บุคคลสำคัญของท้องถิ่น
จังหวัดยะลามีทรัพยากรบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ประกอบคุณงามความดีและได้สร้างสรรค์พัฒนาสังคมในด้านต่าง
ๆ ก่อให้เกิดคุณประโยชน์แก่จังหวัดยะลา ถิ่นกำเนิดและประเทศชาติมากมายจนเป็นที่ยอมรับ
ได้รับการยกย่องอยู่ในความสำนึกของชาวจังหวัดยะลา และสังคมทั่วไปตลอดมา
![](yala55.jpg)
พระรัฐกิจวิจารณ์ (สวาสดิ์ ณ สงขลา)
เป็นอดีตนายกเทศมนตรีเมืองยะลาและผู้ว่าราชการเมืองยะลา เป็นผู้วางรากฐานผังเมือง
ยะลาจนได้ชื่อว่า
เป็นจังหวัดเดียวในประเทศไทยที่มีผังเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อยและสวยงามที่สุด
นอกจากนั้นยังสร้างความเจริญแก่ตัวเมืองยะลา หรือที่เรียกว่า ตลาดนิบง
อีกด้วย
ชาวยะลาเรียกท่านสั้น ๆ ว่า พระรัฐ
จนติดปาก
พระรัฐกิจวิจารณ์เกิดที่อำเภอคีรีรัฐนิคม (ท่าขนอม) จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อปี
พ.ศ.๒๔๒๔ เคยรับราชการเป็นนายอำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง และเคยเป็นนายด่านตรวจคนเข้าเมือง
ชีวิตข้าราชการครั้งสุดท้าย ดำรงตำแหน่งข้าหลวงประจำจังหวัดยะลา ระหว่าง พ.ศ.๒๔๕๖
- ๒๔๕๘ เป็นข้าหลวงประจำจังหวัดยะลาคนที่ ๑๐ เมื่อออกจากราชการแล้ว
ได้สมัครเลือกตั้งเป็นสมาชิกเทศบาลเมืองยะลา และได้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีติดต่อกันสองสมัย
ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๘๒ - ๒๔๘๘
ในช่วงที่เป็นนายกเทศมนตรีเมืองยะลา ได้ทุ่มเทกำลังกายกำลังใจสร้างเมืองยะลาอย่างจริงจัง
โดยเริ่มตั้งเมืองยะลาที่ตำบลนิบง เริ่มด้วยการวางผังเมืองเป็นวงเวียนหนึ่งวง
สองวงและสามวง เตรียมจัดผังสำหรับก่อสร้างสถานที่สำคัญของทางราชการ เช่นศาลากลางจังหวัด
ที่ว่าการอำเภอเมือง ฯ ศาลจังหวัด สถานีตำรวจภูธรจังหวัดยะลา
พระรัฐ ฯ ได้ดำเนินการตัดถนนสายสำคัญ ๆ ได้แก่ ถนนพิพิธภักดี ถนนสุขยางค์
ถนนสิโรรส และได้ตัดถนนย่อยอีกหลายสายได้แก่ ถนนสายยะลา ถนนไชยจรัส ถนนรัฐกิจ
ถนนปราจีน ถนนพังงาและถนนรวมมิตร
![](yala56.jpg)
ขุนศิลปกรรมพิเศษ (แปลก เจริญสิน)
เป็นนักการศึกษาและนักวิชาการที่มีความรู้ความสามารถทางด้านมนุษยศาสตร์และอักษรศาสตร์
เป็นที่ยอมรับทั่วไป ได้สร้างคุณประโยชน์แก่สังคมมากมาย
ขุนศิลปกรรมพิเศษ เกิดเมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๖ ที่บ้านแหลมทราย ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง
ฯ จังหวัดสงขลา ได้เข้ารับราชการเป็นครูที่โรงเรียนมหาวชิราวุธสงขลา ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นขุนศิลปกรรมพิเศษ
เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๒ ได้เป็นผู้ช่วยธรรมการมณฑลนครศรีธรรมราช เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๔
และได้ไปดำรงตำแหน่งศึกษาธิการจังหวัดยะลา เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๖ ได้เป็นผู้รายงานกระทรวงธรรมการทราบถึงการพบถ้ำศิลป
จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ
กรมศิลปากรได้ตั้งชื่อว่าถ้ำศิลป เพื่อเป็นเกียรติแก่ขุนศิลปกรรมพิเศษ และเพื่อให้สอดคล้องกับถ้ำที่มีศิลปะโบราณ
ขุนศิลปกรรม ฯ ได้ย้ายไปคำรงตำแหน่งธรรมการศึกษาจังหวัดยะลา ในปี พ.ศ.๒๔๘๐
ได้ริเริ่มรวบรวมวัตถุโบราณที่ขุดพบจากอำเภอสทิงพระ อำเภอระโนด จังหวัดยะลา
มาเก็บไว้ที่ทำการจังหวัดสงขลา และได้ขออนุญาตกระทรวงศึกษาธิการ จัดตั้งพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติขึ้นเป็นผลสำเร็จ
นอกจากนั้นยังได้ก่อตั้งโรงเรียนช่างไม้ (สารพัดช่าง) โรงเรียนทอผ้าและตัดเย็บเสื้อผ้า
(โรงเรียนอาชีวศึกษาและโรงเรียนเกษตรกรรม ในจังหวัดสงขลาขึ้นเป็นครั้งแรก)
ในปี พ.ศ.๒๔๙๗ ได้ไปดูงานศึกษาที่สหรัฐอเมริกา เมื่อกลับมาได้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการศึกษาภาค
๒ ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ที่จังหวัดยะลา ในขณะดำรงตำแหน่งอยู่นั้นได้จัดระบบการศึกษาให้ชาวไทยอิสลามที่พูดภาษาไทยไม่ได้
ให้พูด อ่าน และเขียนภาษาไทยได้ โดยได้นำความคิดที่ได้รับจากการไปดูงาน
ด้านการเรียนการสอนภาษาอังกฤษแก่เด็กที่พูดภาษาสเปน ในรัฐนิวเมกซิโก สหรัฐอเมริกา
โดยได้เริ่มวิธีการที่ในปอเนาะก่อน
โดยให้เด็กหัดพูดภาษาไทยได้ ๖๐๐ คำก่อน
แล้วจึงหัดเขียนทีหลัง ปรากฎว่าประสบความสำเร็จ
เด็กอิสลามที่มาเรียนในปอเนาะสามารถพูด อ่าน เขียนภาษาไทยได้ หลังจากนั้นก็ได้จัดทำหลักสูตรขึ้นมาใช้จนประสบผลสำเร็จด้วยดี
ต่อมาขุนศิลปกรรม ฯ ได้ศึกษาค้นคว้าทางด้านวิชาการอีกหลายเรื่อง เช่น ได้ศึกษาวัฒนธรรม
ประเพณีของจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยได้รวบรวมคำพ้องในภาษาไทย
และภาษามลายู เรียบเรียงเป็นพจนานุกรมขึ้น ได้ศึกษาค้นคว้าคำในภาษาไทยที่มาจากภาษามลายู
ชวา อาหรับ เปอร์เซีย และฮิบคูสตานี เป็นต้น
![](yala57.jpg)
พันตำรวจเอก ศิริ คชหิรัญ
เป็นอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นผู้นำสร้างหลักเมืองยะลา โดยขอรับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๔ จังหวัดยะลาได้เปลี่ยนสภาพจากป่าเป็นเมืองได้สมบูรณ์ ได้ประสานติดต่อให้มีการตั้งส่วนราชการระดับภาค
และระดับเขตหลายหน่วยงานมาที่จังหวัดยะลา และภายในเวลาเพียง ๑๐ ปี ก็สามารถสร้างยะลาจากความเป็นเมืองป่า
ไม่ใคร่มีใครรู้จักให้เป็นเมืองขนาดใหญ่สมบูรณ์แบบ
พันตำรวจเอก ศิริ ฯ เกิดเมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๑ ที่ตำบลสะพานสูง อำเภอบางซื่อ กรุงเทพ
ฯ เริ่มชีวิตราชการในตำแหน่งนายดาบตำรวจ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๒ และได้เลื่อนยศเป็นร้อยตำรวจตรี
เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๔ ดำรงตำแหน่งผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้เป็นเลขานุการำรมตำรวจแล้วโอนไปดำรงตำแหน่งผุ้ว่าราชการจังหวัดยะลา
จนเกษียนอายุราชการเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๒
เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๔ ได้เริ่มจัดผังเสาหลักเมืองขึ้น ณ บริเวณวงเวียนหน้าศาลากลางจังหวัด
แล้วเสร็จและสมโภชในปี พ.ศ.๒๕๐๕ ทำให้สามารถรวมน้ำใจชาวเมืองทั้งที่นับถือศาสนาพุทธและศาสนาอิสลามให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ในปี พ.ศ.๒๕๑๐ ได้พบช้างเผือกเชือกหนึ่งเป็นช้างพลาย เมื่อตรวจสอบตามตำรับพระคชลักษณ์แล้ว
ปรากฎกว่าเป็นช้างสำคัญคู่บารมีสมควรขึ้นระวางเป็นช้างต้น จึงได้นำความกราบบังคมทูลและได้จัดพระราชพิธีสมโภชและขึ้นระวางช้างต้น
พิธีกรรมทุกอย่างจัดตามโบราณราชประเพณี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยุ่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า
ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธาน
![](yala58.jpg)
นายแจ้ง สุขเกื้อ
เกิดเมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๑ ที่ตำบลเชียรใหญ่ อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช
เข้ารับราชการครั้งแรกด้วยการเป็นครูประชาบาล เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๖ จากนั้นได้เลื่อนตำแหน่งเป็นครูใหญ่
แล้วได้เลื่อนเป็นศึกษาธิการอำเภอหลายแห่งในจังหวัดพังงา และจังหวัดตรัง แล้วเลื่อนขึ้นเป็นศึกษาธิการโทและเอก
ที่จังหวัดยะลา จากนั้นย้ายไปดำรงตำแหน่งศึกษาธิการจังหวัดสงขลา เลื่อนขึ้นดำรงตำแหน่งศึกษาธิการเขต
๒ ในปี พ.ศ.๒๕๑๙ ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๒๔ เมื่อทางราชการยกฐานะของศูนย์ประสานงานปกครองจังหวัดชายแดนภาคใต้
(ศปต) ขึ้นเป็นศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
(ศอ.บต.) ก็ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองการศึกษา
และศาสนสัมพันธ์ และในปี พ.ศ.๒๕๒๗ ได้ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีรกรมการศาสนา
ผลงานที่สำคัญคือ การวางแผนการจัดการศึกษาสำหรับเยาวชนที่นับถือศาสนาอิสลาม
นับตั้งแต่การพัฒนาปอเนาะ
สถานศึกษาของชาวอิสลาม จนกลายเป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม
แต่เดิมนั้นชาวอิสลามใช้ปอเนาะเพื่อการศึกษาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เมื่อนายแจ้ง ฯ ดำรงตำแหน่งศึกษาธิการจังหวัดยะลา ได้ทดลองให้โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ
ซึ่งเป็นปอเนาะแห่งหนึ่ง เปิดสอนหลักสูตรสามัญขึ้น ปรากฎว่าได้ผลดีแนวความคิดนี้ได้ขยายไปสู่ปอเนาะอื่น
ๆ และเปิดสอนกันโดยทั่วไป ปัจจุบันปอเนาะกลายสภาพมาเป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามและสอนวิชาสามัญ
ซึ่งเปิดสอนถึงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย และได้รับการพัฒนาจนเป็นโรงเรียนชุมชนเป็นจำนวนมาก
ยังผลให้เยาวชนชาวอิสลามได้รับการศึกษาสูงขึ้นเป็นจำนวนปีละมาก ๆ และส่วนหนึ่งได้เข้าศึกษาต่อถึงระดับมหาวิทยาลัย
งานสำคัญอีกด้านหนึ่งคือ การเตรียมภาษาไทยสำรับเด็กไทยอิสลาม ที่พูดภาษาไทยไม่ได้
ก่อนเข้าวัยเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ งานเริ่มแต่สมัยขุนศิลปกรรมพิเศษเป็นศึกษาธิการเขต
๒ นายแจ้ง ฯ ได้ดำเนินการต่อจนกระทั่งโรงเรียนประถมศึกษา สามารถเปิดชั้นเด็กเล็กได้ทั่วทั้งเขต
มีการผลิตหลักสูตรอบรมครูและผลิตคู่มือครู และอบรมครูผู้สอน ทำให้เด็กอิสลามซึ่งพูดไทยไม่ได้มาก่อนและมีปัญหาในการเรียนสามารถฟัง
พูดภาษาไทย และเรียนในชั้นเรียนตามปกติได้ ทำให้จำนวนการเรียนต่อของเด็กอิสลามสูงขึ้นเป็นลำดับ
ด้านการศึกษานอกโรงเรียน นายแจ้ง ฯ ได้มีส่วนสำคัญในการปรับปรุงหลักกสูตรหนังสือเรียนให้เหมาะสมกับท้องถิ่น
จัดทำแผนการสอน คู่มือครู เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนที่ยังพูดภาษาไทยไม่ได้สามารถใช้ภาษาไทยได้มากยิ่งขึ้น
และยังได้ริเริ่มทำหลักสูตรและอบรมภาษาไทยแก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้านอีกด้วย
ได้มีการจัดให้สอนศาสนาอิสลามในโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ซึ่งมีการดำเนินการตั้งแต่การจัดทำหลักสูตร
หนังสือเรียน และการอบรมครู เป็นการสนองความต้องการของท้องถิ่น ทำให้คนไทยที่นับถือศาสนาอิสลามสนใจเข้าเรียนในระบบโรงเรียนมากขึ้น
|