www.dooasia.com >
เมืองไทยของเรา >
เมืองเก่าของไทย
เมืองเก่าของไทย
ศิลปกรรมและงานช่าง
สถาปัตยกรรมที่อยู่อาศัย
ชุมชนเรือนไทยในเมืองกำแพงเพชร เป็นลักษณะหมู่บ้านริมน้ำ ตามรูปแบบการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์
บ้านที่ปลูกสร้างเป็นเรือนไม้ หันหลังให้แม่น้ำ หันหน้าเข้าหาทางเกวียน เป็นแถวยาวเลียบแม่น้ำปิง
ลักษณะชุมชนส่วนใหญ่เป็นเรือนพักอาศัยและเรือนค้าขายซึ่งตั้งตามแนวทางเกวียนที่ขนานกันสองสาย
ถนนสายนี้ได้รับการตั้งชื่อภายหลังว่า ถนนราชดำเนินและถนนเทศา
ลักษณะการก่อสร้างบ้านเรือนในอดีตมีรูปแบบที่ได้ปรับปรุงและดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ
สังคม วัฒนธรรม และช่างฝีมือของผู้คนในสมัยนั้น ลักษณะของอาคารแบ่งได้ดังนี้
เรือนทรงไทย
ได้แแบบมาจากเรือนทรงไทยภาคกลาง แต่มีส่วนประกอบของเรือนหลายอย่างที่ดัดแปลง
ไปตามสภาพความจำเป็น หรือความพร้อมในเรื่องของวัสดุ แรงงานและฝีมือช่าง เช่น
- ฝาบ้าน
เป็นฝาไม้กระดาน หนา ๐.๗๕ นิ้ว ตีตามตั้ง บังใบตลอดแนวเพื่อกันน้ำ แต่กรอบฝาทั้งแผงยังทำเป็นลักษณะสอบเข้าหากันเหมือนของภาคกลางเรียกว่า
ฝาสายบัว
และเป็นฝาสำเร็จรูปไม่ได้เป็นฝาลูกฟัก หรือฝาปะกน มีกรอบวัดโดยรอบด้วยไม้ขนาด
๑.๕ x ๕ นิ้ว เข้าเดือยกรอบไม้แน่นหนาเหมือนฝาปะกน มีหน้าต่างข้างสองบาน ฝังเดือยบนล่างเปิดเข้าด้านในเป็นบานคู่ไม้แผ่นเดียวตั้งบนธรณี
มีกรอบเช็ดหน้าสวยงาม มีลูกกรงเหล็กกันขโมย โดยฝังลงในกรอบแน่นหนา และมีกลอนกบป้องกันไม่ให้บานหน้าต่างเปิดเข้าได้
- โครงเรือน
เป็นลักษณะโครงเสากับคาน ซึ่งแบ่งผังเสาและสัดส่วนของบ้านเป็นสามช่วง กว้างช่วงละ
๓ เมตร ส่วนพาไลอยู่ด้านหน้าเรือนกว้าง ๓ เมตร ยาวสามช่วงเสา โดยทำช่วงเสาละ
๒ - ๓ เมตร มีบานเฟี้ยม ตามแนวยาว ด้านหน้าเรือน เพราะลักษณะเป็นเรือนค้าขายตามอาชีพเดิมของเจ้าของบ้าน
ระดับพื้นพาไลกับพื้นตัวเรือนเสมอกัน ไม่ได้แบ่งระดับ หลังบ้านมีนอกชานขนาด
๓ x ๖ เมตร ยาวกว่าตัวเรือน โดยเลียบข้างเรือนไปออกประตูด้านหน้าได้
ส่วนนี้อาจจะเป็นลักษณะเฉพาะของเรือนไทยในจังหวัดกำแพงเพชร หลังเรือนหันลงแม่น้ำมีบันไดลงท่าน้ำเรือนเป็นแบบใต้ถุนสูง
- โครงหลังคา
มีสัดส่วนคือ กว้างห้าส่วน ใบตั้งสูงสี่ส่วน ใกล้เคียงกับโครงหลังคาเรือนภาคกลางมีสภาพโค้งลาดสมสัดส่วน
หลังคามุงกระเบื้องดินเผาเกาะบนไม้ระแนงขนาด ๑ x ๒ นิ้ว วางทับบนกลอนขนาด
๑ x ๕ นิ้ว โค้งไปตามระดับแปลาน ขนาด ๒x๔ นิ้ว และแปหัวเสา ตัวเรือนไม่ฝ้าเพดานมาแต่เดิม
จึงมีการแต่งจันทันในช่วงกลางให้มีลวดลาย โดยใช้ไม้ขนาด ๒ x ๑๒ นิ้ว แนส่วนล่างและส่วนปลายเล็กลง
ที่ปลายสุด ๒ x ๘ นิ้ว วางทับบนขื่อที่วางเจาะนอนเข้าเดือย หัวเทียนเป็นเสากลมที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
๑๘ นิ้ว และเรียวที่ปลาย ๑๒ นิ้ว
- ปั้นลม
วางบนปลายแปหัวเสา และแปลานยอดเหลี่ยม
- อุดหน้าจั่ว
เป็นแบบลูกฟัก ยังคงสัดส่วนเดิม คือแบ่งเป็นแนวตั้ง ห้าส่วน และนอนสี่ส่วน
- เสาดั้ง
ยังคงเป็นแบบเดิมคือ ตั้งคร่อมอยู่บนรอด และตรงขึ้นไปรับอกไก่ เจาะลอดทะลุขื่อตัวริมขึ้นไป
ส่วนเหนือหลังขื่อแบบเรียบ ขนาด ๒ x ๘ นิ้ว เรียวขึ้นไปรับจันทันเอก
- ประตูห้องนอน
เป็นประตูบานไม้คู่เปิดเข้าด้านใน ตั้งอยู่บนธรณีประตูสูง ๑๕ เซนติเมตร การแบ่งส่วนห้องนอนยังคงอยู่ในมาตรฐานของบ้านไทยคือ
สัดส่วน ๑:๓ ของพื้นที่เรือนใหญ่
- ฝาประจัน
ตีตั้งเหมือนฝาภายนอก แต่ลดสัดส่วนให้มีช่องลมใต้ขื่อขนาด ๒๐ เซนติเมตร ยึดติดกับคอสองเพื่อความแข็งแรง
- พรึง
เป็นแผ่นไมที่มีไว้รองรับฝาผนังทั้งแผง โดยยึดติดกับเสาและราวอยู่บนรอด บางทีเรียก
รัดเอว เป็นการวางระดับผนังไปในตัว เวลายกฝาผนังขึ้นติดตั้ง การที่ทำเสาสอบเข้าหากันนั้น
นอกจากจะทำให้โครงสร้างอาคารมั่นคงแล้ว ยังทำให้การพิงฝาผนังทำได้ง่าย พรึงมีระดับเท่ากันโดยกรอบตัวเรือนสามด้าน
ที่มุมยึดติดกันโดยการเข้าเดือยหางเหยี่ยว แล้วตอกตะปูติดกับเสา
- เต้าราย
ใช้ไม้สักขนาด ๒ x ๖ นิ้ว ทำหน้าที่ยึดเชิงชายตามแนวราบ โดยเจาะเชิงชายสอดเดือยจากปลายเต้า
เต้ารายนี้ถ้าอยู่ที่มุมเรือนจะเรียกว่า เต้ารุม ซึ่งมองเห็นปลายอีกข้างหนึ่งในเรือน
โดยสอดทะลุออกนอกเสา และร้อยด้วยสลักไม้ด้านข้าง เพื่อยึดให้แน่นอีกครั้ง
- กันสาด
กันสาดด้านข้างที่ยื่นยาวออกจากตัวเรือน มีคันทวยหรือท้าวแขน ที่ยื่นออกไปรับท้องจันทันช่วงกลาง เพื่อช่วยรับน้ำหนักจากกันสาดลงที่เสา โดยทำพุกรองรับปลายคันทวย
ตอกด้วยตะปู
- พื้นเรือน
นิยมใช้ไม้ตะแบก หนา ๑.๒๕ นิ้ว หรือนิ้วสองหุน หน้ากว้าง ๑๐ - ๑๕ นิ้ว ไม้ตะแบกเป็นไม้ที่มีความหนาแน่นของเนื้อไม้สูง
มีผิวเป็นเงามัน มีความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ ไม่ดูดฝุ่น ทำความสะอาดง่าย ใช้ปูพื้นตามแนวยาวของตัวเรือนโดยวางบนรอด
ไม่มีตงรับ เหมือนเรือนไทยภาคกลาง การปูพื้นไม้ใช้วางเรียบตีชน ไม่มีการบังใบเข้าลิ้น
- เสาเรือน
ถากด้วยขวานให้กลมเรียวขึ้น ด้านบนเจาะรูด้วยสิ่ว และเหลาหัวเทียนที่ปลายเสา
ยาว ๖ นิ้ว เส้นผ่าศูนย์กลาง ๒ นิ้ว
- การวางตัวผังเรือน
เรือนชาวกำแพงเพชรได้รับลมเย็นสบายทั้งทางระเบียงหลังบ้าน และลมหนาวที่พัดเข้ามาทางหน้าบ้าน
ตลอดแนวริมฝั่งแม่น้ำปิง
ศิลปหัตถกรรมงานช่างฝีมือ
ผลิตภัณฑ์หินอ่อนอำเภอพรานกระต่าย เขาสว่างอารมณ์เป็นภูเขาหินปูน มีอายุประมาณ
๔๓๕ - ๓๔๕ ล้านปี เป็นหินอ่อนผลึกใหม่ หรือเรียกว่า หินอ่อนในแง่การค้า โดยทั่วไปมีชั้นหนา
สีขาว เทาอ่อน เทาแก่ปานกลาง ชั้นหินหนาประมาณ ๑๕๐ เมตร ใช้ทำเป็นผลิตภัณฑ์ในการก่อสร้างอาคารและใช้ประดิษฐ์เป็นหัตถกรรมหินอ่อน
งานหัตถกรรมหินอ่อน ได้นำเศษหินจากโรงงานหินอ่อนมาคัดเลือกและออกแบบทำเป็นวัสดุเครื่องใช้ต่าง
ๆ ให้เหมาะสม เช่น แจกัน เสาโชว์ โต๊ะ เก้าอี้ นาฬิกา และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ
ตามที่ต้องการ
ผ้ามัดหมี่ อำเภอลานกระบือ
การทอผ้ามัดหมี่เป็นการทอผ้าของชาวบ้านตำบลประชาสุขสันต์ ซึ่งส่วนมากอพยพมาจาก
จังหวัดขอนแก่นและมหาสารคาม ได้มาประกอบอาชีพทำไร่ทำนา เมื่อมีเวลาว่างจึงทอผ้าใช้กันเอง
เมื่อมีผู้สนใจมาซื้อจึงได้ทอขายเป็นรายได้เสริม มีทั้งผ้าพื้นและผ้าลาย
ลวดลายที่นิยมมีหลายลาย เช่น ดาวพระศุกร์ บายศรี ดอกไม้ แมงมุม โคมผ้าล้อม
ดอกแก้ว และนาคสน เป็นต้น การทอเริ่มตั้งแต่การเลี้ยงไหมโดยใช้ใบหม่อน
ได้รังไหมมาแล้วก็ดำเนินกรรมวิธีจนเป็นเส้นไหม ต่อมาได้ใช้วิธีซื้อเส้นไหมจากจังหวัดขอนแก่นมาใช้แทนการผลิตเอง
เบญจรงค์ ที่อำเภอทรายทองวัฒนา
เครื่องถ้วยเบญจรงค์เป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของไทย ที่มีความงามและทรงคุณค่ามาแต่อดีต
ได้ทำสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยอยุธยา แต่ความนิยมเริ่มมาแพร่หลายในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
เนื่องจากมีความต้องการใช้เครื่องถ้วยชามเคลือบเป็นจำนวนมาก
เครื่องถ้วยเบญจรงค์ใช้แม่สีหลักในการลงลวดลายห้าสีคือ สีดำ สีขาว สีเหลือง
สีแดง และสีเขียว (คราม) ในระยะแรกให้ช่างชาวจีนลงสีโดยเขียนลายลงไปให้
ต่อมาเมื่อความนิยมเพิ่มขึ้น ผู้ผลิตจึงต้องมาตั้งเตาและทำเครื่องถ้วยเบญจรงค์เอง
แต่ระยะหลังความนิยมเริ่มลดน้อยลงเพราะราคาแพงและหายาก
เครื่องเงิน อำเภอคลองลาน
หมู่บ้านชาวเขาในเขตอำเภอคลองลาน เป็นแหล่งผลิตเครื่องเงินที่มีชื่อเสียงมากทั้งด้าน
คุณภาพและฝีมือที่ประณีตสวยงาม มีคุณค่าทางศิลปะ
วิธีทำเครื่องเงิน ชาวเขาจะผลิตในสถานที่จำหน่าย ให้ผู้ซื้อได้เห็นวิธีการผลิตอย่างชัดเจน
โดยผลิตเครื่องใช้และเครื่องประดับที่ทำจากเงินทุกชนิด มีรูปแบบและลวดลายต่าง
ๆ เช่น กระเป๋า เข็มขัด สร้อยคอ สร้อยข้อมือ กำไล ต่างหู
|