www.dooasia.com >
เมืองไทยของเรา >
เมืองเก่าของไทย
เมืองเก่าของไทย
อุโบสถวัดศรีบุญเรือง
อยู่ในเขตอำเภอแม่สะเรียง สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๒ โดยช่างชาวพม่าเป็นศิลปะแบบพม่า
ในปี พ.ศ.๒๕๑๖ ได้ฉลุลายบนแผ่นไม้สัก ติดตั้งเป็นเครื่องประดับอุโบสถในส่วนที่เป็นลวดลายต่าง
ๆ แต่เดิมหลังคามุงด้วยสังกะสี ซึ่งทำมาจากพม่า ปัจจุบันมุงด้วยกระเบื้อง
อุโบสถวัดหัวเวียง
สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๕ เป็นสถาปัตยกรรมท้องถิ่นที่มีความสวยงาม เป็นที่เชิดหน้าชูตาของจังหวัดแม่ฮ่องสอน
อีกแห่งหนึ่ง
พระธาตุดอยกองมู
เป็นพระธาตุเจดีย์สององค์ ตั้งอยู่บนเขาทางด้านทิศตะวันตกของตัวเมืองแม่ฮ่องสอน
องค์ใหญ่สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๔๐๓ บรรจุพระธาตุพระโมคคัลลานะ องค์เล็กสร้างเมื่อปี
พ.ศ.๒๔๑๗ บรรจุพระธาตุพระสารีบุตร
ปรากฎการณ์อันแสดงถึงอภินิหารของพระเจดีย์คือ มักจะมีแสงสว่างเป็นวงกลมรัศมี
ประมาณดวงจันทร์ลอย ออกจากเจดีย์แล้ว ลอยข้ามตัวเมืองไปทางทิศตะวันออก และหายไปที่เจดีย์บนดอยกิ่วขมิ้น
หรือมีแสงเป็นวงกลมรัศมีเล็กกว่าดวงจันทร์ ออกจากเจดีย์องค์เล็กไปยังพระเจดีย์สี่สู่
(สี่องค์) บริเวณวัดม่วยต่อ เชิงดอยกองมู แล้วหายไป อภินิหารดังกล่าวมักจะเกิดในวันพระ
หรือวันนักขัตฤกษ์ เวลาใกล้ค่ำหรือใกล้รุ่ง
พระอุ่นเมือง
วัดน้ำฮู เป็นพระพุทธรูปลักษณะพิเศษคือ พระเศียรเป็นโพรง พระโมลีเป็นฝาปิดเปิดได้
และจะมีน้ำเต็มโพรงพระเศียรอยู่เสมอ
พระพุทธรูปองค์นี้มีตำนานเล่าว่า เมื่อสมเด็จพระนเรศวร ฯ ทรงยกทัพไปตีเมืองตองอู
แต่ไม่ได้เพราะมีป้อมปราการแข็งแรง เนื่องจากเคยเป็นเมืองหลวงมาก่อน ประกอบกับกองทัพขาดสะเบียงและมีไข้ป่าชุกชุม
มีรับสั่งให้ยกทัพกลับ เมื่อกองทัพเดินทางมาถึงบริเวณที่เป็นวัดน้ำฮูปัจจุบัน
ก็มีรับสั่งให้พักไพร่พล พอตกทรงก็ทรงมีพระสุบินนิมิตว่า สมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยาเสด็จมาหาแะลตรัสว่า
พระนางเปรียบเหมือนคนสองแผ่นดิน ย่อมผูกพันอยู่ชายแดนพม่าและไทยคือ เมืองปายนี้
ขอฝากองค์จันทร์ไว้ให้องค์ดำดูแลด้วย เมื่อตื่นบรรทมจึงรับสั่งให้ม้าเร็วไปรับคุณท้าวจันทรเทวี
จากอยุธยาไปเมืองปาย โดยให้นำผอบบรรจุเส้นพระเกศาไปด้วย
สมเด็จพระนเรศวร ทรงรับสั่งให้สร้างเจดีย์เพื่อบรรจุอัฐิพระพี่นาง ที่มีคนมอญนำมาถวาย
ทรงโปรดให้สร้างพระพุทธรูปขึ้นองค์หนึ่ง เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้พระพี่นาง พระพุทธรูปดังกล่าวคือ
พระอุ่นเมือง วัดน้ำฮู อำเภอปาย
พระพุทธรูปอุ่นเมือง เป็นปฎิมากรรมแบบพระสิงห์ รุ่น ๓ หน้าตักกว้าง ๘๐ เซนติเมตร
สูง ๑๑ เซนติเมตร หล่อด้วยสำริด
พระแสนทอง
เป็นพระพุทธรูปทองเหลืองเก่าแก่ ประดิษฐานอยู่ที่วัดแสนทอง ตามตำนานเดิมมีอยู่สององค์คือ
องค์พี่กับองค์น้อง เดิมประดิษฐานอยู่ที่วัดทุ่งแล้ง ตำบลแม่คง อำเภอแม่สะเรียง
ต่อมาเกิดอุทกภัยน้ำท่วมวัด พัดพาวัดทุ่งแล้งจมลงในแม่น้ำยวม พร้อมพระแสนทองทั้งสององค์
ต่อมาชาวบ้านได้อัญเชิญพระแสนทองขึ้นจากน้ำยวม โดยใช้เชือกดึงองค์พระพุทธรูปขึ้นมา
ปรากฎว่ากู้ได้เพียงพระพุทธรูปองค์น้องเท่านั้น ชาวอำเภอแม่สะเรียงจึงอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดกิตติวงศ์
แต่ไม่สามารถชักลากเข้าไปในวัดได้ ชาวบ้านจึงได้ชักลากต่อไปยังวัดคะปวงใน
หรือวัดสิทธิมงคล ก็ปรากฎเหตุการณ์เหมือนเดิม จนต้องชักลากไปยังวัดลุ่มจึงชักพระเข้าไปในวัดได้
ต่อมาจึงได้เปลี่ยนชื่อ วัดลุ่มมาเป็นวัดแสนทอง ตามชื่อพระพุทธรูป
พระเพชร
(พระพุทธสิหิงค์) ประดิษฐานอยู่ที่วัดแสนทอง อำเภอแม่สะเรียง เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองมานาน
เหตุที่ได้ชื่อว่า พระเพชร เนื่องจากมีเพชรฝังอยู่ที่องค์พระอยู่สามเม็ดคือ
ระหว่างพระขนง หนึ่งเม็ด ที่ไหล่ข้างละหนึ่งเม็ด หลังสงครามมหาเอเชียบูรพา
เพชรดังกล่าวได้สูญหายไป
ทุกปี ชาวอำเภอแม่สะเรียง จะอัญเชิญพระเพชรแห่ในวันสงกรานต์ไปตามถนนสายต่าง
ๆ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สรงน้ำ ขณะที่แห่พระเพชรนั้นฝนจะตกทุกครั้ง เป็นที่น่าอัศจรรย์
พระพุทธรูปวัดหัวนา
อยู่ในตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดหน้าตัก กว้าง ๑ เมตร
เป็นพระประธานในกุฎิวัดหัวนา มีอยู่ด้วยกันสามองค์ สร้างจากการขุดดินรอบ ๆ
องค์พระพุทธรูปมาสร้างองค์ด้านเหนือ สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๙
หลวงพ่อโต วัดจอมทอง
อยู่ในเขตอำเภอแม่สะเรียง สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๒ เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูน
สูง ๑๕ เมตร หน้าตักกว้าง ๑๐ เมตร เป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
เจดีย์วัดหลวง
อยู่ในตำบลหัวเวียงใต้ อำเภอปาย คงจะสร้างพร้อมกับเจ้าฟ้า เมื่อมาตั้งเมืองเวียงใต้
เมื่อประมาณปี พ.ศ.๑๓๔๖ เดิมเป็นวัดร้าง มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ก่อด้วยอิฐถือปูน
แต่ได้ทรุดโทรมไป ต่อมาเจ้าเมืองปายได้นำราษฎรสร้างเจดีย์ครอบองค์พระพุทธรูป
สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๔
เจดีย์วัดต่อแพ
อยู่ที่บ้านต่อแพ ตำบลแม่เงา อำเภอขุนยวม เดิมเป็นเจดีย์เก่าแก่อยู่ในสภาพปรักหักพัง
สันนิษฐานว่า ชาวลัวะสร้างไว้ ต่อมาทางวัดได้ซ่อมแซมบูรณะตามรูปแบบของศิลปะของไทยใหญ่
เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๑
นอกจากเจดีย์แล้วยังมีวิหารตรงหน้าพระเจดีย์ ซึ่งมีความงดงามตามศิลปะแบบสองคอ
สามชาย เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับผู้คนเข้าไปสักการะบูชาพระเจดีย์
เจดีย์วัดอุทธยารมณ์
(จองสูง) อยู่ในเขตอำเภอแม่สะเรียง เป็นเจดีย์ทรงมอญผสมศิลปพม่า สร้างเมื่อปี
พ.ศ.๒๔๒๙
เจดีย์วัดจอมทอง
อยู่ในเขตอำเภอแม่สะเรียง มีตำนานเล่าว่า มีชายไต (ไทยใหญ่) สองคน ได้ยืมเงินทองในถ้ำซึ่งอยู่ใต้ภูเขาของวัดนี้ไปค้าขายไม้กับชาวพม่า
อธิษฐานว่าเมื่อร่ำรวยแล้วจะมาก่อสร้างพระเจดีย์ที่วัดแห่งนี้ ปรากฎว่าเขาค้าขายจนร่ำรวย
จึงได้มาสร้างพระเจดีย์ตามที่ได้อธิษฐานไว้ โดยนำพระบรมสารีริกธาตุ จากพม่ามาบรรจุในองค์พระเจดีย์
ศาลาการเปรียญวัดคำใน
(วัดจองคำ) อยู่ในตำบลลานยวม อำเภอขุนยวม สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ.๑๓๖๗
โดยพระธุดงค์จากพม่า เป็นศิลปะแบบไทยใหญ่ผสมพม่า มีมุขด้านหน้า สร้างเป็นรูปปราสาท
หลังคาทรงแบบสองคอ สามชาย นับเป็นวัดที่เก่าแก่วัดหนึ่งของอำเภอขุนยวม
ศาลาการเปรียญวัดขุ่น
( วัดจองขุ่น) อยู่ในตำบลขุนยวม อำเภอขุนยวม สร้างขึ้นเมื่อปี
พ.ศ.๒๓๗๐ สร้างด้วยไมีสักทั้งหลัง เดิมหลังคาเป็นไม้กระดานแบบสองคอสามชาย
ตามแบบศิลปะไทยใหญ่ วัดขุ่นจะมีซุ้มในลักษณะศาลาทางเข้าวัด
ศาลาการเปรียญวัดต่อแพ
อยู่ในตำบลแม่เงา อำเภอขุนยวม สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๑ มีหลังคาเป็นชั้น แบบคอสอง
สามชาย ซึ่งเป็นศิลปะไทยใหญ่
ศาลาการเปรียญวัดเมืองปอน
อยู่ในตำบลเมืองปอน อำเภอขุนยวม สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๔๑๐ เป็นแบบไทยใหญ่ผสมพม่า
หลังคามุขบันไดเป็นลักษณะคอสอง สามชาย ที่สวยงาม
|