เริ่มแรกสร้างวัดผมคิดเพียงกะสร้างโบสถ์
1 หลังสวยๆ ใช้เวลาสัก
10 ปีก็มากพอ สร้างไปได้
2 ปี คนชอบกันมาก
เริ่มมองสิ่งก่อสร้างภายในวัด ขี้เหร่ไม่สวย
ดูไม่เข้ากับโบสถ์ อุตริสั่งรื้อทิ้งหมด
เริ่มตั้งแต่ซุ้มประตูวัด
ประปาหมู่บ้านหน้าวัด ศาลาอ่านหนังสือ
ศาลาการเปรียญ หอฉัน
กุฏิพระหลังเก่าของแม่สร้างอุทิศให้อาก๋งที่ผมเคยวาดรูปติดหน้าบันไว้เมื่อเป็นเด็กศิลปากรปี
4 สุดท้ายปีนี้
2548
ทุบกุฏิใหญ่ของพระสงฆ์องค์เจ้าทั้งหมดทิ้งเป็นหลังสุดท้าย
จึงไม่เหลืออะไรเลยที่เป็นของเก่าสมัยท่านเจ้าอาวาส
พระครูไสวสร้างไว้ (มรณภาพปี 2546)
ผมต้องทุบทิ้งเพราะเป็นของเก่าที่ไม่มีค่าทางสุนทรีภาพ
เป็นช่างรับเหมาห่วยๆ ราคาถูกๆ สร้างประมาณ
10 20 ปีนี่เอง
พอทุบของเขาทิ้งก็เลยคิดสร้างเพิ่ม
แต่ที่ดินวัดไม่พอเลยซื้อเพิ่มครับ
อีกไร่กว่าก็ยังไม่พออีก
หากสร้างไปก็จะเบียดเบียนกันดูไม่สวย
จึงติดต่อขอซื้อที่จากเศรษฐีกรุงเทพฯเพิ่ม
แต่เป็นบุญของพระศาสนาครับท่านใจบุญยกให้ฟรีๆ
ไร่กว่าๆ ที่วัดตกสี่เหลี่ยมพอดี |
เวลาผ่านไป
5 ปี มาไหวแล้วครับ
คนมาชื่นชมกันเยอะมากจนหาที่จอดรถลำบาก
และดันแพ้เสียงเชียร์โดยเฉพาะพวกฝรั่งมันยกย่องออกอาการมาก
เลยบ้าตามมัน
เปลี่ยนความคิดเป็นสร้างให้สวยระดับโลกให้ได้
เอาล่ะวะไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ลุยเต็มสูบกันเลย
ผมขอที่เพิ่มจากคุณวันชัย วิชญชาคร
เศรษฐีใจบุญเป็นครั้งที่สอง
ท่านก็เห็นแก่พระศาสนา ประเทศชาติ
บอกผมว่าเอาเลยอาจารย์
จะเอาเท่าไหร่ก็ถมเอาเถอะ
ผมมีร้อยกว่าไร่หลังวัด
ผมคนขี้เกรงใจครับ ขอแค่พอสร้างให้ครบ
9 หลัง ได้เพิ่มอีกประมาณ
3 ไร่กว่า
รวมวัดมีเนื้อที่จาก 3
ไร่กว่าเป็น 9
ไร่กว่าๆ
พอแล้วครับ ภูมิทัศน์ลงตัวสวนพอดีครับ
ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป ผมแบ่งที่ดินเป็น
3 เขต
หนึ่ง เขตพุทธวาส
ผมชอบเรียกว่าพุทธภูมิ
เป็นที่อยู่ของพระพุทธเจ้า
จะอยู่ด้านขวา
มีเสานางเรียกตั้งโปร่งๆ
เป็นเขตแดนประกอบด้วยโบสถ์ หอพระธาตุ
สะพานสุขาวดีข้ามน้ำไปสู่ยังหอพระอีกหลัง
สอง เขตสังฆาวาส
อยู่ด้านซ้ายด้านเดียวกับเขตฆราวาส
จะประกอบด้วยกุฏิพระและหอวิปัสสนา
จุคนประมาณ
200 คน
สำหรับบรรยายธรรมขั้นสูงและฝึกวิปัสสนากรรมฐาน
สาม เขตฆราวาส
อยู่ด้านซ้ายมือหลังแรก เป็นหอศิลป์
ข้างล่างห้องโถงใหญ่ใช้เป็นที่จำหน่ายผลงานสิ่งพิมพ์
ของที่ระลึกต่างๆ
ห้องวีดิทัศน์เพื่อบรรยาย จุคนประมาณ
50
คน
|
|