลองในเขตที่ราบตะวันออก (เขตลุ่มแม่น้ำปากพนัง)
และคลองในเขตที่ราบตะวันตก (เขตลุ่มน้ำตาปี)
ประชากร
ประชากรร้อยละ ๙๕ นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ ๕.๗๔ นับถือศาสนาอิสลาม นอกนั้นเป็นศาสนาอื่น
โดยเหตุที่เมืองนคร ฯ เคยเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนา จึงมีวัดและพุทธศาสนิกชนมากจนได้ชื่อว่าเป็นเมืองพระ
ชาวนคร ฯ มีความผูกพันกับพระบรมธาตุเจดีย์เป็นอย่างมาก เมื่อถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
จึงมีผู้คนจากทุกสารทิศหลั่งไหลกันมาสักการะพระบรมเจดีย์อย่างล้นหลามทุกปี
ผู้นับถือศาสนาอิสลาม ส่วนใหญ่มีบรรพบุรุษที่อพยพมาจากเมืองกลันตัน ปัตตานี
และไทรบุรี มักอยู่รวมกันเป็นกลุ่มในแถบอำเภอเมือง ฯ และอำเภอท่าศาลา
นอกนั้นมีอยู่ประปรายในเขตอำเภอสิชล อำเภอหัวไทร และอำเภอร่อนพิบูลย์
มีมัสยิดรวม ๙๒ แห่ง
การปกครอง
เมืองนคร ฯ เป็นเมืองที่มีอายุเก่าแก่มากที่สุดเมืองหนึ่ง มีตำนานที่กล่าวถึงชาวอินเดียทางตอนใต้
มาติดต่อค้าขายแต่โบราณ สถานภาพของเมืองในครั้งนั้นคงมีลักษณะเป็นนครรัฐคือเป็นอิสระของตนเอง
ในสมัยสุโขทัย เมืองนคร เป็นเมืองขึ้นของกรุงสุโขทัย ควบคุมเส้นทางการค้าในช่องแคบมะละกา
ในสมัยอยุธยา เมืองนคร ฯ มีฐานะเป็นเมืองพระยานคร ในศักดินาทหารระบุว่าเป็นเมืองเอก
เจ้าเมืองมีบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าพระยา ที่เจ้าพระยานครศรีธรรมราช ศักดินา ๑๐,๐๐๐
ต้องส่งต้นไม้เงินต้นไม้ทอง และเครื่องราชบรรณาการไปให้กรุงศรีอยุธยาตามประเพณี
ในสมัยกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสิน ฯ ทรงยกย่องเจ้าเมืองนคร ฯ ให้มีเกียรติเสมอเจ้าประเทศราช
ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ฯ ทรงลดบรรดาศักดิ์เจ้าเมืองเป็นเจ้าพระยานคร
ฯ และให้ลดตำแหน่งเสนาบดีเมืองนคร ฯ ลงมาเป็นกรมการเมือง ไม่ให้ควบคุมดูแลประเทศราชมลายู
ยกเว้นเมืองไทรบุรี
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ได้ตั้งมณฑลนครศรีธรรมราชขึ้นเมื่อปี
พ.ศ.๒๔๓๙ มีข้าหลวงเทศาภิบาลเป็นข้าราชการต่างพระเนตรพระกรรณ ทำหน้าที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดในมณฑล
|