www.dooasia.com >
เมืองไทยของเรา >
เมืองเก่าของไทย
เมืองเก่าของไทย
ศาสนา พิธีกรรม ความเชื่อ
ศาสนบุคคล
มีสองลักษณะคือลักษณะที่เป็นสรรพนาม ภาษาพื้นบ้านใช้เรียกบุคคลทางศาสนา และลักษณะที่เป็นตัวบุคคลทางศาสนา
ลักษณะที่เป็นคำสรรพนาม
ใช้เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องในทางศาสนา พอประมวลได้ดังนี้
สย่าต่อ
หมายถึง พระเถระผู้ใหญ่ เป็นคำจากภาษาพม่า
เจ้าสย่า
หมายถึง พระเถระรองลงมาจากสย่าต่อ
หวนเจ้า
หมายถึง พระภิกษุอาวุโส รองลงมาจากหวุนเจ้าโหลง
ห่วนจาง
หมายถึง พระภิกษุทั่วไป
เจ้าส่างโหลง
หมายถึง สามเณรโค่งคือ สามเณรที่มีอายุเกิน ๒๐ ปี แต่ยังมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนพอที่อุปัชฌาย์จะอุปสมบทให้
เจ้าส่าง - สามเหน่
หมายถึงสามเณร
ตะปี่จอง (กัปปิยะบุคคล)
หมายถึงศิษย์วัด
ปู่จอง
หมายถึง ผู้ทำหน้าที่เหมือนศิษย์วัด แต่เป็นผู้ใหญ่ บางวัดที่ไม่มีพระภิกษุสงฆ์อยู่ หรือว่างจากพระภิกษุสงฆ์เป็นการชั่วคราว
ก็จะได้ปู่จองเป็นผู้ดูแลรักษาวัด
ปู่ขาว
หมายถึง ผู้ชายที่นุ่งขาวถือศีลแปด
นายขาว
หมายถึง แม่ชี
ตะก่า หมายถึง
อุบาสก
ตะก่ามะ
หมายถึง อุบาสิกา
ศาสนธรรม
คนพื้นเมืองดั้งเดิมของจังหวัดแม่ฮ่องสอนคือ คนไต (ไทยใหญ่) นับถือพระพุทธศาสนาอย่างแน่นแฟ้น
ปฏิบัติตามคำสอนพระพุทธศาสนา ในการดำรงชีวิตประจำวัน จะเห็นได้เจากพฤติกรรมที่แสดงออกในชีวิตประจำวันคือ
ชอบทำบุญทำทาน
บึดมั่นในผลแห่งการทำบุญทำทาน
ยึดมั่นในศีล และประเพณีอันดีงาม
ในอดีตพอมีอายุย่างเข้าพ้นวัย ๔๐ ปี ชาวแม่ฮ่องสอนจะนอนวัดในวันพระ เรียกว่า
นอนกยอง
หรือเข้าวัด ถืออุโบสถศีลหนึ่งวันหนึ่งคืน ก่อนกลับบ้านจะสมาทานศีลห้า
เน้นการปฎิบัติ
ผู้ที่นอนวัดจะมีลูกประคำประจำตัวสำหรับใช้เป็นอุปกรณ์ในการทำสมาธิ (นับลูกประคำ)
โดยเฉพาะตอนเช้าหลังจากฟังเทศน์จบ และตอนเย็นหลังสวดมนต์เย็น
ยึดมั่นในจุดหมายแน่นอนคือนิพพาน
เมื่อทำกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาใด ๆ จะจบลงด้วยการอธิษฐานขอถึงซึ่งพระนิพพาน
ด้วยคำว่า นิปปานนะ ปิ๊ดจะยอฮอต (นิพพาน ปัจจโย โหตุ) อยู่เสมอ
ยึดมั่นในปฏิปทาที่จะพาให้ถึงพระนิพพาน ยึดมั่นในอริยมรรคมีองค์แปด ให้มองสรรพสิ่งล้วนเป็นไปตามพระไตรลักษณ์
(อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ) พยายามฝึกตนให้มีสติ
มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
ในอดีตแต่ละหลังคาจะปลูกผักสวนครัว หากบ้านใครยังไม่ออกดอก ออกผลก็จะขอเก็บจากบ้านคนอื่นได้
ในลักษณะพึ่งพาซึ่งกันและกัน พืชผักทั่วไปจะไม่มีขาย มีแต่ให้เปล่ากัน
เคารพเชื่อฟังผู้ใหญ่ (ผู้อาวุโส)
ผู้อาวุโสเองจะวางตัวเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพนับถือ เป็นที่พึ่งทางความคิด
และแนวปฎิบัติที่ถือเป็นตัวอย่างได้
ศาสนสถานและศาสนสมบัติ
ศาสนาสมบัติ
ประกอบด้วย ที่ธรณีสงฆ์ ที่กัลปนาสงฆ์ หรือที่วัดร้างต่าง ๆ
ศาสนสถาน
มีสิ่งที่ควรทราบคือ
กยอง (วัดหรือศาลาการเปรียญ)
วัดในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตามประเพณีของคนไต (ไทยใหญ่) เป็นอาคารอเนกประสงค์
ผสมประโยชน์ใช้สอยในรูปของศาลาการเปรียญ รวมกับกุฎิที่อยู่ของพระภิกษุสงฆ์ในอาคารหลังเดียวกัน
ไม่แยกออกจากกันเหมือนภาคอื่น
สิ่ม (
อุโบสถ) หรือ สมถ ในอดีตไม่มีอุโบสถถาวร จะไปปลูกอุโบสถชั่วคราวไว้ในแหล่งน้ำ
ส่วนใหญ่จะเป็นสระ หนอง เรียกว่า "สิ่มกลางน้ำ"
ส่างหว่าง
คือ ซุ้มประตูรั้ว หรือกำแพงวัด หรือซุ้มบันไดอาคารบางแห่ง จะมีทางเดินมีหลังคาเป็นแนว
ตั้งแต่ส่างหว่างจนถึงตัวอาคาร ส่างหว่างจะเป็นที่พักผ่อนยามว่าง และเป็นสถานที่เก็บรองเท้า
เพราะชาวไตจะถอดรองเท้าตั้งแต่ส่างหว่าง คือประตูรั้ว หรือกำแพงวัด
หลัก คือ
ห้องนอนของพระภิกษุ สามเณร
กยองไฟ
คือ ครัวไฟของวัด
สล๊อบ คือ
ศาลาสำหรับใช้เป็นที่จำศีลของอุบาสก อุบาสิกา ในวันพระ หรือเป็นที่พักคนเดินทางในโอกาสที่ทางวัดไม่ได้ใช้วาน
กองมู คือ
เจดีย์
อูหม่าง
คือ ที่บรรจุอัฐิ ผู้ถึงแก่กรรม
ศาสนพิธี
ส่วนใหญ่คล้ายคลึงกับในภาคอื่น แต่มีชื่อเรียกเป็นภาษาไต แต่บางแห่งก็มีเฉพาะในท้องถิ่น
ปอยส่างลอง
คือ การบวชเณรซึ่งมีพิธีการคล้ายกับการบวชลูกแก้วของล้านนา และการบรรพชาของภาคกลาง
แต่ทำเป็นพิธีใหญ่โต ใช้เวลาและมีขั้นตอน และกิจกรรมมากกว่า
ปอยกองโหล
เป็นการทำบุญจุดกองไฟถวายพระสงฆ์ ส่วนใหญ่จะทำในฤดูหนาวในเดือนที่อากาศหนาวจัด
มักจะตรงกับเดือนสาม
ปอยโบกไฟ
เป็นพิธีทำบุญบ้องไฟ
ซอมต่อโหลง
คือ การถวายข้าวพระพุทธ (พระพุทธรูป) โหลงหมายความว่า ใหญ่ หรือสำคัญ
การถวายข่าวพระพุทธลักษณะนี้ เลียนแบบการถวายข้าวมธุปยาสของนางสุชาดา คือ
ข้าวหุงด้วยเนย นม น้ำตาล และเครื่องปรุงรสอื่น ๆ ส่วนมากนิยมทำในเดือนหก
(วันวิสาขบูชา)
วานปะลิก
คือ การสวดมนต์เพื่อขับไล่สิ่งที่เป็นอัปมงคลต่อบุคคล บ้านเรือน หมู่บ้าน
ชุมชน เพื่อคุ้มครองกันภัย อันตราย และเพื่อความเป็นสิริมงคล
คานต๊อด
คล้ายกับการทอดผ้าป่าของภาคกลาง แต่มีขั้นตอนพิธีการแตกต่างกันคือ ศรัทธาถวายผ้าป่าจะไม่ให้พระสงฆ์รู้ตัว
เมื่อเตรียมการพร้อมแล้ว ตอนกลางคืนจะแอบนำต้นผ้าป่า ไปตั้งไว้ที่บันไดกุฎิ
หรือศาลาการเปรียญ โดยพยายามทำให้เงียบที่สุด แล้วจะพากันไปแอบดูอยู่ห่าง
ๆ ไม่ให้พระสงฆ์เห็น เมื่อทุกอย่างเตรียมเรียบร้อยแล้วก็จุดประทัด เพื่อปลุกพระสงฆ์ให้ตื่น
เมื่อมีพระลงมาทำพิธีชักบังสกุล ก็จะประณมมือรับพร โดยไม่ให้เห็นตัว เสร็จแล้วคณะศรัทธาก็กลับบ้านเป็นอันเสร็จพิธี
เป็นการเลียนแบบผ้าป่าในสมัยพุทธกาล ในลักษณะที่พระสงฆ์ไม่รู้ว่าผ้านั้นเป็นของใคร
ปอยกะถิ่ง และปอยส่างกาน
เหมือนกับการทำบุญถวายกฐิน และถวายของภาคกลาง ซึ่งนิยมทำกันในเดือนสิบเอ็ด-เดือนสิบสอง
ปอยหลู่ข้าวใหม่
คือ การทำบุญถวายข้าวใหม่ เมื่อเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว ก่อนนำเก็บในยุ้งฉาง
ก็จะนำมาทำบุญถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ก่อน
ขึ้นกยอง
คือ การไปวัด ฟังธรรม สมาทานอุโบสถศีลนั่นเอง ขั้นตอนวิธีการเหมือนกับในภาคกลาง
ที่แตกต่างคือ เป็นการถืออุโบสถศีลที่ต้องนอนที่วัด ที่คนไต เรียกว่า นอนวัด
การนอนวัด จะนอนหนึ่งคืน โดยลูกหลานจะจัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องนอน อาหาร และไทยธรรม
แก่ผู้ไปนอนวัด ตอนเช้ามืดลูกหลานจะเตรียม ซอนต่อ (ภัตตาหารถวายพระพุทธ)
ธูปเทียน ไปส่งให้ผู้นอนวัด พร้อมกับรับเครื่องนอน และอุปกรณ์อื่น ๆ กลับบ้าน
ปัจจุบันพิธีกรรมนี้กำลังจางหายไป
|