วัดถ้ำคูหา ถ้ำคูหาเป็นถ้ำบนเขาหินปูนลูกโดดขนาดเล็ก
อยู่ที่บ้านคูหา ตำบลช้างขวา อำเภอกาญจนดิษฐ์ ชาวบ้านเรียกว่าเขาคูหา ตัวถ้ำและวัดอยู่ทางด้านทิศเหนือของภูเขา
ถ้ำยาวประมาณ ๑๗ เมตร กว้างประมาณ ๘ เมตร ปากถ้ำหันไปทางด้านทิศตะวันออก ภายในถ้ำเปรียบเหมือนวิหาร
ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญของวัดสืบมาหลายยุคสมัย มีพระประธานเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางไสยาสน์
ลงรักปิดทอง และพุทธรูปปางมารวิชัย และปางสมาธิประดิษฐานเรียงรายเป็นแถวชิดผนังถ้ำ
- พระพุทธรูปดินดิบ
เป็นพระพุทธรูปดินปั้นนูนสูง ประกอบด้วยภาพพระพุทธเจ้า และภาพเล่าเรื่องตามคัมภีร์สีหธรรมปุณฑริกสูตร
ในพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ปั้นปะติดผนังและเพดานถ้ำ
- พระพุทธรูป
ได้แก่ พระพุทธรูปปูนปั้นและพระพุทธรูปหินทราย โดยมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางไสยาสน์ลงรักปิดทองยาวประมาณ
๘ เมตร ประดิษฐานไว้สุดผนัง ด้านในตรงข้ามปากทางเข้าถ้ำ พระพุทธรูปปางมารวิชัยและปางสมาธิประดิษฐานเรียงรายเป็นแถวชิดผนังถ้ำด้านทิศเหนือและทิศใต้ รวม ๕๑ องค์ มีเค้าศิลปสมัยอยุธยาที่ริมผนังถ้ำด้านเหนือมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ๓ องค์ ผิวภายนอกเป็นปูนฉาบ เหนือพระเศียรพระพุทธรูปทั้งสามองค์ เป็นปูนปั้นรูปซุ้มติดผนังถ้ำ
- ปูนปั้นรูปซุ้มพญานาคและพระพุทธรูปปางนาคปรก
อยู่เหนือเศียรพระพุทธรูปทั้งสามองค์ ทางด้านทิศเหนือทำเป็นรูปซุ้มพระสามซุ้ม
ที่ปลายซุ้มเชื่อมต่อกันทำเป็นรูปพญานาคเจ็ดเศียร ตอนกลางทำเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์เล็ก
ทำให้ดูเป็นพระพุทธรูปปางนาคปรก
วัดเขาพระนิ่ม วัดเขาพระนิ่มตั้งอยู่ในเขตตำบลท่าทอง
อำเภอกาญจนดิษฐ ชื่อเขาพระนิ่มซึ่งเป็นเขาหินปูนขนาดเล็ก อยู่ใกล้ปากน้ำท่าทอง
ปากถ้ำกว้างประมาณ ๖ เมตร หันหน้าไปทางด้านทิศตะวันออก ภายในถ้ำมีลักษณะเป็นคูหา
มีสองคูหาอยู่ชิดกัน
- คูหาแรก
อยู่ทางด้านหน้าของปากถ้ำ ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์อยู่ริมผนังด้านซ้าย ยาวประมาณ
๖ เมตร หันพระเศียรไปทางด้านทิศตะวันตก พุทธศิลป์เป็นฝีมือช่างท้องถิ่น ครองจีวรห่มเฉียง
ชายสังฆาฏิยาวถึงพระชานุ ตรงกลางคูหาชิดผนัง ประดิษฐานพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์
มีช้างและสิงห์หมอบอยู่เบี้องหน้า ด้านขวาของคูหา ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยบนฐานชุกชี
ซึ่งทำเป็นฐานสิงห์ ส่วนบัวหงายทำเป็นรูปบัวจงกล ประดับตกแต่งด้วยกระจกสี
ระหว่างคูหาแรกกับคูหาที่สอง ตรงกลางถ้ำมีเจดีย์สี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสองขนาดเล็ก
ฐานชั้นล่างเป็นฐานสิงห์ กลางท้องไม้เจาะซุ้มองค์ระฆังขนาดเล็กรองรับปลียอด
เป็นศิลปกรรมท้องถิ่นสมัยรัตนโกสินทร์
- คูหาที่สอง ที่สุดผนังถ้ำ
ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์หันพระเศียรไปทางทิศใต้ ยาวประมาณ ๗ เมตร ครองจีวรห่มเฉียงชายสังฆาฏิยาวถึงพระชานุ
ลักษณะคล้ายพระพุทธไสยาสน์ที่คูหาแรก ฝั่งตรงข้ามมีพระพุทธไสยาสน์ มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยอยู่ ๒ องค์
องค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง ประทับบนฐานชุกชีทำเป็นฐานสิงห์ ส่วนบัวหงายเป็นรูปบัวจงกล
ด้านหน้าห้อยผ้าทิพย์ เป็นศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
เขาประสงค์และวัดถ้ำใหญ่ เขาประสงค์เป็นเขาหินปูนเทือกใหญ่
อยู่ในเขตตำบลวัง อำเภอท่าชนะ ยาวประมาณ ๕ กิโลเมตรเศษ ส่วนกว้างที่สุดกว้างประมาณ ๑ กิโลเมตร
มีถ้ำอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ ๑๐๐ เมตร กว้างประมาณ ๒๐ เมตร ยาวประมาณ ๔๐ เมตร เพดานถ้ำมีแสงสว่างลอดเข้ามาภายในถ้ำ ทำให้สว่างพอสมควร ปากถ้ำหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ภายในถ้ำประดิษฐานพระพุทธรูป
สันนิษฐานว่า ใช้เป็นพุทธสถานมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย ต่อสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มาจนถึงสมัยปัจจุบัน
- พระพุทธไสยาสน์ทรงเครื่อง
ประดิษฐานอยู่ริมสุดผนังด้านทิศตะวันตกของถ้ำ ยาวประมาณ ๘ เมตร ก่ออิฐถือปูน
ลงรักปิดทอง หันพระเศียรไปทางทิศใต้ พระพักตร์ยาว สวมเทริด ทรงเครื่องประดับลวดลาย
ติดกระจกสี สวมกรองศอ ทับทรวง กำไลข้อพระกร กำไลต้นแขน กำไลข้อพระบาท
รัดประคดและจีบหน้านาง ตกแต่งลวดลายประดับกระจกสี รูปแบบศิลปกรรมสมัยอยุธยาตอนปลาย
พระพุทธไสยาสน์ทรงเครื่องนับว่ามีอยู่น้อยองค์นัก องค์นี้นับว่างดงามที่สุดที่เคยพบในภาคใต้
- พระอันดับ
เป็นพระพุทธรูปจำนวน ๑๔ องค์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยประทับอยู่บนแท่นก่ออิฐถือปูนสองแท่นเรียงกัน
เป็นแถวหน้ากระดานอยู่ริมผนังถ้ำด้านทิศใต้
คูหาเดียวกับพระพุทธไสยาสน์ทรงเครื่อง แท่นแรกมีหกองค์ แท่นที่สองมี ๘ องค์ ลักษณะรูปแบบศิลปกรรมสมัยอยุธยาตอนปลาย
ถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
- พระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย
เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่สามองค์ หน้าตักกว้างประมาณ ๒ เมตร ครองจีวรห่มเฉียงประดิษฐานอยู่ที่ปากถ้ำ
เป็นศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
|