มรดกทางธรรมชาติ
ระนอง เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีธรรมชาติในรูปแบบต่าง ๆ อย่างครบถ้วน มีป่าทีอุดมสมบูรณ์ทั้งป่าบกและป่าน้ำ
ชายแลน ท้องทะเลมีเกาะแก่งต่าง ๆ อยู่เป็นจำนวนมาก มี
คอคอดกระที่นับว่าเป็นแผ่นดินที่แคบที่สุดของแหลมลายู
มีภูเขา น้ำตก พันธ์ไม้และสัตว์ป่านานาชนิด
พื้นที่ป่า
จังหวัดระนองเคยได้ชื่อว่าบ้านเล็กในป่าใหญ่ เพราะมีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย
ได้มีการรักษาป่าดังกล่าวด้วยกันหลายรูปแบบ คือกำหนดให้เป็นป่าสงวนแห่งชาติ
อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธ์สัตว์ เป็นต้น
ป่าสงวนแห่งชาติ
มีอยู่ ๑๓ ป่าด้วยกันคือ
-
ป่าน้ำขาว
มีพื้นที่ประมาณ ๑๖๕,๐๐๐ ไร่ อยู่ในเขตตำบลปากจั่น อำเภอกระบุรี
-
ป่าน้ำจืด ป่ามะมุ
และป่าปากจั่น มีพื้นที่ประมาณ ๗๗,๐๐๐ ไร่ อยู่ในเขตตำบลปากจั่น ตำบลมะมุ
ตำบลน้ำจืดน้อย ตำบลน้ำจืด อำเภอกระบุรี
-
ป่าลำเลียง
มีพื้นที่ประมาณ ๑๔๓,๐๐๐ ไร่ อยู่ในเขตตำบลลำเลียง อำเภอกระบุรี
-
ป่าคลองลำเลียง - ละอุ่น
อยู่ในเขตตำบลบางแก้ว ตำบลละอุ่นใต้ ตำบลบางพระใต้ ตำบลละอุ่นเหนือ ตำบลบางพระเหนือ
อำเภอละอุ่น ตำบลทรายแดง ตำบลบางบอน ตำบลหาดส้มแป้น ตำบลบางริ้น ตำบลหงาว
ตำบลราชกรูด อำเภอเมือง
-
ป่าคอลเส็ดกวด
ป่าเขาหินช้างและะป่าเขาสามแหลม มีพื้นที่ประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ ไร่ อยู่ในเขตตำบลม่วงกลวง
ตำบลกะเปอร์ ตำบลนาคา ตำบลกำพวน และกิ่งอำเภอสุขสำราญ
-
ป่ากะเปอร์
มีพื้นที่ประมาณ ๓๖,๐๐๐ ไร่ อยู่ในเขตตำบลกะเปอร์ ตำบลเชี่ยวเหลียว ตำบลบ้านนา
ตำบลม่วงกลวง ตำบลบางหิน อำเภอกะเปอร์ ตำบลนาคา อำเภอกะเปอร์
อุทยานแห่งชาติ
มีอยู่ ๔ แห่งด้วยกัน
-
อุทยานแห่งชาติแหลมสน
อยู่ในเขตอำเภอกะเปอร์ ประกอบด้วยพื้นที่ริมทะเลตั้งแต่ราชกรูด อำเภอเมือง
ฯ ลงไปทางใต้ผ่านตำบลม่วงกลวง ตำบลกะเปอร์ ตำบลบางหิน ตำบลนาคา อำเภอกะเปอร์
เลยไปจนถึงอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา และครอบคลุมเกาะต่าง ๆ ในทะเลอันดามัน
ประมาณ ๒๐ เกาะได้แก่ เกาะค้างคาว หมู่เกาะคำ ฯลฯ สถานที่ท่องเที่ยวประกอบด้วยชายหาดที่มีความสวยงามหลายแห่ง
หาดประภาส หาดบางเบน และแหลมสน
หาดบางเบน เป็นหาดทรายขนาดใหญ่ มีสวนสนที่ร่มรื่น
บริเวณชายหาดเมื่อออกไปจะเห็นเกาะแก่งในทะเลสายงาม
หาดแหลมสน อยู่ห่างจากหาดบางเบนไปประมาณ
๔ กิโลเมตร มีหาดทรายขาวสะอาด และแหล่งปะการังที่อยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์
การเดินทางจะต้องใช้เรือจากแม่น้ำระนอง หรือจากบริเวณใกล้ ๆ กับอุทยาน ฯ
-
อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว
อยู่ห่างจากตัวจังหวัดระนอง ไปตามทางหลวงหมายเลข ๔ (ระนอง - พังงา)
ประมาณ ๑๕ กิโลเมตร เมื่อมองจากถนนสายนี้จะเห็นน้ำตกหงาวไหลลงมาจากผาสูงสวยงามมาก
บริเวณอุทยานร่มรื่น ในฤดูแล้งน้ำค่อนข้างน้อย ณ อุทยานแห่งนี้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปูเจ้าฟ้า
ซึ่งเป็นปูน้ำจืดชนิดใหม่ของโลก อาศัยอยู่ตามซอกหินบริเวณสองข้างลำธาร พบในเขตอุทยาน
ฯ นี้เป็นแห่งแรก
-
อุทยานแห่งชาติกระบุรี
ตั้งอยู่ในเขตอำเภอกระบุรี ตรงบริเวณแม่น้ำกระบุรีซึ่งกั้นพรมแดนไทย - พม่า
-
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะพยาายาม
อยู่ห่างจากปากน้ำระนองไปประมาณ ๓ กิโลเมตร มีหาดทรายขาวสะอาด ทอดตัวเป็นแนวยาวไปตามตัวเกาะ
บริเวรรอบ ๆ เกาะ มีสิ่งแวดล้อมที่สวยงามเหมาะแก่การดำน้ำ ตกปลา อยู่หลายแห่งเช่น
เกาะสินไห เกาะช้าง
เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า
มีอยู่ ๔ แห่งด้วยกัน
-
เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าคลองนาคา
อยู่ในเขตอำเภอกะเปอร์
-
เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าทุ่งระยะ - นาสัก
อยู่ในเขตอำเภอกระบุรี
-
เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรมหลวงชุมพร
อยู่ในเขตอำเภอกระบุรี
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าชายเลนม่วงกลวง
อยู่ในเขตกิ่งอำเภอสุขสำราญ
ศูนย์วิจัยป่าชายเลนจังหวัดระนอง
ตั้งอยู่ที่บ้านล่าง ตำบลหงาว อำเภอเมือง ฯ มีพื้นที่ป่าชายเลนสำหรับศึกษาวิจัย
ประมาณ ๓,๗๐๐ ไร่ พื้นที่บริเวณศูนย์วิจัยประมาณ ๗๐ ไร่ ได้รับการประกาศเป็น
เขตสงวนชีวมณฑลของโลก
เป็นแห่งที่ ๔ ของประเทศไทย ปัจจุบันมีประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมโครงการ ๑๐๑ ประเทศ
-
เขตสงวนชีวมณฑล
เขตสงวนชีวมณฑลป่าชายเลนจังหวัดระนอง ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง ทิศเหนือจรดคลองระนอง
และปากน้ำระนอง ทิศใต้จรดทะเลอันดามันและคลองทรายขาว ทิสตะวันออกจรดอุทยาน
ฯ น้ำหงาว ทิศตะวันตกจรดทะเลอันดามัน ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหงาว และบางส่วนของตำบลปากน้ำ
ตำบลบางริ้น และตำบลราชกรูด สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าชายเลนที่มีความอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งของประเทศไทย
มีพื้นที่ประมาณ ๓๐๓ ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ ๑๘๙,๐๐๐ ไร่ จำแนกพื้นที่ออกเป็น
สามส่วน คือ ส่วนแรกเป็น
พื้นที่แกนกลาง
เป็นพื้นที่มีสภาพธรรมชาติสมบูรณ์ ยังไม่มีการรบกวนจากการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์
มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง เป็นพื้นที่ที่เคยดำเนินการวิวจัยระบบนิเวศน์ป่าชายเลนนานาชาติมาเป็นเวลานาน
มีข้อมูลทางด้านวิทยาศาสตร์เผยแพร่ทั่วโลก มีไม้โกงกางขนาดใหญ่กว่า ๓๐ เมตร
อยู่เป็นกลุ่มแห่งเดียวในประเทศไทย มีพื้นที่แกนกลางรวมทั้งสิ้นประมาณ ๔๖
ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ ๒๙,๐๐๐ ไร่ บริเวณที่สองเป็น
พื้นที่กันชน
เป็นพื้นที่ที่สามารถให้มีการฟื้นฟูและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในรูปแบบต่าง
ๆ อย่างยั่งยืน ตลอดจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวและให้ความรู้แก่ประชาชนในรูปแบบต่าง
ๆ โดยได้กำหนดพื้นที่กันชนไว้ ๑๙๔ ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ ๑๒๑,๐๐๐ ไร่ พื้นที่กันชนที่เป็น
น้ำ ทะเล คลอง ๑๒๑ ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ ๗๘,๐๐๐ ไร่ พื้นที่เกาะและภูเขาประมาณ
๑๑ ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ ๗,๐๐๐ ไร่ บริเวณที่สามเป็น
พื้นที่รอบนอก
เป็นพื้นที่ที่มีการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันเช่น การเกษตร แหล่งชุมชน
และอุตสาหกรรมต่าง ๆ อยู่นอกเขตพื้นที่ป่าชายเลน ซึ่งจำเป็นต้องมีการจัดการ
และควบคุมการขยายตัวของชุมชน และคงไว้ซึ่งคุณภาพของสภาพแวดล้อมที่ดี เพื่อให้มีผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ป่าชายเลน
ในพื้นที่เขตสงวนชีวมณฑลให้น้อยที่สุด เขตพื้นที่รอบนอกนี้มีพื้นที่ประมาณ
๖๓ ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ ๔๐,๐๐๐ ไร่
การดำเนินการศึกษาวิจัยระบบนิเวศน์ป่าชายเลนที่สำคัญได้แก่ โครงการวิจัยสมดุลทางนิเวศน์วิทยา
และกำลังผลิตของป่าชายเลนในประเทศไทย โดยศึกษาเกี่ยวกันโครงสร้างของป่าชายเลน
มวลชีวภาพ และการสืบพันธุ์ตามธรรมชาติ การหมุนเวียนของธาตุอาหาร คุณสมบัติของดิน
ตลอดจนสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลน
|