www.dooasia.com >
เมืองไทยของเรา >
เมืองเก่าของไทย
เมืองเก่าของไทย
วัดเขาพระอานนท์
![](suratahani59.jpg)
วัดเขาพระอานนท์ ตั้งอยู่บนภูเขาขนาดย่อม ริมฝั่งแม่น้ำตาปี ในเขตตำบลพุนพิน
ตามประวัติกล่าวว่าสร้างพร้อมกับวัดน้ำรอบ และวัดถ้ำสิงขร การสร้างวัดได้ดัดแปลงภูเขาให้เป็นศาสนสถาน ก่อกำแพงศิลาลอหลั่นกันขึ้นไปสามชั้นโดยรอบภูเขาชั้นสูงสุดคือ ยอดเขา ได้ปรับพื้นที่เรียบเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ได้สร้างเจดีย์และอุโบสถไว้คู่กัน
โบราณสถานที่สำคัญคือ
เจดีย์
เป็นเจดีย์ทรงปราสาทก่ออิฐถือปูน สูงประมาณ ๙ เมตรเศษ ฐานสี่เหลี่ยมจตุรัส
กว้างด้านละ ๕ เมตร ธาตุมีซุ้มจรนัมทิศทั้ง ๔ ด้าน ด้านทิศตะวันออกมีบันไดทางขึ้น
สามารถเดินเข้าไปนมัสการพระพุทธรูปในองค์เจดีย์ได้ หน้าบันเหนือซุ้มทำเป็น ๒ ชั้น
ชั้นล่างเป็นรูปราหูอมจันทร์ ชั้นบนเป็นรูปเทพพนม มีลายกนกประกอบเป็นฉากหลัง
ยกเว้นด้านทิศตะวันออกด้านเดียวเป็นรูปพระอินทรทรงช้างเอราวัณ ถัดจากชั้นเรือนธาตุเป็นอาคารย่อส่วนเลียนแบบชั่นล่าง
รองรับองค์ระฆังสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง หน้าบันเหนือมุขอาคารชั้นนี้มีลายปูนปั้นรูปดอกบัว
ส่วนยอดเป็นบัวรองรับก้านฉัตรและปล้องไฉน ส่วนปลียอดหักหายไปและได้รับการซ่อมแซมใหม่
เจดีย์องค์นี้ได้รับอิทธิพลจากพระบรมธาตะไชยา สันนิษฐานว่า สร้างสมัยอยุธยาตอนปลาย
และยังมีรูปแบบศิลปกรรมคล้ายกับเจดีย์วัดอัมพาวาส (วัดท่าม่วง) อำเภอท่าชนะ
อุโบสถ
ก่ออิฐถือปูนใช้ฝาผนังรับน้ำหนักแทนเสา ขนาดกว้าง ๖.๖ เมตร ยาว ๑๒.๗๐ เมตร
เครื่องบนเป็นเครื่องไม้มุงกระเบื้อง ของเดิมคงเป็นกระเบื้องกาบกล้วย มีกระเบื้องเชิงชายรูปเทพพนม
ได้พบเศษกระเบื้องดังกล่าวกระจายอยู่ในเขตวัด ภายในอุโบสถมีพระพุทธรูปหินทรายสีแดง
๗ - ๘ องค์ เหนือบานประตูหน้าต่างด้านใน ประดับด้วยเครื่องถ้วย ใบเสมารอบอุโบสถทำด้วยหินทรายสีแดงไม่สลักลวดลายใด
ๆ
วัดน้ำรอบ
![](suratahani60.jpg)
วัดน้ำรอบ ตั้งอยู่ในเขตตำบลน้ำรอบ อำเภอพุนพิน เป็นวัดเก่าแก่มาแต่สมัยอยุธยา
มีตำนานว่าสร้างพร้อมกับวัดเขาพระอานนท์ อำเภอพุนพิน และวัดถ้ำสิงขร อำเภอคีรีรัฐนิคม
เคยเป็นวัดหลวงมาก่อน แต่ถูกทิ้งร้างไป จนถึงรัชสมัยกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
เมื่อปลายปี พ.ศ.๒๓๗๑ ได้โปรดเกล้า ฯ ให้ หลวงวิจารอาวุธ กรมพระกลาโหมเป็นแม่กอง เดินสำรวจวัดหัวเมืองปักษ์ใต้
จะยกพระพุทธศาสนาขึ้น หลวงวิจารอาวุธเป็นแม่กองสืบถามผู้สูงอายุ ผู้ใหญ่บ้านให้รู้ว่า
พระมหากษัตริย์แต่ก่อนสืบมาทรงพระราชศรัทธา อุทิศถวายที่ใดเป็นวัด ได้บอกเล่าต่อกันมาว่า
เดิมวัดน้ำรอบชื่อ วัดหัววังน้ำรอบ มีราชาคณะพระครูไม่ขึ้นแก่ราชาคณะวัดหัวเมืองไชยา
แต่ขึ้นแก่ราชาคณะเมืองนครศรีธรรมราช พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้พระราชทานพระพุทธรูปหล่อทรงเครื่องให้วัดน้ำรอบ ๒ องค์ คือ พระพุทธรูปเงินสูงสองศอก
หล่อหนักห้าชั่ง และโมคคัลลา หล่อสูงสองศอก กับพระมณฑปสองยอด ทรงกัลปนาที่ดินแก่วัดพร้อมถวายพระ
๕๐๐ คน โบราณสถานและโบราณวัตถุที่สำคัญได้แก่
![](suratahani61.jpg)
อุโบสถ
สร้างด้วยไม้ตำเสา เป็นอาคารทรงไทยหลังคาจั่ว มีช่อฟ้าใบระกาและปีกนกรองรับสองชั้น
ส่วนของหลังคามีลักษณะแอ่นโค้งคล้ายท้องสำภา ผนังโบสถ์เป็นผนังเตี้ย ก่ออิฐฉาบปูนตำ
อิฐก่อขึ้นมาจากพื้นไม่มีฐานบัวรองรับเหมือนโบสถ์ทั่วไป สัดส่วนความสูงของหลังคากับผนังโบสถ์ประมาณ
๑:๑ ทำให้สันนิษฐานว่าของเดิมอาจเป็นไม้ทั้งหลัง เป็นอุโบสถที่ไม่มีหน้าต่าง
หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีประตูที่ผนังด้านสกัด (ผนังด้านที่มีหน้าบัน หร้อจั่วหลังคา)
ข้างละหนึ่งประตู ช่องรับแสงคือ ช่องว่างระหว่างหน้าบันกับผนังโบสถ์ซึ่งเปิดโล่ง
ที่ผนังทุกด้านเจาะช่องปูนปั้นประดับมองคล้ายเป็นซี่กรง ผนังด้านสกัดมีปูนปั้นรูปเทวดาเป็นซี่กรง
ส่วนผนังด้านข้างมีปูนปั้นเป็นรูปลายดอกไม้สี่กลีบ หน้าบันอุโบสถแกะสลักไม้
หน้าบันด้านทิศตะวันออกแกะเป็นรูปลายพันธุ์พฤกษา ตอนล่างแกะเป็นรูปหน้าอสูรคายก้านใบพันธุ์พฤกษา เสาที่รองรับหน้าบันแกะสลักไม้เป็นลายก้านต่อดอกรับบัวหัวเสาที่แกะเป็นบัวแวง
หน้าบันด้านทิศตะวันตก แกะเป็นรูปลายพันธุ์พฤกษา มีรูปบุคคลคล้ายเทวดาหรือยักษ์
แสดงอาการเคลื่อนไหวเหาะเหินอยู่ในลายพันธุ์พฤกษา ตรงกลางหน้าบันแกะเป็นรูปอสูร
ส่วนของหลังคาบริเวณเชิงชาย แกะสลักเป็นรูปดอกไม้สีกลีบ ดอกพุดตาน ดอกไม้ลายกนกไทย
แต่ละด้านสลักลวดลายต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน ลักษณะเป็นศิลปกรรมท้องถิ่น สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ด้านหน้าพระประธานในพระอุโบสถมีศิลาจารึกหินชนวนตั้งอยู่ ๑ แผ่น กว้าง ๕๓
เซนติเมตร ยาว ๑๑๑ เซนติเมตร เป็นอักษรไทย ภาษาไทย กล่าวถึงการสถาปนาวัดหัววังน้ำรอบ
เขตแดนหรืออาณาเขตวัด และการถวายข้าพระให้วัด
![](suratahani62.jpg)
เจดีย์ราย
ตั้งอยู่ทางด้านหน้าพระอุโบสถทางด้านทิศตะวันออก มีอยู่สององค์ เป็นเจดีย์ก่ออิฐ
องค์ซ้ายมือเป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองขนาดเล็ก ประกอบด้วยฐานเขียงหนึ่งชั้นรองรับฐานสิงห์ และองค์ระฆัง ปล้องไฉน และปลียอดหักหายไป องค์ขวามือเป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง ประกอบด้วยฐานเขียงหนึ่งชั้น ถัดขึ้นไปเป็นฐานสิงห์
ที่ท้องไม้คาดลูกแก้วอกไก่รองรับองค์ระฆัง ส่วนยอดเป็นบัวถลา ถัดขึ้นไปเป็นปล้องไฉน
ปลียอดและเม็ดน้ำค้าง เป็นศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย
พระโมคคัลลา
เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องปางประทานอภัย ฉลองพระองค์แบบกษัตริย์ ตกแต่งลวดลายไทยประดับกระจกสี
วัดควนท่าแร่
วัดควนท่าแร่ อยู่ในเขตตำบลทรัพย์ทวี อำเภอบ้านนาเดิม ประวัติของวัดไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด
สันนิษฐานจากโบราณสถานและ โบราณวัตถุภายในบริเวณวัดแสดงว่า เป็นวัดโบราณที่น่าจะมีอายุอยู่ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นเป็นอย่างต่ำ ชื่อควนทำแร่คงมาจากภูเขาดินที่มีแร่ดินลูกรังหรือแร่เหล็ก โบราณสถานและโบราณวัตถุที่สำคัญคือ
![](suratahani63.jpg)
เจดีย์
มีอยู่สามองค์เรียงกันตามแนวเหนือ - ใต้ เจดีย์องค์กลางมีขนาดใหญ่กว่าเจดีย์บริวารที่ขนาบข้าง องค์ประกอบและรูปแบบเจดีย์เป็นศิลปกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เจดีย์รูปแบบนี้พบในหลายพื้นที่ของภาคใต้
![](suratahani64.jpg)
พระพุทธรูปและฐานพระพุทธรูป
ฐานพระพุทธรูปลักษณะเป็นฐานชุกชีรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกว้าง ๒.๑๐ เมตร ยาว
๔.๔๐ เมตร มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่บนฐาน ๖ องค์ ด้านหน้า ๓ องค์ ด้านหลัง ๓ องค์
พระพุทธรูปแถวหน้าเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย อาจสร้างขึ้นมาภายหลัง
ฐานใบเสมา
มีอยู่เจ็ดฐานด้วยกัน เป็นฐานก่ออิฐถือปูนสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ประกอบด้วยฐานเขียงหนึ่งชั้น และฐานสิงห์หนึ่งชั้น
เหนือฐานสิงห์เป็นใบเสมาคู่ ปัจจุบันเหลืออยู่เก้าใบ
วัดอัมพาวาส
(วัดท่าม่วง)
![](suratahani65.jpg)
วัดอัมพาวาส อยู่ในเขตตำบลวัง อำเภอท่าชนะ ประวัติของวัดไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด
จากหลักฐานเจดีย์ที่มีอยู่ในวัด รูปแบบศิลปกรรมของเจดีย์ มีอายุอยู่ประมาณสมัยอยุธยาตอนปลาย
ถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เดิมคงเป็นวัดร้างมาก่อน พบหลักฐานทางโบราณคดีในบริเวณชุมชนใกล้เคียงวัดอัมพาวาส
ได้แก่ลูกปัดหินคาร์เนเลี่ยน หินอาเกต หินควอตซ์ ลูกปัดแก้วสีต่าง ๆ และกำไลแก้ว
สันนิษฐานว่าบริเวณนี้เป็นชุมชนเดิมของอำเภอท่าชนะ คงเป็นเส้นทางการค้าสมัยโบราณร่วมสมัยกับแหล่งโบราณคดีแหลมโพธิ์ไชยา
มีโบราณสถานที่สำคัญคือ
เจดีย์
เป็นเจดีย์ทรงปราสาท ฐานเขียงทรงสูงรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาดกว้างด้านละ ๕
เมตร สูงประมาณ ๗๐ เซนติเมตร รองรับเรือนธาตุย่อมุมไม้สิบสอง มีซุ้มจรนำทั้งสี่ทิศ
องค์เจดีย์ทั้งองค์มีรากต้นโพธิ์ใหญ่ปกคลุมอยู่ ด้านที่สมบูรณ์ที่สุดอยู่ทางด้านทิศใต้สามารถเห็นรูปแบบศิลปกรรมได้ชัดเจนกว่าด้านอื่น
เหนือซุ้มจรนำมีซุ้มหน้าบันทำเป็นซุ้มเรือนแก้ว ภายในมีภาพปูนปั้นประดับเป็นรูปเทพพนมผุดขึ้นมาจากดอกบัวอยู่ภายในร่มพฤกษชาติ
มีนกสามตัวอยู่บนต้นไม้ ส่วนที่อยู่เหนือเรือนธาตุขึ้นไป อยู่ภายใต้รากต้นโพธิ์ยอดเจดีย์หักพังหมด
สันนิษฐานว่า รูปแบบของเจดีย์คงคล้ายกับเจดีย์ทรงปราสาทที่วัดเขาพระอานนท์
อำเภอพุนพิน
วัดใน
![](suratahani66.jpg)
วัดใน ตั้งอยู่ในเขตตำบลบ้านใต้ อำเภอเกาะพะงัน ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่ชัดเจน
ตัวโบราณสถานอยู่ในพื้นที่วัดร้างในเขตธรณีสงฆ์ของวัดโพธิ์ ที่บ้านนอก ตำบลบ้านใต้
ชาวบ้านเรียกต่อ ๆ กันมาว่าวัดใน เพราะถัดไปมีวัดนอกอีกหนึ่งวัด
บริเวณวัดมีโบราณสถานคือเจดีย์สามองค์ เจดีย์องค์แรกอยู่คงสภาพมากที่สุด เป็นเจดีย์สี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสองก่ออิฐถือปูน
เจดีย์องค์ที่สอง สร้างด้วยหินปะการัง เหลือเพียงฐาน ปัจจุบันถูกโอบคลุมด้วยต้นโพธิ์ใหญ่
เจดีย์อีกองค์หนึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของเจดีย์หินปะการัง เป็นเจดีย์ขนาดเล็กก่ออิฐถือปูน
เหลือเพียงส่วนฐานเช่นกัน
![](suratahani67.jpg)
เจดีย์องค์ที่หนึ่ง
เป็นเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมก่ออิฐถือปูน ฐานชั้นล่างเป็นฐานเขียงสูง มีซุ้มประดับที่ฐานด้านละสองซุ้ม
ภายในซุ้มมีช้างค้ำอยู่ครึ่งตัว ด้านหน้าทางทิศตะวันออกมีบันไดทางขึ้น ถัดขึ้นไปเป็นฐานบัวลูกแก้วอกไก่ย่อมุมไม้สิบสองรองรับเรือนธาตุย่อมุมไม้สิบสอง ประดับด้วยเครื่องถ้วยชาม และลายปูนปั้นตามพื้นที่ว่างของย่อมุม ลายปูนปั้นดังกล่าวเป็นรูปทหารจีนทางมุมด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ รูปครุฑทางมุมด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ รูปครุฑยุดนาคทางมุมด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้
เป็นเจดีย์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
เจดีย์องค์ที่สอง
เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนขนาดเล็กฐานกว้างประมาณหนึ่งเมตร ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของเจดีย์องค์ที่สามเหลืออยู่เพียงส่วนฐาน
เป็นฐานบัวลูกแก้วอกไก่สองชั้น น่าจะเป็นเจดีย์รายหรือฐานสำหรับวางเครื่องบูชา
เจดีย์องค์ที่สาม
สร้างด้วยหินปะการังเป็นก้อนเหลี่ยมขนาดใหญ่วางซ้อนกัน ปัจจุบันมีรากต้นโพธิ์โอบคลุมไว้ทั้งหมด
เหลืออยู่เพียงส่วนฐานบัวลูกแก้วอกไก่ กว้างประมาณ ๔ เมตร ยาวประมาณ ๕ เมตร
|