ฝ่ายพระพี่นี้มนัสขัตยท้าว |
มิอาจร้าวเริดร้างไม่ห่างแห |
ร่วมประทมสมสวาทไม่คลาดแล |
โปรดกระแสลอบเล่ห์เสน่ห์กล |
หรือองค์ได้กิติยามหาประสิทธิ์ |
อันเรืองฤทธิ์เชิญพระพี่ชี้นุสนธ์ |
ซึ่งอาจน้าวโน้มขัติยามาบัดดล |
เชิญนิพนธ์พจนนาทประกาศคำ |
ปางพระพี่กฤษณาปรีชาเฉลย |
พระน้องเอํยแม่อย่าควรประมวลสำ |
เหนียกชนิดกิติยาแม่อย่าทำ |
เป็นกลัมพรพลีที่จัณฑาล |
อาจรอนประยูรยศให้ถดถอย |
ชนจะพลอยเลื่องลือชื่อขนาน |
ใช่คนชั่วหินชาติประดาษพาล |
ประพฤติการอธรรม์ฉะนั้นควร |
นี่พระน้องเป็นเอกดิเรกนาฏ |
ฉลองบาทบทเรณูอยู่เหหวน |
พระเวทมนต์คนใช้ไม่บังควร |
นานก็รวนเสื่อมร้างไปห่างพลัน |
สุจริตนั้นเป็นเล่ห์เสน่ห์รัก |
อาจจะชักโน้มน้าวให้ท้าวหัน |
เป็นที่เจริญพระดำริประดิพันธ์ |
ตราบสวรรคตไปประลัยลาญ |
แม้นจะทำโดยเล่ห์เสน่ห์ใช้ |
ให้รักใคร่วรลักษณ์สมัครสมาน |
จงถือสุจริตเห็นเป็นประธาน |
ประกอบการกดเวทิ์อย่าเรรวน |
ถนอมพระทัยอย่าให้เคืองในเบื้องบาท |
อย่าเอื้อมอาจทุจริตให้ผิดผวน |
ยามพิโรธแม่จงละมานะนวล |
หน่อยก็หวนหาสวาทไม่คลาดจาง |
คชแล่นหรือใครจะใคร่ฉุด |
ให้ยั้งหยุดเพราะอะหังเข้ารั้งทาง |
โคมิกินตฤณระบัดอย่าคัดง้าง |
เห็นสุดอย่างข่มขืนให้กลืนกิน |
ก็ต้องหย่อนผ่อนตามนะทรามสวาท |
กำลังอาจสักเท่าไรจะได้ผิน |
ให้เร็วผลันทันพระทัยใจยุพิน |
พอสร่างสิ้นกริ้วคงทรงเมตตา |
อันสุบรรณเร่วนบนเวหน
|
ไหนจะพ้นประทับจับพฤกษา |
คงกลับอยู่สู่สถานผ่านพารา |
ไม่ต้องหาเวทมนต์ให้ยลยิน |
จะแสดงโอวาทนุศาสน์สอน |
ดวงสมรแม่จงก็ร่ำถวิล |
ปฏิบัติภัสดาเป็นอาจิณส่งราคิน |
อย่าทำให้พระทัยเคือง |
จะซื่อสัตย์โดยกตเวที |
ตราบชีวีไปสวรรค์ไม่ปลดเปลื้อง |
สุภาพเบญจลักษณ์น้อมให้พร้อมเมือง |
พิทักษ์เบื้องบทรัชพระภัสดา |
เป็นที่ยิ่งสิ่งนิยมภิรมย์เยศ |
บุเรศเจตนาใกล้เฝ้าไฝ่หา |
บ่ร้างระคายหมายเคียดเกียดยุพา |
ธรรมดาบรรพบุรุษอุดมพงศ์ |
คือธวัชฉัตรชั้นขึ้นกั้นเกศ |
ย่อมพิเศษเฉลิมสุรางค์นางหงส์ |
ในภพมณฑลกุฏสมมุติทรง |
ประหนึ่งวงศ์วิเชียรรัตน์จำรัสเรือง |
ซึ่งสวมใส่ในหัตถายุพาพักตร์ |
ย่อมเป็นศักดิ์ศรีสุรางค์นางเนื่อง |
แม้นชาติไร้กนิษฐานิภาเรือง |
ไม่ประเทืองถอยยศปรากฎขจร |
ย่อมจำเนียรเนื่องความอันหมายฉิน |
เฉกนทินขาดสายหายกระฉ่อน |
บุรีใดไร้นรินทร์ปิ่นนคร |
ไม่ถาวรพูนสวัสดิ์พิพัฒน์การ |
สูญศรีเสื่อมยศปรากฎเลื่อง |
นิกรเนื่องประมาทหมิ่นทุกถิ่นสถาน |
อันธงชัยก็ปรากฎแก่รถยาน |
เป็นเกียรติการสิ่งเลิศประเสริฐแสดง |
อันธุมาควันมีที่ประจักษ์ |
ปรากฎแก่อัคคีเริงถเลิงแสง |
ขัติยาก็ปรากฎแก่ยศแสดง |
เป็นปิ่นแขวงธานีบุรีรมย์ |
บุรุษลักษณ์ก็เป็นศักดิ์สง่านาฎ |
เฉลิมวิลาสชฉวีราศีสม |
อันชายไร้วิชาที่มีนิยม |
กอบอารมณ์โง่เขลาเยาว์ปัญญา |
แม้นได้เป็นสวามีหมดศรีศักดิ์ |
ไม่ชูพักตร์ถอยขาดวาสนา |
ต้องเสื่อมสูญวิริยะมีที่ปรีชา |
ดั่งเพชรราคาตกหมกธุลี |
จึงควรคิดกนิษฐาอย่าประมาท |
เคารพบาทเสน่ห์สนองผ่องศรี |
เฉกฉัตรพรหมเมศตั้งบังระพี |
อยู่กึ่งศรีโรจน์เกล้าเหล่าสุรางค์ |
อาจขจัดปัทวันด์ให้พลันศูนย์ |
สิ่งอาดูรก็มิให้พระทัยหมาง |
ดั่งเชษฐาปกครองพระน้องนาง |
ประดิษฐ์ทางผองภัยมิให้กลาย |
อย่าเยี่ยงหญิงทุจริตที่คิดชั่ว |
ตวาดผัวขู่ข่มเอาสมหมาย |
ไม่ยำเยงเกรงจิตคิดละอาย |
คอยปองร้ายเรื่องผิดเป็นนิจรันดร์ |
ต่อหน้าปราศัยทำทีรัก |
พอลับพักตร์ริษยายิ่งทุกสิ่งสรรพ์ |
กลับหมิ่นซ้อนซ่อนเงื่อนแก่เพื่อนกัน |
ประทุษทัณฑ์ทารุณคุณสามี |
ทั้งกิจการไม่เป็นภารธุระวิตก |
ทิ้งให้หกเปียกแห้งทุกแห่งที่ |
การสะดึงรึงไหมไม่ใยดี |
หูกในมีก็ไม่ทำไม่นำพา |
เย็บเสี้ยวร้อยปักก็ชักคร้าน |
คบเพื่อนพาลเข้าเป็นมิตรริษยา |
โภชนาหารก็ไม่เอื้อเฟื้อภรรดา |
ไม่คิดปรนนิบัติผัวของตัวตน |
มีแต่เกี่ยงเลี่ยงล้อก่อคารม |
ด้วยคำคมซึ่งโกรธให้โหดผล |
ปากก็ต่อมือก็ตีไม่มีจน |
ล้วนแยบยลมิได้หย่อนห่อนยำเยง |
ชวนวิวาททั้งตาปีไม่มีลด |
งอนดังรถทำจริตจิตโฉงเฉง |
ไม่ย่อท้อง้อผัวของตัวเอง |
ทำครื้นเครงเต้นร่าเป็นน่าอาย |
จะหากินก็เกลียดรังเกียจผัว |
ให้เข้าครัวกอบการงานทั้งหลาย |
ทิ้งไว้คาราอยู่แลแช่ออกราย |
ทุกเช้าสายเย็นย่ำจนค่ำคืน |
แขกไปมาหาสู่เกรงพลูหมาก |
จะเปลืองมาก
ทานทัด ทำขัดขืน |
พอผัวพูดเมียขัดสบัดยืน |
คอยแต่ฝืนใจท่านผู้ภรรดา |
ทำเยื้องยักพักตร์ค้อนย้อนกระทบ |
ให้แขกสบเนตรแลแปรเคหา |
อย่าเยี่ยงหญิงโลภกิเลสในเจตนา |
เที่ยวเร่หาชู้ชายเป็นหลายกล |
ทรลักษณ์ศักดิ์สูญประยูรญาติ |
ล้วนชั่วชาติฉาวฉ่าดังกาหล |
รับแต่เครื่องอัปมาณประจานตน |
ฉีกหนามชนชนกชนิดบิตุลา |
สวามีก็เป็นที่หทัยขุ่น |
กมลมุ่งร้าวฉานการหรรษา |
ทั้งญาติมิตรผิดพ้องหมองวิญญา |
พลอยแต่หาผิดพาลเพื่อนบ้านเรือน |
ชักแต่ครุ่นขุ่นเคียดแลเดียดฉันท์ |
หรือว่างวันริษยาหาไม่เหมือน |
ไม่ผูกไมตรีรักทำชักเชือน |
ก็คลาดเคลื่อนสิ่งเกษมอันเปรมปรีดิ์ |
ประทุษกรรมทำกลเป็นยลแยบ |
มุสาแอบเพทุบายไม่หน่ายหนี |
ต่อหน้าซื่อลับหลังลับกลับไพรี |
แม้นจะมีเงินทองของรูปพรรณ |
แลแพรผ้าสารพัดก็จัดย้าย |
ครองแต่หมายซุกซ่อนคิดผ่อนผัน |
มิให้สามีเห็นเป็นนิรันดร์ |
ร่ำรำพันพูดแง่เฝ้าแสงอน |
ทำลามกพกลมนิยมหยาบ |
ประพฤติบาปไปเสียสิ้นไม่ผินผ่อน |
ชายจึงห่วงร้างนิราศสวาทจร |
เพราะอาทรหฤโหดจะโทษใคร |
ไม่สมสู่คู่เคียงเผดียงผดัด |
สิ่งสัมผัสจึงไม่คิดพิสมัย |
บำราศร้างห่างชมเพราะตรมใจ |
เยี่ยงนี้ไร้ริษยาแต่สามานย์ |
แม่อย่าได้เป็นอารมณ์นิยมรัก |
จะพาศักดิ์สุริยวงศ์พงศ์ขนาน |
เสื่อมประยูรสูญพระญาติขาดสำราญ |
ยุพาพาลจงสดับรับนิพนธ์ |
อนึ่งองค์ยุพินปิ่นสมร |
ดั่งศศิธรแจ่มกระจ่างกลางเวหน |
เมฆมิต้องพานพาเข้าปะปน |
เจริญชนม์เฉลิมราชธานี |
ประกอบในไอสูรย์วิบูลธนะ |
มหิสรภาพยิ่งทุกสิ่งศรี |
จงรักศักดิ์สุริยวงศ์ให้จงดี |
เหมือนหนึ่งจามรสงวนงาม |
ถึงจะวายไม่ให้ขนนั้นหล่นร่วง |
โดยเป็นห่วงรักยศปรากฎสยาม |
จงถือศักดิ์รักษาสัตย์สวัสดินาม |
ดังเช่นจามรีที่มีมา |
เปรียบพระน้องครองศักดิ์รักในสัตย์ |
ปฏิบัตินฤเบศร์พระเชษฐา |
สงวนความสุจริต
เป็นกิติปรา |
ถือสัตยาสู่สวรรนิครรไล |
สนองคุณมุลิกาฝ่าพระบาท |
อย่าให้ขาดซื่อสัตย์จนตัดษัย |
อย่าตรัสถ้อยทารุณให้ขุ่นพระทัย |
ถนอมในหฤทัยท้าวอย่าร้าวราน |