ขอพระองค์ทรงเอ็นดูอย่างรู้ร้าง |
ให้เหมือนอย่างเมรุมาศไม่หวาดไหว |
อย่าหลงลิ้นหินชาติขาดอาลัย |
น้ำพระทัยทูลเกล้าจงยาวยืน |
ถึงร้อยปีมิได้มาก็อย่าแปลก |
ให้เหมือนแรกเริ่มตรัสไม่ขัดขืน |
เช่นงางอกออกไปมิได้คืน |
จึงจักยืนยืดยาวดังกล่าวคำ |
ขอพระองค์ทรงยศเหมือนคชบาท |
อย่าให้พลาดพลั้งเท้าก้าวถลำ |
ระมัดโอษฐ์โปรดให้พระทัยจำ |
จะเลิศล้ำลอยฟ้าสุราลัย
ฯ |
ค
อนึ่งปราชญ์ราชครูที่รู้หลัก |
อย่าถือศักดิ์สนทนาอัชฌาสัย |
อุตส่าห์ถามตามประสงค์จำนงใน |
จึงจักได้รู้รอบประกอบการ |
อนึ่งบรรดาข้าไทที่ใจซื่อ |
จงนับถือถ่อมศักดิ์สมัครสมาน |
อนึ่งคนมนต์ขลังช่างชำนาญ |
แม้นพบพานผูกไว้เป็นไมตรี |
เขาทำชอบปลอบให้หัวใจชื่น |
จึงเริงรื่นรักแรงไม่แหนงหนี |
ปรารถนาสารพัดในปฐพี |
เอาไมตรีแลกได้ดังใจจง |
คำบุราณท่านว่าเหล็กแข็งกระด้าง |
เอาเงินง้างอ่อนตามความประสงค์ |
จงทราบไว้ใต้ละอองทั้งสององค์ |
อุตส่าห์ทรงสืบสร้างทางไมตรี |
แต่คนร้ายหลายลิ้นย่อมปลิ้นปลอก |
เลี้ยงมันหลอกหลอนเล่นเหมือนเช่นผี |
อย่าพานพบคบค้าเป็นราคี |
เหมือนพาลีหลายหน้าระอาอาย |
อันคนดีมีสัตย์สันทัดเที่ยง |
ช่วยชุบเลี้ยงชูเชิดให้เฉิดฉาย |
เอาไว้ใช้ใกล้ชิดไม่คิดร้าย |
เขารักตายด้วยได้ดังใจตรง |
อันโซ่ตรวนพรวนพันมันไม่อยู่ |
คงหนีสู้ซ่อนหมุนในฝุ่นผง |
แม้นผูกใจไว้ด้วยปากไม่จากองค์ |
อุตส่าห์ทรงทราบแบบที่แยบคาย |
อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก |
แต่ลมปากหวนหูไม่รู้หาย |
แม้เจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย |
เจ็บจนตายนั้นเพราะเหน็บให้เจ็บใจ |
จะรักชังทั้งสิ้นเพราะลิ้นพลอด |
เป็นอย่างยอดแล้วพระองค์อย่าสงสัย |
อันช่างปากยากที่จะมีใคร |
เขาชอบใช้ช่างมือออกอื้ออึง |
จงโอบอ้อมถ่อมถดพระยศศักดิ์ |
ถ้าสูงนักแล้วก็เขาเข้าไม่ถึง |
ครั้นต่ำนักมักจะผิดคิดรำพึง |
พอก้ำกึ่งกลางนั้นขยันนัก
ฯ |
ค
อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ |
ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก |
สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก |
จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย |
จับให้มั่นคั้นหมายให้วายวอด |
ช่วยให้รอดรักให้ชิดพิศมัย |
ตัดให้ขาดปรารถนาหาสิ่งใด |
เพียรจงได้ดังประสงค์ที่ตรงดี |
ธรรมดาว่ากษัตริย์อัติเรก |
เป็นองค์เอกอำนาจดังราชสีห์ |
เสียงสังหารผลาญสัตว์ในปัฐพี |
เหตุเพราะมีลมปากนั้นมากนัก |
เหมือนหน่อเนื้อเชื้อวงศ์ที่องอาจ |
ย่อมเปรื่องปราชญ์ปรากฏเพราะยศศักดิ์ |
ผู้ใหญ่น้อยพลอยมาสามิภักดิ์ |
ได้พร้อมพรักทั้งปัญญาบารมี |
ถ้าเกียจคร้านเกียรติยศก็ถดถอย |
ข้าไทพลอยแพลงพลิกออกหลีกหนี |
ต้องเศร้าสร้อยน้อยหน้าทั้งตาปี |
ทูลดังนี้กลัวจะเป็นเหมือนเช่นนั้น |
ด้วยไหนไหนก็ได้มาสามิภักดิ์ |
หมายจะรักพระไปกว่าจะอาสัญ |
จึงทูลความตามจริงทุกสิ่งอัน |
ล้วนสำคัญขออย่าให้ผู้ใดู
ฯ |
ค
พระผ่านเกล้าเจ้าฟ้าบรรดาศักดิ์ |
แม้นไม่รักษายศจะอดสู |
ซึ่งยศศักดิ์จักประกอบจำรอบรู้ |
ได้เชิดชูช่วยเฉลิมให้เพิ่มพูน |
อันเผ่าพงศ์วงศาสุรารักษ์ |
สามิภักดิ์พึ่งปิ่นบดินทร์สูร |
ที่สิ่งไรไม่ทราบได้กราบทูล |
จึงเพิ่มพูนภาคหน้าปรีชาชาญ |
ประเพณีที่บำรุงกรุงกษัตริย์ |
ปฎิพัทธ์ผ่อนผันตามบรรหาร |
ต่างพระทัยในเนตรสังเกตการ |
ตามบุราณเรื่องราชานุวัฒน์ |
จงพากเพียรเรียนไว้จะได้ทราบ |
ทั้งกลอนกาพย์การกลปรนนิบัติ |
หนึ่งแข็งอ่อนผ่อนผันให้สันทัด |
ตามกษัตริย์สุริย์วงศ์ดำรงดิน |
อนึ่งแยบยลกลความสงครามศึก |
ย่อมเหลือลึกล้ำมหาชลาสินธุ์ |
เร่งฝึกฝนกลการผลาญไพริน |
ให้รู้สิ้นรู้ให้มั่นกันนินทา |
อันข้าไทได้พึ่งเขาจึงรัก |
แม้นถอยศักดิ์สิ้นอำนาจวาสนา |
เขาหน่ายหนีมิได้อยู่คู่ชีวา |
แต่วิชาช่วยกายจนวายปราณ
ฯ |
ค
ซึ่งเปรียบปรายหมายเหมือนเตือนพระบาท |
ให้เปรื่องปราชญ์ปรีชาศักดาหาญ |
แม้นหากว่าฝ่าละอองไม่ต้องการ |
โปรดประทานโทษกรณ์ที่สอนเกิน |
ด้วยรักใคร่ได้มาเป็นข้าบาท |
จะบำราศแรมร้างไปห่างเหิน |
เป็นห่วงหลังหวังใจให้เจริญ |
ใช่จะเชิญชวนชั่วให้มัวมอม |
พระคุณอุ่นอกเมื่อตกยาก |
ถึงตัวจากแต่จิตสนิทสนอม |
จะจำไปไพรพนมด้วยตรมตรอม |
ทูลกระหม่อมเหมือนหนึ่งแก้วแววนัยนา |
พระองค์น้อยเนตรซ้ายไม่หมายร้าง |
พระองค์กลางอยู่เกศเหมือนเนตรขวา |
ความรักใคร่ไม่ลืมปลื้มวิญญา |
ได้พึ่งพาพบเห็นคอยเย็นทรวง |