สิ่งสำคัญคู่บ้านคู่บ้าน
มีอยู่ ๔ ประการด้วยกันคือ
-
พระแสงราชศัตราประจำเมืองระนอง
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งเสด็จ ฯ เลียบมณฑลปักษ์ใต้ ได้พระราชทานพระแสงราชศัตราประจำเมืองระะนอง
แก่พระระนองบุรีศรีสมุทเขตร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน
พ.ศ.๒๔๖๐ เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งพระราชอำนาจ ที่ได้ทรงมอบให้ไว้ และมีพระราชดำรัสตักเตือนให้ผู้ว่าราชการจังหวัด
และข้าราชการช่วยกันรับราชการฉลองพระเดชพระคุณ รักษาพระแสงไว้มิให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศได้แม้เล็กน้อย
ให้ตั้งตนอยู่ในความสุจริต ซื่อตรง จงรักภักดี อยู่ในราชกำหนดกฎหมาย และประพฤติตนให้เป็นพลเมืองดีทั่วกัน
-
ศาลหลักเมืองจังหวัดระนอง
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงยกเมืองระนองเป็นหัวเมืองจัตวาขึ้นตรงต่อกรุงเทพ
ฯ เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๐๕ แต่ไม่ปรากฎว่าเคยมีหลักเมืองมาก่อน
ดังนั้นในปี พ.ศ.๒๕๓๐ เทศบาลเมืองระนอง จึงได้ริเริ่มโครงการสร้างศาลหลักเมืองขึ้น
ณ บริเวณที่เคยเป็นบ้านพักเก่าของพระยารัตนเศรษฐี เจ้าเมืองระนอง ริมคลองหาดส้มแป้น
ตัวศาลหลักเมืองมีลักษณะเป็นศาลาจตุรมุข ทรงไทย มียอดศาลาตามลักษณะภูมิสถาปัตย์
พระธาตุไชยา จำนวนห้ายอด มีความสูงถึงยอด ๑๓.๖๐ เมตร ตัวศาลมีขนาดกว้างยาวด้านละ
๖ เมตร
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ ได้เสด็จแทนพระองค์ มาประกอบพิธียกเสาหลักเมืองและทรงเปิดศาลหลักเมือง
เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๓๓ ในการเสด็จครั้งนี้ได้ทรงประกอบพระราชพิธีพระราชทานพระพุทธนวราชบพิธ
ประจำจังหวัด และพระพุทธนวราชบพิธจำลองประจำอำเภอต่าง ๆ ด้วย
-
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองกระบุรี
ตั้งอยู่ในเขตตำบลปากจั่น ทางด้านซ้ายเป็นแม่น้ำคลองจั่น ด้านขวาเป็นแม่น้ำคลองหลีก
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองนี้เดิมเรียกว่า พระเสื้อเมือง บริเวณนี้เดิมเป็นคูเมืองสองชั้นเป็นแนวดิน
เป็นเส้นทางเดินเท้าไปจังหวัดชุมพร ไม่มีชุมชนตั้งอยู่คาดว่าเป็นเมืองร้าง
เพราะผู้คนหนีโจรผู้ร้ายไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ตลาดปากจั่น
-
หอพระประจำจังหวัดระนอง
ตั้งอยู่ในเขตตำบลเขานิเวศน์ อำเภอเมือง ฯ สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๕ เนื่องในวาระเฉลิมฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ
๒๐๐ ปี บริเวณที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของศาลากลางจังหวัด เป็นที่ประดิษฐานรูปเก้า
พระเกจิอาจารย์
ศิลปหัตถกรรมและงานช่างท้องถิ่น
ในเขตจังหวัดระนองมีงานด้านศิลปกรรม และงานช่างท้องถิ่นอยู่น้อย ลักษณะของศิลปะที่มีอยู่เป็นศิลปะแบบผสมผสาน
คล้ายคลึงกับจังหวัดต่าง ๆ แถบฝั่งทะเลตะวันตกทั่ว ๆ ไป มีทั้งศิลปะแบบไทย
จีน และพม่า
จิตรกรรม
ส่วนใหญ่เป็นงานที่สร้างขึ้นใหม่เป็นภาพเขียนบนฝาผนังอาคารศาสนสถาน ที่เรียกว่า
จิตรกรรมฝาผนัง เป็นภาพเกี่ยวกับคติธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา ภาพพุทธประวัติ
รูปแบบงานเขียนโดยทั่วไปจะเขียนด้วยสีน้ำบนฝาผนังโดยตรง ผลงานดังกล่าวปรากฎอยู่ในอุโบสถ
วัดธรรมาวุธาราม อำเภอกะเปอร์ วิหารพระพุทธไสยาสน์วัดวารีบรรพต อำเภอเมือง
ฯ และในอุโบสถวัดมัชฌิมเขต อำเภอกระบุรี
ประติมากรรม
งานประติมากรรมส่วนใหญ่สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาในพระพุทธศาสนา หรือนำไปใช้ตกแต่งงานสถาปัตยกรรม
เช่น พระพุทธรูปปางต่าง ๆ ลวดลายประดับโบสถ์ วิหาร ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์
ฯลฯ
งานประติมากรรมที่ปรากฎให้เห็นโดยทั่วไป พอประมวลได้ดังนี้
-
ประติมากรรมพระพุทธประวัติ วัดจันทาราม
อยู่ในเขตตำบลน้ำจืด อำเภอกระบุรี เป็นประติมากรรมปูนปั้นลอยตัว เนื้อเรื่องเป็นพุทธประวัติตอนต่าง
ๆ ตกแต่งด้วยลวดลายใช้สีสันคล้ายของจริง พื้นฝาผนังเขียนภาพทิวทัศน์ประกอบเนื้อเรื่อง
อยู่ในวิหารราย ลดหลั่นตามแนวเชิงเขา ๓ ชั้น ๆ ละ ๑๑ ห้อง รวม ๓๓ ห้อง สร้างเมื่อปี
พ.ศ.๒๕๓๒
-
พระพุทธไสยยาสน์วัดวารีบรรพต
เป็นประติมากรรมปูนปั้นลอยตัวขนาดใหญ่ ยาว ๓๐ เมตร ประดิษฐานอยู่ที่วัดวารีบรรพต
(วัดบางนอน) ตำบลบางนอน อำเภอเมือง ฯ พุทธลักษณะเป็นศิลปะสมัยสุโขทัย
สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๗ โดยฝีมือช่างชาวนครศรีธรรมราช ประดิษฐานอยู่ในวิหารบนเชิงเขาสูง
-
พระประจำวัน ณ
ที่พักสงฆ์ ช่องเขาเทพประสิทธิ์ เป็นรูปปูนปั้นลอยตัว ตามปางประจำวัน
สูงประมาณ ๕ เมตร ฐานกว้าง ๒.๕๐ เมตร อยู่ในเขตตำบลทรายแดง อำเภอเมือง
ฯ
-
พระะพุทธรูปไม้ วัดสุวรรณคีรี
ประดิษฐานอยู่ที่วัดสุวรรณคีรี ตำบลปากจั่น อำเภอกระบุรี เป็นประติมากรรมแกะสลักพระพุทธรูปด้วยไม้เนื้อแข็ง
ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง ๓๕ เซนติเมตร สูง ๗๓ เซนติเมตร มีลักษณะประณีตสวยงาม
สร้างเมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๔๖๐ พร้อมกับที่สร้างวัดปากจั่น (สุวรรณครี)
-
พระสังกัดจาย
วัดตโปทาราม และวัดหาดส้มแป้น เป็นประติมากรรมปูนปั้นลอยตัวขนาดใหญ่
มีลักษณะโดดเด่นสวยงาม ประดิษฐานอยู่สองแห่งคือ วัดตโปทาราม และวัดหาดส้มแป้น
อำเภอเมือง ฯ โดยเฉพาะที่วัดหาดส้มแป้นฐานพระพุทธรูปออกแบบอย่างสวยงามเป็นลายดอกบัวและพญานาค
สร้างโดยฝีมือช่างมอญ จากประเทศพม่า
งานสถาปัตยกรรม
งานสถาปัตยกรรมส่วนใหญ่เป็นศาสนสถานในพระพุทธศาสนา และศาสนาอื่น ๆ เช่น เจดีย์
วิหาร กุฎิสงฆ์ ศาลเจ้าจีน และมัสยิด ได้แก่
-
เจดีย์ทรงพม่าวัดสุวรรณคีรี
วิหารวัดอุปนันทาราม ตำบลเขานิเวศน์ อำเภอเมือง ฯ สร้างเมื่อประมาณปี
พ.ศ.๒๔๔๐ รูปทรงศิลปแบบพม่า ส่วนยอดแกะสลักด้วยโลหะเป็นชิ้น ๆ อย่างสวยงามมองดูเด่นเป็นสง่า
มีความสูงประมาณ ๘ เมตร ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ ๗ เมตร ภายในเจดีย์บรรจุเครื่องประดับมีค่า
-
เจดีย์เก่าวัดสุวรรณคีรี
ประดิษฐานอยู่ในวัดสุวรรณคีรี ตำบลปากจั่น อำเภอกระบุรี สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๒
เป็นเจดีย์ทรงระฆัง ศิลปะลังกา ฐานกว้างด้านละ ๓.๕๐ เมตร สูง ๕ เมตร เป็นสถาปัตยกรรมที่ชาวบ้านสร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธา
แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาท้องถิ่น
-
เจดีย์รากลอย วัดปทุมทาราม
อยู่ในเขตตำบลกะเปอร์ อำเภอกะเปอร์ สร้างเมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๔๗๕ เป็นศิลปะแบบลังกา
ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมกว้างด้านละประมาณ ๖ เมตร สูงประมาณจากพื้นถึงฐานด้านบน
๒.๕๐ เมตร องค์เจดีย์ตั้งลอยอยู่บนฐาน ความสูงขององค์เจดีย์ ๗.๕๐ เมตร เป็นเจดีย์รูปทรงระฆัง
มีปล้องไฉนหรือบัวกลุ่ม ปลียอดและเม็ดน้ำค้าง สร้างโดยช่างชาวอำเภอตะกั่วป่า
จังหวัดพังงา
-
เจดีย์รูปทรงหกเหลี่ยม
วัดหาดส้มแป้น สร้างครอบเจดีย์เก่าที่มีอายุกว่าร้อยปี ลักษณะเป็นรูปหกเหลี่ยมแต่ละเหลี่ยมกว้างประมาณ
๓ เมตร สูงจากฐานถึงยอดประมาณ ๑๗ เมตร ฝีมือช่างท้องถิ่น องค์เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
ที่นำมาจากเชียงรุ้ง และมุกดาหาร
|