ข้อมูลทั่วไป
ตั้งอยู่ที่ตำบลสะพานหิน อำเภอนาดี เป็นแก่งหินขนาดใหญ่ที่สวยงามอยู่ในลำน้ำใสใหญ่
อยู่ในเขตความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่ 9 อำเภอนาดี เป็นแหล่งท่องเที่ยว
ที่มีชื่อเสียงที่เหมาะแก่การล่องเรือยางที่ท้าทาย และสนุกสนาน ในช่วงฤดูฝนราวเดือน
กรกฎาคม-พฤศจิกายน เป็นช่วงที่มีปริมาณน้ำหลาก ล้นแก่ง และไหลลดหลั่นเป็นชั้น ๆ
เหมาะสำหรับการล่องแก่งหินเพิง หากพ้นช่วงฤดูฝนไปแล้วแก่งหินเพิงนี้จะกลายเป็นลานโขดหินกว้างใหญ่
การล่องแก่งหินเพิงจะผ่านแก่งต่าง ๆ ได้แก่ แก่งหินเพิง แก่งวังหนามล้อม แก่งวังบอน แก่งลูกเสือ
แก่งวังไทร แก่งงูเห่า ใช้ระยะเวลาในการล่องแก่งประมาณ 45 นาที นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อ
บริษัทนำเที่ยวที่จัดกิจกรรมในการล่องแก่งหินเพิง
และสามารถพักค้างแรมแบบแค้มปิ้ง
หรือพักรีสอร์ทในเขตอำเภอนาดีได้
|
ใช้แพยางนั่งได้ประมาณ 8 -10
คน ล่องในลำน้ำใสใหญ่
สภาพแก่งน้ำอยู่ในระดับ 3 -5
นักล่องแก่งจะต้องใช้ทักษะและความชำนาญในการพายสูง
เมื่อนักท่องเที่ยวติดต่อล่องแก่งกับผู้ประกอบการแล้ว
ผู้ประกอบการฯ
จะพานักท่องเที่ยวไปยังบริเวณขญ.
9 (ใสใหญ่)
และเดินป่าไปยังต้นน้ำ
ระยะทางประมาณ 2.5 กิโลเมตร
ใช้เวลาเดินประมาณ 45 นาที
จากนั้นจะเริ่มล่องแก่งมายังจุดสุดท้ายบริเวณ
ขญ.9 ี
สถานที่ตั้ง
หน่วยพิทักษ์ป่า
ขญ.9 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี
ลักษณะของสายน้ำ
แก่งหินเพิง
เป็นแก่งหินตอนปลายสุดของแม่น้ำใสใหญ่
ซึ่งมีลักษณะทางธรณีวิทยาเป็นชั้นหินทราย
ครั้นเมื่อถึงฤดูฝนกระแสน้ำจะไหลหลากอย่างรุนแรงจนทำให้เกิดเกาะแก่งต่าง
ๆ มากมาย
แก่งหินเพิงเป็นที่มีความเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชอบความท้าทายกับสายน้ำอันเชี่ยวกราก
โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคมกระแสน้ำบริเวณแก่งหินเพิงจะไหลรุนแรงมาก
ระยะเวลาในการล่อง
ล่องได้เฉพาะช่วงฤดูฝนเท่านั้น
จากแก่งหินเพิงเป็นจุดเริ่มต้นในการล่องถึงแก่งงูเห่าแก่งสุดท้าย
ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
ความตื่นเต้น
ท้าทาย
การล่องแก่งสายนี้จุดเด่นอยู่ที่ตัวอก่งหินเพิงอันเป็นจุดเริ่มต้นของการล่องแก่ง
เมื่อถึงฤดูฝนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม
- ตุลาคม
กระแสน้ำจะไหลหลากอย่างรุนแรงก่อให้เกิดเกาะแก่งมากมาย
ตัวแก่งหินเพิงมีลักษณะเป็นลานหินหักเทลื่นลงมาจนเกิดเป็นกระแสน้ำวนและเชี่ยวกราก
ต้องใช้ความสามารถและทักษะในการพายเป็นอย่างยิ่ง
จากจุดเริ่มต้นเหนือแก่งหินเพิงลงมาจะผ่านแก่งวังบอน
บริเวณนี้จะมีโขดหินสองฝั่งขวางกระแสน้ำอยู่บีบให้กระแสน้ำเข้าหากับเป็นรูปตัววี
และถ้าผ่านแก่งวังบอนมาได้
กระแสน้ำหลังแก่งวังบอนจะไหลย้อนทิศทางตรงนี้สามารถพักเรือบริเวณนี้ได้
ล่องเรือต่อมาจะพบกับแก่งลูกเสือ
ซึ่งมีความสนุกสนานเร้าใจไม่แพ้แก่งหินเพิง
และผ่านไปจนถึงแก่งวังไทร
และแก่งงูเห่า
ซึ่งเป็นแก่งสุดท้ายของการล่องแก่งสายน้ำช่วงนี้แก่งวังไทรจะมีลักษณะเป็นคลื่นใหญ่ม้วนตัวขึ้นเป็นวง
สร้างความตื่นเต้นเร้าใจได้พอสมควร
แก่งต่าง
ๆ ที่ล่องผ่าน
แก่งหินเพิง
เป็นจุดเริ่มต้นของการล่องแก่งลักษณะหินของแก่งหินเพิงประมาณ
150 เมตร ในช่วงฤดูฝน
ผ่านเกาะแก่งและชั้นหินต่างระดับลงมาเป็นชั้น
ๆ ยาวประมาณ 200 เมตร
เป็นสุดยอดของการล่องแก่งทริปนี้
1.
แก่งหนามล้อม มีลักษณะเป็นวังน้ำขนาดใหญ่กระแสไหลวนไปมา
2.
แก่งวังบอน
มีลักษณะเป็นแก่งหินสั้น
ๆ ยาวประมาณ 30 เมตร
กระแสน้ำจะไหลลาดเอียงลงมาประมาณ
30
องศาผ่านชั้นหินและเกาะต่าง
ๆ จากนั้นน้ำจะไหลเอื่อย ๆ
ลงมายังแก่งลูกเสือ
3.
แก่งลูกเสือ
มีลักษณะเป็นแก่งน้ำเล็ก
ๆ
มีร่องน้ำสามารถพายเรือยางผ่านไปได้
แต่ต้องระมัดระวังอันตรายจากกิ่งไม้ที่ยื่นออกมา
4.
แก่งวังไทร
มีลักษณะเป็นแก่งหินกว้างประมาณ
50-60 เมตร ยาวประมาณ 150 เมตร
ความกว้างของแก่งพอ ๆ
กับแก่งลูกเสือมีความลาดชันประมาณ
30 องศา
กระแสน้ำจะไหลผ่านเกาะแก่งต่างๆ
แล้วม้วนตัวเป็นวงคลื่นต้องใช้ทักษะความชำนาญในการพายเรือค่อนข้างสูง
5.
แก่งงูเห่า
ตั้งอยู่บริเวณหน่วยพิทักษ์ป่าที่ขญ.9
ถ้าปริมาณน้ำไม่มากนักจะแลเห็นเกาะแก่งต่าง
ๆ โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ
แต่ถ้าอยู่ในช่วงฤดูฝนกระแสน้ำจะไหลท่วมเกาะแก่งต่าง
ๆ
จนมีลักษณะคล้ายกับฝายกั้นน้ำ
การล่องแก่งหินเพิงส่วนมากจะมาขึ้นฝั่งกันบริเวณแก่งวังไทร
เพราะมีห้องสุขาและห้องอาบน้ำไว้บริการนักล่องแก่ง
หรืออยากจะพักผ่อนนั่งรับประทานอาหารกลางวันที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ให้ก็ได้
เป็นอันสิ้นสุดการผจญภัยในแก่งหินเพิง
การเดินทางไปแก่งหินเพิง
เริ่มจากตัวเมืองปราจีนบุรีใช้เส้นทางหลวงหมายเลข
3452 (ปราจีนบุรี-ประจันตคาม)
ระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร
จะมาตัดกับทางหลวงหมายเลข
33
แล้วเลี้ยวขวาตรงไปทางอำเภอกบินทร์บุรี
ก่อนถึงอ.กบินทร์บุรีจะมีทางสามแยก
ให้ตรงไปอีกเล็กน้อยจะเห็นปั๊มน้ำมันปตท.
และโรงเรียนวัดสระดู่
มีถนนเล็ก ๆ
ติดกับโรงเรียนเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกประมาณ
200 เมตร
จะมีป้ายบอกตลอดเส้นทาง
การเดินทางเข้าสู่แก่งหินเพิงนั้นมี
2 เส้นทาง
คือ
เมื่อถึงสามแยกบริเวณที่มีป้ายแจ้งว่าแก่งหินเพิง
7
กิโลเมตรให้เลี้ยวซ้ายไปตามส้นทางสายเก่าไม่ไกลนักจะถึงริมน้ำแล้วข้ามฟากไปอีกฝั่งหนึ่ง
สำหรับเส้นทางสายใหม่
เมื่อพบป้ายแก่งหินเพิง 7
กม.
ให้เลี้ยวขวาจะพบสี่แยกแรก
ให้เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางผ่านหมู่บ้านข้ามลำธาร
แล้วไปสิ้นสุดการเดินทางที่หน่วยพิทักษ์ป่า
ขญ.9แล้วเดินไปตามเส้นทางเดินป่าอีกประมาณ
2 กิโลเมตร
จะถึงแก่งหินเพิง
ข้อควรระวังในการล่องแก่งหินเพิง
-- สวมชูชีพและหมวกกันน็อคทุกครั้งที่ลงล่องแก่ง
--
ปฏิบัติตามกฎแห่งความปลอดภัยโดยเคร่งครัด
--
ควรเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำแนะนำของไกด์นำทาง
--
ควรละเว้นการดื่มสุราและของมึนเมาในขณะลงล่องแก่ง
|
การเดินทาง
การเดินทางไปแก่งหินเพิง
นักท่องเที่ยวสามารถใช้เส้นทางหลวงหมายเลข
3452
โดยเริ่มจากตัวเมือง
ปราจีนบุรี (ปราจีนบุรี-ประจันตคาม)
ระยะทางประมาณ 16
กิโลเมตร
มาตัดกับทางหลวงหมายเลข
33 แล้วเลี้ยว
ขวาตรงไปทางอำเภอกบินทร์บุรี
ก่อนถึงอำเภอกบินทร์บุรีจะมีทางสามแยก
ให้ตรงไปอีกเล็กน้อยจะเห็นปั๊มน้ำมัน
ปตท.
และโรงเรียนวัดสระคู่
จะมีถนนเล็ก ๆ
ที่ติดกับโรงเรียน
จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกประมาณ
200 เมตร
การเดินทางต่อไปยังแก่งหินเพิงนั้นมี
2 ทางด้วยกัน คือ
เมื่อถึงสามแยกบริเวณที่บอกว่าแก่งหินเพิง
7 กิโลเมตรแล้ว
ให้เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางสายเก่าไม่ไกลนัก
ก็จะถึงริมน้ำแล้วข้ามฟากไปอีกฝั่งหนึ่ง
แต่ถ้าหากจะไปทางเส้นทางสายใหม่
เพื่อพบป้ายแก่งหินเพิง
7 กิโลเมตรแล้ว
ให้เลี้ยวขวาแล้วจะพบสี่แยกแรกแล้วเลี้ยวซ้ายไป
ตามเส้นทางผ่านหมู่บ้านข้ามลำธารแล้วไปสิ้นสุดการเดินทางที่หน่วยพิทักษ์ป่าขญ.
9
หลังจากนั้นให้เดินไปตามเส้นทางเดินป่าอีก
2 กิโลเมตร
ก็จะถึงแก่งหินเพิง
ที่พัก
-
โรงแรมกบินทร์อินเตอร์
100 หมู่ 2 ต. เมืองเก่า
จำนวน 21 ห้อง ราคา 250-1,200
บาท โทร. (037) 281450
-
กบินทร์บุรีโฮเต็ง 63/1-9
หมู่ 16 ต. เมืองเก่า
จำนวน 45 ห้อง ราคา 150-400
บาท
-
โรงแรมพรหมเจริญ 13
ในเขตเทศบาล จำนวน 22
ห้อง ราคา 60 บาท โทร. (037)
281560
-
โรงแรมศิริมงคล
78 ในเขตเทศบาล จำนวน 59
ห้อง ราคา 120-200 บาท โทร.
(037) 281095
-
เฟื่องฟ้าบังกะโล 35
หมู่ 3 ต. ประจันตคาม
จำนวน 33 ห้อง ราคา 300-500
บาท โทร. (037) 291480
-
โรงแรมศรีกบินทร์ 128
หมู่ 8 ต. เมืองเก่า
จำนวน 55 ห้อง ราคา 200-400
บาท โทร. (037) 281375
ร้านอาหาร
-
รวยโภชนา 311/1 หมู่ 2 ต.
ประจันตคาม โทร. (037) 291288
-
เปียกโภชนา
ถนนสุวรรณศร
ตลาดสุขาภิบาลประจันตคาม
โทร. (037) 279139
-
พี่ใหญ่ 148 หมู่ 5 ถ.
สุวรรณศร ต. ประจันตคาม
-
หรั่งโภชนา
ข้างปั๊มน้ำมันเอสโซ่
ต. ประจันตคาม
-
เฟื่องฟ้า 35 หมู่ 3 ต.
ประจันตคาม ถ.
สุวรรณศร โทร. (037) 291480
-
ประสิทธิ์โภชนา 41/1
หมู่ 2 ต. ประจันตคาม
โทร. (037) 291740
-
ประสพโชค 5 หมู่ 16 ถ.
นครราชสีมา-ฉะเชิงเทรา
ต. เมืองเก่า โทร. (037) 281141
-
ปาล์มสวีทโฮม 520 หมู่
8 สี่แยกสามทหาร ถ.
สุวรรณศร ต.
เมืองเก่า โทร. (037) 282117,
203206-7
-
มิสเตอร์จิม 2-4
เทศบาล 5 ต.
กบินทร์บุรี โทร. (037)
205596
-
ศิริรัตน์ 20 หมู่ 1 ถ.
สุวรรณศร ต. นาแขม โทร.
(037) 205829
-
ติ๋วซะอย่าง 30-32 ถ.
โรงสี ต. กบินทร์บุรี
โทร. (037) 281161
-
สุกี้หมูสะเต๊ะ 58-60 ถ.
เจ้าสำอางค์ ต.
กบินทร์บุรี โทร. (037)
281104
-
แหม่มลูกชิ้น-หมูเด้ง
3 ซอยบ้านแขก ต.
กบินทร์บุรี โทร. (037)
281264
-
กี่โภชนา 7 ถ. เจ้าสำอางค์
ต. กบินทร์บุรี โทร. (037)
281264
-
ครัวริมแคว 15 หมู่ 1 ถ.
สุวรรณศร ต. นาแขม โทร.
(037) 205525
-
กุ้งปลาเผา 93 หมู่ 5 ถ.
สุวรรณศร ต.
กบินทร์บุรี โทร. (037)
202338
-
ปริ้นเซส 521/16 หมู่ 8
สี่แยกสามทหาร ต.
เมืองเก่า โทร. (037) 282106,
282252
สถานที่ให้บริการล่องแก่งหินเพิง
-
แก่งหินเพิงแค้มปิ้ง
โทร. (037) 405608, 405611, (01) 633-2777, (01)
633-2775
-
ฟูจิทัวร์ โทร. (02) 918-9974,
918-9804, 918-6067-8, 918-6294
-
วังตะพาบ โทร. (037) 281315, (01)
946-9133
-
สวนศักดิ์สุภา โทร.
(037) 282035, 281507 หรือ (01) 454-0076
-
แค้มปิ้งไซด์
เซ็นเตอร์ โทร. (02) 433-2760,
435-3907
บริษัททัวร์ที่ให้บริการไปแก่งหินเพิง
ลำดับที่ |
บริษัททัวร์ |
รายละเอียด |
ราคา (บาท) |
เบอร์โทรฯ
ติดต่อ |
1. |
จี.ที.
แทรเวิล เซอร์วิส
เซ็นเตอร์ |
ล่องแก่งหินเพิง
ปราจีนบุรี
เดินทางทุกวัน |
(ไม่ได้ระบุ) |
872-5161
แฟกซ์ 872-5165 |
2. |
บริษัท เอ็ม.ซี.ที
ทัวร์ จำกัด |
ล่องแก่งหินเพิง
ปราจีบุรี
แพคเกจทัวร์เส้นทางธรรมชาติ
2 วัน 1 คืน
ออกเดินทางทุกวัน
สำหรับคณะ 6-8 ท่าน
|
(ไม่ได้ระบุ) |
907-8480 (7 สาย)
แฟกซ์ 907-8481-2
|
3. |
วังตะพาบ
รีสอร์ท |
แพคเกจทัวร์ 2 วัน 1
คืน
ที่พัก + อาหาร 3
มื้อ + ล่องแก่ง
ห้องพัดลม (ห้องละ 2
ท่าน)
ห้องแอร์ (ห้องละ 4
6 ท่าน)
เดินทางทุกวัน
อย่างต่ำ 4
ท่านขึ้นไป
|
1,700 |
885-5633
(037) 281-315
|
4. |
สีสันทัวร์ |
ล่องแก่งหินเพิง
ผางามลอยฟ้า
พักบ้านผางาม
|
2,000 |
693-1031-2
275-7987
แฟกซ์ 275-7987
|
5. |
หจก. นลินทรทัวร์ |
ทัวร์ผจญภัย-ล่องแก่งเรือยาง
แก่งหินเพิง
ปราจีนบุรี |
950 |
537-8698, 512-4018
เพจ 152 เรียก
280-015
|
ข้อมูลการล่องแก่งจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ล่องแก่ง-แคนู-คยัค
บทนำ
เมืองไทย
มีพื้นที่ของป่าเขตร้อนที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของพืชพรรณไม้
นก และสัตว์ป่า
ยิ่งไปกว่านั้น ผืนป่า
ใหญ่คือ ต้นกำเนิดของสายน้ำ
อันกลายมาเป็นเส้นทางธรรมชาติที่จะนำเราไปพบกับน้ำตกใหญ่กลางป่าลึก
ขุนเขาสูงและ ป่าดิบสมบูรณ์
โดยการล่องแก่ง
ซึ่งเริ่มต้นกันด้วยตำนานของการใช้ไม้ไผ่มาทำเป็นแพล่องลำน้ำ
เป็นการผสมผสานกัน
ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติที่ลงตัวที่สุดสำหรับเมืองไทยที่สมบูรณ์ด้วยป่าไผ่
แต่เนื่องจากมีการใช้ประโยชน์จากไม้ไผ่
มากจนเกินความสมดุล
โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วเช่นนี้
เป็นเหตุให้ป่าไผ่ลดหายไปอย่างน่าวิตก
จึง
มีการนำเรือยางเข้ามาใช้ทดแทน
เป็นวิถีทางท่องเที่ยวใหม่ที่หยุดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ
และสามารถนำทางเข้า
ถึงธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิดและปลอดภัยบนเส้นทางล่องแก่งตั้งแต่เหนือจรดใต้ของประเทศ
ภูมิศาสตร์ของแก่งน้ำ
สายน้ำคือเส้นชีวิตของคนไทยที่ไหลหล่อเลี้ยงพื้นที่เกษตรกรรมทั้งประเทศ
และที่มาของสายน้ำนั้น
มักจะมาจากป่า
ดงดิบอันชุ่มชื้น
และไหลลงมาจากภูเขาสูงอันก่อให้เกิดธารน้ำที่ไหลแรงและกัดเซาะหุบเขาให้แคบและลึก
ไม่มีที่ราบริม
ฝั่งน้ำให้เห็นมากนัก
ลักษณะหุบเขาในพื้นที่ต้นน้ำจะเป็นรูปตัววี
ตามลำน้ำมักจะพบเกาะแก่งขวางอยู่ตามลำน้ำ
และสาย น้ำตก
สองฝั่งของธารน้ำมักเป็นหินล้วน
ๆ ร่องน้ำแคบและตื้น
ระดับน้ำเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
และท้องน้ำมีแต่หินและกรวด
เนื่องจากตะกอนละเอียด เช่น
ดินและทรายถูกน้ำพัดพาไปหมด
ป่าไม้และพืชพรรณ
บนเส้นทางของสายน้ำเชี่ยวที่ไหลผ่านเกาะแก่งลงมา
ก็คือ ป่าต้นน้ำอันสมบูรณ์
การเดินทางท่องธรรมชาติในรูปแบบ
ของการล่องแก่ง
จึงเป็นวิถีแห่งสายน้ำที่นอกเหนือจากภูมิประเทศอันงดงามของธารน้ำ
ป่าเขา และสายน้ำตกแล้ว
ยังจะ
พบกับสภาพธรรมชาติที่น่าสนใจ
ตั้งแต่พืชพรรณ นก แมลง
ผีเสื้อ และปลา
สิ่งเหล่านี้คือคุณค่าของการท่องเที่ยว
ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ที่ไม่ควรมองข้าม
ผืนป่าไม้ที่มักปรากฏอยู่สองฝั่งน้ำ
มีทั้งป่าเบญจพรรณ
ป่าเต็งรังรวมทั้งป่าดิบชื้นที่เขียวชอุ่มตลอดปี
ซึ่งจะสังเกตเห็น
ไม้จำพวกยาง ไทร ตะเคียน สัก
ประดู่ ตะแบก หมาก
และหวายชนิดต่าง ๆ
พืชพรรณไม้ที่เด่นสำหรับป่าเมืองไทยคือ
ไม ้ไผ่ ซึ่งมีอยู่หลายชนิด
เช่น ไผ่หก ไผ่หนาม ไผ่ซาง
เป็นต้น
และบนคาคบไม้จะมีพืชอิงอาศัย
เช่น กระเช้าสีดา
กล้วยไม้ป่า ชนิดต่าง ๆ
สำหรับบริเวณชายน้ำ
จะพบกับไม้ริมน้ำ เช่น
ต้นจิก ไคร้น้ำ ผักกูด
ส่วนบริเวณริมผาหินปูนที่เป็นธารน้ำตกจะ
เต็มไปด้วยมอส และตะไคร่น้ำ
จะมีเฟิร์นก้านดำขึ้นปกคลุม
ชีวิตในสายน้ำ
ตามสองฝั่งแม่น้ำจะเป็นแหล่งที่นกน้ำหลายชนิดอาศัยหากินอยู่เป็นประจำ
โดยเฉพาะนกที่ชอบกินปลาและแมลง
เช่น นกกระเต็น
ซึ่งก็มีอยู่หลายชนิดที่พบในบริเวณต้นน้ำ
คือ นกกระเต็นน้อยธรรมดา
นกกระเต็นอกขาว
นกกระเต็นหัวดำ และ
นกกระเต็นลายขาวดำ เป็นต้น
นกในลำน้ำที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่ง
คือ นกกางเขนน้ำ
ซึ่งมีสีขาวดำหางยาว
มักอยู่ตามลำธาร ต้นน้ำ
นอกจากนี้ยังอาจจะพบนกเอี้ยงถ้ำ
นกกระยาง
และนกในป่าเบญจพรรณที่ลงมาหากินตามลำน้ำ
ริมฝั่งน้ำโดยทั่วไปจะเต็มไปด้วยแมลงและผีเสื้อมากมาย
โดยเฉพาะแมลงปอ แมงมุมน้ำ
เป็นสิ่งมีชีวิตที่พบง่ายมาก
บาง
แห่งตามหาดทรายจะเป็นที่ดินเค็ม
ทำให้ผีเสื้อลงมาเกาะกันเป็นฝูง
ข้อควรปฏิบัติก่อนการเดินทาง
1.
ก่อนจะไปล่องแก่งควรเตรียมตัวสำหรับการเดินทางให้เหมาะสมเพื่อให้ได้รับความสนุกสนาน
ความปลอดภัย โดยมีส่งผล
กระทบกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ดังต่อไปนี้
2.
พื้นที่ที่จะเดินทางไปส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตป่าต้นน้ำที่ธรรมชาติมีความเปราะบาง
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะ
ต้องติดต่อขออนุญาตเดินทางเข้าไปในพื้นที่ต่าง
ๆ ให้ถูกต้อง เช่น
การขออนุญาตต่อกรมป่าไม้
หน่วย
งานที่ดูแลพื้นที่เหล่านั้นด้วย
3.
การล่องแก่งเป็นกิจกรรมประเภทท่องเที่ยวธรรมชาติกึ่งการผจญภัย
จำเป็นที่จะต้องใช้ความระมัด
ระวังอย่างยิ่งในการร่วมกิจกรรมต่าง
ๆ
โดยเลือกใช้บริการที่มีการจดทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวแล้วเรียบร้อย
และตรวจสอบรายการท่องเที่ยว
และข้อตกลงต่าง ๆ
ให้เรียบร้อย เช่น
การประกันภัย เครื่องมือ
อุปกรณ์ที่มีการให้บริการ
4.
การเตรียมตัวท่องเที่ยวทางน้ำ
ควรเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสม
เช่น กางเกงขาสั้น
และเสื้อผ้า ควรใช้ผ้าที่
แห้งง่าย
รองเท้าแตะที่มีสายรัดจะดีมาก
เพราะต้องเตรียมพร้อมที่จะเปียกน้ำ
และขึ้นไปเดินบนฝั่ง
หากมีการเดินป่าระยะทางไกล
ก็จำเป็นต้องนำรองเท้าผ้าใบไปอีกคู่หนึ่ง
ในช่วงฤดูหนาวควรมีเสื้อแจ๊กเกต
ผ้ากันลมไว้ใส่กันหนาวช่วงที่ล่องแก่งด้วย
5. เสื้อผ้า อุปกรณ์สำหรับแค้มปิ้ง
และกล้องถ่ายภาพ
และของใช้ต่าง ๆ ควรใส่ถุงพลาสติค
หรือถุงกันเปียก
ให้เรียบร้อย
การเตรียมสัมภาระต่าง
ๆนำไปเฉพาะที่จำเป็นจริง ๆ
เพราะพื้นที่ขนสัมภาระจำกัด
6.
ในการล่องแก่งควรศึกษาข้อปฏิบัติการพายเรือ
พยายามมีส่วนร่วมในการเดินทางอย่างดี
ควรปฏิบัติตัว
ตามคำแนะนำของกัปตันเรือ
และมัคคุเทศก์
7. หากมีการรับประทานอาหาร
หรือไปประกอบอาหารในป่า
ควรเลือกรายการอาหารที่สะดวกง่ายและ
หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องกระป๋อง
ภาชนะประเภทกล่องโฟม ขวดน้ำ
พลาสติคที่ใช้ครั้งเดียว
เพื่อลดขยะ และมลพิษ
ทุกครั้งที่เก็บแคมป์
ควรดูแลความสะอาด
พยายามให้พื้นที่กลับสู่สภาพเดิมให้มากที่สุด
หลักการพายเรือล่องแก่ง
ลักษณะของสายน้ำและการอ่านสายน้ำ
ความแรงของกระแสน้ำจะขึ้นอยู่กับส่วนประกอบต่าง
ๆ ในธรรมชาติ เช่น ความลึก (Volume)
โดยร่องน้ำยิ่งลึกมาก
กระแสน้ำก็จะยิ่งไหลแรงมากขึ้นตาม
การไหลของน้ำ (Gradient)
สามารถแยกได้เป็น 2 อย่าง คือ
แก่ง (Rapid)
ซึ่งน้ำจะไหลเร็วและแรงมาก
แอ่ง (Pool)
น้ำจะไหลช้าและมีความลึกมาก
ปกติโดยทั่วไป
บริเวณต้นแก่งน้ำ
จะไหลเอื่อยและช้ากว่ากลางแก่ง
หรือปลายแก่ง
อีกสิ่งหนึ่งที่ควรรู้และนักล่องแก่งต้องคำนึงถึงก็คือ
ความเร็วของกระแสน้ำใต้ผิวน้ำและระดับน้ำจะต่างกัน
โดยช่วงต่ำ กว่าผิวน้ำลงไป
กระแสน้ำจะค่อย ๆ
ลดความเร็วลง
สำหรับความลาดเอียงของหินใต้น้ำ
(River Bend)
จะมีผลต่อความแรงของกระแสน้ำด้วย
คือบริเวณที่ลึก น้ำจะไหล
แรงกว่าบริเวณที่ตื้น
และภายใต้กระแสน้ำอาจจะมีหินใต้น้ำที่มองไม่เห็น
และเป็นอันตรายไม่น้อย
คือต้นไม้ หรือกิ่งไม้ที่ล้ม
ขวางน้ำ
อาจจะส่งผลอันตรายต่อลูกเรือ
หรือตัวเรือได้
ร่องน้ำรูปตัววี
(downstream V) สายน้ำจะบีบตัวเข้าหากันเป็นรูปตัววี
โดยมีโขดหินสองข้างขวางลำน้ำ
ทำให้เกิด
เป็นร่องน้ำระหว่างหินนั้น
ควรบังคับหัวเรือให้ตรงตามร่องตัววีนั้น
แต่อย่างไรก็ตาม
นายท้ายเรือจะต้องตัดสินใจในการ
แก้ไขสถานการณ์ล่วงหน้าอีกครั้ง
เพราะช่องทางที่ดีที่สุดที่เห็นนั้น
อาจจะพัดนักผจญแก่งไปกระแทกกับหินก็ได้
ร่องน้ำรูปตัววีคว่ำ
ที่หันมุมแหลมเข้าหาเรานั้น
จะเป็นอันตรายมาก
เรืออาจจะกระแทกกับหิน
หรือน้ำอาจดูดเข้าไปหา
จนทำให้เรือ
หรือตัวเรากระแทกกับแก่งหินได้
น้ำวน ในกรณีนี้จะต้องพายเรือออกจากศูนย์กลางของวังน้ำวนให้เร็วที่สุดและกรณีผู้ที่ตกน้ำก็เช่นกัน
จะต้องพยายาม
ว่ายออกจากศูนย์กลางให้เร็วที่สุด
โดยไม่ต้องสนใจว่าฝั่งจะอยู่ทางใด
และเมื่อหลุดจากวังน้ำวนมาแล้วค่อยว่ายเข้าหาฝั่ง
คลื่น (Wave)
ในกระแสน้ำที่ไหลแรงและลึก
หินใต้น้ำและผิวน้ำจะทำให้เกิดคลื่นน้อยใหญ่แตกต่างกัน
คลื่นนั้นอาจจะ
ม้วนเป็นวงอย่างแรง
ควรพยายามหลีกเลี่ยง
เพราะจะทำให้ควบคุมเรือยาก
เรืออาจจะถูกกระแสน้ำม้วนทำให้พลิกคว่ำได้
น้ำนิ่งหลังแก่ง
(Eddy) กระแสน้ำบริเวณหลังแก่งจะเป็นน้ำวนไหลย้อนทิศทาง
ทำให้มีความแรงของน้ำน้อยลง
สามารถใช้เป็นจุดพักเรือได้
น้ำม้วนหน้าแก่ง
(Hydro)
เกิดจากกระแสน้ำที่ตกจากที่สูง
น้ำที่ตกลงมาจะม้วนตัวอยู่หน้าแก่งก่อนที่จะไหลต่อไป
ซึ่ง ถ้ามีความแรงมาก ๆ
ก็สามารถที่จะพลิกเรือให้คว่ำได้
และถ้ากระแสน้ำไหลตกจากที่สูงมากเท่าใด
ก็จะยิ่งอันตรายมาก เท่านั้น
ถ้ากรณีที่เรือพลิกคว่ำหลังลงจากที่สูงแล้ว
ผู้ตกน้ำควรจะดำน้ำมุดหนีโพรงน้ำนั้นให้เร็วที่สุด
อย่าพยายามขึ้นมาเหนือน้ำ
เพราะกระแสน้ำจะม้วนดูดกลับลงไปอีก
การช่วยเหลือตัวเองเมื่อพลัดตกเรือ
เมื่อตกไปในน้ำก็ให้พยายามว่ายเข้าหาเรือ
หรือเข้าฝั่งให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้เพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้นจากกระแส
น้ำที่พัดพาตัวเราให้ไปตกอีกแก่งหนึ่งได้
เมื่อตกน้ำ
ให้พยายามลอยตัวให้อยู่เหนือน้ำในลักษณะท่านอนหงาย
ยกขาทั้งสองข้างขึ้นระดับผิวน้ำ
เสื้อชูชีพจะช่วยพยุง
ตัวให้ลอย
พยายามให้ขาไปข้างหน้าขณะที่ไหลไปตามกระแสน้ำ
ค่อย ๆ เตะขาอย่างช้า ๆ
เพื่อชะลอความเร็วและป้องกัน
ตัวเองจากการกระแทกกับแก่งหิน
ที่สำคัญอย่างยิ่งในการล่องเรือ
ผู้เชี่ยวชาญเน้นที่ความปลอดภัยทุกครั้ง
โดยเฉพาะอุปกรณ์พื้นฐาน เช่น
เสื้อชูชีพ หมวกกัน น็อก
เสื้อชูชีพจะช่วยพยุงตัวเราให้ลอยเหนือน้ำ
ส่วนหมวกกันน็อกนอกจากจะช่วยป้องกันศีรษะกระแทกกับหินแล้ว
ใน กรณีตกจากเรือ
ยังช่วยป้องกันการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุไม้พายของคนข้างหลังตีอีกด้วย
การจัดระดับความยากของแก่งตามมาตรฐานสากล
ระดับ 1 ง่ายมาก
มีแก่งเล็กน้อย
ระดับ 2 ธรรมดา น้ำไหลแรงขึ้น
มีแก่งที่ต้องใช้เทคนิค
ระดับ 3 ปานกลาง
เริ่มมีแก่งน่าตื่นเต้น
เทคนิคการพายสูงขึ้น
ระดับ 4 ยาก
มีแก่งที่ต้องใช้ทั้งเทคนิคและทักษะในการพาย
ระดับ 5 ยากมาก น้ำไหลเชี่ยว
ต้องใช้เทคนิคและประสบการณ์การพายสูง
และต้องมีความระมัดระวัง
ระดับ 6 อันตราย
ไม่เหมาะแก่การล่องแก่ง