|
|
|
|
|
|
|
|
www.dooasia.com >
เมืองไทยของเรา >
สุภาษิต
โคลงโลกนิติ
สุภาษิตพระร่วง
สุภาษิตอิศรญาณ
วชิรญาณภาษิต
สวัสดิรักษา
เพลงยาวถวายโอวาท
โอวาทกษัตรีย์
กฤษณาสอนน้อง
สุภาษิตสอนสตรี
พาลีสอนน้อง
ทศกรรฐ์สอนน้อง
พิเภกสอนบุตร
สุภาษิตจากเรื่องพระอภัยมณี
สุภาษิตสอนศิษย์
สุภาษิตสอนเด็ก
สุภาษิตขี้ยา
คำกลอนโลกนิติ
กลบทสุภาษิต
โคลงโลกนิติ
| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |
เสียสินสงวนศักดิ์ไว้
เสียศักดิ์สู้ประสงค์
เสียรู้เร่งดำรง
เสียสัตย์อย่าเสียสู้ |
|
วงศ์หงส์
สิ่งรู้
ความสัตย์ ไว้นา
ชีพม้วยมรณา |
ตัดจันทน์ฟันม่วงไม้
แปลงปลูกหนามรามรก
ฆ่าหงส์มยุรนก
เลี้ยงหมู่กากินเนื้อ |
|
จัมบก
รอบเรื้อ
กระเหว่า เสียนา
ว่ารู้ลีลา |
วัดช้างเบื้องบาทรู้
วัดอุทกชักกมุทมาลย์
ดูครูสดับโวหาร
ดูตระกูลเผ่าผู้ |
|
จักสาร
แม่นรู้
สอนศิษย์
เพื่อด้วยเจรจา |
พระสมุทรสุดลึกล้น
สายดิ่งทิ้งทอดวา
เขาสูงอาจวัดวา
จิตมนุษย์นี้ไซร้ |
|
คณนา
หยั่งได้
กำหนด
ยากแท้หยั่งถึง |
ไม้ล้มควรข้ามได้
คนล้มจักข้ามกราย
ทำชอบชอบห่อนหาย
ทำผิดผิดจักให้ |
|
โดยหมาย
ห่อนได้
ชอบกลับ สนองนา
โทษแท้ถึงตน |
ทรชนยากไร้อย่า
อย่าหยิบทรัพย์อุดหนุน
ก่อเกื้อเกือบเกินทุน
ครั้นค่อยคลายวายไร้ |
|
ทำคุณ
หย่อนให้
มันมั่ง มีนา
กลับสู้ดูแคลน |
เทพาพันเทพเรื้อง
บ่เท่าพระอินทร์องค์
คุณพันหนึ่งดำรง
มีโทษอันหนึ่งไซร้ |
|
ฤทธิรงค์
หนึ่งได้
ความชอบ ไว้นา
กลบกล้ำพันคุณ |
ใครซื่อซื่อต่อตั้ง
ใครคดคดผ่อนผัน
ทองแดงว่าสุวรรณ
ดุจลูกสูส่องเถ้า |
|
ตามกัน
ตอบเต้า
ยังถ่อง เหมือนฤา
ว่าโอ้เป็นลิง |
รักกันอยู่ขอบฟ้า
เสมออยู่หอแห่งเดียว
ชังกันบ่แลเหลียว
เหมือนขอบฟ้ามาป้อง |
|
เขาเขียว
ร่วมห้อง
ตาต่อ กันนา
ป่าไม้มาบัง |
ให้ท่านท่านจักให้
นบท่านท่านจักปอง
รักท่านท่านควรครอง
สามสิ่งนี้เว้นไว้ |
|
ตอบสนอง
นอบไหว้
ความรัก เรานา
แต่ผู้ทรชน |
แม้นมีความรู้ดั่ง
ผิบ่มีคนชู
หัวแหวนค่าเมืองตรู
ทองบ่รองรับพื้น |
|
สัพพัญญู
ห่อนขึ้น
ตาโลก
ห่อนแก้วมีศรี |
ราชรถปรากฏด้วย
ควันประจักษ์แก่ไฟ
ราชาอิสระในไอ
ชายย่อมเฉลิมเลิศแล้ |
|
ธงไชย
เที่ยงแท้
สมบัติ
ปิ่นแก้วเกศหญิง |
กระเหว่าเสียงเพราะแท้
หญิงเลิศเพราะรักผัว
นักปราชญ์มาตรรูปมัว
เพราะเพื่อรสธรรมนั้น |
|
แก่ตัว
แม่นหมั้น
หมองเงื่อน งามนา
ส่องให้เห็นงาม |
นารายณ์วายเว้นจาก
อากาศขาดสุริยจร
เมืองใดบ่มีวร
แม้ว่างามล้นฟ้า |
|
อาภรณ์
แจ่มหล้า
นักปราชญ์
ห่อนได้งามเลย |
เจ็ดวันเว้นดีดซ้อม
อักขระห้าวันหนี
สามวันจากนารี
วันหนึ่งเว้นล้างหน้า |
|
ดนตรี
เนิ่นช้า
เป็นอื่น
อับเศร้าศรีหมอง |
ใครจักผูกโลกแม้
เหล็กเท่าลำตาลตรึง
มนตร์ยาผูกนานหึง
ผูกเพื่อไมตรีนั้น |
|
รัดรึง
ไป่หมั้น
หายเสื่อม
แน่นเท้าวันตาย |
จำสารสับปลอกเกี้ยว
จำนาคมนตร์โอฬาร
จำคนเพื่อใจหวาน
จำโลกนี้นั่นแล้ |
|
ตีนสาร
ผูกแท้
ต่างปลอก
แต่ด้วยไมตรี |
ผจญคนมักโกรธด้วย
ผจญหมู่ทรชนดี
ผจญคนจิตโลภมี
ผจญอสัตย์ให้ยั้ง |
|
ไมตรี
ต่อตั้ง
ทรัพย์เผื่อ แผ่นา
หยุดด้วยสัตยา |
คนใดคนหนึ่งผู้
เคียดฆ่าคนอนันต์
ไป่ปานบุรุษอัน
เธียรท่านเยินยอแล้ |
|
ใจฉกรรจ์
หนักแท้
ผจญจิต เองนา
ว่าผู้มีชัย |
สงครามแสวงท่วยแกล้ว
กลคดีพึงหา
ยามกินรสโอชา
หาปราชญ์ล่ำเลิศผู้ |
|
อาสา
ท่านรู้
ชวนเพื่อน กินนา
เมื่อแก้ปริศนา |
แสวงรู้พึงคบด้วย
แสวงทรัพย์คบพาณิช
แสวงหายศศักดิ์ชิด
ผิใคร่ได้ลูกไซร้ |
|
บัณฑิต
ง่ายไซร้
ชอบราช
เสพส้องเมียสาว |
ร้อยคนหาแกว่นแกล้ว
พันหนึ่งหาปัญญายง
แสนคนเสาะคนตรง
ไม่เท่าคนหนึ่งผู้ |
|
กลางณรงค์
ยิ่งรู้
ยังยาก
อาจอ้างอวยทาน |
เมื่อน้อยเรียนเร่งรู้
ครั้นใหญ่หาสินมา
เมื่อกลางแก่ศรัทธา
ครั้งแก่แรงวอกเว้า |
|
วิชา
สู้เหย้า
ทำแต่ บุญนา
ห่อนได้เป็นการ |
ความรู้ดูยิ่งล้ำ
คิดค่าควรเมืองนับ
เพราะเหตุจักอยู่กับ
โจรจักเบียนบ่ได้ |
|
สินทรัพย์
ยิ่งไซร้
กายอาต มานา
เร่งรู้เรียนเอา |
คนใดโผงพูดโอ้
อวดว่ากล้าอย่าฟัง
หมาเห่าเล่าอย่าหวัง
สองเหล่าเขาหมู่นี้ |
|
อึงดัง
สัปปลี้
จักขบ ใครนา
ชาติเชื้อเดียวกัน |
สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อ
กินกัดเนื้อเหล็กจน
บาปเกิดแก่ตนคน
บาปย่อมทำโทษซ้ำ |
|
ใจตน
กร่อนขร้ำ
เป็นบาป
ใส่ผู้บาปเอง |
ฟักแฟงแตงเต้าถั่ว
หว่านสิ่งใดให้ผล
ทำทานหว่านกุศล
ทำบาปบาปซั้นซั้น |
|
งายล
สิ่งนั้น
ผลเพิ่ม พูนนา
ไล่เลี้ยวตามตน |
มีสินฤาเท่าผู้
ข้าศึกฤาปานปุน
รักใดจัดเพิ่มพุน
แรงอื่นฤาจักได้ |
|
มีคุณ
พยาธิไซร้
รักอาต มานา
เท่าด้วยแรงกรรม |
อย่าโทษไทท้าวท่วย
อย่าโทษสถานภูผา
อย่าโทษหมู่วงศา
โทษแต่กรรมเองสร้าง |
|
เทวา
ย่านกว้าง
มิตรญาติ
ส่งให้เป็นเอง |
หมอแพทย์ว่าไข้
โหรว่าเคราะห์แรงรุม
แม่มดว่าผีกุม
ปราชญ์ว่ากรรมเองไซร้ |
|
ลมคุม
โทษให้
ทำโทษ
ก่อสร้างมาเอง |
ดูข้าดูเมื่อใช้
ดูมิตรพงศารัก
ดูเมียเมื่อไข้จัก
อาจจักรู้จิตไว้ |
|
การหนัก
เมื่อไร้
จวนชีพ
ว่าร้ายฤาดี |
ช้างสารหกศอกไซร้
งูเห่ากลายเป็นปลา
ข้าเก่าเกิดแต่ตา
เมียรักนอนร่วมห้อง |
|
เสียงา
อย่าต้อง
ตนปู่ ก็ดี
อย่าไว้วางใจ |
โทษท่านผู้อื่นเพี้ยง
ปองติฉินนินทา
โทษตนเท่าภูผา
ป้องปิดคิดซ่อนเร้น |
|
เมล็ดงา
ห่อนเว้น
หนักยิ่ง
เรื่องร้ายหายสูญ |
บรรทมยามหนึ่งไท้
หกทุ่มหมู่บัณฑิต
สามยามพวกพาณิช
นอนสี่ยามนั้นแล |
|
ทรงฤทธิ์
ทั่วแท้
นรชาติ
เที่ยงแท้เดียรฉาน |
ราชาธิราชน้อม
อำมาตย์เป็นบรรทัด
ฝูงราษฎร์อยู่ศรีสวัสดิ์
เมืองดั่งนี้เลิศแล้ |
|
ในสัตย์
ถ่องแท้
ทุกเมื่อ
ไพร่ฟ้าเปรมปรีดิ์ |
ข้าท่านคร้านหลีกเจ้า
ชีบ่เล่าเรียนเขียน
ชาวนาละความเพียร
สามสิ่งนี้โหดให้ |
|
จากเจียร
อ่านไซร้
ไถถาก
โทษแท้คนฉิน |
นกน้อยขนน้อยแต่
รังแต่งจุเมียผัว
มักใหญ่ย่อมคนหวัว
ทำแต่พอตัวไซร้ |
|
พอตัว
อยู่ได้
ไพเพศ
อย่าให้คนหยัน |
เริ่มการตรองตรึงไว้
การจะลุจึงไข
เดื่อดอกออกห่อนใคร
ผลผลิตติดแล้วแผร้ง |
|
ในใจ
ข่าวแจ้ง
เห็นดอก
แพร่ให้คนเห็น |
อายครูไซร้ถ่อยรู้
อายแก่ราชาคลา
อายแก่ภรรยาหา
อายกับทำบุญแล้ |
|
วิชา
ยศแท้
บุตรแต่ ไหนมา
สุขนั้นฤามี |
หลีกเกวียนให้หลีกห้า
ม้าหลีกสิบศอกกราย
ช้างสี่สิบศอกคลาย
เห็นทุรชนหลีกให้ |
|
ศอกหมาย
อย่าใกล้
คลาคลาด
ห่างพ้นลับตา |
คนใดละพ่อทั้ง
อันทุพพลชรา
ขับไล่ไม่มีปรา
คนดั่งนี้ฤาแคล้ว |
|
มารดา
ภาพแล้ว
นีเนตร
คลาดพ้นไภยัน |
พายเถิดพ่ออย่ารั้ง
จวนตะวันจักสาย
ของสดสิ่งควรขาย
ตระลาดเลิกแล้วอ้า |
|
รอพาย
ส่องฟ้า
จักขาด ค่าแฮ
บ่นอื้อเอาใคร |
ก้านบัวบอกตื้นลึก
มารยาทส่อสันดาน
โฉดฉลาดเพราะคำขาน
หย่อมหญ้าเหี่ยวแร้งเรื้อ |
|
ชลธาร
ชาติเชื้อ
ควรทราบ
บอกร้ายแสลงดิน |
อย่าเอื้อมเด็ดดอกฟ้า
สูงสุดมือมักตรอม
เด็ดแต่ดอกพยอม
สูงก็สอยด้วยไม้ |
|
มาถนอม
อกไข้
ยามยาก ชมนา
อาจเอื้อมเอาถึง |
ถึงจนทนสู้กัด
อย่าเที่ยวแล่เนื้อเถือ
อดอยากเยี่ยงอย่างเสือ
โซก็เสาะใส่ท้อง |
|
กินเกลือ
พวกพ้อง
สงวนศักดิ์
จับเนื้อกินเอง |
ไกรสรแสบท้องแทบ
บ่ภักษ์ผลไม้มี
ไกรสรซูบอินทรีย์
บ่ภักษ์รสเนื้อช้าง |
|
เสียชี
วิตแฮ
ป่ากว้าง
สมเพช ก็ดี
ดั่งนี้ธรรมดา |
อย่าขุดขอดท่านด้วย
อย่าถากท่านด้วยตา
ฟังคำกล่าวมฤษา
หยิบบ่ศัพท์กลับย้อน |
|
วาจา
ติค้อน
โสตหนึ่ง นะพ่อ
โทษให้กับตน |
อย่าชักน้ำน่านเข้า
อย่าแนะเศึกศัตรู
ไฟในอย่าเชิดชู
ไฟนอกอย่านำเข้า |
|
คลองคู
สู่เหย้า
นำออก
หม่นไหม้มัวหมอง |
ขันขันขุยฆ่าไม้
คิดพ่างผลกทลี
ลูกม้าฆ่าชนนี
ลาภฆ่าคนโลภม้วย |
|
หนามมี
ฆ่ากล้วย
ลาเกิด ตนนา
ดุจไม้มีหนาม |
เบิกทรัพย์วันละบาทซื้อ
นายหนึ่งเลี้ยงพยัคฆา
สองสามสี่นายมา
บังทรัพย์สี่ส่วนถ้วน |
|
มังสา
ไป่อ้วน
กำกับ กันแฮ
บาทสิ้นเสือตาย |
โคควายวายชีพได้
เป็นสิ่งเป็นอันยัง
คนเด็ดดับสูญสัง
เป็นชื่อเป็นเสียงได้ |
|
เขาหนัง
อยู่ไซร้
ขารร่าง
แต่ร้ายกับดี |
ฆ่าควายหมายแล่ล้ม
กลัวแต่เสียเครื่องแกง
เฉกเช่นจักจัดแจง
เกรงแต่มักหมดไม้ |
|
ตัวแพง
ห่อนได้
การใหญ่ เหย้าแฮ
ห่อนได้เรือนงาม |
สิกขาบทยิ่งล้ำ
เป็นพิษแก่อลัชชี
คุณธรรม์สิ่งสรรพ์ดี
เป็นพิษแก่พาลแล้ |
|
คัมภีร์
โฉดแท้
ในโลก
ห่อนได้สดับจำ |
ยอข้ายอเมื่อแล้ว
ยอยกครูยอสนิท
ยอญาติประยูรมิตร
คนหยิ่งแบกยศบ้า |
|
การกิจ
ซึ่งหน้า
เมื่อลับ หลังแฮ
อย่ายั้งยอควร |
เป็นคนคิดแล้วจึ่ง
อย่ามลนหลับตา
เลือกสรรหมั่นปัญญา
สติริรอบให้ |
|
เจรจา
แต่ได้
ตรองตรึก
ถูกแล้วจึงทำ |
เพื่อนกิน สิ้นทรัพย์แล้ว
หาง่าย
หลายหมื่นมี
เพื่อนตาย
ถ่ายแทนชี
หากยาก
ฝากผีไข้ |
|
แหนงหนี
มากได้
วาอาตม์
ยากแท้จักหา |
อ่อนหวานมานมิตรล้น
หยาบบ่มีเกลอกราย
ดุจดวงศศิฉาย
สุริยส่องดาราไร้ |
|
เหลือหลาย
เกลื่อนใกล้
ดาวดาษ ประดับนา
เมื่อร้อนแรงแสง |
คนพาลพวกหนึ่งน้ำ
รู้ว่าตนเป็นพาล
พวกนี้วัจนาจารย์
นับว่าปราชญ์ได้บ้าง |
|
ใจหาญ
กระด้าง
จัดใช่ พาลพ่อ
เพื่อรู้สึกตน |
นารีเสาวภาครูป
ชายมีความรู้สรรพ
พราหมณ์รู้เวทยานับ
ภิกษุเกิดทรัพย์ไซร้ |
|
เป็นทรัพย์
ทรัพย์ได้
ว่าทรัพย์ พราหมณ์นา
เพื่อรู้ธรรมา |
พญากลัวข้าศึก
ชี้บ่เล่าเรียนเขียน
ชาวนาละความเพียร
ทั้งสามสิ่งนี้ให้ |
|
เบียดเบียน
อ่านไซร้
คร้านเกี่ยว การนา
โทษแท้สาธารณ์ |
ชาติ เกิดรูปพร้อม
ชรา ร่างสาธารณ์
พยาธิ บันดาล
มรณะ กาแร้ง |
|
อาการ
เหี่ยวแห้ง
ต่าง ต่าง
แย่งยื้อกันกิน |
สารสืบฉบับสิ้น
ชำระเรื่องคงของ
ผิดเพี้ยนเปลี่ยนแปลงลอง
ล้วนโอวาทปราชญ์แท้ |
|
เสร็จสนอง
เก่าแท้
ลิขิต เดิมนา
ถี่ถ้วนควรถนอม |
| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|