ศาสนา
ความเชื่อ และพิธีกรรม
ศาสนา
ชาวมุกดาหารเกือบทั้งหมด (ร้อยละ ๙๙.๒๘) นับถือพระพุทธศาสนา ซึ่งสืบต่อกันมาตามบรรพบุรุษ
มีวัดในพระพุทธศาสนา อยู่ ๓๑๘ วัด
ศาสนาอื่น ๆ ได้แก่คริสตศาสนา มีผู้นับถืออยู่ร้อยละ ๐.๗๒ ส่วนใหญ่อยู่ในเขตอำเภอหว้านใหญ่
เป็นนิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งได้เข้ามาเผยแพร่ในราชอาณาจักรไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
แต่แพร่มาถึงภาคอีสานในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี
พ.ศ.๒๔๒๔
ศาสนาคริสต์ได้แผ่ขยายไปตามหัวเมืองสองฝั่งโขง และได้มีการจัดตั้งสังฆมณฑลลาวและอีสาน
เป็นเขตการปกครองของศาสนาคริสต์แยกจากสังฆมณฑลกรุงเทพ ฯ ซึ่งครอบคลุมถึงดินแดนในประเทศลาวด้วย
ต่อมาได้ตั้งวัดขึ้นที่ท่าแร่ เมืองสกลนคร วัดหนองแสง เมืองนครพนม และวัดบ้านสองดอน
เมืองมุกดาหาร ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๐
ความเชื่อและพิธีกรรม
ในท้องถิ่นชนบทยังมีความเชื่อและพิธีกรรมต่าง ๆ อยู่มากมาย อันเป็นบ่อเกิดพิธีกรรมต่าง
ๆ
ความเชื่อเรื่องเทพเจ้า
ทำให้เชื่อนางทรง กฤษณา การขะลำและหมอดู เป็นต้น
การถือผี
ได้แก่ ผีบ้าน ผีนาหรือผีตาแฮก ผีเชื้อหรือผีบรรพบุยรุษ ผีปอบ ผีเป้า
ผีมด
พิธีกรรม
มีพิธีบวงสรวงเจ้าปู่และพิธีการเลี้ยงปู่ตา
ขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่น
ขนบธรรมเนียม
คนท้องถิ่นมุกดาหารแต่โบราณจะแต่งกายนุ่งผ้าถุง (ผ้าซิ่น) ยาวกรอมเท้ามีเชิงเรียกว่าตีนซิ่น
เป็นผืนผ้ากว้างขนาด ๑ คืบ ทอเป็นลายต่าง ๆ ส่วนด้านบนเรียกว่าหัวซิ่น จะต่อผ้าอีกต่างหาก
ส่วนเสื้อจะเป็นแขนกระบอก คอกลมเป็นส่วนใหญ่ บางครั้งปล่อยชายไว้นอกผ้าถุง
บางครั้งเอาชายเสื้อเข้าข้างในผ้าถุง แล้วห่มสไบทับ มักนิยมแต่งเวลามีงานบุญและเข้าวัดฟังธรรมหรือหน้าประเพณีต่าง
ๆ
ส่วนชนเผ่าต่าง ๆ ในจังหวัด การแต่งกายจะมีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป เผ่าที่ยังอนุรักษ์การแต่งกายดั้งเดิมอยู่ก็จะแต่งเผ่าผู้ไทย
ที่ยังนิยมนุน่งห่มสีย้อมคราม และขลิบรอบคอเสื้อ และปลายแขนเสื้อด้วยผ้าสีแดง
ผ้าถุงทอเป็นลายผ้ามัดหมี่มีต้นซิ่นทับด้วยสไบแพรวาสีสดใส
จารีตประเพณี
ส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา และมีขนบจารีตประเพณีที่สำคัญ ถือปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นแบบชาวอีสานทั่วไป
ที่ยึดการดำเนินชีวิตที่เรียกว่า ฮีตสิบสองครองสิบสี่
ฮีตสิบสอง
หมายถึง แบบแผนความประพฤติที่ดีงาม หรือประเพณีทำบุญสิบสองเดือน
ครองสิบสี่
หมายถึงตัวบทกฎหมายโบราณ เริ่มตั้งแต่ตั้งผู้มีอำนาจปกครองบ้านเมืองเป็นข้อแรก
และคุณสมบัติคนเมือง ๑๔ อย่าง เป็นข้อสุดท้าย ตัวบทกฎหมายโบราณมีไม่มาก แต่คนโบราณก็ปกครองบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุขได้
โดยปกครองแบบพ่อปกครองลูก พี่ปกครอง
ขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่น
เสี่ยงทายสองนางกับการเลี้ยงผี
(ของรักษา) เป็นประเพณีที่กระทำสืบเนื่องมานานมาตั้งแต่บรรพบุรุษ แม้ปัจจุบันก็ยังมีความเชื่อเรื่องนี้อยู่
ความหมายของประเพณีนี้เพื่อ
- ทำการเสี่ยงทายโชคชะตาของหมู่บ้าน และชีวิตประชาชน
- เพื่อเป็นโอกาสฉลองวันครบรอบการเลี้ยงผี
- เพื่อบวงสรวงวิญญาณและตัดสินดวงวิญญาณเหล่านั้นให้ไปเกิด
![](mukdahan43.jpg)
พิธีตีน้ำนอง
กระทำในเทศกาลออกพรรษา เป็นประเพณีการแข่งเรือ หรือประเพณีส่วงเรือ
ในลำน้ำโขง ถือเป็นประเพณีของชาวเมืองมุกดาหาร และจังหวัดที่อยู่ติดกับลำน้ำโขง
ในสมัยเป็นเมืองมุกดาหาร เจ้าเมืองจะจัดให้มีพิธีดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยาปีละสองครั้งคือในวันตรุษเดือนห้า
ขึ้นสิบห้าค่ำ ผู้รับราชการ ฉลองพระเดชพระคุณทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล และหัวเมืองน้อยใหญ่
จะต้องมาร่วมพิธี ส่วนใหญ่จะเดินทางมาทางเรือ จึงเกิดมีการแข่งขันพายเรือ
เพื่อความสนุกสนาน และเป็นการฉลองสมโภชบวงสรวงบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์พระแม่คงคา
พญานาค เทวดา เพื่อให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข
ก่อนการแข่งเรือทุกประเภทจะมีพิธีเปิดงานบริเวณกองอำนวยการศาลาขาวท่าน้ำเขื่อนริมโขงและมีพิธีสำคัญ
๔ อย่าง คือ
พิธีอัญเชิญถ้วยพระราชทานทางบก
โดยจัดขบวนแห่ไปตามถนนสายต่าง ๆ มีการจัดริ้วฝีพายเรือทางบกจากคุ้มชุมชนต่าง
ๆ ร่วมกับขบวนแห่จากแขวงสะหวันเขตของประเทศลาว เพื่อทำพิธีบวงสรวงหลักเมือง
เจ้าพ่อมุงเมือง และเจ้าแม่สองนางพี่น้อง ตามลำดับ
พิธีเบิกน่านน้ำ
โดยอัญเชิญเจ้าพ่อเจ้าฟ้ามุงเมืองลงประทับเรือเจ้าฟ้ามุกดาสวรรค์ ผู้ร่วมลงเรือกระทำพิธีเบิกน่านน้ำ
ประกอบด้วยเจ้าเมืองทั้งสองฝั่งโขง (ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร และเจ้าแขวงสะหวันเขต)
คณะข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ผู้ทรงคุณวุฒิ และคณะผู้ทรงเจ้ากระทำพิธีเบิกน้ำ
พิธีอัญเชิญถ้วยพระราชทานทางน้ำ
โดยเรือของงานตำรวจน้ำมุกดาหาร
เป็นเรืออัญเชิญ และเรือนำขบวน ติดตามด้วยเรือนำขบวนอีกสี่ลำ ต่อท้ายด้วยเรือแข่งขันประเภทความเร็วทุกรุ่นทุกลำ
โดยจัดริ้วขบวนกระทำพิธีพาเหรดทางเรือ เริ่มจากเรือแข่งรุ่นเล็ก รุ่นกลางและรุ่นใหญ่
ปิดท้ายด้วยเรืออารักขาจากสถานีเรือหน่วยปฏิบัติการแม่น้ำโขง (นปข.) ที่ ๓
มุกดาหาร ตามลำดับโดยเริ่มจากบริเวณหน้าวัดศรีบุญเรือง พายทวนน้ำไปยังจุดปล่อยเรือ
พิธีตีช้างน้ำนอง
เดิมจะจัดเรือแข่งทุกลำทุกรุ่นทำพิธีตีช้างน้ำนองก่อนวันสุดท้ายของวันแข่งขันหนึ่งวัน
แต่ปัจจุบันมาทำพิธีก่อนการแข่งขัน
เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม
เอกลักษณ์สิ่งทอ
กลุ่มชนในเขตจังหวัดมุกดาหารทั้งแปดเผ่าพันธุ์มีการทอผ้าในแต่ละท้องถิ่นแต่ละเผ่ามาโดยตลอด
ส่วนขบวนการทอมีความคล้ายคลึงกัน
ผ้าทอในท้องถิ่นมุกดาหารที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีคือผ้าทอจากอำเภอหนองสูงและอำเภอคำชะอี
ผ้าทอดังกล่าว
มีลักษณะโดดเด่นในด้านของสีและลวดลายของผ้าในแต่ละประเภทคือ
![](mukdahan44.jpg)
ผ้าห่มนวม
มีสองชนิดคือผ้านวมดำและผ้านวมลาย เรียกกันว่าผ้านวมหย้อย ผ้าห่มทั้งสองชนิดนี้จะเย็บเป็นถุงผ้าขนาด
กว้างประมาณ ๑ เมตร ยาวประมาณ ๒ เมตร เข้าบรรจุนวมซึ่งทำจากปุยฝ้าย
ที่เรียกว่า ผ้านวมดำเพราะใช้ผ้าพื้นย้อมด้วยสีดำจากมะเกลือ ส่วนผ้านวมหย้อยจะใช้เส้นใยฝ้ายสีต่าง
ๆ ทอให้มี
ลวดลายเป็นตาราง
![](mukdahan45.jpg)
ผ้าสีเขา
เป็นผ้าห่มชนิดหนึ่งที่ทอจากฟืนสี่ตะกอ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่าฟืนสีเขาหรือฟืนสีเหา
ใช้เส้นพุ่งคู่ จึงทำให้ผ้าชนิดนี้ มีความหนามากกว่าผ้าพื้นตะกอเดียว นิยมทอด้วยผ้าฝ้ายเส้นใยสีขาวหรือสลับกับสีดำ
เพื่อให้ลายโดดเด่นยิ่งขึ้น ผ้าชนิดนี้นอกจากจะใช้เป็นผ้าห่มในช่วงที่อากาศไม่หนาวเย็นนัก
ยังใช้เป็นผ้าปูที่นอนได้อีกด้วย
![](mukdahan46.jpg)
ผ้าหมอนเก็บ
(หมอนขิด) เป็นผ้าทอที่ใช้ตัดเย็บเป็นหมอน ด้านในบรรจุนุ่น ชาวผู้ไทยในจังหวัดมุกดาหารเรียกว่า
หมอนเก็บ เพราะผ้าชนิดนี้จะทอด้วยการเก็บลวดลาย นิยมใช้เส้นใยฝ้ายสีขาวเป็นเส้นยืน
ใช้เส้นใยฝ้ายสีดำเป็นเส้นพุ่งเก็บลวดลาย หรือขิดเป็นลวดลาย เป็นหมอนรูปสี่เหลี่ยมยาวประมาณ
๑ ศอก (ศอกกำมือ) หนาประมาณ ๕ นิ้ว ถือเป็นเครื่องเรือนสำคัญชนิดหนึ่ง
![](mukdahan47.jpg)
ซิ่นทิวไหม
เป็นผ้าไหมสีแดงคล้ำ นิยมทอเป็นซิ่นหรือผ้าถุงสำหรับสตรี ชาวบ้านเรียกว่าซิ่นทิวหรือซิ่นทิวไหม
เพราะทอจากไหมล้วน ๆ มีลักษณะเด่นคือเน้นสีแดงเข้มทั้งเส้นยืนและเส้นพุ่ง
สีแดงได้จากสีครั่งเป็นหลัก และมีสีดำแทรกสลับเส้นยืนโดยตลอด สีดำได้จากมะเกลือเป็นหลัก
![](mukdahan48.jpg)
ซิ่นหมี่ไหม
(ผ้าไหมมัดหมี่) มีกรรมวิธีการผดลิตที่ซับซ้อนกว่าผ้าอื่น ๆ ผ้าซิ่นไหมมัดหมี่
เมืองหนองสูง เป็นผ้าที่ทอจากกี่พื้นบ้าน ใช้กืบที่ได้มาตรฐาน ความกว้างประมาณ
๑ เมตร เป็นผ้าสองตากอ เป็นหลัก ผ้าเนื้อแน่น การใช้สีจะใช้สีเข้า ส่วนลวดลายเน้นลายเล็ก
ๆ ตลอดผืนผ้า เช่น ลายขอ ลายหมากจับ ลายลูกแก้ว ลายนาคน้อย เป็นต้น
![](mukdahan49.jpg)
ผ้าโสร่งไหมผู้ไทย
ใช้เป็นผ้านุ่งของผู้ชายสูงอายุ มีลักษณะเด่นอยู่ที่การให้สี ซึ่งเน้นสีเขียว
สีคราม สีม่วง และสีขาว เส้นใยที่ใช้ทอนิยมปั่นเส้นไหมจากไหมสองสี ร่วมเป็นเส้นใยเดียวกัน
เรียกว่า ไหมเข็น ทำให้เส้นไหมมีความยาวระยิบ มีลวดลายตาผ้าเป็นสีเขียว และสีม่วง
ตัดลายด้วยเส้นขาว เรียกว่า โสร่งตาเขียวตาม่วง
ผ้าขาวโซ่
ลายผ้ามักนิยมนำธหรรมชาติมาใช้เช่น รูปทรงเรขาคณิต สัตว์ ปู ปลา หรือหงส์
เอกลักษณ์อื่น ๆ
ได้แก่ ลำหัวดอนตาล และงานบุญส่วงเฮือ
![](mukdahan50.jpg)
ลำหัวดอนตาล
เป็นการร้องทำนองลำเต้ย หรือลำผญา มีลักษณะเฉพาะทั้งทำนองและคำกลอนที่ไพเราะ
สร้างความสนุกสนานครึกครื้นแก่ผู้ชมเป็นอันมาก
ลำหัวดอนตาล มีกำเนิดจากอำเภอดอนตาล ผู้ร้องประกอบด้วยฝ่ายชายและฝ่ายหญิง
จะร้องและรำเป็นคู่กัน คำกลอนที่ร้องจะมีความหมายไปทางเกี้ยวพาราสี และตัดพ้อต่อว่า
รวมทั้งถามข่าวคราวซึ่งกันและกัน ระหว่างชายหนุ่มกับหญิงสาว มีดนตรีประกอบคือ
แคน
นอกจากคู่ร้องสองคนแล้ว ยังมีลูกคู่ซึ่งเป็นหญิงสาวมาฟ้อนประอบจังหวะเสียงแคน
การลำหัวดอนตาล จะเล่นได้ทุกงานตั้งแต่งานบุญบ้าน บุญงานมงคล และบุญงานศพ
![](mukdahan51.jpg)
งานบุญส่วงฮือมุกดาหาร
ในช่วงเทศกาลออกพรรษาของทุกปี มีการจัดงาน ๒ - ๓ วัน ติดต่อกันคือ ในช่วงวันขึ้น
๑๓ - ๑๕ ค่ำ เดือนสิบเอ็ด เป็นงานที่จัดขึ้นตามความเชื่อ ความศรัทธาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง
และเทพเจ้าแห่งลำน้ำโขงของกลุ่มคนทั้งสองฝั่งโขง ระหว่างวเมืองมุกดาหารกับเมืองสุวรรณเขต
(สะหวันนะเขต) ถือได้เป็นประเพณีสองฝั่งโขง นอกจากจะจัดทำพิธีที่ฝั่งเมืองมุกดาหารแล้ว
ยังมีการจัดทำพิธีที่เมืองสุวรรณเขต อีกด้วย
|