อุทยานแห่งชาติขุนแจ

อุทยานแห่งชาติขุนแจ/ Khun Chae National Park

ข้อมูลทั่วไป
อุทยานแห่งชาติขุนแจ เป็นชื่อเรียกตามชื่อของน้ำตกขุนแจ ตั้งอยู่ทางเหนือของจังหวัดเชียงใหม่ ใช้เวลาเดินทางจากเชียงใหม่ประมาณ 1 ชั่วโมง ตามทางหลวงสายเชียงใหม่-เชียงราย อุทยานแห่งชาติขุนแจ ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2538 ถือเป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญครอบคลุมเนื้อที่ถึง 270 ตารางกิโลเมตร ภายในอุทยานแห่งชาติ มีทรัพยากรธรรมชาติมากมายไม่ว่าจะเป็นป่าไม้ สัตว์ป่า น้ำตกและทิวทัศน์ที่งดงาม มีทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 118 (เชียงใหม่-เชียงราย) ตัดผ่านกลางพื้นที่ และแบ่งพื้นที่ออกเป็นสองส่วน

เนื่องจากสถานการณ์เกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้ของชาติในปัจจุบันที่ค่อนข้างวิกฤต ดังที่เกิดขึ้น โดยทั่วไปในฤดูกาลต่างๆ เช่น ฤดูฝนน้ำท่วม ฤดูร้อนมีอากาศร้อนอบอ้าวมาก และฤดูหนาวมีอากาศหนาวจัด เป็นต้น ซึ่งเป็นสาเหตุมาจากการใช้ทรัพยากรป่าไม้อย่างไม่ถูกหลักวิชาการ มีการใช้ประโยชน์ที่ดิน ป่าไม้และการยึดครอง ที่ดิน ตลอดจนการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ เพื่อนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยมิได้คำนึงถึงผลเสียที่เกิดติดตามมาภายหลัง รัฐบาลจึงได้ปิดป่าสัมปทานทั่วประเทศและมีนโยบายที่จะอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ในรูปป่าอนุรักษ์ไว้ส่วนหนึ่ง และจัดเป็นป่าเศรษฐกิจอีกส่วนหนึ่ง เพื่อจะได้แยกการจัดการทรัพยากรให้เป็นไปตามหลัก วิชาการและบรรลุเป้าหมายโดยเร็ว ทางกรมป่าไม้พิจารณาแล้วจึงเห็นควรที่จะสนองนโยบายของรัฐบาลที่จะอนุรักษ์ของชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ไว้ในลักษณะของอุทยานแห่งชาติ จึงมีคำสั่งกรมป่าไม้ที่ 475/2532 ลงวันที่ 23 มีนาคม 2532 ให้ นายสุเมธ สิงห์ขวา นักวิชาการป่าไม้ 4 ปฏิบัติงานประจำอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ไปดำเนินการสำรวจพื้นที่ป่าบริเวณน้ำตกขุนแจและพื้นที่ใกล้เคียง ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ปูนน้อย ป่าแม่ปูนหลวง และป่าห้วยโป่งเหม็น ในท้องที่อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย เพื่อจัดตั้งให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ต่อมาในปี พ.ศ. 2535

คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบในการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติขุนแจ และ ปี พ.ศ. 2538 มีการประกาศในพระราชกฤษฎีกากำหนดที่ดินให้เป็นอุทยานแห่งชาติ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา หน้า 28 เล่มที่ 112 ตอนที่ 33 ก. เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2538 มีชื่อว่า “ อุทยานแห่งชาติขุนแจ ”

ลักษณะภูมิประเทศ
สภาพพื้นที่อุทยานแห่งชาติขุนแจเป็นภูเขาสูงและที่ราบสลับเนินเขา ประกอบด้วยหิน 2 ชนิด คือ หินอัคนีและหินตะกอน พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นหินแกรนิตซึ่งเป็นหินที่พบเห็นได้ทั่วไปตามภาคเหนือของไทย หินแกรนิตเกิดจากการหลอมละลาย ของชั้นหินภายใต้ผิวโลกและถูกแรงบีบคั้นจนไหลออกมาตามรอยแยกบนพื้นโลก และเย็นลงอย่างช้าๆ และ ปรากฏขึ้นบนผิวโลกโดยขบวนการพังทลาย หินแกรนิตจะดูคล้ายกับเกล็ดเกลือสะท้อนแสง และพริกไทยสีดำขนาดใหญ่ ส่วนที่เป็นสีขาวคล้ายเกลือนั้น คือ แร่ควอซ์ดและ เฟลสปา ส่วนที่เป็นสีดำ คือ ไมก้า หินอัคนีอีกชนิดหนึ่งที่พบในอุทยานแห่งชาติ เรียกว่า บะซอลท์ (basaltic) ซึ่งเกิดจากลาวาภูเขาไฟที่เย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว เป็นหินสีเทาที่มีเนื้อละเอียด หินภูเขาไฟเหล่านี้สามารถพบทางแถบตะวันออกของอุทยานแห่งชาติ ส่วนหินตะกอน หินทราย และหินเชล เกิดจากการทับถมของตะกอนในแม่น้ำเวลานานเข้า จึงเกิดเป็นชั้นหินทรายที่พบในอุทยานแห่งชาติขุนแจ เป็นเม็ดทรายขนาดเล็กสีเทาทับถมเป็นชั้นๆ หินเชลมีสีเป็นสีเนื้ออ่อนและง่ายต่อการแตกหัก จุดสูงสุดคือยอดดอยลังกาหลวง มีความสูงถึง 2,031 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของแม่น้ำลาวซึ่งไหลลงสู่แม่น้ำกก

ภูมิประเทศของอุทยานแห่งชาติ ส่วนใหญ่เป็นหุบเหว ซึ่งเกิดจากการกระทำของกระแสน้ำกัดเซาะ จนทำให้เกิดน้ำตกมากมาย ปริมาณน้ำฝนที่มากจึงมีอัตราการพังทลายของดินที่สูง ทำให้เกิดภูมิประเทศที่เป็นหุบเหวลึกนี้

ลักษณะภูมิอากาศ
ฤดูแล้งในอุทยานแห่งชาติขุนแจ อยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-กรกฎาคม มีอุณหภูมิประมาณ 2-29 องศาเซลเซียส ฤดูฝนเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-กุมภาพันธ์ มีฝนตกเฉลี่ย 60 มิลลิเมตร/เดือน มีอุณหภูมิประมาณ 19-29 องศาเซลเซียส ส่วนฤดูร้อนตั้งแต่เดือนมีนาคม-มิถุนายน (เป็นช่วงที่มีการเกิดไฟไหม้) อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 22-23 องศาเซลเซียส

พืชพรรณและสัตว์ป่า
อุทยานแห่งชาติขุนแจมีพันธุ์ไม้ที่เปลี่ยนแปลงไปตามระดับความสูงของพื้นที่จาก 300-800 เมตร จะเป็นป่าไผ่และป่าเบญจพรรณระดับความสูง 800-1,000 เมตร เป็นป่าดงดิบและป่าเต็งรัง มีความสูงระหว่าง 1,000-1,500 เมตร เป็นป่าดิบและป่าสน ส่วนสภาพป่าที่สูงกว่า 1,500 เมตรขึ้นไป เป็นป่าดิบเขาบริเวณหุบห้วย ปกคลุมไปด้วยต้นไม้หนาแน่นเขียวชอุ่มซึ่งเป็นไม้จำพวกยางชนิดของต้นไม้ที่พบเป็นพืชชั้นล่างที่เด่น ได้แก่ กล้วยป่า เฟิน มอส และหญ้าที่ขึ้นตามชายน้ำ

สัตว์ป่าที่พบเห็นได้ในอุทยานแห่งชาติขุนแจ สามารถพบเห็นได้แตกต่างกันตามสภาพถิ่นที่อยู่อาศัยและช่วงเวลาระหว่างวันในหุบเขาริมธารและป่าชุ่มชื่นเป็นบริเวณที่มีพืชพันธุ์เขียวชอุ่ม ซึ่งพบเห็นสัตว์ป่าหลายชนิด ได้แก่ ชะมด หมูป่า เก้ง เม่น กระรอกหลายชนิด ทั้งที่อาศัยอยู่บนต้นไม้และพื้นดิน ค้างคาว กระต่ายป่า สัตว์ที่คาดว่าจะพบได้ในอุทยานแห่งชาติ เช่น หมี ลิงลม ชะนีธรรมดา แมวป่า เลียงผา นกต่างๆ เช่น นกแซงแซวสีเทา เหยี่ยวรุ้ง เหยี่ยวนกเขาซิครา นกจับแมลงหัวเทา นกตีทอง นกเขียวก้านตองปีกสีฟ้า ไก่ป่า สัตว์เลื้อยคลานเช่น งูเขียวหางไหม้ งูจงอาง กิ้งก่าบิน ตุ๊กแก จิ้งเหลน เป็นต้น

น้ำตกแม่โถ
เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีความงดงาม มีน้ำไหลตลอดทั้งปี มีทั้งหมด 7 ชั้น และมีความสูงที่สุดประมาณ 40 เมตร ในฤดูฝนชั้นนี้จะสวยงามมาก การเดินทางโดยรถยนต์จากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ถึงทางขึ้นน้ำตก (บ้านแม่โถ) ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที ต่อจากนั้นเดินเท้าไปยังน้ำตกใช้เวลาชมน้ำตกทั้ง 7 ชั้น ประมาณ 2 ชั่วโมง

น้ำตกขุนแจ
เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่มีความสวยงามและความโดดเด่น ประกอบด้วยน้ำตก 6 ชั้น บริเวณน้ำตกมีพื้นที่สำหรับตั้งแค็มป์และกางเต็นท์ ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์จากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นเดินเท้าต่ออีก 1 ชั่วโมง เพื่อไปยังน้ำตก

ดอยมด
ความหนาแน่นของป่าดิบชื้นระหว่างทางเดินขึ้นสู่ยอดดอยมด ทำให้เกิดสังคมพืชหลากหลายชนิดปกคลุมแอ่งน้ำใสสะอาดเต็มไปด้วยพืชชั้นล่างมากมายรวมทั้งพืชชั้นต่ำ เช่น กล้วยไม้ดิน เฟิน มอส และพืชอื่นๆ ร่มรื่นและชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลา บนยอดดอยที่ระดับความสูง 1,700 เมตร รายรอบด้วยสภาพภูมิประเทศแปลกตาและป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ สามารถมองเห็นตัวเมืองเชียงใหม่ทางทิศตะวันตก ตัวเมืองเชียงรายทางทิศตะวันออก ยอดดอยลังกาทางทิศใต้และยอดดอยปางกอมทางทิศเหนือ นอกจากนี้บริเวณใกล้กับดอยมด ยังมียอดดอยหลวงและดอยผาช้าง ซึ่งเป็นสันปันน้ำที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ และเชียงรายอีกด้วย

ดอยลังกา
ความอลังการของยอดดอยลังกา มีความสูง 2,031 เมตรจากระดับน้ำทะเล สูงเป็นลำดับที่ 5 ของประเทศไทย ทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามสลับซับซ้อนของเทือกเขาผีปันน้ำ และสภาพความหลากหลายของธรรมชาติของอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี ยอดดอยลังกาและดอยบริวารตั้งอยู่ทางใต้สุดของพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ซึ่งเป็นเขตติดต่อกับอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนและอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ การเดินทางสู่ดอยลังกาต้องใช้เวลาเดินทางไป-กลับประมาณ 3 คืน 4 วัน บนยอดดอยปกคลุมด้วยทุ่งหญ้าและป่าสนเขา สภาพป่าโดยรอบเป็นป่าดิบเขาที่อุดมสมบูรณ์ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ต้นกุหลาบพันปีจะออกดอกบานสะพรั่ง

อ่างเก็บน้ำแม่ฉางข้าว
อยู่ใกล้กับหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ขจ.1 (แม่ฉางข้าว) เป็นอ่างเก็บน้ำที่เหมาะสำหรับการไปใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ หรือรับประทานอาหารกลางวันบนแพกลาง อ่างเก็บน้ำที่ใส สะอาดก็จะได้บรรยากาศที่ดีทีเดียว

ดอยผาโง้ม
เป็นเทือกเขาตอนกลางของพื้นที่ มีรูปร่างทอดตัวยาวในแนวตะวันตก-ตะวันออก โดยมีหน้าผาหินตัดโง้มลาดลงในทิศตะวันตก สภาพป่าเป็นป่าดิบเขาปนป่าเบญจพรรณ และป่าสนเขา เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจแบบไต่เขา หรือเดินป่าชมทิวทัศน์

ต้นไทร
ใกล้ๆ กับที่ทำการอุทยานแห่งชาติ มีต้นไทรที่มีความโดดเด่นเจริญเติบโตจากต้นไม้หลายๆ ลำต้นแตกกิ่งก้านสาขาออกไปมากมาย กว้างใหญ่ให้ร่มเงาครอบคลุมพื้นที่ถึง 1,600 ตารางเมตร และมีพืชอิงอาศัยอยู่มากมายหลายชนิด

น้ำตกลำเกลียว
เป็นน้ำตกขนาดกลาง ทีสวยงาม เหมาะแก่การลงเล่นน้ำ เดินศึกษาธรรมชาติ

สถานที่ติดต่อ
อุทยานแห่งชาติขุนแจ
ต.แม่เจดีย์ใหม่ อ. เวียงป่าเป้า จ. เชียงราย 57260
โทรศัพท์ 0 5360 9262

การเดินทาง
รถยนต์ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติขุนแจ ตั้งอยู่ติดกับทางหลวงแผ่นดินสายเชียงใหม่–เชียงรายห่างจาก ตัวเมืองเชียงใหม่ 56 กิโลเมตร การเดินทางไปอุทยานแห่งชาติขุนแจ สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง คือ
• จากเชียงใหม่ สามารถเดินทางได้โดยรถปรับอากาศและรถธรรมดาสายเชียงใหม่-ดอยสะเก็ด-เชียงราย จากสถานีขนส่งจังหวัดเชียงใหม่แห่งที่ 2 (อาเขต) หรือนั่งรถสองแถวเล็กสีเหลืองสายเชียงใหม่-เวียงป่าเป้า-ท่ารถถนนไทยวงศ์
• จากเชียงราย สามารถเดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง และรถสองแถวเล็กซึ่งระยะทาง ห่างจากจังหวัดเชียงรายระยะทาง 129 กิโลเมตร

ที่พักแรม/บ้านพัก
อุทยานแห่งชาติ ยังไม่ที่พัก-บริการไว้บริการนักท่องเที่ยว หากสนใจที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติ ท่านสามารถนำเต็นท์และอาหารไปเอง หรือติดต่อขอใช้บริการเต็นท์ของอุทยานแห่งชาติ รายละเอียดเกี่ยวกับที่พักเต็นท์ขอให้ติดต่อสอบถามกับอุทยานแห่งชาติโดยตรง

เชียงราย/Information of CHIANGRAI

General Information
Khun Chae National Park, located one hour northeast of Chiangmai, was declared a national park in 1995 due to its important water resources, extensive forests, wildlife, beautiful waterfalls and scenic views. Deriving its name from Khun Chae Waterfalls, this 270 square kilometer national park has been inhabited for approximately 100 years by Thai villagers. Recently, Karen and Laha hill tribes have settled near the borders of the park.

Topography
Khun Chae National Park is located in an area where the exposed base rock is of two different types, igneous and sedimentary. Most of the park is covered with granite, an igneous rock common in Northern Thailand. Granite looks like large grains of shiney salt and black pepper. The white part that looks like salt is really quartz and feldspar. The black part that looks like pepper is mica. Anotherigneous rock found in the park is called tuff which was expelled from a volcano as lava, but cooled relatively quickly into a gray, fine grained rock. This volcanic tuff can be found in parts of the eastern side of the park. The sedimentary rocks; sandstone, siltstone and shale are derived from sediments deposited in water and hardened into solid rock over vast periods of time. The sandstone found in Khun Chae is gray, with small grains of sand mixed in a dense, hard rock. The shale is buff colored, soft and splits easily along parallel lines. The landscape of Khun Chae is very steep with many creeks often dropping precipitously into a number of waterfalls. The steep terrain is caused primarily by the high volume of seasonal rain, and highly erodable soil.

Climate
The cold season lasts from October until January, the rainy season from May until September. During the hot dry season, February to July, the temperatures range from 22 to 33 degrees Celsius. During the cold dry season, October until January, the temperature ranges from 2 to 29. In the rainy season temperatures range from 19 to 29. Rainfall during the rainy season a verages 60 cm. per month.

Flora and Fauna
The vegetation of Khun Chae National Park is generally related to elevation. From 300-800 meters, the forest is composed of bamboo, deciduous and deciduous dipterocarp-oak associations; from 800-1,000 meters, the forest is mixed evergreen and pine. Most of the forests above 1,800 meters has been burned repeatedly and rarely represents a natural condition. The stream bottoms are often surrounded by lush evergreen trees, wild bananas, ferns, mosses and herbaceous vegetation. These stream bottoms often form a rich oasis of vegetation in a forest that is routinely burned by villagers that hunt wildlife and graze cattle. The ridges and mountain tops are typically covered with grasses, pine, oaks and dipterocarps. Near the eastern boundary of the park, a dry dipterocarp forest dominates the landscape.

Mammals-Wildlife can be seen in several different habitats and times of the day in the park. The prime places to see wildlife are in the lush river valleys and moist forests near the higher parts of the park. Though many species of wildlife have disappeared from Thailand and Khun Chae National Park, the following list of animals have been seen recently within its boundaries: several species of civet; wild pig; barking deer; hog badger; many species of flying arboreal and ground squirrels; bats, hare. Possible species in Khun Chae include, Asiatic Black Bear, Slow Loris, White Handed Gibbon, Leopard Cat, Serow. Birds: Ashy Drongo, Scarlet Minivet, Gray Headed Flycatcher, White Fronted Forktail, Brown Fish Owl, Crested Serpent Eagle, Shikra, Velvet Fronted-Nuthatch, Blue Throated Barbet, CopperSmith Barbet, Blue Winged Leafbird, Brown Cheeked Fulveta, Red Bungle Fowl. Reptiles: Green Tree Viper, King Cobra, Flying Lizards, Geckos, Skinks.

Maetow Waterfalls
Maetow Waterfalls have seven levels, the highest of which are about 40 meters, the lowest, though just a few meters high, are lovely and have water during the dry season. From the park headquarters, the trailhead to Maetow Waterfalls is approximately 30-40 minutes by vehicle. From the trailhead, all seven levels of the falls can be reached in approximately two hours.

Khum Chae Waterfalls
Khum Chae Waterfalls consists of six levels, each having of its own unique charm. A picnic area/campground is located at the trailhead to the waterfalls and a rustic guest house is available for overnight stays. Khun Chae Falls are a two hour drive from the park headquarters and a one hour walk from the trailhead.

Doi Mot
Doi Mot: The trail to Doi Mot passes through a spectacular wet evergreen forest. A lush, dense, multiple layered forest covers a clear cool pond, surrounded by a thick growth of ground plants including epiphytic and ground orchids, ferns, mosses and other plants that love shade and a wet environment. The top of the mountain, at 1700 meters, affords spectacular views of the forests and landscape of the surrounding area. Visitors can see Chiang Mai Province to the west, Chiang Rai province to the east, Doi Lahnga in the south and to the north, Doi Phangome.

Doi Lahnga
Doi Lahnga: At just over 2,031 meters, majestic Doi Lahnga is Thailand’s fifth highest peak. The trail to the top of Doi Lahnga enable visitors to see many spectacular views of Khun Chae National Park, and the surrounding area. Doi Lahnga and its many sister peaks are located on the extreme southern boundary of the park, adjacent to Jae Sawn National Park and Mae Dahkry National Park.

Mae Chang Khao Reservoir
Mae Chang Khao Reservoir: near Ranger Station 1 provides a relaxing setting for picnickers looking for a different twist. Picnickers ride out into the middle of the lake on a bamboo raft and enjoy their meal in the quiet and peaceful atmosphere of a freshwater lake.

Doi Pha Ngom
Doi Pha Ngom is a mountain range in the middle of the area that lies west to east. There is an erected cliff protruded to the west and has montane forest mixed with mixed deciduous forest in which appropriates for recreation, trekking, and enjoy seeing scenery.

Lum Klew Waterfall
Contact Address
Khun Chae National Park
Mae Chae Dee Mai Sub-district, Amphur Wiang Pa Pao Chiang Rai Thailand 57260
Tel. 0 5360 9262

How to go?
By Car
Easy access is a major asset to Khun Chae National Park as it is located adjacent to the main high way connecting Chiang Mai with Chiang Rai, two important visitor destinations in Thailand To get to the park from Chiang Mai, take high way 118, 56 Kilometers northeast of Chiang Mai. Transportation to the park is a vailable by bus and songtao from Chiang Mai and Chiang Rai Both ordinary and air conditioned buses are available at the Arcade Bus Station.Take small-yellow bus Chiangmai-Wiangpapao at the bus stop on Thaiwong Road to National Road No 118 passes Doisaket District, Chiang Mai Province to Sub-amphur Wiangpapao, Chiang Rai Province about 56 kilometers from Chiang Mai. From Chiang Rai, the Park Headquarters office is located 129 kilometers south west from Chiang Rai and is accessible by bus as well as songtao. Rental vehicles are available in Chiang Mai and Chiang Rai.