วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
เป็นชั้นเอก
ชนิดราชวรวิหาร
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ
ให้สร้างขึ้น ตามธรรมเนียมประเพณีโบราณที่ว่า ในราชธานีจะต้องมีวัดสำคัญประจำ 3
วัด คือ
วัดมหาธาตุวัดราชบูรณะ
และวัดราชประดิษฐาน เช่นที่สุโขทัย
สวรรคโลก
พิษณุโลกและา
แต่ในสมัยรัตนโกสินทร์สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทกรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชกาลที่
1 โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาวัดสลัก เป็นวัดนิพพานาราม
และเปลี่ยนเป็นวัดพระศรีสรรเพชญ์ แต่ต่อมามีพระราชดำริว่า ในกรุงเทพฯ
ยังไม่มีวัดมหาธาตุ จึงเปลี่ยนชื่อวัดพระศรีสรรเพชญ์เป็นวัดมหาธาตุ
และพระสัมพันธวงศ์เธอ
เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์ พระโอรสในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ พระพี่นางเธอในรัชกาลที่ 1
ทรงบูรณะวัดเลียบ ต่อมา ได้นามว่า
วัดราชบูรณะ
ยังคงขาดแต่วัดราชประดิษฐ์เท่านั้น
จึงทรงสร้างขึ้นใหม่เพื่อให้ครบตามโบราณราชประเพณี
และเพื่อพระอุทิศถวายแก่พระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกายเพื่อที่พระองค์เองและเจ้านาย
ข้าราชการ ที่จะไปทำบุญที่วัดฝ่ายธรรมยุติกนิกายใกล้พระบรมมหาราชวังได้สะดวก
วัดราชประดิษฐ์จึงเป็นวัดฝ่ายธรรมยุติกนิกายวัดแรกที่สร้างขึ้น
เพื่อพระสงฆ์ในนิกายนี้ เพราะวัดอื่น ๆ
ของฝ่ายธรรมยุติเป็นวัดที่แปลงมาจากวัดของมหานิกาย
วัดราชประดิษฐ์สร้างขึ้นในที่ดินที่เคยเป็นสวนกาแฟของหลวงโดยก่อสร้างใน
พ.ศ. 2407 เดิมพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามว่า
วัดราชประดิษฐสถิตธรรมยุติการาม
เมื่อสร้างเสร็จแล้วได้เปลี่ยนเป็น วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม
เพื่อให้เหมาะสมกับเป็นที่ประดิษฐานหลักศิลา
ซึ่งเป็นสีมามีจารึกคาถาบาลี และภาษาไทย
ซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์รวม 10 หลัก ปรากฏในประกาศเมื่อ
พ.ศ. 2411
เรื่องประกาศให้เรียกนามวัดราชประดิษฐ์ให้ถูกว่า มีผู้เรียกวัดราชประดิษฐ์ว่า
วัดราชบัณฑิต วัดทรงประดิษฐ์ ไม่ถูกต้องกับที่พระราชทานนามไว้ จึงทรงกำชับว่า
ให้เรียกชื่อวัดว่า
วัดราชประดิษฐ์
หรือ วัดราชประดิษฐ์สถิตย์มหาสีมาราม
หลังจากทรงสร้างเสร็จแล้ว ได้ทรงอาราธนาพระสาสนโสภณ (สา ปุสฺสเทโว ป.๙)
หรือสามเณรสา
ผู้สอบเปรียญ ๙ ประโยคได้ขณะเป็นสามเณร เป็นสามเณรนาคหลวง
สายเปรียญธรรม รูปแรกของกรุงรัตนโกสินทร์ จากวัดบวรนิเวศวิหาร
มาเป็นเจ้าอาวาสเมื่อพ.ศ. 2408 ปีฉลู
ทรงกระทำการสมโภชทั้งเจ้าอาวาสและวัดใหม่เป็นเวลา 3 วัน
วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
เดิมพื้นที่บริเวณนี้เป็นโรงเรือนที่อยู่อาศัยของข้าราชการ
รัชกาลที่ 4 ทรงขอซื้อที่เพื่อสร้างวัดธรรมยุติกนิกาย
เมื่อ พ.ศ. 2407 เพื่อสำหรับเจ้านาย
ข้าราชการ ฝ่ายหน้า-ใน ได้บำเพ็ญกุศลสะดวกขึ้น เพราะใกล้พระบรมมหาราชวัง
ในพระวิหารหลวงมีจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพระราชพิธี 12 เดือน ที่รัชกาลที่
5 ทรงโปรดฯ ให้วาดไว้ มีสถาปัตยกรรมที่น่าชม เช่น ปาสาณเจดีย์,
ปรางค์ขอม, หอพระจอม,
หอไตร ฯลฯ และเพราะด้วยธรรมยุติกนิกายนั้นเคร่งครัดในพระธรรมวินัยมาก
เขตสังฆาวาสนั้นจึงห้ามสตรีผ่านเข้าออกมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 จนถึงปัจจุบัน