มรดกทางพระพุทธศาสนา
ศาสนสถานและศาสนวัตถุ
วัดท้ายเกาะใหญ่
อยู่ในตำบลท้ายเกาะ อำเภอสามโคก มีเจดีย์ทรงรามัญแบบชะเวดากอง ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัดปทุมธานี
เป็นเจดีย์ก่ออิฐตั้งอยู่ภายในกำแพงแก้ว เป็นทรงระฆังแบบมอญฐานแปดเหลี่ยม
ตั้งอยู่บนฐานปัทม์ลูกแก้วอกไก่สองชั้น ตอนบนฐานปัทม์มีเจดีย์เล็กสี่องค์
ทรงเดียวกับเจดีย์ประธาน ส่วนยอดเป็นฉัตรทำด้วยทองเหลือง
ตามประวัติที่ปรากฎบนฐานเจดีย์ดังกล่าว สร้างในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เมื่อปี พ.ศ.๒๒๐๖ โดยชาวมอญได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ให้มาตั้งบ้านเรือนอยู่ในขณะนั้น
นอกจากเจดีย์ดังกล่าวแล้ว ที่วัดนี้ยังมีธรรมาสน์บุษบกศิลปะรัตนโกสินทร์ กุฎิทรงไทย
ตาลปัตรพัดยศ ปิ่นโต สังเค็ด ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานไว้
วัดท้ายเกาะใหญ่ ยังเคยเป็นที่ประทับแรมระหว่างการเสด็จประพาสต้น ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
![](pathumthani62.jpg)
วัดสิงห์
อยู่ในตำบลสามโคก อำเภอสามโคก เป็นวัดโบราณตั้งแต่สมัยอยุธยา สันนิษฐานว่า
น่าจะเป็นวัดตั้งแต่ปลายรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
เจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองตั้งอยู่หน้าโบสถ์ วิหารน้อยฐานแอ่นท้องสำเภาไม่ทำช่องหน้าต่าง
แต่ก่ออิฐเป็นช่องแสงเข้า ด้านหลังก่อผนังทึบแบบสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาตอนปลาย
ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปประธานบนฐานชุกชีลงรักปิดทอง ด้านหลังมีพระอันดับ
ด้านหน้ามีพระโมคลานะ และพระสารีบุตร ยืนประนมมือ
![](pathumthani63.jpg)
วิหารโถง (ศาลาดิน) เป็นอาคารไม้ทรงไทย หน้าบันเป็นรูปหน้าพรหม มุงกระเบื้องกาบู
เพดานภายในประดับด้วยดาวเพดาน ล้อมกรอบด้วยสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง
ซุ้มเรือนแก้ว ประดิษฐานหลวงพ่อโต ด้านหลังมีจิตรกรรมภาพพระพุทธเจ้าประทับยืน
ท่ามกลางพระสาวก
นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ชื่อ หลวงพ่อเพชร
นับเป็นศิลปะสมัยอยุธยาที่สวยงาม อยู่แห่งเดียวในจังหวัดปทุมธานี
![](pathumthani64.jpg)
วัดบัวขวัญ
อยู่ในตำบลลาดหลุมแก้ว มีพลับพลาแรกนาขวัญ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง หลังคาทำด้วยแผ่นไม้สัก ทาสีแดงจึงเรียกว่า พลับพลาสีแดง
พลับพลาหงส์เดิมอยู่ที่ทุ่งพญาไท นายพลตรีพระอุดมโยคธิยุทธได้ขอมาสร้างไว้ที่วัดบัวขวัญ
รูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นศาลาทรงเตี้ยรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังคามรงจั่วซ้อนกันสองชั้น
ตรงจั่วมีไม้ประกบ มีปีกนกยื่นทั้งสี่ด้าน มีลูกไม้ระแนงตีเป็นลายสี่เหลี่ยมโดยรอบ
ทางขึ้นลงมีทางเดียวอยู่ทางด้านขวามือ
![](pathumthani65.jpg)
วัดมูลจินดาราม
อยู่ในตำบลบึงยี่โถ อำเภอธัญบุรี มีโบสถ์และเจดีย์ สร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
วัดนี้สร้างโดยความศรัทธาของชาวเยอรมัน ซึ่งมาเป็นผู้จัดการในการขุดคลองเชื่อมระหว่างคลองรังสิต
กับเมืองนครนายก เพื่อเป็นเส้นทางคมนาคมและการชลประทาน ผู้สร้างวัดเห็นว่าพวกคนงานมีความลำบากในการไปทำบุญ
และประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดซึ่งห่างไกลที่พักคนงาน จึงได้ขออนุญาตสร้างวัดนี้ขึ้นซึ่งตั้งอยู่ริมคลองรังสิต
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานนามวัดนี้ว่า วัดมูลจินดาราม
เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อของผู้มีจิตศรัทธาสร้าง ผู้มีชื่อว่า นายมูลเลอร์
และนางจีน ผู้เป็นภรรยา
![](pathumthani66.jpg)
วัดบางหลวง
อยู่ในตำบลบางหลวง อำเภอเมือง ฯ เป็นพระอารามหลวง สร้างในสมัยอยุธยา มีเจดีย์มอญ
พระอุโบสถหลังเก่าเป็นอาคารทรงไทยโบราณ สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๒๕๑
ภายในพระอุโบสถมีจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม แต่เนื่องจากมีอายุเก่าแก่และถูกน้ำฝนทำให้ภาพเลอะเลือนไม่ชัดเจน
![](pathumthani67.jpg)
วัดเจดีย์ทอง
ตั้งอยู่ในตำบลคลองควาย อำเภอสามโคก มีเจดีย์ทรงรามัญแบบเจดีย์อนันทะ ที่เจดีย์มีมุขสี่ด้านประดิษฐานพระพุทธรูป
และเจดีย์ทรงปรางค์ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ เสาหงส์ ธงตะขาบ ธรรมาสน์บุษบก
หอสวดมนต์
![](pathumthani68.jpg)
วัดจันทน์กระพ้อ
อยู่ในตำบลบางเตย อำเภอสามโคก มีฐานะเป็นพระอารามหลวง บริเวณวัดมีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง
สมัยรัตนโกสินทร์ เสาหงส์ ธงตะขาบ กุฎิเรือนไทย วังมัจฉา พระอุโบสถหินอ่อน
จิตรกรรมฝาผนังสมัยใหม่ และหอวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติ ที่จัดแสดงโบราณวัตถุของท้องถิ่น
![](pathumthani69.jpg)
วัดสะแก
อยู่ในตำบลสามโคก มีโบสถ์เก่าสมัยอยุธยาอายุประมาณ ๔๐๐ ปี ภายในมีพระพุทธรูปปูนปั้นสี่องค์
หันด้านหลังชนกัน มีหอระฆังจตุรมุข หน้าบันของแต่ละมุขประดับด้วยเครื่องถ้วยจีนแบบลายคราม
มีกุฎิเรือนไทยสี่ห้อง เจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง เจดีย์ทรงลังกา เจดีย์จีนเรียกว่า
ถะ และพระประธานเป็นพระพุทธรูปหินทราย ปางมารวิชัย สมัยอยุธยา
|