www.dooasia.com >
เมืองไทยของเรา >
เมืองเก่าของไทย
เมืองเก่าของไทย
สถาปัตยกรรมดีเด่น
บ้านศิลาสุวรรณ
อยู่ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีน ตำบลท่าฉลอม อำเภอเมือง ฯ สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๕
เป็นเรือนทรงมะนิลา สร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง หน้าจั่ว ปั้นลม เชิงชาย ช่องลม
และระเบียงฉลุลวดลายงดงามวิจิตรแบบของยุโรปซึ่งนิยมกันแพร่หลาย ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
บ้านศิลาสุวรรณ เป็นบ้านสองชั้นออกมุขสามด้าน กว้าง ๒๘ เมตร ลึก ๑๖
เมตร ชั้นล่างเปิดโล่ง ชั้นบนมีบันไดขึ้นลงสองด้าน ด้านหน้าเป็นมุขยื่นออกมาพร้อมด้านหน้าของตัวบ้าน
แถวแรกเป็นห้องโถงกว้าง หลังห้องโถงเป็นห้องเรียงในระดับเดียวกันห้าห้อง ห้องกลางตรงกับมุขเป็นห้องพระ
และห้องเก็บอัฐิของตระกูลศิลาสุวรรณ แต่ละห้องมีชื่อคล้องจองกันคือ ห้องพลังชิดประทาน
ห้องอธิษฐานบารมี ห้องบุพการีญาณ ห้องวิมานคุณาวร และห้องพาสนองอุทัย ภายในห้องเป็นสถานที่เก็บวัตถุโบราณเครื่องลายคราม
เครื่องมุก มีเรือกลไฟจำลองที่ใช้เครื่องยนต์เป็นลำแรกของจังหวัดสมุทรสาครชื่อ
เรือสุดสาคร
อาคารสำนักงานที่ดิน (หลังเก่า)
อยู่ภายในบริเวณป้อมวิเชียรโชฎก ทางด้านทิศตะวันตก ตำบลมหาชัย อำเภอเมือง
ฯ สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๒ เป็นอาคารชั้นเดียวก่ออิฐถือปูน หลังคาทรงปั้นหยา
มุงด้วยกระเบื้องว่าว พื้นไม้สัก ยกพื้นสูง ๑ เมตร ใช้เป็นสำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรสาครมาถึงปี
พ.ศ.๒๕๓๑
บ้านชาวจีน
สมุทรสาครมีพื้นฐานการตั้งหลักแหล่งของชาวจีน โดยเฉพาะดินแดนริมทะเลที่พักอาศัยมีความใหญ่โตสวยงามตามศิลปะแบบจีน
และการแบ่งพื้นที่ใช้สอยตามวัฒนธรรมจีนคือ แบ่งออกเป็นสามส่วน
ส่วนหน้าเป็นห้องโถงว่างใช้เป็นที่รวมสมาชิกในบ้าน ตรงกลางจัดทำเป็นแท่นบูชาพร้อมมีเครื่องบูชา
ด้านหน้าแท่นบูชามีไม้แกะสลักเป็นรูปโค้งสวยงาม ทาสีทอง ลวดลายที่แกะสลักมักเกี่ยวกับธรรมชาติเช่น
ลายดอกไม้ ต้นไม้ นก ด้านบนมีป้ายดำติดตัวอักษรแกะสลักสีทอง ส่วนที่กั้นห้องเป็นกระดานเฟี้ยม
ปัจจุบันบ้านลักษณะดังกล่าวมีอยู่กระจายทั่วไปในบริเวณท่าฉลอม
รูปปั้นอนุสาวรีย์
พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ประดิษฐานอยู่ ณ วัดสุทธิวาตวราราม (วัดช่องลม) บริเวณด้านหน้าติดกับปากอ่าว
ในเขตตำบลท่าฉลอม อำเภอเมือง ฯ
พระบรมรูปมีขนาดเท่าครึ่งของพระองค์จริง หล่อด้วยสำริดสูง ๒.๖๐ เมตร ฉลองพระองค์ชุดราชปะแตนท์
พระหัตถ์ขวาทรงถือม้วนพระราชสานส์ พระหัตถ์ซ้ายทรงธารพระกร หันพระพักตร์สู่อ่าวไทย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเททองหล่อพระบรมรูป ณ วัดเบญจมบพิตร
เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๗ และเสด็จ ฯ มาเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๙
พระอนุสาวรีย์ พลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน
ประดิษฐาน ณ ค่ายกำแพงเพชรอัครโยธิน ตำบลสวนหลวง อำเภอกระทุ่มแบน เป็นที่ตั้งกองพันโรงเรียนทหารสื่อสาร
และกรมทหารสื่อสารที่ ๑ พระรูปหล่อด้วยสำริด ประทับยืน ฉลองพระองค์เครื่องแบบเต็มยศพลเอก
ขนาดเท่าครึ่งของพระองค์จริง พระหัตถ์ขวาถือพระมาลา พระหัตถ์ซ้ายกุมกระบี่
ทรงเสื้อคลุมครุยประทับยืน
พระองค์ทรงเป็นผู้สถาปนากิจการทหารสื่อสารขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งแรก เมื่อปี
พ.ศ.๒๔๖๗ และพัฒนาให้มีความเจริญก้าวหน้าเป็นคุณูปการแก่กองทัพ และประเทศชาติ
เหล่าทหารสื่อสารจึงเทิดพระเกียรติพระองค์ว่า ทรงเป็นพระบิดาของเหล่าทหารสื่อสาร
พระองค์ทรงตั้งเหล่าสื่อสาร โดยแยกออกมาจากเหล่าทหารช่าง เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๗
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์
พระอนุสาวรีย์และทรงเททองหล่อพระรูปเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๐ และเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิดพระอนุสาวรีย์
เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๒ และเปิดป้ายค่ายกำแพงเพชรอัครโยธินในคราวเดียวกัน
พระอนุสาวรีย์พระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์
ประดิษฐานอยู่ที่หน้าสำนักงานนิคมสหกรณ์โคกขาม ตำบลโคกขาม อำเภอเมือง ฯ ด้วยสำนึกในการที่ทรงเป็นผู้บุกเบิกริเริ่มงานสหกรณ์ขึ้นในประเทศไทย
เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๙
นิคมสหกรณ์โคกขาม จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๑ จัดสรรพื้นที่โครงการ ๑๕,๐๐๐
ไร่ แรกเริ่มสมาชิกส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนาเกลือ ต่อมาเปลี่ยนเป็นนากุ้ง
เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระกรุณาคุณที่ทรงก่อกำเนิดสหกรณ์จนพัฒนาแผ่ขยายไปทั่วประเทศ
ในปี พ.ศ.๒๕๓๗ นิคมสหกรณ์โคกขาม ได้ร่วมกันจัดสร้างพระอนุสาวรีย์ของพระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทยขึ้น
เป็นรูปหล่อขนาดเท่าพระองค์จริงประทับนั่งเก้าอี้
สิ่งสำคัญคู่บ้านคู่เมือง
พระพุทธนวราชบพิตร
เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้างเก้านิ้ว หล่อด้วยสำริดผสมผงศักดิ์สิทธิ์ต่าง
ๆ ฐานกลีบบัวหงายด้านหน้าบรรจุ
พระพิมพ์จิตรลดา
หรือ
พระกำลังแผ่นดิน
ซึ่งเป็นพระพิมพ์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรางสร้างขึ้นเพื่อพระทานแก่ข้าราชบริพาร
พระพุทธนวราชบพิตรนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้า ฯ พระราชทานให้นำไปประดิษฐาน
ณ จังหวัดต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักร เพื่อเป็นศิริมงคลแก่พุทธศาสนิกชนทั่วไป
และเป็นนิมิตรหมายแห่งความผูกพันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ระหว่างพระมหากษัตริย์กับพศกนิการของพระองค์ทั่วราชอาณาจักร
พระพุทธนวราชบพิตร ที่พระราชทานแก่จังหวัดสมุทรสาครมีผงธูปจากศาลพันท้ายนรสิงห์กับผงธูป
และดินจากศาลหลักเมืองจังหวัดสมุทรสาครรวมอยู่ด้วย
จังหวัดสมุทรสาครได้อัญเชิญพระพุทธนวราชบพิตรมาประดิษฐานไว้ ณ ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร
เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๔
ศาลหลักเมืองสมุทรสาคร
เดิมเมืองสมุทรสาครมีแต่ศาลเจ้าหลักเมือง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระราชทานนามว่า
ศาลเทพเจ้าจอมเมือง ตั้งอยู่บริเวณต้นศรีมหาโพธิ
ด้านหลังที่ว่าการอำเภอหลังเก่า ปัจจุบันไม่มีแล้ว
การสร้างศาลหลักเมืองสมุทรสาครแทนศาลเดิม เกิดเมื่อประมาณ ปี พ.ศ.๒๔๖๐ - ๒๔๖๑
โดยเจ้าเมืองสมุทรสาคร นายอำเภอเมือง ฯ และกำนันตำบลท่าฉลอม
ในปี พ.ศ.๒๕๒๔ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ร่วมกับข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน
และคณะสงฆ์ ต้องการให้จังหวัดสร้างศาลหลักเมืองขึ้น ได้สรรหาไม้มงคลมาทำเสาหลักเมือง
ได้ไม้ชัยพฤกษ์จากอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี และจากอำเภอน้ำโสมจังหวัดอุดรธานีโดยกองหัตถ์ศิลป์
กรมศิลปากร เป็นผู้ออกแบบและแกะสลักมีขนาดสูง ๒.๘๐ เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง
๐.๐๕ เมตร เสร็จแล้วผู้ว่าราชการจังหวัดได้นำขึ้นน้อมเกล้า ฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เพื่อทรงพระสุหร่าย ทรงเจิม เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๔ ณ พระตำหนักจิตรลดา ฯ ส่วนศาลหลักเมือง
กองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร ออกแบบ มีขนาดกว้าง ๓๐.๘๐ เมตร ยาว ๓๐.๘๐ เมตร สูง
๑๙.๐๐ เมตร ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๔ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
เป็นประธาน สร้างเสร็จเรียบร้อยเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๕ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ
ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาธินัดดามาตุ
เสด็จแทนพระองค์ทรงประกอบพิธีเปิดศาลหลักเมือง เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๖
ศิลปหัตถกรรมและงานช่าง
หัตถกรรมพื้นบ้าน
เป็นงานฝีมือที่ทำจากวัสดุต่าง ๆ ในท้องถิ่นมาประดิษฐ์อันแสดงถึงภูมิปัญญาเฉพาะตัว
หรือคล้ายคลึงกันในชุมชนใกล้เคียง หรือในภาคเดียวกัน เป็นงานที่จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในครัวเรือน
ใช้เวลาว่างจัดทำ เป็นงานฝีมือที่ถ่ายทอดกันมาแต่บรรพบุร อาจมำเป็นอาชีพเสริมหลังจากว่างจากอาชีพหลัก
-
การเย็บจาก
จังหวัดสมุทรสาคร สมบูรณ์ด้วยป่าชายเลนมีพืชพันธุ์ไม้ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้มากมาย
โดยเฉพาะจากต้นจาก
การนำจากมาใช้ประโยชน์โดยนำใบของต้นจาก ซึ่งมีลักษณะคล้ายใบมะพร้าวมาพับครึ่งกับไม้ไผ่
ยาวประมาณ ๑ เมตร ขนาดโตเท่าหัวแม่มือ แล้วตรึงด้วยหวายซึ่งขึ้นแซมกับไม้ในป่าชายเลน
ปัจจุบนใช้เชือกพลาสติกแทน ใช้เป็นวัสดุมุงหลังคา ทำฝาบ้านตั้งแต่สมัยโบราณมาจนถึงปัจจุบัน
บางครั้งนำมาสร้างสิ่งก่อสร้างชั่วครามในพระราชพิธีต่าง ๆ ณ ทุ่งพระเมรุ โดยสั่งจากเป็นจำนวนมากจากจังหวัดสมุทรสาคร
ขนส่งมาตามคลองมหาชัย ผ่านคลองสนามชัย คลองด่าน เข้าสู่กรุเทพ ฯ
ผู้ประกอบอาชีพเย็บจากส่วนใหญ่เป็น
ชาวมอญในเขตตำบลบ้านบ่อ
บางกระเจ้า บางสีคด เป็นการสร้างรายได้ในครอบครัว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงและเด็ก
การจำหน่ายจะจำหน่ายเป็นตับนับเป็นร้อยตับ
-
เบญจรงค์
การทำเครื่องเบญจรงค์ในจังหวัดสมุทรสาคร มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป
ทำกันในตำบลท่าเสา ตำบลดอนไก่ดี อำเภอกระทุ่มแบน โดยพัฒนามาจากโรงงานทำถ้วยชาม
คนงานส่วนหนึ่งหันมาประกอบอาชีพของตนเอง เป็นอุตสาหกรรมในครอบครัว
ปัจจุบันอุสาหกรรมในครัวเรือนประเภทเซรามิค ในเขตอำเภอกระทุ่มแบน มีประมาณ
๑๕๐ แห่ง มีผลิตภัณฑ์หลายประเภท เช่นลายคราม เบญจรงค์ และศิลาดล แต่คนทั่วไปนิยมเบญจรงค์มากกว่า
|