www.dooasia.com >
เมืองไทยของเรา >
เมืองเก่าของไทย
เมืองเก่าของไทย
อุทยานประวัติศาสตร์
พระนครคีรีได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๘ และได้ขึ้นทะเบียนเป็นวัดมหาสมณาราม
เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๙ นับเป็นพระราชวังบนยอดเขาแห่งแรก ที่ประกอบด้วยพระราชวังและพุทธสถาน
ในพื้นที่เดียวกัน
การดำเนินงานโครงการอุทยานประวัติศาตร์พระนครคีรี เริ่มทำการสำรวจและปฎิบัติงานตั้งแต่ปี
พ.ศ.๒๕๒๓ เป็นต้นมา ปรัปปรุงสภาพภูมิสถาปัตยกรรมให้มีความรมรื่น สวยงาม เหมาะสมกับอาคารสถานที่
การบูรณะแล้วเสร็จ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๑ ได้มีการประกอบพิธีเปิดอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี
เปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครคีรี และหอสมุดแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๒
ศิลปกรรม
จังหวัดเพชรบุรี มีหลักฐานทางศิลปกรรมหลายสมัย ในสมัยอยุธยาปรากฎผลงานศิลปกรรมของเมืองเพชรบุรี
ที่มีลักษณะเด่นเป็นรูปแบบเฉพาะ เรียกว่า สกุลช่างเพชรบุรี
งานศิลปกรรมส่วนใหญ่เป็นงานที่เกี่ยวเนื่องในศาสนา ในอดีตสำนักศึกษาวิชาช่างจึงอยู่ตามวัดต่าง
ๆ วิชาช่างที่มีผู้นิยมเรียนกันมากได้แก่ ช่างเขียน ช่างไม้ ช่างปั้น ช่างแกะสลัก
ฯลฯ
งานจิตรกรรม
ได้แก่ ภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถของวัดต่าง ๆ มีอยู่หลายแห่งด้วยกัน
งานปฎิมากรรม
เป็นงานประติมากรรมประกอบสถาปัตยกรรม ซึ่งนิยมทำลวดลายหน้าบันด้วยปูนปั้นหรือแกะสลักเป็นรูปต่าง
ๆ ปรากฎอยู่ที่หน้าบันพระอุโบสถหลายหลังด้วยกัน นอกจากนั้นยังมีฐานใบเสมา
ที่ประดับด้วยลวดลายปูนปั้นที่งดงาม รวมทั้งบานประตูไม้จำหลักของอุโบสถ และศาลาการเปรียญอีกหลายแห่ง
ภาษาและวรรณกรรม
ภาษาถิ่นเพชรบุรี หรือภาษาเมืองเพชร
จะมีสำเนียงเพี้ยนออกไปจากภาษาภาคกลางที่กรุงเทพ ฯ สำเนียงชาวเพชรบุรี มีลักษณะเฉพาะตัวที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ
สำเนียงชาวเพชรแท้ ๆ จะอยู่ในเขตอำเภอบ้านลาด และอำเภอที่อยู่ใกล้เคียง
รูปแบบประโยคของภาษาเมืองเพชรมีลักษณะพิเศษโดยเฉพาะการปฎิเสธจะใช้คำว่า "ไม่"
ตามหลังคำกริยา และเปลี่ยนระดับเสียงของคำกริยาเป็นเสียงตรี เช่น กิ๊นไม่
(ไม่กิน) เอ๊าไม่ (ไม่เอา) มี้ไม่ (ไม่มี) เป็นต้น นอกจากนี้สำเนียงการออกเสียงยังมีลักษณะเฉพาะสตัว
เช่น คำว่า "น้ำ" จะออกเสียงสั้นตามเสียง "สระอำ" ไม่นิยมออกเสียงยาวเป็๋น
"น้าม" เหมือนชาวกรุงเทพ ฯ นอกจากนี้ยังมีภาษาถิ่นบางคำที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น
แมลงปอ ใช้คำว่า แมงกระทุย เมฆ ใช้คำว่า ขี้ฝน หรือขี้ฟ้า เสือ ใช้คำว่า
เฒ่าร้า เป็นต้น
วรรณกรรม
งานวรรณกรรมที่มีอยู่ตามวัดต่าง ๆ ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพชำรุด และเป็นคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา
ปรากฎอยู่ในใบลานและสมุดข่อย ยังมีอยู่ที่วัดขุนตรา วัดเกาะ วัดพระรูป วัดหนองกาทอง
วัดนอกต้นสน วัดบางทะลุ วัดโคก วัดศาลาเขื่อน ฯลฯ
วรรณกรรมที่มีการชำระและเผยแพร่แล้วได้แก่ มหาชาติเมืองเพชรบุรี วรรณกรรมพลิบพลี
ประชุมวรรณกรรมคำสอน อนุศาสน์คำสอน พระมาลัยกลอนสวด นิราศเขมร นิราศลังกา
นิราศเขาลูกช้าง ลิลิตอุณหิศวิชัย คัมภีร์ตำราดาว ปรมัตถ์คำกลอน กาพย์กลอนสวดเรื่องพระสุบิน
นอกจากนี้ยังมีวรรณกรรมที่พบตามวัดต่าง ๆ อีกมากเช่น วรรณกรรมโลกนิติ ประถมมาลา
บทละครลักษณะวงศ์ พระวรวงศ์ สุธนคำฉันท์ ฯลฯ
งานช่างฝีมือ
ปูนปั้นเมืองเพชร
เป็นเอกลักษณ์การสร้างสรรค์งานศิลปะประเภทหนึ่งที่มีมาแต่โบราณ โดยใช้ปูนที่ทำจากเปลือกหอยเผาไฟ
ผสมน้ำอ้อยและวัสดุอื่น ๆ แต่ส่วนใหญ่มีปูนผสมกับน้ำอ้อยและวัสดุอื่น ๆ แต่ส่วนใหญ่มีปูนผสมกับน้ำอ้อยเป็นหลัก
ซึ่งจะทำให้ปูนมีความเหนียวสามารถปั้นเป็นรูปต่าง ๆ ได้ และเมื่อแห้งแล้วจะแข็งตัวทนแดดทนฝนได้ดี
งานปูนปั้นส่วนใหญ่ใช้เป็นเครื่องตกแต่งประดับอาคาร สิ่งก่อสร้างทางสถาปัตยกรรม
เพราะปูนปั้นสามารถทำเป็นลวดลายต่าง ๆ เลียนแบบเครื่องไม้ได้เป็นอย่างดี
งานศิลปะปูนปั้นเป็นสกุลช่างสาขาหนึ่งของเพชรบุรีที่มีเอกลักษณะสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน
ส่วนใหญ่เป็นงานที่เกี่ยวเนื่องในพุทธศาสนา ทำให้เกิดช่างปูนปั้นขึ้นตามวัดต่าง
ๆ เช่นกลุ่มช่างวัดใหญ่สุวรรณาราม กลุ่มช่างวัดเกาะ (แก้วสุวรรณาราม) กลุ่มช่างวัดพระทรง
กลุ่มช่างวัดยาง ฯลฯ แต่ละกลุ่มมีเอกลักษณะเฉพาะกลุ่มที่เด่นเป็นพิเศษ
งานศิลปะปูนปั้นของเมืองเพชรบุรี ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นฝีมือชั้นครูในสมัยอยุธยาตอนปลาย และในสมัยรัตนโกสินทร์
ได้แก่
- หน้าบันปูนปั้นพระนารายณ์ทรงครุฑ ลายพุ่มกระจังของโบสถ์วัดใหญ่สุวรรณาราม
- หน้าบันปูนปั้นขึ้นลายสะบัดเป็นเปลวไฟของโบสถ์วัดเขาบันไดอิฐ
- หน้าบันปูนปั้นพระนารายณ์ทรงครุฑ และพุทธประวัติของวัดไผ่ล้อม
- หน้าบันปูนปั้นพระนารายณ์ทรงครุฑ ลายช่อหางโต และลายปูนปั้นฐานเสมาของวัดสระบัว
ช่างทองเมืองเพชร
ช่างทองโดยทั่วไปแบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือ ช่างทองรูปพรรณและช่างทำภาชนะต่าง
ๆ ช่างทองเมืองเพชรอยู่ในกลุ่มช่างทองรูปพรรณ รูปแบบทองรูปพรรณของเมืองเพชรมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
นิยมทำเครื่องประดับประเภทสร้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวน ตุ้มหู ลวดลายที่ได้สร้างสรรค์จนเป็นที่นิยมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
มีดังนี้
- ขัดมัน
เป็นชื่อสร้อยคอ มีลักษณะเป็นห่วงกลมเกี่ยวกันเป็นลูกโซ่ต่อเนื่องกัน โดยช่างจะใช้ตะไบลบเหลี่ยมห่วงของสร้อยตลอดเส้น
- สี่เสา หกเสา และแปดเสา
เป็นลวดลายการถักห่วงกลมขนาดเล็ก ๆ จำนวนมากอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำเป็นสร้อยคอและสายสะพายแล่ง
สรอยสี่เสาจะมีขนาดเล็ก สร้อยหกเสามีขนาดปานกลาง ส่วนสร้อยแปดเหลี่ยมจะมีขนาดใหญ่
- สมอเกลียว
เป็นสร้อยที่ทำจากลวดลายทองคำขดเป็นห่วงแล้วเชื่อมต่อกันเป็นลูกโซ่ปะวะหล่ำหรือปะวะหล่ำทรงเครื่อง
ซึ่งเลียนแบบมาจากโคมจีน
- ลูกสน
มีลักษณะคล้ายลูกสนทะเล ประกอบด้วยโครงลวดทองขนาดเล็กต่อประกอบกัน
- เต่าร้าง
เป็นชื่อเรียกตุ้มหู มีลักษณะคล้ายพวงของผลเต่าร้าง
- ลูกไม้ปลายมือหรือเล็บมือ
เป็นทองรูปพรรณประเภทสร้อยข้อมือ ประกอบด้วยทรงกระบอกขนาดเล็กคั่นด้วยทอง
ทำเป็นรูปดอกพิกุลหรือเป็นรูปห้าแฉก คล้ายฝ่ามือและฝ่านิ้ว
- ดอกพิกุล
เป็นลวดลายทอง นิยมใช้ตกแต่งหรือประกอบทองรูปพรรณลวดลายอื่น
- ดอกมะลิ
เป็นทองรูปพรรณมีลักษณะคล้ายดอกมะลิกำลังบาน โดยกลีบดอกมะลิแต่ละดอกจะประดับเพชรซีก
ยาวรี ด้วยวิธีการตีขอบ
- ก้านบัว
เป็นชื่อเรียกกำไลข้อเท้า สำหรับเด็กในสมัยก่อนมีลักษณะเป็นห่วงขนาดใหญ่ กลมเกลี้ยง
- บัวสัตตบงกช (กระดุม)
เป็นลายทองรูปพรรณ เลียนแบบบัวสัตตบงกช มีชื่อเรียกในหมู่ช่างทองเมืองเพชรบุรีว่า
กระดุม
- บัวจงกลและมณฑป
เป็นลวดลายของช่างเขียนลายไทย ซึ่งช่างงทองได้นำมาออกแบบเป็นปิ่นปักผม
- ประจำยาม
ช่างทองได้ดัดแปลงลายประจำยามมาทำเป็นจี้ มีสองชนิดคือ จี้ตัวผู้กับจี้ตัวเมีย
- เสมหรือปลา
เป็นลวดลายที่ช่างทองสมัยโบราณนิยมทำเป็นแผ่นทอง และดุนให้เป็นลวดลายเสมาหรือปลา
- ผีเสื้อ
เป็นทองรูปพรรณที่มีรูปแบบการสร้างสรรค์จากโครงสร้างของผีเสื้อ
- งู พญานาค และมังกร
เป็นลวดลายทอง ซึ่งดัดแปลงจากสัตว์ประเภทงู ช่างนิยมทำเป็นแหวนงูประเภทต่าง
ๆ
- มังกร
ลวดลายมังกร เป็นการแกะสลักผสมผสานการเคาะและดุนลวดลายลงบนแผ่นทองคำ ซึ่งตีขึ้นเป็นรูปกำไล
- ตะขาบ
เป็นลวดลายทองรูปพรรณ ที่เลียนแบบตัวตะขาบ นิยมทำเป็นสร้อยข้อมือ
- พิรอด
ในสมัยโบราณพิรอดเป็นแหวนซึ่งถักด้วยผ้ายัญหรือด้ายดิบ นิยมใช้เป็นเครื่องราง
ช่างทองได้ดัดแปลงลวดลายมาทำเป็นแหวนพิรอด
- ตะไบ
เป็นแหวนฝังพลอยหรือเพชรซีกทั่ว ๆ ไป แต่ช่างทองเมืองเพชรบุรีใช้วิชาการสลักลวดลาย
หม้อตาลเมืองเพชร
เป็นอุตสาหกรรมพื้นบ้านเกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผา แหล่งผลิตแห่งแรกอยู่ที่หมู่บ้านหม้อเมืองเพชรบุรี
การผลิตหม้อตาลเมืองเพชร ประกอบด้วยเครื่องมือต่าง ๆ ดังนี้
- ไม้ใหม่
เป็นไม้ตีนอกหม้อเพื่อให้เป็นลายขีด มีลักษณะเป็นไม้เซาะเป็นร่องคล้ายไม้ที่ใช้คดแป้งทำขนมครองแครง
ทำให้หม้อตาลมีผิวนอกไม่เรียบ เหมือนหม้อดินหุงข้าว เป็นลักษณะพิเศษที่แตกต่างกัน
- ไม้ลบ
รูปร่างคล้ายไม้กะต่าม แต่บางกว่า ใช้ตีหม้อด้านนอก ขณะตกแต่งให้เรียบร้อย
หลังจากลงไม้ใหม่แล้ว
- ไม้ขนอด
เป็นไม้ใช้ขอดดิน ทำด้วยไม้ไผ่ผ่าซีก กว้างประมาณ ๒ นิ้ว ยาว ๑๒ - ๒๕ นิ้ว
เหลาส่วนกลางให้บาง ใช้จับปลายทั้งสองข้างขอดดินออกมา จากดินที่กองไว้ก็จะได้ดินที่เป็นขุยละเอียด
ดินที่กองไว้เรียกว่า สำทับ
- ไม้กะต่าม
ทำด้วยไม้รูปร่างคล้ายตะหลิว มีด้ามสำหรับถือ ตอนปลายเป็นสี่เหลี่ยม ใช้ตีตกแต่งหม้อตาลด้านนอกหลังจากขึ้นรูปแล้ว
นิยมใช้คู่กับลูกกะเท่อ ซึ่งรับอยู่ภายในหม้อ
- ลูกกะเท่อ
ใช้สอดรับด้านในของหม้อตาล ขณะที่ใช้ไม้กะต่ายตีอยู่ด้านนอก ทำด้วยดินเผา
มีลักษณะเป็นรูปทรงกลมสองตอนติดต่อกัน ตรงกลางคอด ลูกกลมเล็กเป็นที่สำหรับมือจับ
ส่วนลูกกลมใหญ่ใช้รับผิวหม้อด้านใน
- แป้นหมุน
เป็นแท่นไม้สัณฐานกลมมนคล้ายลูกข่าง ด้านบนมีผิวเรียบเพื่อวางดินตุมสำหรับขึ้นรูปทรงขณะเริ่มปั้นหม้อตาล
มีความกว้างประมาณหนึ่งศอก สูงประมาณหนึ่งศอก กึ่งกลางของแป้นหมุนตอนล่างสุดเจาะรูตรงกลางเพื่อสวมกับเดือยที่ปักลงดิน
ไม้ที่ใช้ทำแป้นหมุนมักใช้ไม้ที่มีน้ำหนัก เพราะตอนหมุนจะได้มีแรงเหวี่ยงมากขึ้น
- ดินหลุม
เป็นดินที่ผ่านขั้นตอนการใช้งานแล้ว โดยใช้ไม้ขนอดขอดดินออกมาจากกองดิน แล้วผ่านการนวดโดยการย่ำด้วยเท้า
หรือนวดด้วยมือ จากนั้นจะผสมด้วยทรายละเอียด จนเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วปั้นเป็นก้อนรูปทรงกระบอกสูงประมาณหนึ่งฟุต
พร้อมที่จะนำไปขึ้นแป้นหมุน เพื่อปั้นเป็นหม้อตาลต่อไป
เกวียนเมืองเพชรบุรี
ลักษณะของเกวียนในแต่ละจังหวัดจะมีความแตกต่างกันออกไปตามภูมิภาคและท้องถิ่น
เกวียนเมืองเพชรบุรีมีรูปร่างลักษณะสมส่วนสวยงาม เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของศิลปะสกุลช่างเพชรบุรี
มีลักษณะดังนี้
- งอนเกวียน
อยู่ทางส่วนยอดของเกวียนคล้ายกับช่อฟ้าโดยทั่วไปจะมีลักษณะทางเหลี่ยมและเหยียดตรง
แต่ของจังหวัดเพชรบุรี จะงอนขึ้นรับกับเขาวัวได้อย่างกลมกลืน
- แอก
คือ ที่สับคอวัวซึ่งวัวต้องลากและแบกไปด้วย ลูกแอกของเกวียนเมืองเพชรบุรีจะกลึงอย่างสวยงาม
- คอมอบ
คือลูกตั้งจากทูปขึ้นไปรับกับแม่สอพอง มีลักษณะคล้ายสามง่ามหนังสติ๊ก เมืองอื่นไม่มีคอมอบ
มีเฉพาะที่เมืองเพชรบุรีเท่านั้น
- แม่สอพอง
หรือแม่ศรีพอง บางเมืองเรียกแม่กำแพงหรือรามเกวียน เป็นไม้กลม ปลายงอนขึ้นสวยงามมาก
มีลูกสีข้างขึ้นมาตั้งรับ เพื่อป้องกันสิ่งของที่บรรทุกมาบนเกวียนตกหล่น ลูกสีข้างของแม่สอพองของเกวียนเมืองเพชร
เป็นไม้กลึงคล้ายลูกกรงของราวบันไดบ้าน
- เท้าแขนหน้าและเท้าแขนหลัง
มีลักษณะเหมือนคันทวย แต่หัวคว่ำลง มีความอ่อนช้อยงดงาม ทำหน้าที่ยึดระหว่าง
แม่สอพองกับคานใต้ท้องเกวียน
เพื่อกันไม่ให้แม่สอพองแบะออก คานใต้ท้องเกวียนมีชื่อเรียกว่า แปรกขวางทาง
- แปรกบังดุม
คือส่วนที่ปิดหัวปิดท้ายของแปรกขวางทางและกันดุมไม่ให้หลุด หัวท้ายของแปรกบังดุมของเกวียนเมืองเพชรบุรี
จะงอนขึ้นไปขนานกับแม่สอพอง ให้ความสมดุลและกลมกลืนกันได้พอดี
- ล้อเกวียน
มีส่วนประกอบคือกงและกำ วงรอบนอกของล้อเรียกว่า กงหรือฝักมะขาม ส่วนกำคือซี่ล้อที่ยืดระหว่างดุมกับกง
กำของเกวียนเมืองเพชรบุรี เป็นไม้เหลาให้กลม บางแห่งใช้กลึงให้เรียวงาม ไม่เป็นไม้ซี่
ๆ เหมือนเมืองอื่น
- ดุมเกวียน
คือส่วนที่รับน้ำหนักจากกงและกำเกวียน ทำหน้าที่ให้ล้อหมุนไปได้ จะทำด้วยไม้ที่กลึงอย่างสวยงาม
เรือนไทยเพชรบุรี
รูปแบบของเรือนไทยย่อมแตกต่างกันไปตามสภาพภูมิอากาศและวัสดุที่ใช้ในการสร้างในแต่ละท้องถิ่น
เรือนไทยเพชรบุรี เป็นฝึมือของสกุลช่างเพชรบุรี มีลักษณะที่แตกต่างจากเมืองอื่น
ๆ คือ
- แผนผัง
เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า แบ่งออกเป็นสามห้อง กำหนดด้วยเสาในสัดส่วนหนี่งต่อสาม
หรือสามต่อห้า หรือห้าต่อเจ็ด ใต้ถุนสูงประมาณ ๒.๕๐ เมตร ยกพื้นเป็นสามระดับ
ระดับที่สองสูงจากระดับที่หนึ่งประมาณ ๕๐ เซนติเมตร ในจำนวนนี้เว้นช่องไว้เท่าหน้าไม้นับจากคานลงมา
เรียกว่า ช่องดูโจร
และนิยมการเข้าสลักไม้
- ปั้นลม
เป็นรูปทรงสามเหลี่ยมด้านเท่า มีความอ่อนช้อยเรียกว่า
นวย
จะเริ่มจากส่วนที่สอง โดยนับตัวแปเป็นหลัก วิธีทำปั้นลมให้อ่อนช้อย ช่างจะใช้วิธีขึงเชือกจากยอดสามเหลี่ยมมาที่มุมฐาน
แล้วปล่อยให้เชือกตกท้องช้างมากน้อยตามความเหมาะสม จากอกไก่ไปจนถึงยอดปั้นลม
เรียกว่า กระหม่อม
จะมีความสูงเป็นส่วนที่สี่โดยนับจากขื่อขึ้นไปจนถึงอกไก่ แบ่งออกเป็นสามส่วน
แต่จะไม่เกินกรอบสามเหลี่ยม เรียกว่า ปั้นลมหน้านาง
- ตัวเหงา
มีความยาวหนึ่งในสามของดั้ง หรือนับจากขื่อไปถึงอกไก่ แบ่งออกเป็นสามส่วนหรือจะเทียบหนึ่งในสี่ของตัวปั้นลมก็ได้
หางหงส์ส่วนใหญ่จะขนานคู่ไปกับปั้นลม ชูปลายเล็กน้อย ปั้นลมจะตั้งฉากกับจั่ว
ไม่มีการชะโงกหรือง้ำหน้า หางหงส์ก็ตั้งฉากเช่นเดียวกัน
- ฝาเรือน
มีทั้งฝาปะกบและฝาสำหรวด เป็นฝาไม้ลูกตั้งที่ทำด้วยไม้กระบอก หรือไม้ฝา เว้นช่องว่างไว้กระด้วยจากหรือแฝก
เพื่อกันความร้อน ในเขตเมืองนิยมใช้ฝาปะกน ส่วนในชนบทนิยมใช้ฝาสำหรวด
- หน้าต่างและค้ำยัน
นิยมค้ำยันด้วยไม้หลี่ยมธรรมดา บางแห่งอาจใช้เหล็กเส้นขนาดสี่หุน ดัดให้งอเล็กน้อย
ตั้งจากพรึงไปรับเชิงชาย ส่วนหน้าต่างมีวงกลมเป็นลวดบัวสองชั้นหรือสามชั้น
ที่บานหน้าต่างมีอกเลารูปทรงงดงาม ใต้วงกบมีหย่องรองรับประดับไว้เพื่อความสวยงาม
ส่วนใหญ่แกะสลักบนแผ่นไม้ บางแห่งอาจกลึงเป็นลูกตั้งอย่างประณีต
|