www.dooasia.com >
เมืองไทยของเรา >
เมืองเก่าของไทย
เมืองเก่าของไทย
โบราณสถานสำคัญ
มีทั้งวัดในพระพุทธศาสนา เทวสถาน วัง และสิ่งสาธารณูปโภค
- วัดในพระพุทธศาสนา
ได้แก่ วัดพระแก้ว วัดพระธาตุ วัดกะโลทัย วัดช้าง วัดสระแก้ว วัดพระนอน วัดพระสี่อริยาบถ
วัดฆ้องชัย วัดสิงห์ วัดกำแพงงาม วัดช้างรอบ วัดอาวาสใหญ่
- ศาลพระอิศวร
ตั้งอยู่ภายในกำแพงเมืองทางด้านทิศตะวันออก ด้านหน้าวัดพระธาตุ ฐานอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
กว้าง ๑๑ เมตร ยาว ๒๙ เมตร ก่อด้วยศิลาแลง เป็นแบบฐานหน้ากกระดานชั้นเดียวหันหน้าไปทางทิศตะวันออก
มีบันไดเล็ก ๆ ขึ้นไปบนฐานชั้นบน ข้างบนมีแท่นประดิษฐานเทวรูป เสาและเครื่องบนเป็นไม้
เคยเป็นที่ประดิษฐานเทวรูปพระอิศวรสำริดขนาดใหญ่ มีจารึกที่ฐานเทวรูปว่าเจ้าพระยาศรีธรรมาโศกราช
สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๐๕๓ มีเทวรูปพระนารายณ์และพระอุมา (หรือพระลักษมี) ประดิษฐานรวมอยู่ด้วย
ประติมากรรมเป็นศสิลปกรรมแบบสุโขทัย
- คลองส่งน้ำโบราณ
อยู่ทางด้านทิศเหนือของเมือง ชาวบ้านเรียกว่า คลองท่อทองแดง
รับน้ำจากแม่น้ำปิง ที่บริเวณใต้หนองปลิงไปจนถึงบริเวณเมืองบางงพาน ในเขตอำเภอพรานกระต่าย
จากการศึกษาภาพถ่ายทางอากาศพบว่า แนวคลองที่จะนำน้ำจากเมืองกำแพงเพชรไปเมืองบางพานมีอยู่เพียงแห่งเดียว
จึงสันนิษฐานว่า เป็นเส้นทางน้ำเส้นเดียวกับที่กล่าวไว้ในจารึกฐานพระอิศวร
เมืองกำแพงเพชรที่เรียกว่า ท่อปู่พระยาร่วง
ซึ่งสร้างตั้งแต่สมัยสุโขทัย
- ถนนพระร่วง
มีลักษณะเป็นคันดิน กว้างประมาณ ๔ - ๕ เมตร สูงประมาณ ๘ เมตร ชาวบ้านที่อาศัยในบริเวณคันดินนี้เชื่อกันว่าเป็นถนนโบราณ
จากเมืองกำแพงเพชรวถึงสุโขทัยไปถึงศรีสัชนาลัย ปัจจะบันแผงคันดินดังกล่าวเห็นได้เป็นหย่อม
ๆ และบางแห่งเป็นแนวยาวติดต่อกันจากเมืองกำแพงเพชร แนวถนนผ่านไปทางทิศตะวันออกของอำเภอพรานกระต่าย
จากนั้นโค้งตัดกับทางหลวงหมายเลข ๑๐๑ (กำแพงเพชร - สุโขทัย) และจากบริเวณโค้งทางแยกไปอำเภอลานกระบือ
แนวถนนพระร่วงจะทับกับทางหลวงไปจนถึงบ้านทุ่งเมืองแล้วเบนออกไปทางทิศตะวันออก
แล้ววกตัดกับทางหลวงหมายเลข ๑๐๑ อีกครั้งที่บริเวณสถานีพืชอาหารสัตว์ อำเภอคีรีมาศ
จังหวัดสุโขทัย และเข้าสู่เมืองสุโขทัยที่บริเวณมุมเมืองด้านทิศยตะวันตกเฉียงใต้
จากหนังสือเที่ยวเมืองพระร่วง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ ทรงพระราชนิพนธิ์ไว้ตอนหนึ่งว่า
" ..ถนนที่มาทางนี้ทำเป็นคันสูงเหนือพื้นทุ่งข้าว ราว ๒ ศอก ทางกว้างจะเพียงใดกำหนดเแน่ไม่ได้
เพราะทลายเสียมากแล้ว แต่เชื่อว่าอย่างไร ๆ ถนนคงไม่เกิน ๘ ศอก หรือ ๓ วา
.....ออกเดินจากบ่อชุมแสงตามถนนพระร่วงเรื่อยไป แลเห็นถนนได้ถนัดดี เพราะพูนเป็นคันขึ้นมาสูงพ้นพื้นดิน
ทั้งมีคูไปข้างถนน ทางด้านตะวันตกด้วย เข้าใจว่าคงได้ขุดดินจากคูนั้นเองขึ้นมาถมถนน...
บางแห่งซึ่งเป็นที่ลุ่มถนนได้พูนขึ้นไว้สูงมาก ช้างเดินไปข้าง ๆ สังเกตุว่าเกือบท่วมหลังช้าง....."
อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร
โบราณสถานทั้งในเขตเมืองกำแพงเพชรและเมืองนครชุม ทางราชการได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ
เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๘ ต่อมาได้ประกาศขึ้นทะเบียนกำหนดขอบเขตอีกครั้ง เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๑
โดยแบ่งกลุ่มโบราณสถานออกเป็นสี่กลุ่ม คือ
กลุ่มที่ ๑ บริเวณภายในเมืองกำแพง มีโบราณสถาน ๑๔ แห่ง พื้นที่ ๕๐๓
ไร่
กลุ่มที่ ๒ บริเวณอรัญญิกโบราณ ด้านทิศเหนือของกำแพงเมือง มีโบราณสถาน ๔๐
แห่ง พื้นที่ ๑,๖๐๐ ไร่
กลุ่มที่ ๓ บริเวณนอกเมืองด้านทิศตะวันออก มีโบราณสถาน ๑๕ แห่ง มีพื้นที่
๑๗ ไร่
กลุ่มที่ ๔ บริเวณทุ่งเศรษฐี ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำปิง (เมืองนครชุม)
มีโบราณสถาน ๑๒ แห่ง มีพื้นที่ ๓๑ ไร่
ทางราชการได้ดำเนินการฟื้นฟูปรับปรุงขุดแต่งและบูรณะโบราณสถานเมืองกำแพงเพชร
ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๘ พร้อมมกับเมืองสุโขทัย และศรีสัชนาลัย ให้ดำเนินการขุดแต่ง
ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๘ - ๒๕๑๒ รวม ๑๘ แห่ง คือ ศาลพระอิศวร วัดพระธาตุ วัดพระแก้ว
พระราชวัง (สระมน) ป้อมเพชร ป้อมเจ้าจันทร์ ป้อมเจ้าอินทร์ ป้อมมุมเมือง ป้อมวัดช้าง
ป้อมทุ่งเศรษฐี วัดพระนอน วัดพระสี่อริยาบถ วัดช้างรอบ วัดอาวาสใหญ่ วัดกะโลทัย
วัดซุ้มกอ วัดช้าง และวัดอาวาสน้อย การบูรณะได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาตลอดจนถึงปี
พ.ศ.๒๕๒๕ จึงได้บรรจุงานบูรณะปรับปรุงโบราณสถานเมืองกำแพงเพชร ไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบัที่ ๕ (พ.ศ.๒๕๒๕ - ๒๕๒๙) ใช้ชื่อโครงการว่า โครงการอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร
โดยเน้นการบูรณะปรับปรุงโบราณสถาน และก่อสร้สางระบบสาธารณูปโภค ในเขตภายในกำแพงเมืองและบริเวณอรัญญิก
วัตถุประสงค์สวำคัญคือ การป้องกันมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติมิให้สูญหายหรือเสื่อมคุณค่า
พัฒนาบริเวณโบราณสวถานและธรรมชาติโดยรอบให้เป็นอุทยานประวัติศาสตร์
กรมศิลปากร ได้อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรอย่างเป็นทางการ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๔
เขตภายในกำแพงเมือง
มีพื้นที่ ๕๐๓ ไร่ มีโบราณสถานสำคัญคือ วัดพระแก้ว วัดพระธาตุ เขตวังโบราณ
(สระมน) ศาลพระอิศวร กำแพงเมือง คูเมือง และป้อมประตูต่าง ๆ
เขตนอกกำแพงเมือง
หรือที่เรียกว่า เขตอรัญญิก มีพื้นที่ ๑,๖๑๑ ไร่ ตั้งอยู่บนเขาลูกรังขนาดย่อม
มีโบราณที่เป็นวัดขนาดใหญ่น้อย รวม ๔๐ แห่ง ที่สำคัญคือ วัดพระนอน วัดพระสี่อริยาบถ
วัดสิงห์ วัดฆ้องชัย วัดนาคเจ็ดเศสียร วัดกำแพงงาม วัดช้างรอบ และวัดอาวาสใหญ่
กลุ่มโบราณสถานเขตอรัญญิกของอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร นับเป็นเอกลักษณ์ของเมืองกำแพงเพชร
เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๔ คณะกรรมการมรดกโลกแห่งอนุสัญญาตุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติของโลก
ได้ประกาศในการประชุม ณ เมืองดาร์เทจ ประเทศตูนิเซีย ให้อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
- ศรีสัชนาลัย - กำแพงเพชร เป็นมรดกโลก เนื่องจากหลักฐานที่ปรากฎแสดงให้เห็นถึงผลงานอันล้ำเลิศทางสถาปัตยกรรมไทยยุคแรก
สิ่งสำคัญคู่บ้านคู่เมืองกำแพงเพชร
เทวรูปพระอิศวร
เป็นประติมากรรมสำริด สูง ๒๑๐ เซนติเมตร เดิมประดิษฐานอยู่ในเทวสวถานซึ่งเรียกว่า
ศาลพระอิศวร มีจารึกที่ฐานรอยบาท (จารึกหลักที่ ๑๓) มีความวส่า พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช
ประดิษฐานรูปพระอิศวรในเมืองกำแพงเพชร เมื่อ พ.ศ.๒๐๕๓ ลักษณะขององค์เทวรูปแสดงถึงการรับอิทธิพลศิลปะเขมรแบบบายน
พระแสงราชศัสตราประจำเมืองกำแพงเพชร
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานให้ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๙
พระยาวิเชียรปราการ ผู้ว่าราชการเมืองกำแพงเพชร รับพระราชทาน
ลักษณะของพระแสง ฯ เป็นพระแสงด้ามทอง ฝักทอง ยาว ๘๘.๕ เซนติเมตร ด้ามยาว ๓๙.๕
เซนติเมตร ฝักยาว ๔๙ เซนติเมตร ใบยาว ๔๕.๕ เซนติเมตร ใบกว้าง ๒.๔ เซนติเมตร
เดิมเป็นดาบประจำตระกูลเจ้าเมืองกำแพงเพชร ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพทุธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
พระราชทานแก่พระยากำแพงเพชร (นุช) เป็นบำเหน็จเมื่อครั้งไปราชการทัพ หลวงพิพิธอภัย
บุตรพระยากำแพงเพชร (อ้น) นำฝักดาบทองประจำตระกูลทูลเกล้า ฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระองค์ทรงรับและพระราชทานให้เป็นพระแสงราชศัสตราประจำแมืองกำแพงเพชร
ศาลหลักเมือง
ศาลหลักเมืองสันนิษฐานว่า สร้างสมัยพระมหาธรรมราชาที่ ๑ (ลิไท) ที่เคยปกครองดูแลเมืองกำแพงเพชร
ทำด้วยศิลาแลงรูปกลมยาวประมาณ ๒ เมตร ผังโผล่พ้นดินขึ้นมาประมาณหนึ่งเมตร
มีรูปเศียรเทพารักษ์อยู่บนยอดศิลาแลง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
หลังคาศาลได้พังลงมาทับเสาหลักเมือง และเถียงเทพารักษ์ หลังจากนั้นก็อยู่ในสภาพรกร้างมาเป็นเวลานาน
จนถึงปี พ.ศ.๒๔๗๒ รองอำมาตย์เอกหลวงมนตรีราช (หวาน) อัยการจังหวัดกำแพงเพชรได้ริเริ่มสร้างศาลหลักเมืองขึ้นใหม่เป็นศาลาทรงไทย
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๘ ได้มีผู้ลักตัดเศียรเทพารักษ์ไป หลวงปริวรรตวรวิจิตร
(จันทร เจริญชัย) ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชรได้ให้ทำขึ้นใหม่ด้วยดินจากยอดเขาสูงสุดของเขาหลวง
ดินใจกลางโบสถ์ ใจกลางเจดีย์เก่า ั้ทั้งในจังหวัดกำแพงเพชร สุโขทัย ศรีสัชนาลัย
พิษณุโลก และตาก
ในปี พ.ศ.๒๕๒๔ ได้มีการบูรณะปฎิสังขรณ์ศาลหลักเมืองโดยสร้างเป็นอาคารจตุรมุข
พร้อมเขตปริมณฑลเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
|