มรดกทางวัฒนธรรม
โบราณสถานและโบราณวัตถุ
ถ้ำตาลาว
เป็นเพิงผาขนาดเล็ก อยู่ที่บ้านค้อน้อย ตำบลกองโพน กิ่งอำเภอนาตาล ตัวเพิงผาหันหน้าไปทางทิศตะวันออก
มีความสูงประมาณ ห้าเมตร สันนิษฐานว่ามีร่องรอยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในสังคมล่าสัตว์
สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ได้สำรวจพบเครื่องมือหินกะเทาะสะเก็ดหิน จากควอร์ทไซต์
ที่บริเวณปากถ้ำ นอกจากนี้ยังมีภาพเขียนสีภาพมือ และลายเส้นสัญลักษณ์แต่ลบเลือนมาก
เครื่องมือหินมีอายุประมาณ ๑๔,๐๐๐ - ๖,๐๐๐ ปี
![](ubonratchthani25.jpg)
ปราสาทหินบ้านเบ็ญ
ตั้งอยู่ที่บ้านเบ็ญ ตำบลหนองอ้ม อำเภอทุ่งศรีอุดม ลักษณะของปราสาทเป็นศาสนสถานศิลปะเขมร
ประกอบด้วยปรางค์ก่อด้วยอิฐสามหลัง ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลง หันหน้าไปทางทิศตะวันออกมีแนวกำแพงศิลาแลงล้อมรอบ
ตรงประตูทางเข้าทางด้านทิศตะวันออก มีร่องรอยฐานศาลาจตุรมุข และซุ้มประตูทางเข้าหรือโคปุระ
มีเสาประดับกรอบประตู และทับหลังสลักจากหินทราย เช่นทับหลังพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ
และทับหลังเทพนพเคราะห์
![](ubonratchthani26.jpg)
ปราสาทหนองทองหลาง
ตั้งอยู่ที่บ้านท่าโพธิศรี ตำบลเมืองเดช อำเภอเดชอุดม ลักษณะปราสาทเป็นศาสนสถานศิลปะเขมร
ประกอบด้วยปรางค์สามองค์ เช่นเดียวกับปราสาทบ้านเบ็ญ แต่มีขนาดใหญ่กว่า ตัวปราสาทตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของหนองทองหลาง
หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีร่องรอยคูน้ำรูปตัวยูล้อมรอบ เช่นเดียวกับปราสาทบ้านเบ็ญ
มีอายุอยู่ประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๕ ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๖
![](ubonratchthani27.jpg)
ธาตุนางพญา
อยู่ในเขตตำบลหนองสะไน อำเภอบุณฑริก เป็นศาสนสถานศิลปะเขมร ที่เรียกว่าธรรมศาลา
หรือที่พักคนเดินทาง ตัวธาตุหรือปราสาทก่อด้วยศิลาแลง ประกอบด้วยปรางค์ประธาน
และซุ้มประตูทางเข้า (โคปุระ) มีอายุอยู่ประมาณต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๘
![](ubonratchthani28.jpg)
ภาพสลักนารายณ์บรรทมสินธุ์
อยู่ที่เวิ้งน้ำของลำโดมใหญ่บริเวณปากลำห้วยไห บนเทือกเขาพนมดงรัก ทางด้านทิศใต้ของบ้านแข้ด่อน
ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน เป็นภาพสลักบนแผ่นหินจะเป็นรูปพระนารายณ์บรรทมบนแท่นหิน
ยาว ๑๒๐ เซนติเมตร สูง ๕๐ เซนติเมตร ในฤดูน้ำหลากจะจมอยู่ใต้น้ำ ลักษณะภาพเป็นรูปพระนารายณ์บรรทมตะแคงขวา
เหนือเศียรพระนารายณ์มีเศียรพญานาคสามเศียร ปลายพระบาทพระนารายณ์มีโครงร่างหางพญานาค
ส่วนตัวพญานาคยังแกะสลักไม่เสร็จ ที่ปลายพระบาทด้านบนสลักเป็นรูปสตรีในท่านั่ง
แสดงลักษณะการบีบนวดพระบาทของพระนารายณ์คือพระลักษมี บริเวณพระนาภีพระนารายณ์สลักเป็นสายยกขึ้น
ส่วนบนเป็นรูปวงรีสลักเป็นรูปดอกบัว เหนือดอกบัวเป็นรูปพระพรหม เป็นการแสดงถึงการเกิดของพระพรหม
ตามคติความเชื่อที่ว่า พระพรหมเกิดจากพระนาภีของพระนารายณ์ขณะที่กำลังบรรทมอยู่
อูบมุง
ตั้งอยู่ที่บ้านอูบมุง ตำบลคูเมือง อำเภอวารินชำราบ อยู่ห่างจากเมืองโบราณบ้านคูเมืองไปทางทิศใต้ประมาณ
หนึ่งกิโลเมตร ปัจจุบันเหลือสภาพเพียงส่วนของฐาน พบพระพุทธรูป และพระพิมพ์เป็นจำนวนมากบรรจุอยู่ในอูบมุง
ก่อนที่อูบมุงจะพังทะลายลงมาจนเหลือแต่ส่วนฐานดังกล่าว อูบมุงจะมีความสูงประมาณหนึ่งเส้นห้าวา
บรรดาโบราณวัตถุที่พบเป็นแบบศิลปะลาว ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๒๓ ถึง ๒๔ ในสมัยที่บรรพบุรุษของชาวบ้านคูเมืองเข้ามาอยู่
วัสดุที่ใช้ก่อสร้างเป็นอิฐ แต่ละก้อนขัดฝนที่หน้าอิฐเป็นลักษณะที่พบทั่วไปตามปราสาทอิฐทั้งหลายในวัฒนธรรมเขมร
จากการที่พบหินทรายตกอยู่ในบริเวณทั่วไป ทำให้สันนิษฐานว่าอูบมุงมีลักษณะของสถาปัตยกรรมแบบปราสาทอิฐเขมร
ซึ่งร่วมสมัยกับคูน้ำคันดินรูปสี่เหลี่ยมของเมืองโบราณ และโบราณสถานโนนแก
แหล่งโบราณคดี
ได้มีการสำรวจพบแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ในเขตจังหวัดอุบล ฯ คือ
ทางเหนือและทางตะวันตก ในบริเวณลุ่มแม่น้ำชี และลุ่มน้ำสาขาต่าง ๆ ส่วนใหญ่เป็นสภาพการตั้งถิ่นฐานของชุมชนโบราณ
สมัยสังคมเกษตรกรรม สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ที่เปลี่ยนแปลงสภาพจากสังคมล่าสัตว์
แหล่งโบราณคดีสมัยสังคมเกษตรกรรม
เท่าที่สำรวจพบแล้วในบางพื้นที่มีแหล่งโบราณคดี ดังต่อไปนี้
- ในเขตอำเภอเมือง ฯ ที่ตำบลกุดลาด มีบ้านปากน้ำ และโนนสาวเอ้ ที่ตำบลหัวเรือมีบ้านโนนสำราญที่ตำบลขามใหญ่
มีบ้านก้านเหลือง
- ในเขตอำเภอสำโรง ตำบลคูเมืองมีบ้านดอนผดุง บ้านอูบมุง บ้านคูเมือง ตำบลโคกก่องมีบ้านโคกก่อง
ตำบลหนองไฮ มีบ้านหนองบัว ตำบลสระสมิง มีบ้านสระดอกแค
- ในเขตอำเภอม่วงสามสิบ ที่ตำบลไผ่ใหญ่มีบ้านไผ่ใหญ่ ตำบลหนองเหล่ามีบ้านโพนเมืองมะกัน
ตำบลยางสักกะโพหลุ่ม มีบ้านยางสักกะโพหลุ่ม ตำบลยางโยภาพ มีโนนบ้านเก่า ตำบลหนองเมืองมีโนนหนองสิม
- ในเขตอำเภอเขื่องใน ที่ตำบลบ้านไทมีบ้านทุ่งใหญ่ ตำบลชีทวน มีบ้านชีทวน
- ในเขตอำเภอเดชอุดม ที่ตำบลนาเจริญมีบ้านหม้อทอง และบ้านโนนฮัง ตำบลทุ่งเทิงมีบ้านโนนทอง
ตำบลกุดประทายมีบ้านดำครั่ง
- ในเขตอำเภอทุ่งศรีอุดม ที่ตำบลอัมมีบ้านเบ็ญ
- ในเขตอำเภอพิบูลมังสาหาร ที่ตำบลดอนจิกมีบ้านหนองวัด ตำบลอ่างศิลา มีบ้านหนองหิน
- ในเขตอำเภอเขมราฐ ที่ตำบลเจียด มีบ้านดอนแสนพัน
- ในเขตกิ่งอำเภอเมืองเหล่าเสือโก้ก ที่ตำบลโพนเมือง มีบ้านโพนเมือง
- ในเขตกิ่งอำเภอนาเยีย ที่ตำบลนาเยีย มีบ้านหนองบัว
- ในเขตกิ่งอำเภอนาตาล ที่ตำบลกองโพน มีถ้ำตาลาว
![](ubonratchthani29.jpg)
แหล่งศิลปะถ้ำ
ชุมชนที่อาศัยอยู่แถบแม่น้ำโขง ตั้งแต่อำเภอเขมราฐ ถึงอำเภอโขงเจียม มนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ในบริเวณดังกล่าว
มีวัฒนธรรมในการประดิษฐ์ศิลปกรรมตามถ้ำ และเพิงผา เรียกว่า ศิลปะถ้ำ หรือศิลปะบนหิน
- ในเขตอำเภอตระการพืชผล มีศิลปะถ้ำในบริเวณภูโลง ที่บ้านเก้งอะฮวน ตำบลโนนกุง
เป็นภาพคน ภาพมือ ภาพสัตว์ และภาพสัญลักษณ์ เขียนด้วยสีแดงแบบน้ำหมาก การจัดภาพเป็นการสื่อความหมาย
เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์
- ในเขตอำเภอโพธิไทร ที่ถ้ำโลง ถ้ำเดิ่น โนนหินตั้ง และถ้ำแต้ม บริเวณบ้านผาชัน
ตำบลสำโรง ส่วนใหญ่เป็นภาพสัญลักษณ์ลายเส้น และภาพมือ
- ในเขตอำเภอศรีเมืองใหม่ ที่ถ้ำแต้มภูดงนา บ้านดงนา และถ้ำแต้มบ้านหนามแท่ง
ตำบลหนามแท่ง ส่วนใหญ่เป็นภาพมือ
- ในเขตกิ่งอำเภอนาตาล ที่ถ้ำตาลาง หรือถ้ำช้างสี ตำบลกองโพน ส่วนใหญ่เป็นภาพมือ
และภาพสัญลักษณ์
- ในเขตอำเภอโขงเจียม ที่ภูผาขาม มีอยู่สี่แห่ง ที่ผาขาม ผาหมอน และผาหมอนน้อย
ในพื้นที่บ้านกุ่ม ตำบลห้วยไผ่
ผาขาม
เป็นกลุ่มภาพเขียนกลุ่มแรก เขียนด้วยสีแดง มีภาพปลา และช้าง เขียนแบบโครงร่างภายนอก
ผาแต้ม
เป็นกลุ่มภาพเขียนที่สำคัญที่สุดในกลุ่มศิลปะถ้ำของบริเวณภูผาขาม มีภาพเขียนและภาพสลักรูปรอยลงในผนังหินเรียงกันเป็นแนวยาวในพื้นที่ประมาณ
๙๐๐ ตารางเมตร มีภาพเขียนมากกว่า ๓๐๐ ภาพ ส่วนใหญ่เขียนด้วยสีแดง เป็นภาพสัตว์ขนาดใหญ่
เช่น ช้าง ปลาบึก เต่า หรือตะพาบน้ำ เครื่องมือจับปลา ภาพวัตถุ ภาพสัญลักษณ์
และภาพมือ เป็นต้น
ผาหมอน
เป็นกลุ่มภาพเขียนลายเส้น มีภาพคนและภาพมือ
ผาหมอนน้อย
เป็นกลุ่มภาพเขียนขนาดเล็กกว่าผาแต้ม เป็นภาพทุ่งนา ภาพคนกำลังจูงสัตว์ หรือต้อนสัตว์
และภาพมือ
- ในเขตอำเภอน้ำยืน ที่ถ้ำโยนีบริเวณภูอ่าง
ในพื้นที่บ้านแข้ด่อน ตำบลโดมประดิษฐ์ ลักษณะภาพมีสองรูปแบบคือ ภาพสลักหรือเขียนรูปรอยลงบนหิน
มีความยาวประมาณสี่เมตร ส่วนใหญ่เป็นภาพลายเรขาคณิตในแนวดิ่ง เป็นรูปวงกลม
รูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว ลายฟันปลา และแบบภาพเขียนด้วยสี เป็นสีแดง
เมืองโบราณบ้านคูเมือง
อยู่ในเขตตำบลคูเมือง อำเภอวารินชำราบ ลักษณะเป็นเมืองมีคูน้ำ และคันดินรูปสี่เหลี่ยมล้อมรอบ
ขนาดกว้างประมาณ ๗๕๐ เมตร ยาวประมาณ ๑,๐๐๐ เมตร ภายในเป็นเนินดินมีลักษณะของชุมชนสมัยก่อนประวัติศาสตร์
อยู่ค่อนไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มีขนาดกว้างประมาณ ๓๕๐ เมตร ยาวประมาณ
๖๐๐ เมตร ความสูงประมาณ ๓ เมตร จากพื้นที่โดยรอบที่เป็นทุ่งนา
ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ ๓๐๐ เมตร มีลำห้วยผับไหลผ่าน
และมีคลองเล็ก ๆ สันนิษฐานว่าเป็นทางระบายน้ำเข้าสู่เมืองโบราณ ทางด้านทิศเหนือของเมืองโบราณมีคูน้ำล้อมรอบอย่างน้อยสองชั้น
เป็นลักษณะของชุมชนโบราณที่พบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภายในเนินดินมีเศษภาชนะดินเผาทับถมกันอยู่หนาแน่น
เป็นเศษภาชนะดินเผาประเภทเนื้อดินธรรมดา เผาด้วยอุณหภูมิไม่เกิน ๑,๐๐๐ องศาเซลเซียส
ตกแต่งผิวด้วย ลายเชือกทาบละเอียด หรือเชือกทางเส้นเล็กที่ขอบปากของเศษภาชนะดินเผาทั่วไป
ที่ตกแต่งเป็นลายขูดขีด นอกจากนี้ยังมีเศษภาชนะดินเผาผิวเรียบ เคลือบสีน้ำดินสีแดง
และเศษภาชนะดินเผาผิวเรียบขัดมันสีดำ กับภาชนะดินเผาเนื้อแกร่งเคลือบ ซึ่งเป็นหลักฐานของสมัยประวัติศาสตร์
ส่วนเครื่องมือเครื่องใช้อื่น เช่นกำไล และแหวนสำริดตกแต่งเป็นลายถักเปียคล้ายกับที่พบในแหล่งโบราณคดีบ้านก้านเหลือง
อำเภอเมือง ฯ และแหล่งโบราณคดีทั่วไปสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
การขุดคูน้ำคันดินเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง และระบายน้ำไม่ให้ท่วมในฤดูน้ำหลาก
รวมทั้งใช้ประโยชน์ในการอุปโภคบริโภค และการกั้นอาณาเขต นักโบราณคดีเชื่อว่าน่าจะมีอายุประมาณสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย
เพราะมีการใช้เหล็กกันแพร่หลาย การใช้เหล็กหรือสมัยเหล็กในดินแดนแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
เริ่มต้นเมื่อประมาณ ๒,๕๐๐ ปีมาแล้ว ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือรู้จักใช้เหล็กกันแพร่หลายเมื่อประมาณ
๑,๘๐๐ - ๒,๓๐๐ ปี
สำหรับหลักฐานในสมัยหลัง คือคันดินโบราณรูปสี่เหลี่ยมมีอาณาบริเวณกว้างขวางล้อมรอบเนินดิน
ที่พบหลักฐานสมัยก่อนประวัติศาสตร์ สันนิษฐานว่าคันดินดังกล่าวอาจอยู่ในสมัยที่วัฒนธรรมเขมรเจริญรุ่งเรืองในดินแดนแถบนี้
เมื่อประมาณ ๑,๗๐๐ - ๑,๐๐๐ ปีมาแล้ว แสดงว่ามีชุมชนในสมัยหลังมาอยู่อาศัยซ้อนทับบริเวณผู้อยู่อาศัยดั้งเดิม
|